29 กันยายน 2551 20:30 น.

ในองศาของดาวศุกร์

สะพั่งสะท้านไมภพ

ผมนั่งเหม่อมองออกไปยังลำธารน้ำกว้างที่แทบจะไม่เห็นฝั่งตรงกันข้าม เหล้าในแก้ว ฮันเดร็ดระคนโซดาน้าและน้ำแข็ง ในแก้วเริ่มมีสีออกจางๆ ผมจับแก้วด้วยนิ้วมือ แล้วค่อยๆเทวาบเข้าปาก โต๊ะอาหารในร้านอาหารแพริมเขื่อน ยังคงว่าง เยอะอยู่ แต่สักพักพอได้เวลาเที่ยง ลูกค้าก็ทะยอยเข้ามาจับจองโต๊ะริมน้ากันเพียบ ผมมองหน้าคู่สนทนาของผม เพื่อนกิน ซึ่งเป็นพี่ชายของภรรยา แล้วก็เริ่มแย่งกันคุยต่อไปด้วยความมึนเล็กน้อย 
   โก๊ะบอกว่า ยังไม่เมา หากเมาก็ต้องกลับบ้านไม่ได้
   ผมก็หัวเราะ ตอนนั้นไม่รู้ว่าขำอะไรนักหนา  แล้วก็คว้าช้อนตักต้มยำปลาคัง และเนื้อทีมีมันคล้ายๆปลาบึก ซู๊ดซ๊าดปากดีแท้ แล้วตามด้วยน้ำเมาหนึ่งกร๊วบ 
   และหันมาคุยต่อ ตั้งแต่เรื่อง ความลับบู๊ลิ้ม เรื่องเด็ก เรื่องผู้หญิง ซึ่งข้อแนะนำในตอนนั้น บอกกับโก๊ะว่า เนื่องจากโก๊ะก็อายุปูนนี้แล้ว ต้องมุ่งมั่นหน่อย และผู้หญิงต้องท้องเท่านั้นถึงจะแต่ง ถ้าท้องพร้อมกันก็แต่งพร้อมกันหมดเลย
   โก๊ะหัวเราะเคี๊ยก ๆ น้ำลายน้ำตาไหล แกชอบใจในคำแนะนำของเพื่อนกินที่เป็นน้องเขยอย่างผม
   ในระหว่างคุยสายตาของผมก็สอดส่ายไปตามโต๊ะต่างๆ ลอบชมความงามของสาวๆ แต่ก็ไม่พ้นไปจากเด็กเสริฟ บังเอิญผมก็จามติดต่อกันสองสามครั้ง ก็เลยถามเด็กเสริฟว่า มาเสริฟนี่อาบน้ำมาหรือเปล่า เด็กเสริฟหน้าตาวัยรุ่น เขียนอายชาโดว์แบบเน้นดำเป็นเส้น ทาปาก สวนกลับทันควัน ก็น้าละที่ไม่ได้อาบมา
   ผมก็หัวเราะเคี๊ยกๆแล้วก็คว้าแก้วสุรามากร๊วบแก้คอแห้ง
   ผมก็เริ่มเล่าต่อเรื่องการใช้ยาไวอากร้า สำหรับคนที่มีอายุวัยสะรุ่นอยู่แม้ผมเผ้าจะหงอกและบางมากแล้วก็ตาม
   โก๊ะเริ่มคุยบ้างเรื่องวิธีการใช้ยา
   เอ๊ะชักไม่ตรงกันแล้ว แต่อย่างไรก็ตามยังไม่เคยลองใช้
   โก๊ะทักขึ้นมาว่า ไม่น่าใช้บ่อยเดี๋ยวจะทำให้ปลุกไม่ตื่นฟื้นไม่มี
   เอาละครับการคุยเริ่มออกรสชาด แต่เดิมว่าดูท่าจะไม่ค่อยมัน แต่ทว่าเริ่มแล้ว ในตอนนั้นเองเด็กเสริฟมองไปที่เหล้าและชมหรือด่าก็ไม่รู้ว่า เก่งนะคะสองคนใกล้หมดกลมอยู่แล้ว
   ผมคว้าแก้วขึ้นมากร๊วบยาวๆอีกกร๊วบนึง
   ตอนนี้โก๊ะยกมือเรียกเด็กให้เอาผ้าเย็นมาสองผืน
   ตามสไตล์ครับ เมื่อผ้าเย็นมาก็แสดงว่า เราสองคนมาได้ครึ่งทางแล้วครับ
   และหากสั่งผ้าเย็นอีกเมื่อไหร่เป็นครั้งที่สองก็แสดงว่าเลิก
   ผมยังคงมองไปมองมา ชมสาวแก่แม่ม่าย บ้างก็เห็นเมียฝรั่งคุยเป็นภาษาไทย ฝรั่งก็พูดไทย 
   และเนื่องจากครั้งนี้โก๊ะเลี้ยงดังนั้นโก๊ะจึงสั่งกับแกล้มมาหลายอย่างทีเดียว 
   ผมและพี่ชายของเมียผม ไปกันได้ในเรื่องนี้แบบไม่น่าเชื่อ แต่ทว่าความจริงก็คือความจริง การเที่ยวของเราสองต่างก็พึ่งพาซึ่งกันและกันในที ต่างคนต่างได้รับประโยชน์ หรือต่างตอบแทน ดังนั้นจึงไปด้วยกันได้
   คราวหน้าจะขี่รถเครื่องเอาไปจอดไว้ แล้วนั่งรถต่อเข้าไปในตัวเมือง แล้วนั่งเสพสุราเคล้านารีอย่างให้มีความสุข ต่างคนต่างวาดภาพตามแนวทางของตนที่จินตนาการไปได้เรื่อยๆ แต่วันนี้เอาเพียงแค่นี้ละมั้ง
   ฝนเริ่มลงเม็ดนิดๆ
   ผมกับโก๊ะสั่งเช็ดบิล เอากับแกล้มที่เหลือใส่ถุง เอาเหล้าที่เหลือติดก้นขวดใส่ไปด้วย แล้วเราสองคนก็นั่งรถเครื่องกลับบ้าน แต่ในระหว่างทางนั้นเอง โก๊ะและผมก็แวะเติมเอ็มอีกคนละขวด ถึงจะมีแรงพอที่จะกลับบ้านได้
   เมื่อมาถึงบ้านโก๊ะ วงเล็บบ้านแม่ยาย ฝนก็ตกหนักซู่ๆพอดี ผมนอนบนเตียงหน้าบ้านหลับปุ๋ยด้วยความเมา ก็เพียงแค่นี้ก็แฮบปี้แล้ว แม้จะมีอิทธิพลของดาวศุกร์มารบกวนจิตใจแต่เพียงแค่นี้ก็พอกล้อมแกล้มไปได้แล้ว
   ผมหรี่ตามาดูสายฝนที่ตกอย่างบ้าระห่ำแล้วก็สูดลมหายใจเอาความสดชื่นของกลิ่นฝนเข้าปอดซะเต็มคราบแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาหลับพักผ่อนเอาแรง				
25 กันยายน 2551 17:33 น.

เจ็บปวดเหลือเกิน

สะพั่งสะท้านไมภพ

ผมมองดูคนอื่นเขาแล้วทำไมเขาช่างมีความสุขกันง่ายๆกันซะจริง
ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เดือดร้อนเรื่องการเงินกันเลยหรือนี่ ผมคิดและนึกไปถึงเรื่องยาวเรื่องการใช้เงินของข้าพเจ้า ก็น่าจะจริงตามที่เห็น
ดูเหมือนว่าการใช้ชีวิตทางเพศของคนอื่นจะทำท่าราบเรียบมีความสุขสมอารมณ์หมาย ผมคิดและนึกไปถึงเรื่องยาวระดับเรดเอ็กซ์ของผมที่ผ่านมา ก็น่าจะจริงตามที่เห็นอีกแล้ว
ดูเหมือนว่ายศคนอื่นเขาจะได้มากันง่ายๆไม่เห็นเดือดร้อน ผมคิดและนึกไปถึงการปฏิบัติงานของผมที่ได้ทุ่มเททุกอย่างเข้าห่ำหั่น นึกไปนึกมาก็จริงน่าจะออกมาแบบนี้แหละ
   ผมตั้งใจช่วยเหลือเพื่อนในการทำงานเพื่อตอบแทนความเมตตากรุณาของเขาที่ช่วยผมยามตกทุกข์ได้ยาก แต่ทว่า ความตั้งใจดังกล่าวกลับทำให้เจ้านายมีความใกล้ชิดสนิทสนมจนเพื่อนผมอิจฉา
   ความเครียดของผมทำท่าตั้งเค้ามาเหมือนกับลมพายุใต้ฝุ่นที่พัดเข้ามาทางทะเลจีนใต้ ผมนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่ทำงานและคิด
   ผมเห็นว่าเพื่อนผมได้ออกปากว่า ผมควรจะทำหน้าที่เลขานุการแทนตัวมันเนื่องจากนายรักผม และน่าจะทำได้ดีกว่า และนายคงจะเซ็นต์ลงนามในเรื่องต่างๆเป็นอย่างดี
   ผมมองดูหน้าตาของเพื่อนผม เห็นอารมณ์น้อยอกน้อยใจของเขา พร้อมกับกับความอิจฉาริษยา
   ผมถอนใจ ยังไงๆผมก็ไม่อยากได้ชื่อว่าเนรคุณเพื่อน ผมจึงมองหน้าเพื่อนผมและบอกเขาว่า ผมจะลาออก 
   ความตั้งใจของผม อย่างน้อยจะให้เพื่อนผมได้สู้ต่อไป โดยที่เจ้านายจะไม่มีตัวเลือกแบบผมอีกต่อไป
   ผมทำงานแบบไหน ผมทำงานแบบครับ แล้วไม่ต้องถามเหตุผล เพราะเหตุที่เชื่อและศรัทธาในตัวหัวหน้า ซึ่งผมคิดว่าผมเห็นในขณะที่คนอื่นไม่เห็น หรืออาจจะเป็นไปได้ว่าผมบ้าพอๆกับหัวหน้าผมก็ได้ 
   เจ็บปวดกับเพื่อน อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งครั้งนี้ผมยอมเจ็บและกับคุณธรรมน้ำมิตรในยอดยุทธจักร
   มีใครในโลกจะรู้หรือไม่นี่ว่า ชีวิตของการปฏิบัติราชการแบบตงฉินเนี่ยมันลำบากเลือดตาแทบกระเด็นอย่างไร 
   แต่แล้วก็นึกได้ว่า เป็นเพราะสวรรค์ลิขิต จึงย่อมเป็นสิ่งที่มิอาจหลีกเลี่ยง
   ผมยิ้มให้กับตนเอง และเกิดพลังขุมหนึ่งขึ้นมาทันที พลังแห่งการต่อสู้ ที่คิดไปว่า หากมันเรียบๆเกินไป ชีวิตของผมก็คงไม่มัน
   การบังคับพวงมาลัยของชีวิตของผม ฝ่าพยันอันตรายยิ่งกว่าเรื่องคลื่นนรก บางครั้งก็เหนื่อยและสนุก บางครั้งก็โดนกระทบกระเทียบเปรียบเปรยหาว่าบ้าและอยากดัง 
   ผมยิ้มและคิดในใจว่า เมื่อไหร่หนอที่ผมจะสามารถท่องพเนจรไปในแดนดินได้สักที เมื่อไหร่ภารกิจที่เหนื่อยหน่ายไร้สาระจะจบ และอายุเท่าใดจะได้ไปพเนจรสักที สักพัก เสียงแตรแป๊นๆมอเตอร์ไซค์ เขายื่นซองหลากสีให้หลายซองเลย แน่นอนแต่ละซองก็แต่ละธนาคารไม่ต้องเปิดดูก็รู้ว่าทวงหนี้ทุกซอง
   รู้สึกว่าในขณะนี้ความมันทั้งหลายตั้งแต่หนุ่มมา มันจะมาถ่ายเทผลให้กับผมในตอนนี้ซะแล้ว 
   ผมกลับหลังหันเข้าบ้าน 
   และตั้งหน้าตั้งตาปัมพ์เงินใช้หนี้ธนาคารต่อไป
   เมื่อภรรยามาถึง ผมได้จัดเตรียมข้าวปลาอาหารน้ำท่าไว้รอภรรยาผมเรียบร้อยแล้วและทานข้าวร่วมกัน ผมในฐานะพ่อบ้าน ก็มีหน้าที่ล้างจานต่อ ทิ้งขยะ และตื่นตอนเช้าขึ้นมาทำกับข้าวให้เมียและลูกกิน
   แม้ว่าชีวิตจะกลับตาลปัตร จากความเดิมเป็นนายคน ต้องมาทำงานรับใช้เยี่ยงนี้ แต่ความเจ็บปวดอย่างนี้ ก็ไม่ค่อยเจ็บเท่าไหร่เพราะเจ็บด้วยมีความสุขไปด้วย อย่างน้อยก็เป็นการชดใช้ ให้แก่ภรรยาที่ได้ดูเรามาอย่างลำบากลำบนและผมไม่เคยสนใจคิดมาก่อน มาถึงวันนี้แม้ว่ามันจะเจ็บปวดแต่ก็รักที่จะชอบความเจ็บปวดดังกล่าว
    เมื่อเรื่องเป็นดังนี้ บรรดากิ๊กทั้งหลายดั้งเดิมก็เริ่มลำบาก เนื่องจากผมทอดทิ้งห่างเหิน แต่อย่างไรก็ตามทุกกิ๊กรู้ดีว่า ผมเป็นคนอย่างไร
    เขาก็คงเจ็บปวดเหมือนกันที่เขาเจอผมช้าไปคนละนิดละหน่อย
    กิ๊กบางท่านก็เริ่มวางแผนระยาวเอาไว้เลยทีเดียว โดยการชวนผมไปทำบุญตักบาตรร่วมขันด้วยหวังว่าชาติหน้าจะได้ครองคู่กันเป็นเรื่องเป็นราวและอย่างจริงจัง
    ผมเป็นผู้ที่รู้ความจริงของกิ๊กทุกคน และแทบไม่อยากมองไปในอนาคตเลย ในปัจจุบันนี้ก็ปวดกระบาลหมดแรงกระเป๋าฉีกเละเทะอยู่แล้ว ชาติหน้าคงไม่หนีแบบเดิมๆอีกแน่				
24 กันยายน 2551 21:37 น.

ชัยชนะในรัก

สะพั่งสะท้านไมภพ

ผมนั่งดูหนังเรื่องจูมง เป็นภาคภาษาเกาหลีและบรรยายไทย อย่างน้อยในตอนหนึ่งที่ต้องมีน้ำตาไหลออกมาทั้งสองข้าง เมื่อได้พบเห็นความรักที่มีต่อกันระหว่างจูมง และกับคนอื่นๆรอบตัวของเขา
   หากเราต้องการจะเป็นใหญ่หรือสร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่ให้สำเร็จเราจะต้องมีพรรคเพือก 
   เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นเครื่องเก่า แสดงว่าไม่หัวหน้า ก็ลูกน้องโทรมา 
   อัลโหล พั่ง รับสายครับ
   ผมจะขอเรียนเชิญหัวหน้ามาร่วมงานเลี้ยงครับ
   ผมนิ่งไปราวสักสองสามวิ แล้วตอบกลับไปว่า ขออนุญาตคิดจนวินาทีสุดท้ายก่อนแล้วจะโทรไปให้คำตอบ
   ผมนึกถึงหนังเกาหลี ที่ตอนตัวละครมีปัญหา แล้วตัวนั้นจะต้องยืนมองไปทางวิวทิวทัศน์เพื่อคิดพิจารณา
   ผมก็ออกไปยืนนอกบ้าน แล้วคิดเช่นเดียวกัน การไปของผมจะนัดหญิงคนไหนดีมาร่วมงาน ส่วนหากถ้าต้องนอนก็ต้องอีกคนที่มีบ้าน คิดไม่ตกนอกจากนั้นแล้ว ในเส้นทางแสวงหาอำนาจ สำหรับผมมันจบลงแล้ว ผมก็นึกขำ ในกรณีนี้มีสองหนทางคือ ไปเพื่อรักษาน้ำใจลูกน้องให้มีความสัมพันธ์ต่อไป สองไปเพื่อสร้างบารมีแบบไร้สาระเผื่อไว้ในอนาคต แต่อย่างไรก็ตามก็ยังไม่อยากจะไปในพื้นที่เพราะว่าจากคราวที่แล้วโดนเขี้ยวมาหนึ่งดอกเจ็บยังไม่ลืม
   มันหน้าตานิ่งเฉยไม่มีอาการโกรธหรือแสดงความไม่พอใจให้เห็น แต่มันทำเจ็บปวดสาหัส ทำให้ชีวิตคนๆหนึ่งต้องมีการเปลี่ยนแปลง 
   ในงานเลี้ยง จะมีแบบในอินเตอร์เน็ตหรือเปล่าที่จะมีการมั่วโลกีย์ ในงานเลี้ยงหรือไม่ ผมคิดนอกเรื่องออกไป และในอนาคตทุกงานเลี้ยงจะต้องมีการมั่วแบบนี้จนเป็นธรรมดาไปหรือเปล่าก็ไม่รู้
   ในแง่ของศีลธรรมแล้ว ก็คงผิดเต็มๆ แต่ทว่าหากไม่มีอะไรเป็นเกณฑ์มันก็เป็นความสนุกท้าทายอีกแบบหนึ่งของชีวิต และมีชีวิตอยู่เพื่อเพียงแต่จะหาเงินและอำนาจเพื่อให้ได้ทำตามใจตนได้ เมื่อทุกคนต้องการแบบนี้ในใจ ก็ย่อมไม่ไกลนักที่จะโจ๋งครึ่มกันได้
   ก่อนวันเลี้ยงหนึ่งวัน ผมโทรไปหาลูกน้องและปฏิเสธการไปร่วมงานโดยอ้างว่า ไม่สะดวกหลายๆประการ แต่แล้วลูกน้องก็เปรยออกมาว่า จะขอเป็นทุนการศึกษา เพียงแค่นี้ ผมเข้าใจได้เลยว่าในแง่ของเขาซึ่งเป็นคณะกรรมการ เขาเพียงแค่คิดแต่จะหาทุนกับคนที่เคยรู้จักเท่านั้น 
   ความสนุกในยามค่ำคืน ฝ่ายหนึ่งก็บ้าพอที่จะคิดได้ว่า การแสดงหน้าตาการแต่งกายการพูดลีลาจะทำให้อีกฝ่ายหนึ่งหลงใหลจนให้ได้ตามที่อีกฝ่ายหนึ่งต้องการได้ และก็มีฝ่ายหนึ่งจริงๆที่อ่อนกว่าและเป็นผู้โดนเชือด
   อย่าแม้แต่ความรัก ที่อวดอ้างถึงกัน เพียงแค่หลอกฟันไปคราวๆเบื่อก็เลิก ซะมากกว่า ไม่อยากคิดเลยจริงๆ
   ในยามนี้ ผมมีคนรักเดินจูงมือกันกะว่าจะจูงกันเรื่อยๆไปจนถึงตอนแก่ แต่ทว่าสิ่งหนึ่งที่น่ากลัวแต่ผมไม่กลัวก็คือ เวรและกรรม
   ความบ้าของคน มีเหตุการณ์เกิดขึ้นได้แปลกๆอย่างไม่คาดคิดเรื่อยๆ ผมก็ไม่ได้หวังลมแล้งกับชีวิตนัก
   นี่เองพวกฝรั่งจึงคิดได้ที่จะกระทำทุกอย่างเพื่อความพึงพอใจตามความอยากอย่างไม่มีขอบเขตได้อย่างจริงใจ
   ผมหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผมเอง ทำไมเราไม่ลองบ้าง
   สิ่งที่ได้รับ ผมต้องเสียเงินมากเท่ากับจำนวนความอยากที่แปลกพิสดารของผม แต่สิ่งที่ผมได้รับมาแน่แน่ก็คือ กระแสของความไม่จริงใจที่ได้รับ
   ชีวิตเป็นสิ่งที่น่าศึกษา
   อารมณ์ของคนยากที่จะกดดันเนื่องจากเป็นเรื่องของธรรมชาติ
   ผู้ชนะรักคือผู้ที่หนีรัก หรือผู้ที่ตกเป็นทาสของความรักกระนั้นหรือ
   อายุจนปูนนี้ยังไม่จบอีก
   ผมนั่งคิดถึงคำว่า ปีศาจสุรา ที่โกวเล้งพร่ำไว้ในนิยายตกเหวรุ่งของเขา แต่เมื่อเราเจอเพียงแค่สาวอีสานรอรัก ก็แทบสะอื้นว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า
   เราแสวงหาอะไรกันแน่ จะใช่หรือไม่ว่า สิ่งที่เราแสวงหาคือ วิธีการระบายความใคร่ในรูปแบบต่างๆกัน แต่มักจะหาไม่เจอกันยังงี้หรือเปล่า
   คนย่อมท่องเที่ยวพเนจรกระทำอะไรๆ ที่ยากที่คนอื่นจะคิดออก 
   ผู้ที่ไม่เคยรู้ผลร้ายของรัก ก็ย่อมไม่รู้ดีว่าผลดีของรักมีอย่างไรเช่นกัน
   อยากมีรักเยอะๆ ก็กลายเป็นสิ่งไม่ดีอีก
   ผู้ชนะในเรื่องรักหน้าตาท่านจะเป็นคนอย่างใดหนา
   ...คงต้องคิดให้ออกกันต่อไป...				
23 กันยายน 2551 20:42 น.

แคมฟัก

สะพั่งสะท้านไมภพ

ผมเกิดยุค 1960 หรือยุคซิกตี้ ก็ได้รักษาลมหายใจของตนเองมาแล้วกว่าสี่สิบแปดปีและยังต้องรักษาลมหายใจเข้าออกให้มีไว้ต่อไปอย่างไม่คิดชีวิต 
   ควันกลุ่มหนึ่งลอยขึ้นจากรูจมูกและบางส่วนออกจากปากแต่ไม่มีอารมณ์ที่จะให้ออกมาเป็นรูปวงๆ ได้โดนลมพัดควันพิษลอยออกไปบางครั้งก็พัดพาไปด้านที่มีคน บ้างก็บ้าน มันยากนักที่จะทำใจ เปรียบเทียบด้วยระคนน้อยใจว่าทีรถพ่นควันกลับยังให้พ่นกันต่อไปอีกนาน 
   ในแวดวงสื่อต่างๆทั้งไร้สายมีสาย ย่อมสาดคลื่นออกไปใส่ผ่านหูตาคนเข้าไปตามเส้นประสาท แล้วผ่านกระบวนการทางไฟฟ้า ส่งสัญญาไปยังจุดประเมินผลในเรื่องต่างๆ
   ณ ที่ใดที่หนึ่งในโลก ไอ้เจ้าเซิฟเวอร์เครื่องหนึ่งมันก็เป็นเครื่องจักรทำเงินให้กับคนหนึ่งที่ทำธุรกิจ ส่วนสมาชิกในห้องล้วนแล้วแต่เข้าไปเพราะความต้องการ
   ผมอายุมากแล้ว ผมเข้าไปในแคมฟัก มองหน้าสาวแต่ละคน ไม่เคยเปิดมองหนุ่มๆเลย ก็เห็นว่า มันเป็นอีกโลกหนึ่งที่หากเข้าใจก็จะบ้ากันได้อย่างเต็มที่อีกโลกหนึ่ง
   ในโลกแห่งความเป็นจริง ผมอาจจะมีเมียมีลูก มีการงานอาชีพ อยู่แล้วก็ตาม แต่ในโลกแห่งไซเบลอ ย่อมคนละเรื่อง การจะกระทำการใด ก็เป็นไปตามความประสงค์ของคนใช้นั่นเอง
   เมื่อผมเลิกเล่นบางครั้ง อารมณ์ในการเล่นได้ออกมาแล่นเตลิดอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง เสริมด้วยพลังอำนาจของแต่ละบุคคล บ้างก็มีครบ บ้างก็มีแต่เงินอย่างเดียว และบ้างก็เต็มไปด้วยความสมบูรณ์ของความบ้า
   ผิดหรือที่จะมีแฟนในแคมฟัก เราอาจจะรักกัน เราอาจจะกอดกัน เราอาจจะประสมพันธ์กัน ผ่านทางสาย มันจะผิดไหมเนี่ย
   ในโลกใบนี้ มันมีหลายมาตรฐานมากเกินไป มาตรฐานของแต่ละท่านสำหรับคนที่เดินตามกติกา ย่อมถูกเขียนไว้ให้ว่าต้องปฏิบัติ แต่สำหรับอีกพวกหนึ่งมีไว้เพื่อแหกกฏ อันจะได้มาซึ่งความรวดเร็ว ความได้เปรียบ ความสะดวกกว่า และอื่นๆ จากคนอื่นๆแม้แต่เพียงสักเล็กน้อย แม้จะนำสักเล็กน้อย แม้จะได้เอาเปรียบสักเล็กน้อยแค่นี้ก็พอมีความสุขแล้ว
   ผมนั่งมองแคมฟัก และถามตนเองว่า ผมต้องการอะไร 
   เมื่อมีความสงบ ปลอดจากการโกรธ การอยาก การลุ่มหลง สักนิด ปัญญาก็เกิดมานิดหนึ่ง เพียงแต่ว่า มุมที่ต้องการใช้ หรือด้านที่ต้องการใช้มุมไหนต่างหาก 
   สะพั่งหัวเราะเมื่อเห็นเด็กสาวคนหนึ่งกระทำทางใบหน้า ท่าทาง และภาษาที่พิมพ์
   เมื่อเราเห็นความแปลก ทำท่าจะคิดไปทางอื่น
   ผมก็หัวเราะ ต้องย้อนมาดูตนเองก่อนว่า เราก็คงแปลกกว่าเขาแน่ ถึงเห็นความแปลกของคนอื่นได้
   ผมรักเธอครับ ในแคมฟัก ครับ 
   ปล.หากเมียในโลกจริงมาเจอเข้า คงจะไม่มีอาการเหมือนกับรู้ว่ามีเมียน้อยในโลกจริงนะครับ เพราะนี่เมียหลวงในโลกไซเบอร์
   ความดับเบิ้ลแสตนดาร์ดนี่เองที่ทำให้คนโง่ๆอย่างผมสับสน
   หนักใจนิดหนึ่งสำหรับรัฐมนตรีไอซีที
   แต่ความบ้าของคน โดยเฉพาะผม ยากที่จะให้คำอรรถาได้
   เจ้าสำนักเกิดขึ้นมากมายทุกวัน
   ผมขอแค่จ้องหน้าเธอทุกวัน
   แม้ว่าเธอจะไม่ยอมพิมพ์คุยกับผม คนผมน้อยและมีหงอกทั่วไปก็ตาม
   ผมย้อนนึกไปถึงอดีต ตอนที่ชอบไปรอแฟนที่ไม่ค่อยจะมาให้ตรงตามเวลานัด
   เจอกับความผิดหวังที่ผมนัดเธอแล้วเธอไม่ยอมมา
   เจอกันผมที่มีความพยายามที่ดันปราศจากความคิดสติปัญญาไตร่ตรองเหตุผลในเรื่องของความรัก
   และเริ่มเข้ารอยเดิมกับความงุนงงอันมีสาเหตุมาจากรัก
   ความรู้สึกเริ่มเข้ารูปรอยเดิมเหมือนสมัยวัยรุ่นอีกครั้งหนึ่ง
   ความมันมันเริ่มอีกครั้งหนึ่งแล้วครับ
   ...แคมฟัก....				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสะพั่งสะท้านไมภพ
Lovings  สะพั่งสะท้านไมภพ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสะพั่งสะท้านไมภพ
Lovings  สะพั่งสะท้านไมภพ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสะพั่งสะท้านไมภพ
Lovings  สะพั่งสะท้านไมภพ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงสะพั่งสะท้านไมภพ