18 กรกฎาคม 2551 00:20 น.

- " คำถาม " -

อนันต์

เมื่อฟังถ้อยคำท่านแถลง
ใจรู้สึกอ่อนแรงและเหนื่อยล้า
เกือบหนึ่งร้อยกว่าปีที่ผ่านมา
กี่ชีวาที่ต้องดับเลื่อนลับไป
      ณ วันนี้ท่านขอยุติศึก
เราดีใจแต่ลึกลึกเราสงสัย
ท่านเรียกเราและท่าน "พี่น้องไทย"
แล้วมือท่านเปือดเลือดใครไม่คิดดู
      ฟังไม่ทันครบความน้ำตาไหล
โอ้เลือดไทยฟังแล้วแสนอดสู
ในวันนี้มีพี่น้องเป็นศัตรู
ที่ฆ่าผู้พิทักษ์รักษาไทย
      ตัวท่านปรารถนาสันติหรือ
แล้วมันคืออะไรเราสงสัย
การที่มาดักยิงแล้วหนีไป
อีกทั้งระเบิดไว้เกือบรายวัน
      ตัวเราก็วาดหวังสันติสุข
แต่ไม่รุกรานผลาญชีพให้เสียขวัญ
ยามทุกข์เราปลอบประโลมกัน
ด้วยหัวใจสุดจะกั้นทนระทม
      คำถามคือท่านใจกล้าหรือหน้าด้าน
ที่ท่านออกแถลงการอันขื่นขม
เราได้ฟังมองเห็นเลือดที่กองจม
ศพผู้คนที่ทับถมบนแผ่นดิน
      ไยท่านกล้าใช้คำว่าพี่น้อง
ทั้งที่มือทั้งสองเปือดเลือดสิ้น
"ชาวไทย"ทุกคำที่ได้ยิน
แล้วชีวิน "ครู - ผู้กล้า " จะว่าไง?


ณ ๑๗ กรกฏาคม ๒๕๕๑				
24 พฤศจิกายน 2550 16:40 น.

เหงา (ใจ)

อนันต์

นั่งเหม่อมอง ท้องฟ้า เมฆาขาว
อีกแสงพราว สะท้อน ลำธารใส
ใบไม้ร่วง หลุดลอย ปลิวพัดไป
และหัวใจ ก็หลุดล่อง ปลิวพัดตาม

      คิดอยากหยิบ ปากกา ขึ้นมาเขียน
คำร้อยเรียน ตอบถ้อย ในคำถาม
ใจที่หลุด ลอยล่อง  ณ โมงยาม
เจ้าจะข้าม ฟากฟ้า ไปหาใคร

      หรือเจ้าตาม ถามหา คนรู้จัก
ที่เจ้ารัก แต่ไม่รู้ อยู่หนไหน
หรือตามหา อีกครึ่งหนึ่ง ที่หายไป
แล้วเจ้าฝาก ไว้กับใคร ใยไม่จำ

      ได้แต่ถาม คำถามเดิม ที่เคยถาม
คำตอบยัง ไม่ได้ความ อยู่ซ้ำซ้ำ
เหตุใดหนอ ทำไม่ได้ อย่างเคยทำ
อยู่คนเดียว เช้าจนค่ำ อย่างเคยเป็น

      ความรู้สึก เดียวดาย กับกายข้า
ตรงกันข้าม กับสีหน้า ที่มองเห็น
ยังยิ้มได้ หากในใจ มิได้เป็น
รอยน้ำตา ยังมีเช่น เมื่อวันวาน

      กอดตัวเอง ภายใต้ ผ้าห่มหนา
แอบอิจฉา ช่วงเวลา ที่แสนหวาน
โดดเดี่ยวกับ ความเงียบ ที่กังวาน
ลมพัดผ่าน กาลมิหยุด ให้ฉุดดึง				
31 กรกฎาคม 2549 21:43 น.

วสันตารมณ์ (เหงา)

อนันต์

เมื่อสิ้นสุดเวลา  ณ ราตรี
หวังว่ามีแสงอรุณรุ่งบนฟ้า
แต่ยามตื่นภาพที่เห็นเมื่อลืมตา
เป็นหยดน้ำจากฟากฟ้าที่มาเยือน

      แสงแดดเคยส่องลอดเข้าส่องหน้า
ไออุ่นเคล้านานมาหาใดเหมือน
แต่วันนี้ไอเจ้าช่างลางเลือน
กลับกลายเป็นเย็นเยือนสะเทือนใจ

      เสียงสายฝนดังแว่วแผ่วลมพัด
กระเซ็นซัดสาดกระทบกระจกใส
กลายเป็นขุ่นอีกมัวเห็นเป็นไอ
มองสิ่งใดมิอาจเห็นเช่นทุกวัน

      เหลียวมองหมอนใบที่รองรับ
เมื่อยามหลับข้ามคืนที่เคยฝัน
อีกใบข้างอยู่เคียงเรียงต่อกัน
ไม่เคยรองรับฝันใดใดเลย

      ใจเหมือนหมอนที่ไม่เคยถูกนอนหนุน
ไออุ่นใจไม่เคยคุ้นโอ้อกเอ๋ย
เหงาเกาะกินในใจโอ้อกเอย
จะได้เชยบ้างไหมใจบ้างคน

      แม้ร่างกายอยู่ใต้ผ้าห่มหนา
ก็ไม่อาจต้านฤิทธาฤดูฝน
น้ำตาไหลปนไปเคล้าระคน
เมื่อ "วสันตอารมณ์" เข้าครองใจ				
11 พฤษภาคม 2547 18:25 น.

ฟ้า โชคชะตา ความรัก

อนันต์

เพราะ...เพียงฟ้าอยู่สูงสุดบนฟ้า
จึงแลดูตระการตามาแต่ไหน
เพราะเพียงฟ้าปกคลุมทุกแดนไกล
ฟ้าจึงได้ยิ่งใหญ่อยู่ทุกวัน
      ฟ้า...ก็เป็นเพียงฟ้าที่ฟากฟ้า
ฤๅจะได้นำมาซึ่งสุขสันต์
ฟ้าก็เป็นเพียงฟ้าคืนและวัน
ฤๅจะสร้างทุกข์นั้นได้อย่างไร
      เป็น...เพียงฟ้าสีฟ้าก็เพียงฟ้า
จะหาเดชเดชาจากแห่งไหน
ฟ้าก็เป็นเพียงฟ้าที่เข้าใจ
ลิขิตใดใช่ฟ้าใช่ตัวตน
      โชคชะตา...ก็อ้างว่าเพราะฟากฟ้า
สร้างขึ้นมาให้อยู่ทุกแห่งหน
คอยกำหนดแต่วิถีชีวิตคน
สุดดลบันดาลให้เป็นไป
      ที่...ว่าฟ้าก็เพียงฟ้าก็คือฟ้า
ฤๅจะสร้างโชคชะตาอย่างไรไหว
ไร้ตัวตนคนสร้างมาอย่างไร
ก็มิอาจสร้างสิ่งใดได้เช่นกัน
      สร้าง...ตัวตนให้ตนเองยังมิได้
ฤๅจะสร้างวิถีได้ดั่งเสกสรร
จะเป็นฟ้าโชคชะตาไม่ต่างกัน
วิถีนั้นกำหนดเองเช่นตัวเรา
      ความรัก...ว่าโชคชะตาฟ้าลิขิต
ใยไม่ใคร่พินิจคิดดูเล่า
โชคชะตาและฟ้าต่างไร้เงา
ให้คนเฝ้าติดตามถามเหตุใด
      ความรัก...เกิดจากใจใช่จากฟ้า
อีกทั้งโชคชะตาให้อาศัย
บ่มเพาะความไว้เนื้อและเชื่อใจ
จึงเป็นไปตามวิถีทางของมัน
      ความรัก...มีวิถีทางแห่งความรัก
ใช่ใครจักกำหนดไปได้ดั่งฝัน
สร้างขึ้นเองเพียรรู้เอง...กันและกัน
แล้วใช้เสียงหัวใจนั้นช่วยนำทาง				
11 พฤษภาคม 2547 14:10 น.

การกลับมา...ของความรัก

อนันต์

เมื่อก่อนครั้งยังรักยังรู้สึก
ยังอ่อนไหวอยู่ลึกลึก...สิเน่หา
ความรักเอ๋ยเจ้าเกิดแต่ใดมา
ทำให้ข้าต้องมีสุขทุกข์ระคน
      เพียงสัมผัสก็รู้สึกถึงความคิด
เพียงแค่พิศสบตาพาสับสน
เดี๋ยวเป็นห่วงเดี๋ยวก็หวงล้วนปะปน
แต่เมื่อยลรอยยิ้มอิ่มเอมใจ
      เมื่อที่รักข้าจากพรากไกลห่าง
รอยความสุขแสนเลือนลางได้ไฉน
เคยมีทุกข์มีสุขเคล้าคลอไป
แต่วันนี้เมื่อใดสุขจะมา
      ทนปล่าวเปลี่ยวเอกาเพราะข้ารัก
อยากจะหักห้ามใจอย่างไรหนา
โอ้อกเอ๋ยเจ็บช้ำซ้ำน้ำตา
ฤาว่าต้องแยกกันนิรันดร
      เมื่อได้พบสบตากับความหลัง
เหมื่อนพลังหวนคืนเตือนเสี่ยมสอน
หากจมปรักกับรักเก่าอย่างอาวรณ์
จะมีรสสุขล้ำได้ตอนใด
      ความรักมีพบพาลมีพรากจาก
ทั้งหลายหลากร้อยรสด้วยสดใส
อีกทั้งหมื่นอีกทั้งแสนความทุกข์ใจ
ไม่ว่าใครคงจะได้เคยลิ้มลอง
      เมื่อความรักที่หวังนั้นไม่อาจอยู่
ก็จงรู้ไว้เถิดท่านทั้งผอง
ปล่อยไปตามวิถีทางตามทำนอง
ว่าด้วยสองใจนั้นมีคู่กัน
      หากเสียรักเสียแล้วใช่เสียเปล่า
ได้เรื่องราวตอนสุขแสนสุขสัน
เก็บเอาไว้ในใจทุกทุกวัน
ส่วนทุกข์นั้นอย่าจำมันคงดี
      เมื่อรักจรจรแล้วใช่จรจาก
มีพรัดพรากมีพบพาบตามวิถี
เพียงเข้าใจในรักที่ตนมี
เพียงเท่านี่...ความรัก...จักกลับมา				
Lovers  0 คน เลิฟอนันต์
Lovings  อนันต์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอนันต์
Lovings  อนันต์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอนันต์
Lovings  อนันต์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงอนันต์