15 ธันวาคม 2547 22:04 น.

แ ส ง พ ล อ ย. . .

หมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก



ไล่แสงมาทีละน้อย  ทีละน้อย
จนเรื่อรางพร่างพร้อยด้วยพลอยแสง
อาบขอบฟ้าหล้าโลกจนโชกแดง
ก่อนจะแต่งแสงฉาดฉานดาดฟ้า
ฟ้าฉาดสาดแสงมาแต่งโลก
คลี่เปลวห่มเหวชะโงกโตรกผา
รินสางรางแสงจนแจ้งตา
ระบายบ่าแสงรี่ด้วยสีพลอย
เช้าแล้วคนดีของชีวิต
อาทิตย์ผลิบานและสานสร้อย
ทรงกลดสุกปลั่งยั้งคอย
นิ่งลอยกลดวงที่ทรงตน
แสงพลอยตะวันพรรณราย
ฉาดสายฉายแสงเหนือแห่งหน
เบิกฟ้าหนาวชืดคืนมืดมน
เบิกตาคนให้แจ้งซึ่งแพร่งทาง !

๑๔ ธันว์ ๒๕๔๗				
6 ธันวาคม 2547 22:56 น.

พ่อของผม...

หมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก

เรือกลางทะเล
๑).
ลิบลิบโน่นแน่ะเส้นขอบฟ้า
เรือลำน้อยบ่ายหน้าแล่นฝ่าคลื่น
คลื่นครามยามลมได้โครมครืน
ก็แตกดอกออกดื่นเหนือผืนน้ำ
ปรากฏเป็นดวงเก็จราวเพชรระยับ
หายวับ-แล้วแตกเก็จเป็นเม็ดฉ่ำ
เรือลำน้อยน้อยยังลอยลำ
รอค่ำร่ำลมจะพรมเรือ
เกรียมแดดเกรียมฟ้ากลางมหาสมุทร
มนุษย์-ผู้มั่นในความเชื่อ
คาวเค็มนั้นยังคงกรังเกลือ
เลือดเนื้อเหงื่อหลั่งก็กรังคาว
สองมือจ้วงพายว่ายแหวก
คลื่นแหลกแตกฟองฟ่องขาว
เสียงฮึบแต่ละฮึบนั้นฮึบยาว
แกร่งและกร้าวทุกคำเพื่อนำเรือ
ตัดคลื่นไปสู่เส้นขอบฟ้า
ดวงตาสีเข้มยังสุกเรื่อ
แขนที่จับพายกำคือกล้ามเนื้อ
งาดเงื้อแล้วจ้วงให้ล่วงไป
พิสูจน์เส้นขอบฟ้าเบื้องหน้าโน่น
คลื่นจะโยนเรือบึ่งไปถึงไหน
การจ้วงแต่ละจ้ำบอกความไกล
เวิ้งว้างว่างไร้และไม่มี
เห็นแต่ภาพซากซ้ำซึ่งจำเจ
ทะเลเหมือนกับอยู่กับที่
ผ่านคืนผ่านวันเพื่อผ่านปี
โลกทะเลที่มีเพียงสีเดียว
๒).
ปาจิบกาแฟรสแก่จัด
มองตัดพรายแดดที่แผดเกรี้ยว
กลิ่นแล้งเกรอะกรังทั่วทางเทียว
ถนนสายเปลี่ยวยิ่งเดียวดาย
ควันบุหรี่อวลอบก่อนลบเลือน
ลอยตัวเคลื่อนบางบางจนจางสาย
ปาจิบกาแฟจิบสุดท้าย
แล้วเคลื่อนกายกำยำไปทำงาน
๓).
คือวันคืนคืบเคลื่อนเป็นเดือนปี
จักรราศีหมุนเวียนมาเปลี่ยนผ่าน
ฤดูหนึ่งเปลี่ยนไปสู่อีกฤดูกาล
เวิ้งน่านน้ำเขียวอันเดียวดาย
มิเห็นฝั่งก็หวังสักฝั่งฟาก
แรงกรากคลื่นเกรียวนั้นเชี่ยวหลาย
ยังคัดท้ายพายอยู่-ลูกผู้ชาย
ท่ามกลางอันตรายสารพัน
เรือน้อยลอยลำไปตามพาย
เหวี่ยงวาดผาดผายมิได้หวั่น
อาจปลากระโดงขาว-เงามัน
อวดพรรณรูปงามว่ายตามมา
เป็นเรือเล็กพายจ้วงกลางห้วงสมุทร
มนุษย์-ผู้มุ่งมาดปรารถนา
จากวัยหนึ่งสู่วัยที่ไล่มา
ฟากท่าสักฝั่งก็ยังไกล
ลมแรงคลื่นโยนจนโหนตัว
ฟ้ามัวฝนสาดมิหวาดไหว
สองแขนเกร็งกล้ามเนื้อนำเรือไป
มหาสมุทรกว้างใหญ่อันไกลลิบ
ซากซ้ำจำเจ-ทะเลคลื่น
ค่ำคืนดื่นดาวพราวขลิบ
ไร้ปาฏิหารย์ใดใดทั้งไร้ทิพย์
มีแต่สิบนิ้วล่ำที่กำพาย
ค่อยอ่อนแรงลงไปทีละน้อย
โกลนเรือค่อยผุชื้นเป็นผื่นสาย
เรือเล็กลำโดดเดี่ยวผู้เดียวดาย
ลูกผู้ชายหนึ่งคน-ก็ชรา!
๔).
เกือบเกือบศตวรรษ-ปีผลัดปี
ดวงตาสีสนิมเหล็กก็ฝาดฝ้า
ปาหายใจเบาบางอย่างช้าช้า
เลื่อนลอยดวงตาสู่ฟ้าไกล
มองยังเส้นขอบฟ้าเบื้องหน้าโน่น
ไกลโพ้น-มิรู้ว่าอยู่ไหน
บทพิสูจน์จากอายุที่ลุวัย
คำตอบมีไว้ในดวงดาว
๕).
ลอยลำเท้งเต้งเคลงโคลง
พลันปลาฮุบโผง-กระโดงขาว
สาดเรืองแสงเกล็ดเป็นเม็ดพราว
วับวาวเหนือน้ำ-แล้วดำไป!


  แด่อายุ 93  ของปา-พ่อผู้แกร่งกลางทะเลโลก
๒๒  พฤษภ  ๒๕๔๖


				
3 ธันวาคม 2547 21:33 น.

The duck ducks manifesto!

หมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก

THE  DUCK  DUCKS MANIFESTO.
บทสำรากยุคสมัย : ถึงรุ่นแรกของเยนเนอเรชั่นใหม่จากรุ่นสุดท้ายของเยนเนอเรชั่นเก่า
๑).
เป็ดตัวหนึ่ง   เป็ดแห่งลัทธิแบบเป็ดเป็ด   กำลังตีปีกพึบพับพึบพับอยู่
ริมหนองน้ำนิ่ง    ตีนที่เป็นผังผืดนำร่างเดินลงน้ำฉ่ำคลุ้ง   ลอยตัวด้วยขนอันแข็งกระด้าง    มีปีก-แต่บินไม่ได้เหมือนนก    คอยาวเหมือนห่าน-แต่ส่งเสียงแหบพร่าไร้เอคโค่    กินทุกอย่างที่ขวางหน้า    ตั้งแต่ตาปูยันถุงพลาสติค    กินจนแน่นลำไส้จรดโคนลิ้น   ที่ร้านหมี่เป็ดศิริวัฒน์จับมือเป็นพันธมิตรศักดิ์สิทธิ์กับร้านข้าวหน้าเป็ดวันสตาร์*    บรรจงใช้มีดคมผ่ากึ๋นออกเป็นสองซีก    เพื่อจะพบกองขี้ดำดำเหลืองเหลืองหยาบคาว      และตาปูขึ้นสนิมบางตัวแทงทะลุกึ๋นคาอยู่    มันตายเพียงการถูกเชือดคอเท่านั้น    มิใช่บาดทะยักแต่อย่างใด  และต่อให้เราต้มหรือตุ๋จนเนื้อเปื่อยลุ่ยหลุด    ปากมันก็ยังคงแข็งเช่นเดิม
๒).
แล้ว บ็อบ ดีแลน   ก็พยักหน้าให้กับ ริชชี่  แบลคมอร์ก่อนจะจูงนิ้ว
ก้อยเดินเข้าสู่มุมที่มืดที่สุดของร้านเหล้าสักร้านหนึ่ง-ด้วยกัน    ปล่อยให้บอนนี่ เอ็ม   ขย่มโขยกก้นกอยโลกด้วยเพลงดีสโก้อันร้อนแรง    
๓).
ขยับเนคไทน์ของคุณให้เรียบร้อย     นี่เป็นคืนวันศุกร์หลังการงาน
หนักหน่วงตลอดห้าวันเต็ม    เด็กสาวสายเดี่ยวไม่ใส่ยกทรง    กำลังรอคอยจะขยิบหางตาข้างซ้าย   เชื้อเชิญสู่สวรรค์มายเลดี้   ในความเมามาย ณ ผับอึกทึกเทคโนแดนซ์    คุณ-จะเป็นผู้ชำแรกเข้าไปในกาบเนื้ออูมเต่งอย่างมีความสุข    เสียงหวีดร้องดัดจริตจะทำให้คุณตื่นเต้น   แหละหลั่งทะลักทลายออกมาเจิ่งแฉะผ้าปูที่นอน    ยี่ห้ออะไรสักยี่ห้อหนึ่งที่คุณไม่เคยสนใจ     อีกไม่กี่นาที-คุณจะพบตัวคุณเองทางอินเทอร์เนต   เป็นภาพที่คุณกำลังยงโย่ยงหยก    ก้มลงแลบลิ้นแผ่ระริกระริกเลียกลีบโยนีติ่งช้ำอย่างมีความสุข    คุณมีความสุข-เพราะนั่นคือโยนีของเด็กสาวอายุสิบสี่     ติ่งช้ำและกาบดำไปบ้าง    แต่เท่..
๔).
ขยับเนคไทน์ของคุณให้เรียบร้อย    นักบริโภคควรจะสวาปามทุกสิ่ง
ทุกอย่างเบื้องหน้า    เส้นขนหรอมแหรมหรือดกดำ    กาบโยนีจะเป็นสิวหรือฝ้า    และร่องรูที่คุณฉีกถ่างสำรวจภายในนั้นจะมีกลิ่นเพียงใดก็ตามที    ซบหน้าลงไปยัปปี้!   คุณเป็นยัปปี้รุ่นใหม่     ที่ต้องพร้อมจะอ้าปากแลบลิ้น     ตวัดเลียกลืนกินได้ทุกอย่างกระทั่งเมือกคาวระดูขาว   คุณซื้อเด็กสาวได้ด้วยซิมการ์ดสักแผ่น    เช่นที่คุณซื้อหูรูดเด็กหนุ่มได้ด้วยยาแก้ไอเพียงขวด    ถลุงมันให้เต็มที่    มันเป็นเพียงสินค้าที่มีราคาแปะติดข้างลำตัว     และเราอยู่ในโลกเสรี
๕).
เราเป็นชนชั้นกลาง!    เราเป็นแรงขับเคลื่อนสังคมที่สำคัญ    เราเป็น
ผู้กำหนดทิศทางสังคมโดยแท้จริง   เราเป็นยุคสมัยแห่งอารยะ    เราดำเนินธุรกิจราวกับนักรบผู้อาจหาญในการศึก    การรบทุกครั้งเราต้องเป็นผู้ชนะ    และต้องโค่นล้มคู่ต่อสู้ให้ย่อยยับในพริบตาเดียว   เรามีอำนาจในการกดดันต่อรองรัฐ   รัฐจะต้องดูแลและรับผิดชอบเราอย่างไม่มีเงื่อนไข   สังคมจะต้องทะนุถนอมกล่อมเกลี้ยงเรา    สังคมจะต้องประเคนทุกสิ่งทุกอย่างให้เรา    เพื่อฟันเฟืองใหญ่อย่างเราจะได้มีแรงขับเคลื่อนประเทศชาติต่อไป    เพื่อโครงสร้างเศรษฐกิจจะได้มั่งคงแข็งแรง   เพื่อเราจะได้ไม่ล้มตัวลงไปทรุดนั่ง   ชักเท้าซ้ายขวาไปมาบนพื้น   ร้องไห้งอแงดั่งเด็กไม่รู้จักโต
เราเติบโตมาเป็นขั้นตอน    เรียบจบหางานทำ   ทำงานไปตามหน้าที่     
จนก่อเกิดกระบวนการแยกส่วน     เราแยกส่วนรับผิดชอบในส่วนของตน    เราเป็นปัจเจก    เรามีพื้นที่ส่วนตัวที่หวงห้ามเด็ดขาด   เรามีสถานภาพเดียวและไม่อาจเป็นอื่นได้     เรามีคำตอบสำเร็จรูปเป็นระบบวิธีคิดชัดเจน   และเราต้องการต่างคนต่างอยู่   เราเชื่อในคุณค่ามนุษย์   เราจึงไม่แยแสในความชอกช้ำของใครต่อใคร     เรารอเพียงค่ำวันศุกร์    ที่จะได้พักผ่อนในสถานบันเทิง   ดื่มและเมาหนักหน่วง   เซ็กส์และท่วงท่าผาดโผน    รสนิยมหรูและราคาแพง    ตื่นสายในเช้าวันเสาร์     และให้เวลากับครอบครัวในวันอาทิตย์     เรารอการเติบโตในหน้าที่การงานตามวันเวลาและช่วงระยะงาน  จนกว่าเราจะรู้สึกสูญเสีย    จนกว่าเราจะคิดว่าเราจะสูญเสีย    นั่นแหละที่เราจะสำแดงพลังแห่งชนชั้นอันเกรียงไกร    พิสูจน์อำนาจในการต่อรองและตัวตนของเรา
เราด่าแม่ชาวปากมูนที่นั่งเกะกะอยู่หน้าทำเนียบ   เพราะเราส่งคู่ขาไป
โรงรียนไม่ทัน      เรายกส้นตีนให้ชาวจะนะที่ฟูมฟายร้องขอมิรู้จักพอ    เพราะเราอยากอ่านข่าวแบบพรหมพิราม
๖).
ขยับเนคไทน์ของคุณให้เรียบร้อย    คุณต้องขับรถเก๋งไปส่งลูกที่โรง
เรียน    พวกเขาเป็นรุ่นแรกของเยนเนอเรชั่นใหม่    ยุคแห่งจิตวิญญาณญี่ปุ่น    ที่ทั้งหน้าตารูปร่างจะต้องคิกขุอาโนเนะ    กิริยาและจริตจะต้องถูกดัดให้ดูน่ารักน่าชัง    พวกเขาจะพับนกกระเรียนนับพันนับหมื่นตัว    เพื่อล้มล้างความเชื่อเก่า   เพื่อสร้างปาฏิหาริย์ให้นักร้องรูปหล่อที่มีคนชักปากให้ร้องเพลงฟื้นจากความตาย     
เก็บหลวงพ่อทวดหลังเตารีด    ไว้ใกล้ๆกับสมเด็จวัดระฆังของคุณ
 เถิด      ลูกของเรานิยมห้อยโนเกียพิมพ์นิยมมากกว่าพระเครื่องใด    รักษาเหรียญคงหน้าคงหลังของคุณไว้ให้เรี่ยมที่สุด   วันข้างหน้าราคาจะสูงกว่านี้-แน่นอน
๗).
ขยับเนคไทน์ของคุณให้เรียบร้อย     คุณผู้โรแมนติคและละเมียด
ละไมในรสนิยม    เราเบื่อหน่ายกับเสียงบ่นงึมงำของบ็อบ ดีแลน    เรารำคาญกับเสียงกีตาร์กราดเกรี้ยวโผงผางของ ริชชี่  แบลคมอร์    และเพลงดิสโก้ของ บอนนี่ เอ็ม นั้นเล่า   ก็สร้างความกระอักกระอ่วนล้าหลังแก่เราเหลือเกิน     เราต้องการชีวิตวาไรตี้    เราต้องการเสพเสียงเพลงของบอยแบนด์รูปหล่อ    เราต้องการเด็กสาวที่แม่ของเธอแอบได้เสียกับชาวญี่ปุ่น    
เราต้องทำหนังสือมือทำ!    เพื่อประกาศภูมิปัญญาอันแสนไบรท์
เพราะการเป็นนักเขียนมันดูดีดูทรงเกียรติดูทรงภูมิปัญญาเหลือเกินในยุคสมัยนี้   เราสนใจปรัชญาตะวันออก    เราจึงดูหนังเกาหลี    ความเป็นทวีปนิยมของเรา     นำเราปฏิเสธหนัง X ฝรั่ง   แล้วเฟ้นหาหนัง X จากประเทศเล็กๆแถบเอเชีย    ตื่นเต้น   เร่าร้อน   และแปลกตา    เรารังเกียจความถ่อยเถื่อนไร้รสนิยมของฝรั่ง     เราอิจฉาดุ้นมหึมาของดาราชาย!
เราควานหาภาพยนต์อย่าง ซัมซารา    ดื่มด่ำไปกับปรัชญาพุทธที่
ถูกอธิบายใหม่   และการตั้งคำถามถึงบางสิ่งที่ศาสนาละเลย   แล้วเราก็สำเร็จความใคร่ไปพร้อมกับฉากเรตอาร์อันแสนวิจิตร    เราตะลึงเมื่อเดอะ เมททริกซ์   อธิบายปรัชญาพุทธได้อย่างลึกซึ้ง    และนิพพานได้ถูกอธิบายด้วยเทคโนโลยี่อย่างแยบยล    เรารับรู้ว่าท่านพุทธทาสละสังขารมานานปี   แต่เราไม่เคยคาดเดาสงสัยว่า    ท่านพระธรรมปิฏกจะยังเผยแผ่ศาสนาได้อีกนานเพียงใด
เราจุดธูปบูชานักครีเอทีฟประดุจนีโอศาสดา   ที่เราไม่เคยตั้งคำ
 ถามไม่กล้าตั้งคำถาม    ดวงตาเคลือบแคลงสงสัยของเราปิดสนิท   เมื่อพระองค์ทรงชี้นิ้วใส่หน้า     นักบริโภคที่ดีควรอ้าปากกลืนอย่างเดียว    ห้ามเคี้ยว!
๘).
เราเป็นชนชั้นกลางโดยกำเนิด   เม็ดเลือดสีเงินของเรามาจากการคัด
 ยีนและดีเอ็นเอ    โครโมโซมของเราสับสนระหว่าง X กับ Y    เรากลายเป็นกะเทยที่บ่งเพศไม่ชัดเจน    เราเป็นลำไม้ไผ่    เหยียดยอดขึ้นสูง     โอนเอนไปตามทิศทางลมกระหน่ำ   เกาะกลุ่มกันเป็นปึกแผ่นเพื่อความมั่นคง    เราสร้างใบสากคายและตุ่มตาหน่อแหลมไว้ป้องกันตัว    เรากลวง
๙).
เป็ดฝูงหนึ่ง   กำลังเฝ้าฝันและรอคอยจะได้กลายเป็นเป็ด KFC ในวัน
ข้างหน้า    ท่ามกลางเสียงเพลงน่ารักๆของ F4    เราเฝ้ามองลูกของเราเติบโตอย่างเปี่ยมสุข    และเมื่อปฏิบัติหน้าที่ของสามีที่ดีต่อภรรยา   เราแอบผิดเล็กๆด้วยการนึกถึงเสียงกระเส่าและเต้านมของ คริสตี้ ซุง         
เราจะพับนกกระเรียนนับพันนับหมื่นตัว  เพื่อสร้างปาฏิหาริย์ให้แมน
ยูฯเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกตลอดกาล!
เราจะโค่นล้ม 16 ตุลา   แล้วเชิดชู 14 กุมภาวันวาเลนไทน์  ของขวัญ
จากใจที่ฉันให้เธอเป็นวันสำคัญของชาติ!
NGOs  จงพินาศ!
องค์กรเอกชนไพร่สถุลจงพินาศ!
จักรวรรดิแกรมมี่จงเจริญ!
RCA จงเจริญ!
ลัทธิแบบเป็ดเป็ดจงเจริญ!
เป็ดทั่วโลกจงสามัคคีกัน!





แด่    ๑๔  ตุลา  ๑๖

            ๖   ตุลา  ๑๙

 และ     พฤษภาทมิฬ




๑๗  สิงห์  ๒๕๔๖




				
1 ธันวาคม 2547 20:59 น.

ผู้ ร อ ค อ ย . . .

หมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก

ผู้รอคอย

๑).
แดดเดือนสามกำลังแรง ฟ้าโปร่งโล่งตลอดเหนือผืนน้ำทะเล ลิบลิบสุดตานั่นคือเส้นที่แบ่งโลกเป็นสองโลก คงมีเพียงนางนวลกระมัง? ที่อาจหาญบินสูงเสียดฟ้า ร่อนโล้ทวนลมบกลมทะเล ข้ามวันข้ามคืนด้วยแรงปีกเรียว เพื่อนนำข่าวสักข่าวไปยังใครสักคน แหละด้วยปีกเรียวนี่แหละ ที่จะนำความขาวแห่งนางนวลคืนฝั่ง พร้อมข่าวอีกข่าวจากใครอีกคน แก่ผู้รอคอย ณ โลกใบนี้

มันเป็นความสุขหรือไร? กับการนั่งชันเข่าริมหาด เหม่อมองเลื่อนลอยอยู่ในภวังค์ มิหลับหากก็มิตื่น ละอองทรายที่ลมปาดหาดแล้วหอบมารายเนื้อหน้า คาวเค็มที่คลื่นโยนฟองเป็นดวงดอกมาจับเนื้อหนังจนเหนียวเหนอะ แดดแรง ลมกล้า และเสียงใบสนลมเสียดอยู่ระบัด

มันเป็นความสุขเช่นนั้นหรือ? กับวิญญาณร่อนเร่ไปในความเวิ้งว้าง มิรู้อาณาเขต มิมีจุดจบ ความเงียบ ความกว้าง ความสูง และความลึกดิ่งดำลงสู่สะดือสมุทร เป็นความสุขนักหรือไร? กับการรอคอยบางสิ่งบางอย่างจะลอยแผ่วมาเหนือทิวคลื่น

ว่ากันว่า - กว่าดอกไม้สักดอกจะผลิบาน ต้องการการกรองกลั่นโดยวันเวลาอัน
นานยาว นานเนิ่นเพียงพอที่ดอกเก่าจักร่วงโรยประดับความเหี่ยวเฉาให้กับผืนดินดำ แหละกว่าดอกใหม่จะตูมขึ้นมาอวดเต่ง ไม้ดอกชนิดนั้นได้ผ่านการร่ำไห้สิ้นหวัง และรอคอยมาอย่างร้าวราน

เธออยู่ ณ โลกของเธอ ไกลลิบ ณ ที่ซึ่งมองมิเห็นสักยอดคลื่น โลกของเธออยู่ในดินแดนแปลกตา ณ ที่ที่มิมีแม้ภาพจำลองใดในห้วงคำนึง ดินแดนแปลกตาของเธออยู่ในความว่างเปล่า เวิ้งว้าง แหละแสนเศร้า ณ ที่กาลเวลาเลื่อนไหลอย่างไร้ความหมาย กาลเวลาของเธออยู่ในความมืดดำ อันคล้ำเข้มคลี่ผืนเกินสีอื่นใดจะพร้อยแต้ม 

คือความคิดถึง เมื่อปลาน้ำลึกสักตัวกระโดดโผงขึ้นมาบิน นกขาวผวาตกใจกับความสง่างามของผิวแสนมันปลาบ แดดบ่ายสะท้อนละอองกระเซ็นที่ปลาน้ำลึกสะบัดตัวเหวี่ยง เป็นจุดวับวับอยู่ไกลโพ้น ณ ที่ซึ่งฉันมองเห็น

เป็นความสุขกระมัง? กับการล่องลอยไปในความเหงาเปลี่ยว มีบทเพลงบางบทขับกล่อมด้วยเส้นเสียงเบาบาง เป็นบรรทัดห้าเส้นที่กำลังโหนตัวเป็นท่วงทำนองแผ่วโผย เป็นความแผ่วโผยจากความอ่อนล้า เหน็ยเหนื่อย สิ้นหวัง เป็นหยาดคีย์ที่ร่วงลงมาทีละดวง ทีละดวง 

ดวงตาคู่หนึ่ง กำลังมองหาบางสิ่งที่จักล่องลอยมาเหนือยผืนน้ำ

๒).
อาจเป็นความหอมหวานเกินใดเปรียบกระมัง? ผู้รอคอยจึงได้แสนสุขด้วยความทุกข์ทรมานฉะนี้ มันเป็นความจริงหรือลวง? กับความรู้สึกพลุ่งพล่านที่เงียบสงบ ความอึกทึกวุ่นวายของหัวใจอันแสนจะนิ่งสงัดของดวงหน้า ความรัก - ดำรงอยู่แท้จริง หรือเป็นเพียงความรู้สึกหนึ่งที่บังเกิดขึ้นมาในห้วงขณะหนึ่ง วัยวัยหนึ่ง? ความรัก  มีตัวตนชัดเจน หรือเป็นเพียงภาพฝันที่ฉายเด่นชัดในยามตื่นและหลับ ทั้งยามร่ำไห้และหัวร่อ? ความรัก  เป็นเพียงความป่วยไข้ของผู้เข้มแข็ง หรือเป็นความปรกติของผู้รอคอย?

โลกของเธอที่อยู่เบื้องหน้า เป็นเส้นแบ่งแบบบางที่แยกเราห่างจากกัน เสมือนใกล้ ใกล้เพียงผุดดำมิกี่อึดใจก็ถึงฝั่ง เสมือนห่าง ห่างพอที่จะมิได้ยินเสียงดอกไม้ผลิดอกพราว

เส้นที่แบ่งโลกออกเป็นสองโลก บางเบา ไกลห่าง ทอดยาวมิมีจุดสุดท้าย กระโดง
ของเรือหาปลาลำหนึ่ง กำลังโผล่ธงเล็กๆสะบัดลมโต้คลื่นเข้าฝั่ง เชื่องช้า แช่มช้อย ดั่งหนึ่งเหนื่อยล้าเหลือเกินกับการเดินทาง ร่องรอยการผ่านพายุกระแสลมหนัก กราบเรือเอียงวูบอยู่เป็นระยะ เสียงตะโกนของนายท้าย เสียงลูกเรือฮึบ ระเบ็งเซ็งแซ่แล้วเลือนหายไปในที่สุด

นกขาวแอ่นปีกล้อลม โฉบเฉี่ยวฉวัดเฉวียนปลอบประโลมเรือ เสียงน้ำแตกซ่าด้วยฝีพายเฮือกสุดท้าย ฝั่งที่มีสายตาผู้รอคอยด้วยหัวใจเปี่ยมสุข และเสียงสวดมนต์

โดยฟ้ามิพักตั้งเค้า เรือลำนั้นก็ดิ่งจมลงสู่ห้วงลึกของมหาสมุทร และผู้รอคอยกำลังเริ่มต้นการร้องไห้อย่างโดดเดี่ยว  อีกครั้ง

๒๙ พิจิก ๒๕๔๗				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟหมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก
Lovings  หมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟหมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก
Lovings  หมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟหมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก
Lovings  หมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงหมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก