23 มีนาคม 2548 16:16 น.

แผ่นดินมหาราช ( ตอนที่ 2 ) ค่ะ

สุชาดา โมรา

เจ้าหญิงรู้สึกตกใจมากเมื่อรู้ว่าชายคนนั้นคือเจ้าชายเทวธิราช  เจ้าหญิงยืนนิ่งจนเจ้าชายต้องเอื้อมมือไปจับมือของพระองค์เอาไว้และสวมแหวนให้  พิธีราชาภิเษกจึงเริ่มขึ้นตามพิธีการของแคว้นราชันย์อุไร
เสียงแตรดังประโคมกึกก้อง  เครื่องดนตรีหลายชนิดบรรเลงดังรัวราวกับตอบรับความยินดีที่กำลังจะเกิดขึ้น  เจ้าชายจูงมือเจ้าหญิงออกไปเต้นรำกลางท้องพระโรงซึ่งจัดไว้เป็นลานเฉลิมฉลอง  
เจ้ารู้ไหมว่าพี่รอเจ้ามานานแสนนาน
รอเหรอเพคะหม่อมฉันคิดว่าเจ้าพ่อส่งหม่อมฉันมากระทันหันเสียอีก  เหตุใดจึงทรงบอกว่ารอหม่อมฉันหรือเพคะ!!!
พี่จำได้ว่าพี่เคยพบเจ้าเมื่อเจ้ายังเล็กนัก  ที่วังแห่งนี้
เหรอเพคะหม่อมฉันคิดว่าหม่อมฉันไม่เคยมานะเพคะ
เจ้าเคยมาเจ้าหญิงมินทรา  พี่จำได้ดีว่าเจ้าวิ่งเล่นในสวนดอกไม้  ขณะนั้นเจ้ายังเล็กนักคงจำความอะไรไม่ได้มากเพราะเราก็อายุห่างกันถึงสิบปีไม่ใช่หรือ
เพคะหม่อมฉันเริ่มรู้สึกว่าคับคล้ายคับคลาว่าเคยเล่นกับเด็กผู้ชายคนหนึ่ง  แต่หม่อมฉันจำไม่ได้ว่าใครเพคะ  เพียงแต่เด็กผู้ชายคนนั้นเขาได้มอบของไว้ให้หม่อมฉันอย่างหนึ่งเพคะ
ใช่พี่ให้สิ่งนี้กับเจ้า
เจ้าชายถอดแหวนมุกสีดำที่คล้องอยู่ที่คอออกมาทันที  จากนั้นจึงยื่นให้เจ้าหญิงดูขณะที่ผู้คนในงานต่างเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน  เจ้าหญิงแสดงท่าทางดีใจจากนั้นจึงถอดแหวนออกมาจากนิ้วก้อยยื่นไปเทียบกับแหวนวงนั้นทันที
เป็นแหวนวงเดียวกันเพคะหม่อมฉันจำได้แล้วเพคะหม่อมฉันจำได้ว่าตอนนั้นหม่อมฉันสวมแหวนวงนี้ไม่ได้  น่าขำอยู่เหมือนกันนะเพคะที่จู่ ๆ เราต้องกลับมาเจอกันอีก
เจ้าชายกอดเจ้าหญิงไว้ไม่ยอมให้ห่างกายไปไหน  พระเจ้าปฐมเทพรู้สึกว่าเจ้าชายมีใจให้กับเจ้าหญิงก็ดีใจเพราะทั้งสองเมืองจะได้มีความสัมพันธ์กันแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น  แต่พระองค์ก็หาทราบการต่อไปที่จะเกิดขึ้นตามมาหลังจากความไว้เนื้อเชื่อใจของพระองค์ที่มีต่อเมืองกัญจาศรี
เจ้าชายทำพิธีเปิดผ้าคลุมหน้าตามประเพณีของเมืองกัญจาศรี  จากนั้นเจ้าหญิงจึงคุกเข่าลงและปลดผมออกมาลูบที่เท้าของเจ้าชายเพื่อแสดงความจงรักภักดีอย่างชาวกัญจาศรี  สร้างความประทับใจให้กับเชื้อพระวงศ์และข้าราชบริพาลที่มาร่วมเฉลิมฉลองในงานยิ่งนัก  เจ้าชายจึงเริ่มทำพิธีอย่างชาวแคว้นราชันย์อุไรที่แสดงความรักต่อเจ้าสาวโดยการจูบที่ฝ่ามือเบา ๆ และกอดเจ้าหญิงเอาไว้  จากนั้นจึงพาเจ้าหญิงเดินลอดซุ้มกระบี่นับพันเล่มและอุ้มเจ้าหญิงเข้าเรือนหอทันที
ทั้งสองพระองค์เปลี่ยนเครื่องทรงเจ้าหญิงนั่งลงที่เตียงด้วยท่าทางเขินอาย  เจ้าชายนอนราบบนเตียงอย่างสบายอารมณ์  จากนั้นจึงเอื้อมมือมาคว้าตัวเจ้าหญิงให้มานอนเคียงข้างกายไม่ยอมให้ห่างไปไหน
เจ้ารู้ไหมว่าแต่ก่อนแคว้นเก้าแคว้นที่มีอยู่นี้มาจากแคว้นอุไรเพียงแคว้นเดียวพวกเราทุกแคว้นเป็นพี่น้องกันและหนีตายตอนที่เกิดมหันตภัยครั้งร้ายแรงที่สุด  จากนั้นก็มาแยกดินแดนและตั้งรกรากเป็นอาณาจักรที่เกรียงไกร
หม่อมฉันก็พอจะทราบเหมือนกันเพคะ  แต่หม่อมฉันไม่รู้รายละเอียดอะไรมากมายนอกจากคำจารึกและภาพบนผนังที่บ่งบอกถึงอารายธรรมที่เคยมีมา  พร้อมทั้งภาพมหันตภัยที่เตือนชาวโลกอย่างเราให้ตระหนักและระวังภัยเท่านั้นเองเพคะ
ใช่เมืองอุไรหนึ่งเดียวในพิภพนี้ได้จมหายไปกับภัยธรรมชาติที่เราไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้  เมืองของพี่เป็นเมืองของพระโอรสองค์โตจึงใช้ชื่อเมืองตามชื่อของกษัตริย์และคงชื่อเมืองเก่าไว้ด้วย
เจ้าชายนอนเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้เจ้าหญิงฟังจนกระทั่งเผลอหลับไปทั้งคู่  ทั้งสองพระองค์ดูมีความสุขมากจนเจ้าหญิงได้ลืมคำสั่งของพระเจ้าเมียงเตะผู้เป็นบิดาไปเสียสนิท
เจ้าหญิงตื่นบรรทมแต่เช้า  เมื่อมองไปข้าง ๆ ก็ไม่เห็นเจ้าชายจึงรีบลุกขึ้นและออกไปตามหาแต่เช้าเจ้าหญิงเปิดประตูห้องทันที
เจ้าหญิงมังคะเปลี่ยนเครื่องทรงเถอะมังคะ
ตุงจีคนสนิทรีบเข้ามาเก็บห้องและเปลี่ยนเครื่องทรงให้เจ้าหญิง  ชุดที่เจ้าหญิงใส่ยังคงเป็นชุดของชาวกัญจาศรีแต่พระองค์ไม่เอาผ้ามาคลุมหน้าเหมือนอย่างเคยตุงจีรีบนำกำไลข้อเท้ามาสวมให้เจ้าหญิงเพื่อแสดงว่าเจ้าหญิงได้อภิเษกไปแล้ว
ทำอะไรกันอยู่เหรอ
เจ้าชายเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับดอกไม้ช่อใหญ่ยื่นให้เจ้าหญิงทันที  ตุงจีรีบถอนสายบัวเพื่อเป็นการแสดงความเคารพและรีบออกไปจากห้องทันทีเจ้าชายนำชุดของเจ้าหญิงที่อยู่ในตู้ออกมายื่นให้  จากนั้นจึงหวีผมให้กับเจ้าหญิง
พระองค์ตื่นบรรทมตั้งแต่เมื่อไรเพคะ
พี่ตื่นมาตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นแล้วก็รีบไปเก็บดอกไม้ที่หน้าผาใหญ่มาให้เจ้า
ไม่เห็นต้องไปไกลขนาดนั้นเลยเพคะ
ไม่มีดอกไม้ที่ไหนจะสวยเท่าที่นั่นอีกแล้ว
ขอบพระทัยเพคะ
เจ้าหญิงเอามือของเจ้าชายมาแนบไว้ที่ข้างแก้มแล้วก็หลับตาพริ้ม  เจ้าชายรู้สึกอบอุ่นและมีความสุขมากที่ได้มีเจ้าหญิงมาอยู่เคียงข้าง
ในเมื่อเป็นคนของพี่แล้วเจ้าก็ต้องใส่ชุดของคนที่นี่  พี่อยากให้เจ้าลองสวมชุดนี้ดูเพราะพี่เป็นคนไปเลือกมาให้เจ้าโดยเฉพาะเลย
เจ้าหญิงสวมใส่ชุดของชาวแคว้นราชันย์อุไร  ความงดงามของเจ้าหญิงกับชุดที่สวมใส่นั้นดูเข้ากันเหลือเกิน  ผมยาวสยายสีดำเป็นเงา  ผิวกายดูขาวและดูสง่างามยิ่งนัก  ใบหน้าสวยราวกับเทพธิดาผิวเนื้อละเอียดขาวอมชมพู  ทำให้เจ้าชายรู้สึกตะลึงเมื่อเจ้าหญิงเดินออกมาจากห้องแต่งตัว
เจ้าชายพาเจ้าหญิงไปร่วมโต๊ะเสวย  และจัดแจงให้ราชองครักษ์นำข้าวของในห้องรับรองแขกบ้านแขกเมืองมาเก็บไว้ในห้องส่วนพระองค์ที่ตำหนักขาว  และสั่งให้มีการปลูกดอกไม้หลากหลายชนิทไว้ในอุทยานเพื่อให้เจ้าหญิงได้รู้สึกสดชื่นเพราะพระองค์ทราบว่าเจ้าหญิงชอบดอกไม้ตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว
.
เจ้าหญิงรัตนมณีเสด็จออกเที่ยวป่าด้วยม้าส่วนพระองค์เพราะพระองค์ทรงชอบการขี่ม้าเป็นชีวิตจิตใจ  เจ้าหญิงแอบไปเพียงลำพังเพราะไม่อยากให้ใครมาเห็น  อีกอย่างพระนางจรัสรัตน์ก็ไม่ทรงโปรดให้ราชธิดาออกไปเที่ยวเล่นนอกเขตพระราชฐาน  ด้วยความซุกซนเจ้าหญิงจึงผูกม้าไว้กับต้นไม้และรีบเปลี่ยนชุดเป็นผู้ชายเพื่อไม่ให้ใครจำได้  จากนั้นก็มานั่งเล่นน้ำที่ริมฝั่งทะเลสาบ
ไงไอ้น้องแต่งตัวสวยนี่คงจะรวยน่าดูเลยสิใช่ไหมพวกเรา!!!
ชายคนหนึ่งแต่งตัวแปลก ๆ พูดเสียงดังขึ้น  เมื่อเจ้าหญิงรัตนมณีหันกลับไปมองก็ตกใจมากเมื่อพบผู้ชายร่างใหญ่ถึงสามคนแต่งกายมอซอ  ท่าทางไม่น่าไว้วางใจตรงเข้ามาจะทำร้ายเจ้าหญิงเจ้าหญิงตะโกนร้องให้คนช่วยแต่ชายสามคนนั้นหัวเราะระรื่นราวกับเป็นเรื่องตลก
ผู้ชายอะไรวะ!!! ร้องว๊าย!
ใช่ลูกพี่นี่ไอ้น้องเป็นพวกลักเพศหรือเปล่า
เจ้าหญิงไม่ยอมฟังเสียงพวกนั้น  รีบวิ่งหนีและร้องตะโกนให้คนช่วยทันที  ชายทั้งสามวิ่งตามทันทีเจ้าหญิงสะดุดขาตัวเองล้มลงกับพื้น  ชายคนหนึ่งเดินมาดักทางด้านหน้า  ส่วนอีกสองคนตรงรี่เข้ามาจนถึงตัวเจ้าหญิง
อย่านะช่วยด้วย
ไม่มีใครช่วยหรอกที่นี่เป็นป่าอาถรรพ์ใครจะกล้าเข้ามา  ก็มีแต่เจ้านั่นแหละที่เข้ามาให้ข้าปล้น
ชายคนหนึ่งพูดขึ้นและก็ส่งเสียงหัวเราะระรื่น  ชายอีกสองคนจึงหัวเราะตามทำให้เจ้าหญิงรู้สึกหน้าเสีย  ใบหน้าซีดเผือดทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียวชายคนหนึ่งฉุดเจ้าหญิงให้ลุกขึ้นและเริ่มเข้าไปค้นตัวทันที  แต่เจ้าหญิงขัดขืนดิ้นรนหนีอย่างสุดชีวิต  เมื่อวิ่งหนีไม่พ้นจึงหันกลับมาสู้  เจ้าหญิงทั้งเตะและต่อยชายทั้งสามคนนั้นที่เข้ามาประชิดตัวจนกระทั่งผ้าคลุมผมหลุด  ทำให้ผมสยายยาวออกมา
ผู้หญิงสวยซะด้วย!!!!
ชายคนหนึ่งพูดขึ้นและก็หัวเราะพร้อมกับแสดงท่าทีว่าจะเข้ามาลวนลามขณะนั้นมีชายคนหนึ่งซึ่งเป็นราชองครักษ์กำลังนอนเล่นอยู่บนโขดหินอย่างเพลิดเพลินเนื่องจากเขาออกเวรแล้ว  เมื่อเขาได้ยินเสียงใครคนหนึ่งร้องให้ช่วยเขาก็รีบวิ่งมาทันทีเขาแอบดูอยู่ครู่หนึ่งเมื่อเห็นว่าชายคนนั้นเป็นผู้หญิงแน่เขาจึงรีบเข้าไปช่วยอย่างไม่รอช้า
หยุดนะ!!!!
ราชองครักษ์คนนั้นจับกระบี่แน่นและจ่อไปที่คอหอยของชายคนหนึ่งทันทีทำให้ชายคนนั้นถึงกับขาสั่นรัวไม่กล้าขยับเขยื่อน
รีบไสหัวไปซะก่อนที่ข้าจะตัดหัวเจ้า
ชายสามคนนั้นรีบวิ่งหนีไป  เจ้าหญิงแสดงความขอบคุณราชองครักษ์คนนั้นทันทีราชองค์รักษ์คนนั้นจำได้ว่าผู้หญิงที่เห็นตรงหน้านั้นคือเจ้าหญิงราชนิกูลอันดับต้นของแคว้นราชันย์อุไร  จึงรีบคุกเข่าลงและยื่นมือขวามาประสานที่หน้าอกเพื่อแสดงความเคารพทันที
เจ้าจำเราได้เหรอ
พะย่ะค่ะ
เจ้าชื่อเรียงเสียงใดกันเราจะได้ปูนบำเหน็ดให้
ข้าบาทหาได้อยากได้ยศศักดิ์ไม่หากแต่ข้าบาทเพียงแต่จะปกป้องผู้หญิงไม่ให้ถูกใครรังแกเท่านั้นพะย่ะค่ะ
เราถามว่าเจ้าชื่ออะไร
กระหม่อมราเชนพระย่ะค่ะ
อยู่กับเราก็คิดว่าเราเป็นเพื่อนเจ้าละกันลุกขึ้นเถอะ
กระหม่อมมิอาจเอื้อมพระย่ะค่ะ
นี่เป็นคำสั่งของเราเจ้าจะกล้าขัดหรือ!!!!
เจ้าหญิงพูดเสียงดังทำให้ราเชนราชองครักษ์หนุ่มถึงกับสะดุ้งสุดตัวทีเดียว  เจ้าหญิงแอบอมยิ้มที่มุมปากแล้วก็ตบไหล่ราเชนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นเดินพาเจ้าหญิงไปชมดอกไม้ที่อยู่ตรงหน้าผา  ดอกไม้ที่นี่ค่อนข้าจะเป็นดอกไม้ที่แห้งแล้ง  มีใบสีทองราวกับรวงข้าวแต่ความงามของดอกนั้นงดงามยิ่งนัก  มีสีม่วงงดงามเป็นอย่างมาก  เจ้าหญิงรู้สึกพอพระทัยที่ได้เห็นทุ่งดอกไม้บนเนินผามากมายขนาดนี้
กระหม่อมจะขึ้นไปเก็บให้พะย่ะค่ะ
ไม่ต้องหรอกราเชนปล่อยให้ดอกไม้มันสวยอยู่อย่างนั้นเถอะ
ราเชนไม่ฟังที่เจ้าหญิงพูด  เขารีบปีนขึ้นไปบนหน้าผาทันที  ทางนั้นสูงชันจนราเชนเกือบพลาดตกลงมาหลายครั้ง  เขาเก็บดอกไม้ได้กำหนึ่งและก็คาบไว้ที่ปากดอกไม้ที่ราเชนเก็บนั้นเขาได้คัดเลือกเป็นอย่างดี  เขาเลือกดอกที่ทั้งใหญ่และสวยเพื่อนำมาถวายให้กับเจ้าหญิงทั้ง ๆ ที่ดอกอื่นมากมายแต่เขาก็ไม่ยอมเก็บและแล้วเขาก็เหยียบไปที่ก้อนหินก้อนหนึ่งและพลัดตกลงมาทันที  แต่ดีที่เขาเกาะรากไม้ที่โผล่ออกมาตรงนั้นได้เจ้าหญิงรู้สึกตกใจมากรีบวิ่งเข้าไปใกล้ ๆ หน้าผานั้นทันที  เขาค่อย ๆ ไต่ลงมาอย่างระมัดระวังและนำดอกไม้นั้นยื่นถวายให้กับเจ้าหญิง
ขอบใจนะเป็นอะไรหรือเปล่า
ไม่เป็นอะไรพะย่ะค่ะ
เจ้าหญิงเห็นที่แขนเสื้อของราเชนขาด  บาดแผลถลอก  มีเลือดไหลออกมาซึมที่แขนเสื้อ  เจ้าหญิงจึงคว้าแขนของเขาและฉีกแขนเสื้อที่ขาดวิ่นของเขาออกเพื่อล้างแผลด้วยน้ำสะอาดที่พกติดตัวอยู่ตลอดเวลา  เจ้าหญิงฉีกชายเสื้อของพระองค์เองและนำมาพันแผลให้กับราเชน  ราเชนรู้สึกตื้นตันใจเป็นอย่างมากรีบคุกเข่าแสดงความเคารพและขอบคุณทันที
ไม่เป็นไรหรอกก็เรามันเพื่อนกันไม่ใช่เหรอเพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อนสิ
2..
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ  ในอีกหลายเดือน				
23 มีนาคม 2548 16:13 น.

ปางอดีต ( ตอนที่ 7 ) ค่ะ

สุชาดา โมรา

เจ้าคุณย่าเจ้าคะ  หลานลาแล้วเจ้าค่ะ  อีกสองปักษ์หลานจะกลับนะเจ้าคะ
แม่หญิงน้ำผึ้งแก้วลาเจ้าคุณย่าก่อนที่จะลงเรือเรือลอยลำไปไกลมาก  หล่อนมองเห็นบ้านเรือนและผู้คนมากมายที่กำลังพายเรือเพื่อไปจับจ่ายซื้อของแต่เช้าตรู่  เมื่อแสงอาทิตย์เริ่มสาดส่องท้องน้ำก็ค่อย ๆ มองเห็นได้ชัดขึ้น  หล่อนมองเห็นมือใครคนหนึ่งที่โผล่ออกมาจากใต้น้ำอยู่หลายครั้งหล่อนจึงพยายามจ้องมองมือของใครคนนั้นด้วยความรู้สึกหวั่นใจ
พี่เอี้ยง  ฉันว่ามันคงมีอะไรไม่ชอบมาพากลเสียแล้วละ
อะไรรึเจ้าคะแม่หญิง
เดี๋ยวนะขอฉันเถอะ
แม่หญิงน้ำผึ้งแก้วคว้ามีดปลอกหมากของเอี้ยงพี่เลี้ยงคนสนิทมาถือเอาไว้แน่น  ประจวบเหมาะกับตอนที่หล่อนเล็งเห็นว่ามือของใครคนหนึ่งพยายามเกาะเรือเพื่อให้เรือล่มนั้นหล่อนจึงเอามีดเฉือนไปที่มือของใครคนนั้นทันที  ทำให้บาดแผลลึกมาก  เลือดไหลอาบลงผืนน้ำเต็มไปหมด  แต่เจ้าของมือคู่นั้นก็หารู้ไม่ว่ามือของเขาบาดเจ็บ  เขากลับโครงเรือจนล่มลงในที่สุด  
ช่วยด้วยเจ้าค่ะ.แม่หญิงตกน้ำ.ช่วยด้วยบ่าวว่ายน้ำไม่เป็นเจ้าค่ะ.!!!!!!!
เสียงตะโกนโหวกเหวกของพี่เอี้ยงดังลั่นพร้อมกับทิ้งร่างดิ่งลงไปในน้ำและทะลึ่งขึ้นมาอยู่หลายครั้ง  มือของใครบางคนพยายามกอดรัดตัวแม่หญิงและบ่าว
ตูม!!!!  เสียงของใครคนหนึ่งกระโดดลงน้ำจนแตกกระเซ็นเป็นฟอง  
จ๋อมจ๋อมจ๋อม  เขาว่ายน้ำมากอดตัวแม่หญิงไว้และพาขึ้นฝั่งทันที  ส่วนพี่เอี้ยงบ่าวของแม่หญิงนั้นมีคนมาช่วยไว้ทันจึงขึ้นจากน้ำได้โดยปลอดภัย
คุณหลวง!!!!
แม่หญิงโผกอดคุณหลวงบดินทร์นฤบาลทันที  หล่อนไม่รู้สึกเลยว่าจะละอายกับสิ่งที่กระทำลงไปเพราะหล่อนรู้สึกว่าหล่อนเองมิใช่คนโบราณอย่างร้อยเปอร์เซ็นต์  อย่างน้อย ๆ จิตใต้สำนึกของคนในโลกปัจจุบันที่ยังคงฝืนตัวเองได้ก็แสดงออกมาได้เป็นบางครั้งบางคราว  หล่อนรู้สึกตัวว่าหล่อนรักพี่เอกในคราบคุณหลวงอย่างชู้สาว  มิใช่อย่างอาหลานเสียแล้ว  เพราะหล่อนได้ก้าวกลับมาในอดีตหล่อนจึงได้รู้ว่าตนเองเคยชอบพอกับคุณหลวงอยู่  หล่อนจึงกล้าที่จะกอดเขา
ปล่อยเถอะเจ้า  อายเขา
คุณหลวงบดินทร์นฤบาลเอ่ยขึ้น  น้ำผึ้งแก้วจึงละมือออกพร้อมทั้งแสดงอาการขวยเขิน
กลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะเจ้า
จับได้ไหมเจ้าคะ
คนล่มเรือน่ะรึ!!!
เจ้าค่ะ
ไม่ได้ดอกเจ้าแต่อย่างน้อย ๆ ก็คงจะได้บทเรียนไปอีกนาน  เพราะพี่เห็นเจ้านั่นมีแผลที่มือข้างขวาลึกขนาดนั้น
อิฉันเอามีดกรีดเองเจ้าค่ะเพราะกลัวเรือจะล่ม
คุณหลวงพายเรือพาแม่หญิงและบ่าวกลับมาที่เรือนของตนเองที่อยู่ใกล้ ๆ กับคุ้งป่าหวาย  เขาสั่งให้ผ่าวสองสามคนไปจัดเครื่องแต่งตัวมาให้แม่หญิงและบ่าวเปลี่ยน  จากนั้นก็พายเรือไปส่งที่ท่าขุนนางเพื่อให้หล่อนเข้าวัง
น้ำผึ้งแก้วเดินเข้าประตูวังจนลับสายตาไปแล้วคุณหลวงบดินทร์นฤบาลจึงพายเรือกลับไป
แม่หญิงเจ้าคะ  บ่าวว่าคุณหลวงท่านใจดีเหลือเกินเจ้าค่ะ
ใช่คุณหลวงใจดี
เอ๊ะ!!!!  แล้วแม่หญิงว่าคุณหลวงท่านมองแม่หญิงแปลก ๆ หรือไม่เจ้าคะ
ก็ไม่นี่อย่าคิดมากน่า  ไป!!!!  ไปกราบเสด็จฯ ท่านก่อนเพราะวันนี้เรามาสายมากแล้วเดี๋ยวจะกริ้วไปกันใหญ่
	น้ำผึ้งแก้วเดินมาถึงพระที่นั่งสุทธาสวรรย์หล่อนค่อย ๆ เดินขึ้นตำหนักช้า ๆ เมื่อเห็นใครคนหนึ่งกำลังเดินออกมาด้วยสีหน้าท่าทางอารมณ์ฉุนเฉียวอย่างรุนแรง  หล่อนรู้ทันทีว่านั่นคือใครจึงหมอบกราบทันที
	หมอบเร็วพระปีย์มา
	หล่อนบอกให้บ่าวหมอบกราบ  เมื่อพระปีย์เสด็จออกไปได้ครู่หนึ่งแล้วหล่อนจึงค่อย ๆ คลานเข้าไปหาสมเด็จฯ ท่านช้า ๆ และหมอบกราบทันที
	มาช้าเชียวนะเจ้าเอ้า!!!
	หล่อนรับผ้าผืนนั้นมาและนำมาเช็ดพระบาททันที
	รู้หรือไม่ว่าอ้ายเตี้ยลูกข้ามันดื้อมาก
	หล่อนเงียบไม่ตอบอะไร
	บ๊ะ.!!!!
	หล่อนถึงกับสะดุ้งโหยงทันทีทำให้เสด็จฯ ท่านพร้อมทั้งนางในหลายคนหลุดหัวเราะออกมา  หล่อนจึงก้มลงกราบและรีบตอบเพราะรู้สึกกลัวเกรงความผิด
	หม่อมฉันมิทราบดอกเพคะ  แต่หม่อมฉันรู้ว่าพระปีย์ท่านโปรดศาตราวุธมากกว่าตำรับตำรา  หม่อมฉันคิดว่าพระองค์น่าจะค่อย ๆ ปราณีประนอมนะเพคะ
	บ๊ะ!!!!  อีนี่มึงรึจะสอนกู  บังอาจนักนะ
	ทรงสรวนดังลั่นตำหนัก  หล่อนรีบหมอบกราบเพราะกลัวว่าพระองค์จะทรงกริ้วเรื่องที่หล่อนกล้าต่อปากต่ำคำกับท่าน
	..
	ผึ้งน้ำผึ้ง!!!!!
	หะ.!!!!
	น้ำผึ้งสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงใครคนหนึ่งเรียกเธอในกลางดึก  เธอหันกลับมามองเสียงชายคนที่เรียกทันที
	พี่เอก!!!
	เธอเรียกเสียงหลงเพราะไม่คิดว่าเขาจะมายืนที่พระที่นั่งเย็นในกลางดึกอย่างนี้
	คิดอะไรอยู่เหรอ
	เปล่าค่ะ
	เธอตอบทั้ง ๆ ที่เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่  และเห็นอะไรอยู่  เธอไม่กล้าตอบออกมาเพราะกลัวว่าเขาจะหาว่าเธอบ้า  สติไม่ดี  เธอจึงได้แต่ยิ้ม ๆ เท่านั้น
	แล้วทำไมแต่งตัวแบบนี้ล่ะ
	นายตำรวจหนุ่มถามเธอด้วยท่าทางงวยงง  เธอก้มลงมองตัวเองแล้วก็แปลกใจเพราะตัวเธอเองกำลังสวมใส่เสื้อผ้าอย่างคนโบราณ  เธอไม่รู้จะตอบอย่างไรเพราะตัวเธอเองก็แปลกใจอยู่เหมือนกัน
	สายลมโชยมาเอื่อย ๆ เธอรู้สึกหนาวเหน็บไปทั่วร่าง  เธอจึงเดินกอดอกคุยกับนายตำรวจหนุ่มด้วยความรู้สึกที่อิ่มเอมใจทำให้นายตำรวจหนุ่มต้องถอดเสื้อนอกออกมาคลุมให้เธอทันทีเพราะกลัวว่าเธอจะหนาวไปมากกว่านี้
	เสื้อพี่เอกอุ่นดีจังเลยค่ะขอได้ไหมคะ
	ให้ได้ตลอดชีวิตเลยละ
	หะ!!!!
	เธอตกใจมากเมื่อได้ยินคำพูดประโยคนี้  เธอรู้สึกคุ้น ๆ กับคำพูดประโยคนี้มากแต่เธอก็ไม่รู้ว่าเคยได้ยินที่ไหน  ทำให้เธอยืนงงอยู่  นายตำรวจหนุ่มจึงเดินเข้ามาโอบไหล่เธอและพาไปขึ้นรถเพื่อพาไปส่งที่บ้านซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก
	เดี๋ยวค่ะพี่เอก
	นายตำรวจหนุ่มกำลังจะสตาร์ทรถ  เขาถึงกับหยุดทันทีและหันกลับมาคุยกับเธอด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส
	มีอะไรเหรอ
	ทำไมถึงรู้ว่าผึ้งอยู่ที่นี่ล่ะคะ
	สัญชาตญาณมันบอก
	และพี่ทำไมถึงมาตามผึ้งล่ะ
	พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน  แต่ว่ามีเสียงใครบางคนคอยกระซิบข้าง ๆ หูพี่ตลอดเวลาว่าให้มาเพราะถ้าไม่มาจะไม่เจอผึ้ง
	เธอนั่งงง ๆ อยู่ในรถพร้อมทั้งแสดงสีหน้าที่สงสัยเพราะจู่ ๆ ทำไมเขาถึงมาตามหาเธอทั้ง ๆ ที่เธอไม่ได้เป็นอะไรกับเขาเลย  
	เสียงเหรอ  ใครกันนะ!!!!  เธอนึก
	พี่เอกคะ  เสียงเหรอคะ  พี่จะบอกว่าผีกระซิบบอกหรือไงคะ
	บ้าน่าแต่ก็ช่างเถอะพี่รู้ละกันว่าเธออยู่ที่นี่
	นายตำรวจหนุ่มนั่งหัวเราะแล้วก็หันมาขยี้หัวเธอ  ทำให้เธอยกมือขึ้นไปจับมือของเขาออกมาจากหัวและเอามาแนบไว้ที่แก้มทันที  เธอหลับตาพริ้มพร้อมทั้งสูดลมหายใจลึก ๆ ทำให้นายตำรวจหนุ่มรู้สึกแปลกใจ
	พี่เอกเชื่อเรื่องอดีตชาติไหมคะ
	ทำไมถึงถามแบบนี้ล่ะ
	ไม่มีอะไรหรอกค่ะ
	นายตำรวจหนุ่มขับรถมาส่งเธอที่บ้าน  เขาเดินลงมาส่งเธอกับพ่อแม่ของเธอ  เขาคุยกับผู้ใหญ่อยู่ครู่หนึ่ง  เสียงวอวิทยุดังอยู่หลายครั้งเขาจึงขอตัวลากลับก่อน
	ทำไมเราถึงมายืนอยู่ที่พระที่นั่งเย็นได้นะ  ทั้ง ๆ ที่เมื่อกี้เรายังอยู่ที่พระตำหนักในวังนารายณ์อยู่เลย  น้ำผึ้งนึก
..7.
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ				
23 มีนาคม 2548 16:10 น.

ปางอดีต ( ตอนที่ 6 ) ค่ะ

สุชาดา โมรา

กระไรกันเจ้ามิรู้รึ  เจ้าคุณพลเทพบิดาของคุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรีอย่างไรเล่า
คุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรีหรือเจ้าคะ!!!!
เธอถามอย่างงง ๆ เพราะชื่อนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย  เธอนั่งอยู่ครู่หนึ่งนางในคนหนึ่งก็วิ่งพรวดเข้ามาพร้อมกับห่อผ้าสัมภาระ
อีไม!!!!  มึงนี่นะ  อยู่ในรั้วในวังมาตั้งนมนานยังไม่รู้จักวางกิริยามารยาทอีก  มันน่าส่งไปอยู่ล้างขี้ช้างดีไหมล่ะ
คุณท้าวรัญจวนพูดด้วยความโมโห  เธอจ้องมองบ่าวคนนั้นแล้วก็ทำหน้าเครียด  เมื่อบ่าวคนนั้นทำหน้าเสียคุณท้าวรัญจวนก็หัวเราะพร้อมทั้งเอามือปิดปากทันที  สร้างความขบขันให้กับนางในทุกคน  เพราะทุกคนเห็นท่าหวาดกลัวของบ่าวคนนั้นเป็นเรื่องตลกไปเสียแล้ว
บ่าวเอาข้าวของมาให้เจ้าค่ะแม่หญิงคนเรือรออยู่นะเจ้าคะ
น้ำผึ้งแก้วกราบคุณท้าวรัญจวนแล้วก็คลานออกจากตำหนักด้วยความระมัดระวัง  เธอเดินออกมายังท่าน้ำของชาวฝรั่งเพราะที่นี่มีอยู่ท่าเดียว  เธอมองเห็นเรือสำเภาน้อยใหญ่ที่จอดอยู่  รวมทั้งเรือของชาวฝรั่งทำให้เธอยิ้มไม่หุบปากทีเดียว
แม่หญิงคะสำรวมกิริยาด้วยเจ้าค่ะ
น้ำผึ้งแก้วหุบปากทันที  เธอเดินมายังเรือที่จอดรอรับอยู่  เธอทำท่าเหมือนจะลงเรือแต่ก็กวักมือเรียกเรือจ้างที่อยู่ใกล้ ๆ บริเวณนั้นทันที  เรือลำนั้นพายมาเทียบท่า  น้ำผึ้งแก้วลงเรือแล้วก็หันไปยิ้มให้กับคนเรือของเจ้าคุณพลเทพและไมบ่าวรับใช้ของคุณประยูรบุตรีของเจ้าคุณพลเทพที่อยู่ในวังมาก่อนหน้าหล่อนทันที
ไปบ้านเจ้าพระยาธรรมศักดิ์ราชนฤบาล  อยู่ตรงคุ้งด้านหน้า
คนเรือพายเรือตรงไปยังท่าน้ำหน้าบ้านทันที  ส่วนคนเรือของเจ้าคุณพลเทพก็พายเรือตามมาอย่างเร่งด่วน  ไม่บ่าวของคุณประยูรตะโกนโหวกเหวกให้เรือลำที่น้ำผึ้งแก้วนั่งมาจอด  แต่คนเรือไม่หยุดจอดเลยสักนิด  น้ำผึ้งแก้วขึ้นจากเรือพร้อมทั้งหยิบอัดมาจ่าย  หล่อนเดินตรงมายังเรือนของเจ้าคุณพ่อพร้อมทั้งหยิบข้าวของที่อยู่ในห่อผ้าออกมาดู
ในนี้มีอะไรนะหล่อนนึก  หล่อนเห็นเพลงยาวที่มีคนเขียนมาให้หล่อนถึงสองฉบับ  ฉบับหนึ่งเป็นของคุณหลวงบดินทร์นฤบาล  อีกฉบับเป็นของคุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรี  หล่อนหยิบเพลงยาวของคุณหลวงบดินทร์ขึ้นมาอ่านก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่  แล้วก็เก็บไว้ใต้หมอน  ส่วนของคุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรีนั้นหล่อนหยิบไปใส่ในกระบอกไม้ไผ่แล้วให้บ่าวที่ชื่อปลิกนำไปส่งให้กับคุณช้อยบุตรสาวบ้านคุณท้าวกรองทองทันที  เพราะหล่อนรู้ว่าแม่หญิงช้อยมีใจให้กับคุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรี
นี่เราทำอะไรของเราอยู่นะ  รู้สึกฝืนตัวเองไม่ได้ทั้ง ๆ ที่เรารู้ว่าเรากำลังทำเรื่องที่ผิดมาก ๆ แต่เราก็ห้ามตัวเองไม่ได้  เรารู้ได้อย่างไรว่าคุณช้อยชอบคุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรีทั้ง ๆ ที่เราก็ยังไม่เคยเห็นหน้าเธอด้วยซ้ำ  น้ำผึ้งนึก
น้ำผึ้งแก้วนั่งคิดอะไรอยู่ครู่หนึ่งบ่าวก็มาเรียกให้ไปเรือนเจ้าคุณย่า
แม่หญิงเจ้าคะคุณท่านเรือนใหญ่ให้หาเจ้าค่ะ
น้ำผึ้งแก้วเดินลงบันไดอย่างระมัดระวัง  หล่อนข้ามสะพานซึ่งเชื่อมกับบันไดบ้านไปยังเรือนของเจ้าคุณย่าที่อยู่ไม่ห่างไกลนัก  เมื่อมาถึงระเบียงกลางหล่อนเดินอย่างพญาหงส์และค่อย ๆ คลานเข่ามาหาเจ้าคุณย่าอย่างระมัดระวังกิริยาจากนั้นก็กราบเจ้าคุณย่าและหันมาไหว้เจ้าคุณพลเทพและคุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรีทันที
งามเหลือเกินแม่..
เจ้าคุณพลเทพเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งส่งสายตาเจ้าชู้ไก่แจ้กับน้ำผึ้งแก้วทำให้เจ้าคุณย่ารู้สึกขุ่นเคืองใจเป็นอย่างมากจึงเคี้ยวหมากจับ ๆ กระแทกแรง ๆ ด้วยความโกรธ  ส่วนน้ำผึ้งแก้วนั้นวางกิริยาราวกับเป็นหุ่น  หล่อนนั่งนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  หล่อนมองตรงไปข้างหน้านั่งตัวแข็งทำให้เจ้าคุณย่ารู้สึกพอใจที่หลานสาวไม่ตอบโต้สิ่งใดกับเจ้าคุณพลเทพเหมือนเมื่อคราวที่ตอบกับคุณหญิงเลี่ยมแม่ของคุณหลวงบดินทร์นฤบาล
มีธุระอันใดหรือพ่อ
เจ้าคุณย่าพูดด้วยน้ำเสียงที่เก็บอารมณ์
กระผมอยากจะมาพูดจาตามประสาคนคุ้นเคยเท่านั้นแหละขอรับ
เหตุใดจึงต้องเรียกหลานของอิฉันมาด้วยในเมื่อจะมาคุยกันตามประสาแต่เอเมื่อก่อนนี้ไม่เห็นว่าเจ้าคุณจะมาคุยบ้างเลย  อิฉันว่าเจ้าคุณพูดมาตรง ๆ เลยดีกว่าไหม
กระผมขอพูดตามตรงเลยนะขอรับ  กระผมอยากจะให้เด็กสองคนรู้จักกัน
อ้าวลูกเอ๊ย!รู้จักกันหรือยังเล่า
เจ้าคุณย่าหันมาถามน้ำผึ้งแก้วแล้วก็ยิ้มเยาะ
รู้จักเจ้าเจ้าค่ะเจ้าคุณย่า  งั้นหลานขอตัวกลับเรือนก่อนนะเจ้าคะเพราะไม่มีกิจจะคุยด้วย  ก็ฝ่ายนั้นบอกให้หลานรู้จักแล้วหลานก็อยู่แค่รู้จักนี่แหละเจ้าค่ะ
เจ้าคุณย่ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่พร้อมกับเอื้อมมือไปจับแขนน้ำผึ้งแก้วเบา ๆ ก่อนที่หล่อนจะค่อย ๆ คลานลุกหนีไปเพราะไม่อยากจะคุยกับสองพ่อลูกนั่น
เจ้าคุณพลเทพถึงกับอึ้งพูดไม่ออกทีเดียว  เขานั่งเคี้ยวหมากด้วยความโกรธ
ไป!!!!กลับ!!!!!
เจ้าคุณพลเทพแสดงท่าทางโกรธราวกับยักษ์คลั่ง  เขาคว้าไม้ตะพดหัวงูเห่าซึ่งทำมาจากเขากระทิงด้วยท่าทางที่หุนหันแล้วก็หันมาไหว้เจ้าคุณย่าจากนั้นก็เดินกระแทกเท้าลงจากเรือนไป
เจ้าคุณพ่อขอรับกระผมว่าอย่าเพิ่งโกรธเลยนะขอรับ  หล่อนยังเด็กนักคงจะไม่รู้ประสีประสาเท่าไรนัก
ใช่หล่อนยังเด็กแต่หยิ่งยโสโอหังเหลือเกิน  พ่อว่าเจ้าอย่ายุ่งกับคนบ้านนี้เลยดีกว่า  เจ้าก็รู้ไม่ใช่รึว่าคนบ้านนี้เป็นพวกเจ้า ๆ นาย ๆ ไหนเลยจะมาคบกับคนอย่างเรานึกว่าตัวเองใหญ่โต  สักวันหนึ่งเถอะจะได้รู้กัน!!!!
เจ้าคุณพ่อจะทำอะไรหรือขอรับ
เดี๋ยวก็รู้.ไปกลับ
เจ้าคุณพลเทพลงเรืออย่างรีบร้อนจนเรือเกือบจะคว่ำ
บ๊ะ!!!! อ้ายตะไลมึงนี่ทำเรือเกือบร่ม  มึงระวังตัวไว้เถอะอ้ายฉิบหายกูจะแพ่นกระบานมึงโทษฐานที่จับเรือไม่แน่น
เจ้าคุณพ่ออย่าพาลคนอื่นสิขอรับ  ดูสิอ้ายมิ่งมันกลัวจนตัวสั่นไปหมดแล้ว
เรือของเจ้าคุณพลเทพพายออกมาได้ครู่หนึ่งคุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรีก็เห็นเรือของคุณหลวงบดินทร์นฤบาลซึ่งมีแม่หญิงน้ำผึ้งแก้วนั่งอยู่ด้วย  หล่อนยิ้มอย่างไม่ระวังกิริยา
เจ้าคุณพ่อขอรับ.
คุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรีเรียกให้เจ้าคุณพลเทพดูเรือของคุณหลวงบดินทร์นฤบาล
มิน่าล่ะ
ทำไมหรือขอรับ
ก็แม่หญิงมีใจให้คุณหลวงบดินทร์ฯ ไงล่ะ  แม่หญิงถึงได้ไม่สนใจเจ้าไป!!!!  ไปได้แล้ว
ไม่ขอรับกระผมจะขอดูอีกหน่อย
จะดูให้มันเจ็บใจไปใยพ่อว่าเรามาหาทางทำยังไงแม่หญิงถึงจะได้มาเป็นของเจ้าดีกว่านะ
แต่กระผมขออยู่อีกแป๊ะเถอะขอรับ
เจ้าคุณพลเทพจึงอยู่ดูคุณหลวงบดินทร์นฤบาล  สองพ่อลูกคิดแผนการที่จะให้แม่หญิงน้ำผึ้งแก้วมาร่วมเรียงเคียงหมอนให้ได้  เขารู้สึกเจ็บแค้นที่สองย่าหลานได้กระทำให้อับอายจึงคิดอยากจะเย้ยให้สาใจเพราะถ้าหากแม่หญิงน้ำผึ้งแก้วออกเรือนไปกับลูกชายของตัวเองแล้วตนเองจะแกล้งให้สาแก่ใจเลยทีเดียว
อุ๊ย!!!! น้ำเย็นนะเจ้าคะ  อิฉันว่ากลับกันเถอะค่ะเพราะเดี๋ยวเจ้าคุณพ่อจะว่าได้
คุณพี่ไม่ว่ากระไรดอกเจ้า
คุณหลวงบดินทร์นฤบาลเอามือจ้วงน้ำและดีดใส่แก้มของแม่หญิงน้ำผึ้งแก้วทำให้หล่อนขวยเขินและแอบอมยิ้มอยู่บ่อย ๆ
พี่มีอะไรจะให้เจ้า
อะไรหรือคะ
หลับตาก่อนสิ
แม่หญิงน้ำผึ้งแก้วหลับตาลง  คุณหลวงบดินทร์นฤบาลจึงนำดอกบัวมาทัดที่ใบหูของหล่อน  หล่อนจึงลืมตาขึ้นแล้วก็หยิบดอกบัวดอกนั้นออกจากหูทันที
สวยจริงเจ้าค่ะ  คุณหลวงเด็ดมาจากตรงไหนหรือคะอิฉันไม่เห็นคุณหลวงเด็ดเลยเจ้าค่ะ
ก็ตอนที่เจ้ามัวหันไปดูทางอื่นอย่างไรเล่าพี่จักพาไปดูผ้าในตลาดเจ้าจักไปหรือไม่
อย่าเลยเจ้าค่ะนี่ก็มากันนานแล้วเดี๋ยวเจ้าคุณพ่อจะว่าได้นะเจ้าคะ
คุณพี่ไม่ว่ากระไรดอกเชื่อพี่เถอะเจ้า
คุณหลวงพายเรือไปเรื่อย  ๆ และก็ชี้ชวนให้แม่หญิงน้ำผึ้งแก้วดูนกดูไม้ข้างทางด้วยความสุขที่เปี่ยมล้นอยู่ในหัวใจอันเข้มแข็งของทหารผู้กล้า
กลิ่นดอกไม้ใดฤๅหอมเท่ากลิ่นเจ้า  พี่อยากแนบเคล้าคู่ชื่นรื่นนาสา  กลิ่นอบร่ำอันอบอวนเหมือนวาจา  น้องนั้นหนาน่าเชยชิด
คุณหลวงเจ้าคะอิฉันไม่อยากฟังเพลงยาวดอกเจ้าค่ะ  มีอะไรก็พูดตรง ๆ เถอะอย่ามัวอ้อมค้อมเลยเห็นทีว่าจะค่ำเป็นแน่  หากแต่เอ่ยวาจาเพียงประโยคสองประโยคอิฉันก็เข้าใจแล้วละเจ้าค่ะ  เพราะเดี๋ยวใครเขาจะครหาเอาได้ว่าอิฉันมาเที่ยวค่ำมืดมันไม่ดีดอกเจ้าค่ะ
คุณหลวงนั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ยิ้มเป็นเชิงว่าแม่หญิงนั้นยังคงเป็นเด็กอยู่ดี  ไม่รู้จักขวยเขินเสียเลยทั้ง ๆ ที่มีชายหนุ่มนั่งเกี้ยวขนาดนี้ยังไม่รู้เรื่องอีก  หล่อนกลับนั่งนิ่งแล้วก็พูดด้วยสีหน้าธรรมดา ๆ จนดูแล้วรู้สึกได้ว่าหล่อนเป็นคนที่พูดตรง ๆ ไม่อ้อมค้อมดูแล้วรู้สึกสบายใจ
คุณหลวงจับมือแม่หญิงขึ้นมาและนำแหวนที่ถอดออกจากนิ้วก้อยนั้นสวมไปที่นิ้วนางข้างซ้ายของหล่อนทันที
วันนี้พี่ขอจับจองเจ้าได้หรือไม่
อิฉันมิใช่ของตลาดนะเจ้าคะที่จะจับจอง
พี่ขอจองเจ้าก่อนที่จะหาผู้ใหญ่มาสู่ขอเจ้าพี่กลัวว่าชายใดจะมาเห็นดอกไม้งามในสวนหลวงอย่างเจ้ารักษาตัวครองรักไว้รอพี่เถอะเจ้า  พี่จะเร่งให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอเจ้าโดยด่วน
แม่หญิงก้มลงกราบคุณหลวงบนเรือ  หล่อนน้ำตาซึมแล้วก็เงยหน้าขึ้น  คุณหลวงจึงเอื้อมมือไปเช็ดหน้าให้หล่อน
เป็นอะไรหรือเจ้า
รีบเถอะเจ้าค่ะคุณหลวงก่อนที่จะสายเกินไป
ทำไมหรือเจ้า
วันนี้เจ้าคุณพลเทพและคุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรีมาที่เรือนเจ้าคุณย่าพูดคุยอะไรกันก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ  แต่เจ้าคุณย่าเรียกอิฉันกลับจากวังและให้มาหาเรื่องนี้  อิฉันสังหรใจเหลือเกินเจ้าค่ะ
คุณหลวงถึงกับทำตาโตทีเดียว  เขารีบพาแม่หญิงกลับบ้านและรีบไปคุยกับเจ้าคุณย่าที่เรือนใหญ่ตามลำพังทันที  น้ำผึ้งแก้วนั้นนั่งซึมอยู่ในห้องของตัวเอง  หล่อนรู้สึกสับสนทำอะไรไม่ถูก  จากนั้นก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงทันที
6
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ				
23 มีนาคม 2548 16:06 น.

ปางอดีต ( ตอนที่ 5 ) ค่ะ

สุชาดา โมรา

คุณหลวง.!!!
อะไรนะคะเมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะคะ
ปะเปล่าครับ
คุณอุดมศักดิ์หลุดพูดออกมาทันที  เขาคิดอยู่ในใจตลอดเวลาว่าเหมือนคนที่เขาเห็นในความฝัน  ทำไมจึงบังเอิญแบบนี้นะ
หลังจากที่เขาได้ไปเยี่ยมนายตำรวจหนุ่ม  เขาก็ครุ่นคิดอยู่นานเรื่องความฝันอันเลือนลางของเขา  เขาคิดว่าน่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกันแน่ ๆ เพราะหลายสิ่งหลายอย่างมันดูจะชัดเจนเสียเหลือเกิน
คุณเคยเชื่อเรื่องกลับชาติมาเกิดหรือไม่
ทำไมถึงถามขึ้นมาล่ะคะ
น้ำผึ้งถามขึ้นอย่างงง ๆ เพราะเธอเองก็ไม่คิดว่าคุณอุดมจะมีความคิดเช่นนี้
คือผมเคยได้ยินคนหลายคนเขาพูดว่า  คนที่ได้มาทำงาน  ได้มามีส่วนในโบราณสถานและสิ่งเก่าแก่นั้นอาจจะเคยใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มาก่อนในภพภูมิที่แล้ว  คุณน้ำผึ้งเชื่อบ้างไหมครับ
ก็อาจจะจริงนะคะ  ฉันเองก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง  บางทีการที่เราฝันอะไรซ้ำ ๆ ซาก ๆ นั่นก็อาจจะมาจากการที่เราคิดไปเองก็ได้  หรือไม่ก็ปางอดีตที่ยังคงฝังใจเราในชาติที่แล้ว  ก็เลยทำให้ชาตินี้ปางนั้นมีผลต่อชะตาของเราก็ได้นะคะ
คุณน้ำผึ้งพูดดูมีหลักการมากเลยนะครับแต่ทำไมคุณถึงพูดเรื่องความฝันขึ้นมาล่ะครับ
คุณเคยได้ยินหรือเปล่าคะว่าอดีตกับปัจจุบันมันขนานกันอยู่  ถ้าหากว่าจู่ ๆ เราเห็นภาพอะไรที่นอกเหนือจากความฝันแล้ว  นั่นก็หมายความว่าเราอาจจะได้เห็นปางอดีตของเราก็ได้นะคะ
ฟังดูเข้าท่าดีนะครับแล้วคุณเห็นปางอดีตของคุณหรือยัง
น้ำผึ้งนั่งยิ้มโดยไม่ตอบอะไร  เธอมองไปนอกรถก็เห็นผู้คนสวมใส่ชุดแปลก ๆ เดินกันให้ขวักไขว่ไปหมด  บ้างก็หาบเร่ขายของ  บ้างก็เดินหยิบจับเพื่อหาซื้อ  เธอถึงกับเหลียวหลังมองทีเดียวเมื่อเห็นภาพของกระบวนช้างม้าซึ่งมีฉัตรเรียงราย  ผู้คนเดินตามขบวนนั้นมากมาย  มีคนรักษาเท้าช้าง  เธอเห็นผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนหลังช้างเผือกที่ประดับประดาทรงเครื่องช้างอย่างงดงาม  และที่ตามมาติด ๆ ก็คือช้างที่มีฝรั่งนั่ง  มีทหารม้าควบตามโดยไม่ห่าง  ชาวบ้านต่างหมอบกราบหลีกทางออกเพื่อนให้กระบวนนั้นเคลื่อนออกไปได้
พระนารายณ์!!!!!เธอนึก
คุณน้ำผึ้งครับคุณน้ำผึ้ง
คะ!!!!
เธอตกใจมากสะดุ้งโหยงทีเดียวเมื่อคุณอุดมเรียก  พร้อมทั้งยื่นมือไปจับหัวไหล่ของเธอเบา ๆ
ถึงแล้วครับแม่กี้คุณมองอะไรเหรอ
ปะเปล่าค่ะ
น้ำผึ้งลงจากรถแล้วก็กล่าวคำขอบคุณกับคุณอุดม  เธอเดินเข้าไปในสำนักงานแล้วก็หยิบหนังสือเกี่ยวกับสมเด็จพระนารายณ์มหาราชขึ้นมาอ่านทันที  เธอรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณเลยว่าขบวนที่เธอเห็นนั้นเป็นขบวนเสด็จขององค์สมเด็จฯ ท่าน  แต่ก็น่าแปลกที่ว่าเธอรู้ได้อย่างไรว่านั่นคือพระนารายณ์ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยมีใครเคยเห็นท่านมาก่อน  เรื่องนี้จึงทำให้เธอเชื่อสนิทใจว่าเธอต้องเคยอยู่ในช่วงสมัยนั้นแน่ ๆ และเชื่อว่าปางอดีตกับปัจจุบันนั้นขนานกันจึงทำให้เธอได้เห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น
ทำอะไรอยู่ครับขยันจังเลย
น้ำผึ้งตกใจสะดุ้งโหยง  เธอค่อย ๆ หันกลับไปมองทันที  เธอวางหนังสือลงบนโต๊ะแล้วก็ยืนขึ้น  เธอเดินเข้าไปใกล้ ๆ เขา  แทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยเธอเห็นเขาแต่งกายนุ่งโจงไม่สวมเสื้อ  เข็มขัดทำด้วยทองคำประดับด้วยเพชรนิลจินดา  มีผ้าแพรทองพาดที่หน้าอกยืนอยู่ตรงหน้าเธอ  เธอขยี้ตาแล้วก็มองใหม่อีกครั้ง
เฮ้อ!!!!  โล่งอกไปทีเธอนึก
หมอให้ออกจากโรงพยาบาลแล้วเหรอคะเมื่อกี้ก็ไม่บอกจะได้ให้ติดรถมาด้วย
ผมเห็นคุณไปกับแฟนผมก็เลยไม่อยากจะรบกวน
ฟงแฟนที่ไหนกันคะ  นั่นมันลูกค้าของฉันต่างหากล่ะเชิญนั่งก่อนค่ะ
น้ำผึ้งเดินไปหยิบขนมจันทร์อับ  กลีบลำดวน  จ่ามงกุฎ  สัมปันนีและทองเอกใส่จาน  จากนั้นก็รินน้ำแตงโมใส่แก้ว  เดินถือมาให้เขาที่โซฟา  เธอวางจานและแก้วอย่างระมัดระวัง  จากนั้นก็ลุกขึ้นมานั่งที่โซฟา  เธอนั่งใกล้ ๆ เขาราวกับคนสนิทเธอรู้สึกอบอุ่นทันทีเมื่อได้อยู่ใกล้ ๆ เขา
ไปซื้อขนมนี่มาจากไหนเหรอครับ
ไม่ได้ซื้อหรอกค่ะ  คุณย่าท่านทำเอง  ลองชิมสิคะตำรับชาววังเชียวนะ
เหรอครับ
ผู้หมวดหนุ่มใช้ช้อนซ่อมคันเล็กจิ้มไปที่ขนมสัมปันนีซึ่งมีสีสวยน่าทานทันที  แต่ขนมแตกออกจากกันน้ำผึ้งจึงใช้มือหยิบขึ้นมาและป้อนใส่ปากเขาทันที
ขอโทษนะคะ.
อืมอร่อยครับ
ผู้หมวดหนุ่มยิ้มหน้าบานทีเดียว  เขาทานขนมไปคุยไป  ความรู้สึกของเขาในตอนนี้คืออยากอยู่ใกล้ ๆ น้ำผึ้งให้มากที่สุดเพื่อพิสูจน์ว่าทำไมเขาถึงได้ฝันติด ๆ กันเป็นเรื่องเป็นราวมานานตั้งแต่เด็ก ๆ จนปัจจุบันนี้เมื่อเจอเธอแล้วก็ยังไม่เลิกฝันถึงอีกเธอเป็นใครกันแน่  หรือว่าเขาบังเอิญที่เห็นหน้าเธอเหมือนผู้หญิงในความฝัน
คุณไปดูอาการคุณแก้มหรือยังคะ
ยังเลยผมว่าจะชวนคุณไปพรุ่งนี้น่ะครับ
อ้าวแฟนคุณไม่ใช่เหรอ  ทำไมถึงไม่ไปดูตั้งแต่ก่อนออกจากโรงพยาบาลล่ะคะ
น้ำผึ้งพูดอย่างสงสัย  เธอวางช้อนตักขนมทันที  เธอแสดงสีหน้าอย่างไม่พอใจราวกับแม่ดุลูกทีเดียว
อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับ  ผมนึกว่ามีแม่อีกคน
เอ่อขอโทษค่ะคือฉันไม่เข้าใจว่าทำไมคุณถึงไม่ไปดูอาการเธอ  แล้วทำไมคุณมามัวเหลวไหลอยู่แถวนี้  นี่ถ้าฉันเป็นแฟนคุณฉันคงงอนไปแล้วละ
นายตำรวจหนุ่มหยิกแก้มของน้ำผึ้งทันที  เขารู้สึกหมั่นเขี้ยวเธอมากเพราะเธอชอบทำท่าทางเหมือนตุ๊กตาพูดได้
เอ่อผมขอโทษครับ  คือผมไม่ได้ตั้งใจผมเห็นคุณพูดท่าทางน่ารักดี  แก้มก็ยุ้ยจนผมอดใจไม่ให้หยิกแก้มคุณไม่ได้
ไม่เป็นไรหรอกค่ะ
ทั้งคู่พูดคุยกันถูกคอทีเดียว  น้ำผึ้งนั่งคุยถึงเรื่องตำนานและประวัติศาสตร์เกี่ยวกับเมืองลพบุรีให้เขาฟัง  เธอเล่าเรื่องราวได้ละเอียดละออจนทำให้นายตำรวจหนุ่มรู้สึกว่าเรื่องบางเรื่องเหมือนเขาเคยเห็นมาแล้วในความฝัน  และก็เกิดความคุ้นเคยจนเห็นเป็นภาพจินตนาการต่าง ๆ นานา
อะแอ่ม!!!!
ทั้งคู่หันไปมองเสียงใครคนหนึ่งที่ดังขึ้นมาขัดจังหวะการคุยของพวกเขา
อ้าวส้ม  นา  ต่าย  แป้ง  พี่โอ  เชิญนั่งก่อนค่ะ
แหม.
ส้มแสดงสีหน้าหยอกล้อน้ำผึ้งแล้วก็เดินตามเธอเข้าไปในครัวเพื่อยกของว่างออกมาให้คนอื่นทาน
เดี๋ยวขอคุยเป็นการส่วนตัวจะได้ไหมคะ
แหมเธอก็พูดแหย่ฉันจังเลย  ได้จ่ะแม่นางส้ม!!!!
ส้มและน้ำผึ้งยกของว่างออกมา  จากนั้นก็หลบเข้าไปคุยกันสองคนในครัว
เธอชอบเขาเหรอพระเอกของเธอน่ะ
จะบ้าเหรอเขามาหาฉันเองนะฉันก็เลยคุยกับเขา
แล้วทำไมต้องป้อนขนมให้กันด้วยล่ะ
ก็เขาหยิบกินไม่ถนัดนี่นา
ไม่จริงมั้งแอ๊ะ!หรือว่าเธอกับเขาแอบชอบกัน  เขามีแฟนแล้วนะหรือว่าเธอคิดจะแย่งแฟนคนอื่นเหรอ
บ้าเหรอคิดมากไปได้  เราแค่คุยกันเฉย ๆ ไม่ได้คิดอะไรเลย  นี่ถ้าว่างนักก็ช่วยฉันทำงานนี่ไป  หน้าที่ของเธอก็ออกจะเยอะแยะ  ไม่รู้จักทำแหมล้อฉันจังเลยนะ
ส้มเดินตามน้ำผึ้งออกมา  เธอช่วยน้ำผึ้งเคลียร์เอกสารและงานเกี่ยวกับทัวร์ที่จะมาลงในอีก 2  3 วันนี้  จากนั้นก็โทรจองโรงแรมเพื่อให้ลูกทัวร์พักผ่อนอย่างสบายใจ
ใครจะเป็นคนรับผิดชอบลูกทัวร์คราวนี้ล่ะ
ฉันเองก็ได้
งั้นผมขอช่วยด้วยได้ไหมครับ  คือผมลางานหลายวันแล้ว
ส้มสะกิดน้ำผึ้งทันที  เธอทำท่าหยอกล้อน้ำผึ้งจนเธอรู้สึกเขินแล้วก็เดินไปนั่งก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป  ส้มจึงเดินไปสะกิดนายตำรวจหนุ่มให้เดินเข้าไปช่วยเธอทำงาน  
นายตำรวจหนุ่มเดินมาที่โต๊ะของเธอจากนั้นก็วางมือที่พนักพิงเก้าอี้ของเธอ  ส่วนอีกข้างหนึ่งนั้นก็วางมือที่โต๊ะของเธอ
ส้ม!!!! ไม่เล่นนะ  นี่มันเวลางานอย่ามายืนค้ำหัวฉันได้ไหม
ผมขอโทษครับ
น้ำผึ้งเงยหน้าขึ้นมาดู  เธอยิ้มแล้วก็เรีกให้นายตำรวจหนุ่มนั่งที่เก้าอี้อีกตัวหนึ่งที่อยู่ข้าง ๆ
ฉันเห็นนิ้วเรียว ๆ ก็นึกว่าเป็นนิ้วของส้ม  ไม่คิดว่าจะเป็นนิ้วของคุณไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าผู้ชายนี่นิ้วจะสวยได้ขนาดนี้
น้ำผึ้งนั่งทำงานไปคุยไปด้วยความรู้สึกที่อบอุ่นและมีความสุขมาก  เธอยิ้มไปหัวเราะไปโดยไม่หยุด  นา  ส้ม  ต่าย  และแป้งแอบยืนมองอยู่ที่ประตูห้องทำงานของเธอ  นายตำรวจหนุ่มหันมายักคิ้วให้จากนั้นก็นั่งช่วยเธอเคลียร์เอกสารต่อ
สงสัยว่าคุณคงต้องลาออกมาเป็นพนักงานทัวร์แล้วละมั้งเห็นทำงานคล่องจังเลย
น้ำผึ้งพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยน
.5..
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ				
23 มีนาคม 2548 16:03 น.

คิดจะรัก...ต้องพักรบ ( ตอนที่ 14 ) นะคะ

สุชาดา โมรา

ก็ดีนี่ถ้าไม่มีการติดต่อกันนั่นก็หมายความว่าเขาไม่อยากคุยกับคุณอีกอย่างเพื่อนของฉันคนนี้ก็ไม่ชอบเป็นที่สองรองใครด้วยสิทางที่ดีฉันว่าคุณน่าจะกลับไปดูแลคนที่อยู่เบื้องหลังคุณมากกว่านะ
กัญญาพูดขึ้นพร้อมกับหมุนเก้าอี้หันหลังให้  เธอไม่อยากจะคุยกับคุณภูวดลเพราะเธอรู้สึกรังเกียจที่เขามาหลอกลวงเพื่อนสาวของเธอถึงแม้ว่าเพื่อนคนนี้จะไม่ใช่สาวแท้ ๆ ตั้งแต่กำเนิดก็ตามแต่เธอก็ยังรู้สึกเคืองและเห็นอกเห็นใจอกลูกผู้หญิงด้วยกัน
เดี๋ยวคุณหันมาคุยกับผมก่อนได้ไหม
คุณภูวดลพยายามพูดกับกัญญา  แต่เธอกลับไม่ยอมพูดด้วย  เขาจึงเดินเข้าไปจับเก้าอี้ให้หันกลับมาทันทีเขารู้สึกฉุนมากที่กัญญาไม่ยอมพูดด้วยดี ๆ แถมยังจะเล่นตัวเมินหน้าหนีอีกเขาจึงเอามือกดที่หัวไหล่ของเธอเอาไว้แล้วก็จ้องหน้าตาเขม็งทำให้กัญญารู้สึกกลัวมาก  เธอพยายามจะขยับตัวหนีแต่เขาก็กดตัวเธอเอาไว้ไม่ยอมให้เธอลุกขึ้น
นี่คุณถ้าฉันกดปุ่มเดียวละก็คุณจะได้ออกไปโดยที่ไม่ต้องเดินเลยนะ
หมายความว่าไง
ฉันจะให้ ร.ป.ภ.มาลากตัวคุณแล้วโยนออกไปน่ะสิ
คุณกล้าเหรอถ้าคุณกล้ากดแม้แต่ปุ่มเดียวผมจะทำให้คนอื่นเห็นว่าคุณกำลังจะเล่นกีฬาบนโต๊ะทำงานอย่างเมามันกันสองคนน่ะสิ  คุณภูวดลยื่นหน้าเข้าไปหาเธอจนจมูกแทบจะติดกัน  เขาแสดงสีหน้าเคร่งขรึม  เอาจริงเอาจังจนกัญญารู้สึกกลัว
หมายความว่าไงคุณจะทำอะไรฉันหรือว่าคุณไอ้.เลว!!!!
คุณก็คิดถูกแล้วไม่ใช่เหรอคุณก็ฉลาดดีนี่ที่คิดอะไรได้ว่องไวขนาดนี้
กัญญาถึงกับร้องเสียงหลงเมื่อรู้ว่าคุณภูวดลคิดจะทำไม่ดีไม่ร้ายกับเธอเธอจึงนั่งนิ่งไม่ยอมขยับเขยื่อนเพราะกลัวว่าเขาจะเข้ามาทำแบบที่พูดจริง ๆ
ดีมากที่ทำตัวดี ๆ  เป็นเด็กดีแบบนี้ก็ดีแล้วจะได้น่ารักแล้วก็ช่วยบอกมาได้ไหมว่าทำไมแนนซี่ถึงไม่ยอมพบหน้าผม  แม้แต่พูดเธอยังไม่ยอมพูดด้วยเลย
ก็คุณมีลูกมีเมียแล้วไม่ใช่เหรอแล้วคุณมาหลอกเพื่อนฉันทำไมกัน
กัญญาพูดขึ้นทำให้คุณภูวดลหยุดชะงัก  เขาปล่อยเธอและยืนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็หันกลับมามองกัญญาด้วยความสงสัยกัญญาเมื่อเห็นคุณภูวดลหันกลับมาเธอถึงกับสะดุ้งเอื้อมมือจะไปกดปุ่มเรียก  ร.ป.ภ. เลยทีเดียวทำให้คุณภูวดลวิ่งเข้าไปจับมือเธอเอาไว้และถามเธอด้วยท่าทางเอาจริงเอาจัง
ลูกเมียเหรอคุณไปเอาที่ไหนมาพูด
ก็ทุกคนเห็นคุณภูริมากับเธอคนนั้นและเธอคนนั้นก็ยอมรับว่าเป็นเมียของคุณ  คุณจะให้ฉันว่าอย่างไร
อ๋อพี่ภูรินี่เองผมบอกไว้ก่อนเลยนะว่าผมกับดาหวันเราเคยเป็นอะไรกันจนมีลูกด้วยกันก็จริงอยู่  แต่นั่นมันนานมาแล้วนะมันตั้งแต่ตอนที่ผมอยู่เมืองนอกนั่นแหละแต่ผมก็เลิกกับเธอไปนานแล้วนี่นา  ทำไม
แต่คุณยังไม่ได้หย่ากับเธอใช่ไหม!!!!  กัญญาพูดขึ้น
ใช่เรากำลังจะหย่ากันในเร็ววันนี้แต่มันก็ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับการที่ผมจะคบกับแนนซี่เลยนี่นา
ฉันจะบอกให้เอาบุญนะว่าถึงคุณจะหย่าหรือว่าไม่หย่ามันก็ไม่สำคัญแล้วเพราะแนนซี่เขาตัดใจไปจากคุณแล้ว
เพราะอะไร
เธอคิดว่าเธอไม่คู่ควรกับคุณก่อนที่เธอจะไปดูงานที่เชียงใหม่นั้นเธอฝากให้ฉันเอานี่ให้คุณด้วยเพราะเธอรู้ว่าคุณจะต้องมาหาเธอแน่ ๆ
กัญญาส่งแผ่นซีดีให้กับคุณภูวดล  ใจจริงเธอไม่ได้อยากให้คุณภูวดลไปเลยเพราะเธอกลัวว่าเขาจะหาว่าเธอและเพื่อน ๆ หลอกเขาเนื่องจากซีดีแผ่นนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความลับที่อยู่ในตัวของแนนซี่ทั้งหมด
คุณภูวดลรับซีดีแผ่นนั้นไป  เขาโผเข้ากอดกัญญาราวกับเพื่อนสนิทเขาหันมายิ้มแล้วก็บอกก่อนไปว่าขอบคุณจากนั้นก็เดินกลับไป
คุณภูวดลกลับมาที่ห้องทำงานของตัวเอง  เขาเปิดซีดีแผ่นนั้นดูทันทีเมื่อเขาเห็นภาพที่อยู่ในนั้นก็ต้องตกใจเมื่อรู้ว่าแนนซี่จริง ๆ แล้วเป็นกระเทยเขารู้สึกเสียหน้ามากที่ถูกเธอหลอก  เขาจึงนำซีดีแผ่นนั้นมาปาใส่หน้าพี่ชายเพราะคิดว่าเขาก็คงจะสมรู้ร่วมคิดเช่นกัน
นี่มันอะไรกันเนี่ย!!!!
พี่รู้มาโดยตลอดเลยใช่ไหมว่าแนนซี่เป็นกระเทยแล้วทำไมพี่ถึงไม่บอกผมพี่ก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าผมเกลียดกระเทย
พี่ขอโทษพี่ไม่ขอแก้ตัวนะแต่ว่าพี่ไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ
คุณภูริยอมรับกับน้องชายตัวเองโดยดี  เขาเดินเข้ามาโอบไหล่น้องชายตัวเองและปลอบใจเขาเขาบอกให้คุณภูวดลตัดใจและกลับมาทำให้ครอบครัวของตัวเองมีความสุขกว่าที่เป็นอยู่  เพราะเขาไม่อยากให้หลานสาวของเขากลายเป็นเด็กมีปัญหาคุณภูวดลจึงตัดสินใจที่จะเริ่มชีวิตใหม่อีกครั้งกับภรรยาของเขาและลูกสาวคนเดียวของเขา
กัญญาโทรคุยกับแนนซี่เรื่องของคุณภูวดลแนนซี่มีข่าวดีถึงสองเรื่องคือเรื่องแรกเธอบอกว่าเธอทำใจได้แล้วกับปัญหาทุกอย่าง  และเรื่องที่สองคือตอนนี้เธอหาผู้ชายหล่อ ๆ เอาไว้ควงได้แล้ว  เป็นหมอดูลายมือที่มาดูดวงให้เธอตอนที่อยู่ดอยอ่างขาง  เธอบอกว่าเขาเป็นคนที่หล่อมากเลยทีเดียวกัญญารู้สึกว่าเพื่อนสาวคนนี้ของเธอเป็นคนที่มีพรสวรรค์ในเรื่องของการหาคู่ควงมากกว่าการทำงานเสียอีก  เธอถึงกับแอบยิ้มอยู่หลายครั้งเมื่อนึกถึงภาพของแนนซี่ดูเธอมีความสุขมากจริง ๆ ที่ได้ทราบข่าวเพื่อน ๆ แต่ละคนว่ากำลังลงเอยไปด้วยดี
กิ๊กโทรมาหากัญญาถึงเรื่องการฟ้องหย่าเธอบอกกับกัญญาถึงเรื่องลูกของเธอทั้งสองคนว่าเธอเองเป็นฝ่ายเลี้ยงดูเด็กทั้งสองคนด้วยตัวเอง  โดยที่ฝ่ายชายจะไม่เข้ามายุ่งกับชีวิตของเธอเลยสักนิดส่วนเรื่องทรัพย์สินนั้นก็แบ่งกันคนละครึ่งจริง ๆ แล้วกัญญาเองก็คิดว่ามันไม่ยุติธรรมเลยเพราะนี่ไม่ใช่สินสมรส  แต่เป็นสินสมสร้างที่กิ๊กเองก็หาได้มาก่อนที่จะแต่งงานเสียอีกแต่ก็ต้องเอาเถอะถ้าหย่าแล้วเพื่อนจะได้กลับมามีความสุขเหมือนเดิมกัญญาก็พอใจแล้ว
คิดอะไรอยู่เหรอครับแหมนั่งใจลอยเชียวนะ
เปล่าค่ะจะไปทานข้าวที่ไหนดีคะภูริ
เอเดี๋ยวนี้ผมว่าเราชักจะสนิทใหญ่แล้วนะเนี่ยเมื่อก่อนเห็นชอบเรียกคำนำหน้าว่าคุณ  แต่เดี๋ยวนี้รู้สึกว่าจะเรียกแค่ชื่อเฉย ๆ เสียแล้วสิอืมแต่ผมก็ว่ามันก็ดีเหมือนกันนะ  ดูสนิทสนม กันดี
คุณภูริพูดขึ้นเขาพากัญญาออกไปทานข้าวเที่ยงเหมือนเคยแต่วันนี้เป็นวันที่แปลกไปจากเดิมคือ  เมื่อเขาพาเธอลงมาที่รถคันหรูแล้วก็หยิบช่อดอกกุหลาบสีขาวที่อยู่เบาะหลังรถออกมายื่นให้เธอทำให้กัญญารู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก  เธอขอบคุณ  คุณภูริเสียหลายรอบทีเดียว
เนื่องในวันอะไรคะ
วันที่ทำให้เรามีความสุขไง
กัญญารู้สึกงง ๆ เหมือนกันที่คุณภูริพูดแบบนี้  แต่เธอก็ไม่กล้าที่จะถามอะไรคุณภูริรู้สึกดีใจที่คุณภูวดลน้องชายหลุดออกจากแนนซี่ได้และกลับไปดูแลครอบครัวของตัวเองนอกจากนี้เขายังรู้สึกว่าเวลาที่อยู่ใกล้ ๆ กัญญาก็เหมือนกับโลกทั้งใบมีแต่เธอเพียงคนเดียว  จึงทำให้เขาไม่ชายตามองผู้หญิงคนไหนเลย
.14
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
         ขอแจ้งไว้ก่อนเลยนะคะว่าที่ส่งข้อความเยอะ ๆ ในคราวเดียวนี้  เหตุเนื่องมาจากว่าฉันเองจะไม่ได้เข้ามาใช้ห้องนี้นานมากค่ะ  และคงจะอีกหลายเดือนอยู่  ขอโทษทีนะคะที่รบกวนข้อความของผู้อื่น...				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุชาดา โมรา
Lovings  สุชาดา โมรา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุชาดา โมรา
Lovings  สุชาดา โมรา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุชาดา โมรา
Lovings  สุชาดา โมรา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงสุชาดา โมรา