22 กุมภาพันธ์ 2548 19:48 น.

ครูของศิษย์

อาชา

บุคคลในดวงใจ
                                                     คงอยู่ในใจของฉัน

                                                          เธอบ่นทุกวี่วัน
                                                     เพื่อให้ฉันเป็นคนดี

                                                          ทำโดยไม่หวังผล
                                                     บ้างทุกข์ทนก็ยังมี

                                                          ทำได้ทั้งชีวี
                                                     เพื่อวันนี้ศิษย์ของครู				
26 พฤศจิกายน 2547 22:13 น.

เหตุเกิดเพราะปาฏิหาริย์(5)

อาชา

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในระหว่างวันอังคารที่ 27 มกราคม - วันจันทร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2547  เรื่องนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นถ้า กระทรวงศึกษาธิการ ไม่มาตรวจโรงเรียน

          27 ม.ค. 47
          ตอนเช้าในขณะที่ฉันยืนเข้าแถวรอลงไปซ้อมพิธีของโรงเรียนอยู่บนระเบียงชั้น3  เธอก็เดินมาดูแถวของนักเรียนตามปกติ  แม้ว่าการกระทำเช่นนี้จะเป็นเรื่องปกติแต่ก็ทำเอาฉันมองเธอตาค้างไม่กระพริบ
          เฮ่ย!ยังไม่ตื่นหรอ
          เธอทักฉันจนสะดุ้งตื่นจากอาการตาค้างซึ่งก็ทำเอาฉันรู้ตัวว่าจ้องมองเธอเข้าไปเต็มๆเลย  สักครู่เธอก็เดินไปคุยกับเพื่อนคนหนึ่งแล้วหันกลับมาพูดให้ทั้งห้องได้ยินว่า
          กนกพร  สมฤดี  กมลทิพย์  ชนาธิป  พักเที่ยงไปเจอกันที่สนาม3
          อ้าวเฮ้ย..มีชื่อฉันรั้งท้ายด้วยนะเนี่ยดีใจจัง  พอหมดชั่วโมงเรียนก่อนพักเที่ยงฉันก็เดินลงไปที่สนาม3ตามสัญญาของเธอ  แต่รอแล้วรอเล่าเธอก็ยังไม่ยอมมาสักทีฉันจึงเดินเข้าไปที่โรงอาหารเพื่อทานอาหารกลางวันก่อน  ตอนแรกว่าจะเดินไปซื้ออาหารแต่อยู่ดีๆฉันก็เดินกลับออกมาที่สนาม3..เพื่อมารอเธอและเธอก็เดินมาจริงๆ  เธอพูดรวมๆถึงเรื่องการเตรียมห้องให้พร้อมสำหรับการตรวจเยี่ยมโรงเรียนและพูดต่อถึงเรื่องการทำมู่ลี่ซึ่งฉันก็ได้เสนอความคิดไปเล็กน้อย  ไปๆมาๆเธอก็มาพูดเออออกับฉันอยู่คนเดียว  เลยกลายเป็นว่างานนี้ฉันต้องรับผิดชอบไปเลยน่ะสิ  หลังเลิกเรียนฉันเลยถือโอกาสเดินออกมาคุยกับเธอโดยใช้งานมาเป็นข้ออ้างซะเลย
          
          29 ม.ค. 47
          วันนี้หลังเลิกเรียนวิชาคอมพิวเตอร์ที่อาคาร2ฉันตั้งใจจะเดินกลับอาคาร1ไปเลย  แต่เธอดันมายืนเฝ้าเวรอยู่ฉันก็เลยหาโอกาสเข้าไปคุยด้วยสักหน่อย  ตอนนี้ในมือของฉันถือสมุดและกระเป๋าดินสออยู่เพียงแต่ยิ่งคุยกับเธอนานเท่าไรฉันก็ยิ่งกำสมุดจนม้วนมากขึ้นเท่านั้น  เวลาที่จะคุยกับเธอฉันก็มักจะมีข้ออ้างเสมอๆวันนี้ก็เช่นกันเอาเรื่องงานมาบังหน้าแต่ก็คุยจริงๆจังๆ  งานมู่ลี่ที่เธอฝากไว้ก็เริ่มทำแล้วเหลือเรื่องลูกปัดและเชือกที่จะใช้ร้อย  เธอบอกให้ฉันไปดูเชือกที่ร้านขายของข้างโรงเรียนแต่ฉันก็ดันสติแตกหาไม่เจอ  เลยกลับออกไปคุยกับเธอและเธอก็พาฉันเข้ามาดูเชือกด้วยกันทำเอาฉันพูดไม่ออกบอกไม่ถูกแล้วนะเนี่ย

          30 ม.ค. 47
          ชั่วโมงคณิตศาสตร์เพื่อนๆในห้องเรียนของฉันร่าเริงกันเต็มที่เสียจนมิสผู้สอนทนไม่ไหวจึงเดินออกจากห้องไป  เธอในฐานะครูผู้ช่วยจึงต้องเข้ามาดูแลในห้องและอนุญาติให้ทำมู่ลี่ต่อได้  คราวนี้เพื่อนๆมาช่วยทำกันทั้งห้องงานเลยคืบหน้าไปเยอะแถมเธอยังเข้ามาช่วยทำอีกต่างหาก  ถึงเวลาพักก็ไม่ไปพักเพราะโอกาสแบบนี้ไม่ได้หากันได้ง่ายๆนะเนี่ย  แต่แล้วเธอก็เดินมาบอกกับฉันว่า
          เดี๋ยวมิสลงไปเฝ้าเวร เราทำไปก่อนละกัน  
          จากนั้นเธอก็เดินออกจากห้องไปทำเอากำลังใจหดหายไปเกือบครึ่งเลยนะเนี่ย  หลังเลิกเรียนในเวลา 15 .40 น. ตามจริงแล้วฉันต้องกลับบ้านเลย  แต่เธอบอกให้พยายามอยู่เย็นเพื่อช่วยกันทำงานก่อน  ถ้าขอร้องกันมาแบบนี้ใครกันนะจะปฏิเสธได้ลงคอ  ฉันจึงโทรศัพท์บอกแม่ให้มารับตอนเย็นๆและนั่งทำมู่ลี่ต่อไปเรื่อยๆ  ในที่สุดเธอก็เดินเข้ามาดูความคืบหน้าของงานแต่แล้วก็เดินกลับออกไปเพราะติดธุระด่วน  ฉันก็ยังคงกัดฟันทำงานต่อไปเรื่อยๆจนครบ 2 ชั่วโมงพร้อมกับเหมางานไปทำต่อที่บ้านแล้วจึงลงไปรอแม่ที่สนามด้านล่างซึ่งเกือบจะร้างผู้คนแล้ว  
          17.40 น. เธอขี่มอเตอร์ไซค์พาหนะคู่ชีพของเธอกลับบ้านพร้อมกับรุ่นพี่คนหนึ่งซ้อนท้ายอยู่  ซึ่งรุ่นพี่คนนี้ฉันเพิ่งรู้จักผ่านทางอินเตอร์เน็ทได้เมื่อต้นปีนี้  และหลังจากนั้นฉันก็ได้รู้อะไรหลายๆอย่างทั้งความสุข  ความเศร้า  ความสมหวัง  ความเสียใจได้เกิดขึ้นกับฉันและสิ่งเหล่านี้นี่เองที่ทำให้ฉันได้รับรู้อยู่เสมอว่า  ทุกสิ่งบนโลกไม่มีอะไรแน่นอนเพราะความแน่นอนที่สุดก็คือความไม่แน่นอน

          31 ม.ค. 47
          วันนี้ฉันไม่ได้ไปโรงเรียนแต่ก็ยังไปเรียนพีเศษ  เมื่อกลับมาบ้านแล้วฉันก็ยังคงมุมานะทำมู่ลี่ต่อไปจนเที่ยงคืน  แม้ว่ากำลังกายจะถดถอยหรือกำลังใจจะหมดไป..

          1 ก.พ. 47
          วันนี้ชีวิตก็ยังหนีไม่พ้นการเรียนพิเศษ  แต่ฉันก็เริ่มทำมู่ลี่ต่อไปจนบ่ายๆก็เริ่มรู้สึกคิดถึงเธอเลยโทรไปถามเรื่องไม้ที่จะใช้ห้อยมู่ลี่  เธอตอบกลับมาว่าจะลองหาดูและฉันก็ยังคงนั่งทำต่อ  22.20 น. ฉันเกิดใจกล้าชนิดบ้าบิ่นถึงขนาดโทรศัพท์ไปหาเธอทั้งๆที่ดึกมากแล้ว..แต่เธอก็ยังเปิดมือถือ  ฉันบอกกับเธอเพียงแค่ว่าทำสุดความสามารถได้เพียงเท่านี้  เธอก็ตอบกลับมาว่า ทำคนเดียวเหนื่อยใช่มั้ยล่ะ  ขอบใจนะ  กำลังใจเริ่มกลับคืน..

          2 ก.พ. 47
          ชั่วโมงแนะแนวซึ่งเป็นชั่วโมงของเธอเองแท้ๆแต่เธอกลับหางานมาให้ทำซะได้  หลังเลิกเรียนฉันเลยโดดเรียนพิเศษแล้วมานั่งร้อยมู่ลี่อยู่ที่สนามและได้เพื่อนๆอีกบางส่วนเข้ามาช่วยกันทำ  ทำไปเรื่อยๆก็รู้สึกกระหายน้ำฉันจึงชวนเพื่อนคนหนึ่งเดินไปซื้อน้ำร้านขายของซึ่งปกติเธอจะต้องเฝ้าเวรอยู่แต่ตอนนี้เธอหายไปไหนแล้วล่ะเนี่ย  พอฉันกำลังเอื้อมมือไปจับประตูร้าน..เธอก็ผลักประตูออกมาพอดีทำเอาฉันตกใจ  เฮ้ย!ทำไมไม่เรียนพิเศษเธอพูดและฉันก็ตอบกลับไปว่าก็..ทำมู่ลี่ค่ะ  เออ..รีบๆเข้าล่ะเธอพูด  หลังจากนั้นฉันก็กลับไปทำงานต่อ

          สุดท้ายแล้วงาน มู่ลี่ นี้ก็เสร็จ(จนได้)  ต้องขอขอบคุณเพื่อนๆทุกคนและเธอ(ซึ่งก็เป็นคนสั่งงานเองนี่หว่า)ที่ให้ความร่วมมือในการทำงานเป็นอย่างสูงจนทำให้ผลงานที่ออกมาประสบผลสำเร็จไปได้ด้วยดี

          เหตุเกิดเพราะปาฏิหาริย์ 				
14 พฤศจิกายน 2547 21:11 น.

ร้อยรัก

อาชา


                                          ร้อยเงินทองไม่เท่ากับสิ่งนี้
                                     ร้อยภาษีโกงกินชาติยังไม่ถึง

                                          ร้อยสิ่งใดก็ยังไม่ตราตรึง
                                     ร้อยคำซึ้งเทียบได้ให้รู้ไป

                                          ร้อยคำนี้ก็ไม่เห็นจะพูดยาก
                                     ร้อยลำบากกว่าจะพูดเลยนั้นหรือ

                                          ร้อยทั้งร้อยสุดท้ายนั้นก็คือ
                                     ร้อยความรักจากใจไปให้เธอ				
15 ตุลาคม 2547 22:21 น.

เหตุเกิดเพราะปาฏิหาริย์(4)

อาชา

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันพุธที่ 21 มกราคม พ.ศ.2547  ซึ่งเป็นวันก่อนวันตรุษจีน 1 วัน  ฉันรู้ดีว่าพรุ่งนี้จะไม่ได้เจอเธอแน่  วันนี้ฉันถึงต้องรีบๆเจอไง

          เมื่อลงจากรถโรงเรียนในตอนเช้าฉันก็เดินเข้าประตูโรงเรียนไป  นักเรียนส่วนใหญ่กำลังนั่งอ่านหนังสือตามนโยบายอันแสนประเสริฐของโรงเรียนอยู่  ทุกคนกำลังอยู่ในความเงียบดังนั้นฉันจึงต้องเดินอย่างระมัดระวังเพื่อไปวางกระเป๋านักเรียนตรงหน้าห้องศาสนา  เดินไปเข้าห้องน้ำแล้วกลับมาแลกเหรียญชิพสำหรับค่าขนม  เมื่อเดินกลับมายังกระเป๋านักเรียนเพื่อจะหยิบแล้วเดินขึ้นห้องก็พบว่ามีกระเป๋าเป้ใบหนึ่ง  ซึ่งไม่ใช่ของนักเรียนแน่ๆเพราะมันไม่ถูกระเบียบ  แต่ฉันจำได้ว่าเหมือนเคยเห็นที่ไหนน้า  ใช่แล้วเป้ใบนี้ก็เป็นของเธอไง  บังเอิญจริงๆที่กระเป๋าเป้ของเธอวางอยู่ใกล้กระเป๋าฉันแค่อยู่คนละฝั่งเท่านั้นเอง  ฉันมองไปรอบๆเผื่อจะเจอเธอแล้วก็เจอเข้าจริงๆ  เธอกำลังยืนอบรมนักเรียนอยู่ที่หน้าเสาธง  ฉันเหลือบตาไปมองเธอและเธอก็มองฉัน!  คงเป็นแค่เรื่องบังเอิญเพราะถ้ามีใครมามองเราแล้วเรารู้สึกเหมือนถูกจ้องมอง  เราก็คงต้องหันกลับไปดูอยู่แล้วแหละเนอะว่าใครกันนะที่มาแอบมองเรา  จากนั้นฉันก็หยิบกระเป๋าแล้วเดินขึ้นห้องไป

          ตั้งแต่ที่ห้อง ม.1/6 ของฉันขึ้นมาเข้าแถวบนระเบียงชั้น 3  ฉันมีความรู้สึกว่าเหมือนกับถูกปิดตาไม่ให้มองเห็นโลกภายนอกเลย  มันน่าเบื่อมากโดยเฉพาะเวลาที่เธอไม่มายืนอยู่ที่แถวด้วยน่ะสิ

          พักเล็กฉันไม่ได้เจอเธอเลย  การเรียนก็แสนจะน่าเบื่อแถมยังถูกพายุการบ้านโหมกระหน่ำเข้าใส่อีกจะบ้าตาย  ขนาดชั่วโมงศิลปะซึ่งถือว่าเป็นวิชาที่ฉันชอบและทำได้ดีแล้วก็ยังไม่วายน่าเบื่ออีกจนได้  เรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่างานนี้ฉันตั้งใจทำมากและผลของการตั้งใจมากจนเกินไปก็คือความล้มเหลวของงาน  ซึ่งเรื่องนี้ฉันก็เคยได้ยินคนอื่นพูดมาเหมือนกันว่าการตั้งใจทำอะไรมากเกินไป  มักจะทำให้งานล้มเหลวเพราะเราจะขาดความเชื่อมั่นในงานของตนเอง

          พักกลางวันฉันเดินไปทานข้าวกลางวันที่อาคาร2  ในขณะที่ฉันต่อแถวซื้อข้าวตามปกติฉันก็เห็นเธอเดินไปล้างมือตรงใกล้ๆที่เก็บจานพอดี  ฉันเดินไปซื้อน้ำและเธอก็เดินมาพอดี!  เธอซื้อน้ำแข็งเปล่าถุงใหญ่ซึ่งมากเกินไปสำหรับคนๆเดียว  ทางที่ดีควรจะแบ่งให้ฉันอีกสักคนจะดีกว่า  เฮ่ย!แล้วฉันจะไปยุ่งอะไรกับเธอนักหนาล่ะเนี่ย

          หลังเลิกเรียนฉันเดินลงมาอย่างไม่ปกติเพราะวันนี้มีรอบเดือน  แต่ถึงจะเป็นแบบนี้ฉันก็ยังแอบมองเธอที่ยืนเฝ้าเวรอยู่ดี  เธอน่ารักเนอะ..อิ อิ

          หลังเลิกเรียนพิเศษฉันเดินหิ้วกระเป๋าเอาการบ้านไปทำที่อาคาร 1  เพื่อนสนิทของฉันที่ปกติจะอยู่คุยด้วยก็กลับบ้านไปแล้ว  ฉันจึงหันไปคุยกับเพื่อนอีกคนหนึ่งที่นั่งรถโรงเรียนคันเดียวกัน  ปกติทุกๆเย็นเธอจะต้องมาตอกบัตรที่ตึกนี้  แต่ตอนนี้เย็นมากแล้วฉันจึงไม่มีเวลารอเธออีกต่อไป

          ฉันเดินเข้าไปนั่งในรถโรงเรียนตรงตำแหน่งที่ฉันนั่งคือด้านหน้าสุดข้างคนขับ  รถโรงเรียนของฉันจอดอยู่หน้าอาคาร2ในตำแหน่งที่สามารถมองเห็นทุกๆคนที่เดินออกมาจากตึกได้พอดีฉันจึงยังคงมองหาเธอ  แต่รถใกล้จะออกแล้วนะ ทำไมฉันยังไม่เห็นเธอซักที

          แต่แล้วฉันก็เห็นเธอเดินสะพายกระเป๋าและกำลังจะกลับบ้าน  ถ้าลงไปหาตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วหลายครั้งที่ฉันนั่งอยู่ในรถโรงเรียนแล้วเห็นเธอแต่มีแค่ครั้งเดียวที่เธอเดินมาแล้วมองเห็นฉัน  ครั้งนี้จะเป็นครั้งที่2ที่เธอเห็นฉันไหมนะจะเป็นไปได้ไหมนะ

         มันเป็นไปแล้วเพราะเธอเดินไปนั่งกับครูเวรที่หน้าประตูโรงเรียนแล้วหันมามองฉันพอดี
เธอหันไปคุยกับครูเวรอีกครั้งหนึ่งและหันกลับมาเป็นพักๆ  ในที่สุดรถโรงเรียนก็ออกขับฉันจึงมองเห็นเธอได้ยากขึ้นๆ  รอว่าเธอจะหันมามองฉันเป็นครั้งสุดท้ายไหมนะจะมีไหมนะ  และแล้วเธอก็หันมามองฉันทำนองว่าเจอกันวันศุกร์นะพอดี  ฉันมองเธอแล้วเธอก็มองฉัน  โอ้ยยยย ไม่ไหวแล้วทำไมตาเธอถึงได้หวานอย่างนี้นะ  แต่ฉันก็แอบยิ้มนิดๆให้จนเธอหายลับไปจากสายตา

          นี่อาจเป็นอั่งเปาวันตรุษจีนที่ดีที่สุดแล้วก็ได้นะ...ว่ามั้ย

          เหตุเกิดเพราะปาฏิหาริย์ 				
13 ตุลาคม 2547 22:49 น.

เหตุเกิดเพราะปาฏิหาริย์(3)

อาชา

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 15 มกราคม  พ.ศ.2547  ซึ่งก็คือ 1 วันก่อนวันครู  วันนี้ฉันไปโรงเรียนตามปกติโดยเดินเอากระเป๋านักเรียนไปเก็บไว้ที่ห้องเรียนแล้วไปเข้าแถวที่อีกอาคารหนึ่ง

          ฉันนั่งรอเพื่อนๆบางส่วนที่ยังไม่มาเข้าแถว  เธอเดินมาพอดีด้วยการแต่งตัวที่เปลี่ยนแปลงไป  จากเดิมที่เธอต้องใส่เสื้อตัวใหญ่ๆกับกางเกงวอร์มเพราะเป็นครูสอนพละ  วันนี้เธอกลับใส่เสื้อและกระโปรงสีชมพูอ่อน  แต่นี่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่ฉันสนใจ

          เมื่อถึงกำหนดการของเวลาที่วางไว้ครูทุกท่านเข้าประจำที่รวมทั้งเธอด้วย  พิธีไหว้ครูหรือกตัญญุตานี้ใช้เวลาเป็ดเสร็จประมาณ 1 ชั่วโมง  หลังพิธีฉันเดินข้ามอาคารกลับไปที่ห้องเรียนของตัวเองตามปกติ  เธอยืนคุยกับมิสท่านหนึ่งอยู่ที่หน้าประตูอาคาร  ฉันมองเธอและเธอมองฉันแต่ก็ไม่มีอะไร

          พักเที่ยงฉันเดินข้ามตึกเพื่อไปทานข้าวเที่ยง  ฉันต่อแถวซื้ออาหารและเดินหาที่นั่ง  เธอเพิ่งทานเสร็จและกำลังเดินไปเก็บจานพอดี  จากนั้นเธอก็เดิน  เดิน  เดินจนหายลับไปจากสายตา

          หลังจากทานอาหารเสร็จฉันก็เดินกลับตึกทันทีที่สัญญาณเพลงดังให้เข้าห้องเรียน  เดินไปยังระเบียงหน้าห้องเรียนซึ่งในห้องนั้นเปิดไฟอยู่  ฉันจึงเดินเข้าไปเก็บของและเมื่อหันหลังกำลังจะเดินออกจากห้องก็พบว่าเธอนั่งอยู่ที่หน้าห้องเรียน  ฉันล่ะงงว่าเธอเข้ามาตั้งแต่เมื่อไรกัน  ฉันพยายามควบคุมอาการและสีหน้าให้เป็นปกติ  พยายามไม่ให้ไปมองเธอแต่ก็หันไปจนได้  พอแล้ว..ออกไปเข้าแถวดีกว่า

          เมื่อเดินแถวเข้ามาในห้องเธอยังคงนั่งอยู่ที่เดิม  คาบเรียนนี้เธอจะอยู่กับฉันอย่างนั้นหรือ  เสียงคุยของเพื่อนๆในห้องคงมากเกินกว่าที่เธอจะรับไหวแล้ว  เพราะสายตาของเธอดูโกรธ  เธอจึงเดินออกมาที่หน้าห้องและพูดกับทั้งห้อง  แล้วเดินออกจากห้องไป

          วันนี้เลิกเรียนเร็วเป็นพิเศษเนื่องจากครูทั้งโรงเรียนติดธุระ  ฉันจึงเดินไปทานไอศครีมที่โรบินสันบางรักกับเพื่อนอีก 5 คน  เดินกลับมาที่โรงเรียนอีกทีก็ 15.30 น.  ฉันนั่งเล่นอยู่กับเพื่อนอีก 2 คนแต่ใจยังคอยพะวงอยู่กับเธอ  ฉันจึงเดินออกไปดูมอเตอร์ไซค์ยานพาหนะคู่ชีพของเธอซึ่งยังคงจอดนิ่งอยู่กับที่  งั้นก็แปลว่าเธอยังไม่กลับบ้านน่ะสิ

          ตอนนี้เพื่อนคนหนึ่งกลับบ้านไปแล้ว  ฉันจึงเดินเล่นอยู่ที่สนามหน้าโรงเรียนกับเพื่อนอีกคนหนึ่ง  เดินไปเดินมาก็ไปเจอเธอซึ่งเดินอยู่ที่หน้าตึก  เธอปล่อยผมยาวที่ปกติแล้วมักจะรวบไว้เสมอ  เธอน่ารักจริงๆ  ฉันแอบตามไปดูเธอในระยะห่างๆ  เธอเดินสะพายเป้ไปยังมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ตรงทางที่จะไปท่าเรือ  ฉันเฝ้ามองเธอเดินไปแล้วหยุดเดินกับมิสท่านหนึ่ง  มองไม่ชัดนักว่าเธอทำอะไรอยู่แต่เมื่อรถคันหนึ่งเข้ามาจอดบังหน้าอยู่สักครู่และขับผ่านไป  เธอก็หายไปแล้วฉันจึงตัดสินใจเดินไปยังทางออกฝั่งท่าเรือพร้อมกับเพื่อน  ผ่านมอเตอร์ไซค์หมายเลขทะเบียน บทง381 ของเธอและหยุดมองว่าเธอจะกลับบ้านอย่างไรกันถ้าไม่ขี่มอเตอร์ไซค์ไปด้วย  เธอหายไปไหนกันนะฉันคิดในใจและยังคงเดินต่อไปยังประตู  

          ฉันหยุดที่ตรงรั้วเหล็กมองออกไปและพบว่าเธอยืนอยู่ข้างนอกพร้อมกับมิสที่เดินมาด้วย  ท่าทางเธอคงจะกลับบ้านด้วยรถของมิสคนนั้น  ฉันไม่รู้ว่าควรจะเดินต่อไปหรือไม่แต่ทันใดนั้น

          เอ้า! สองสาวยังไม่กลับอีกเหรอ กลับกี่โมงล่ะ  เธอถามฉันด้วยน้ำเสียงร่าเริงดังเช่นเคย

          บังเอิญว่าเธอหันมาเห็นฉันพอดีฉันจึงติบเธอไปว่ากลับ 5 โมง  เธอยิ้มให้ฉันและขึ้นรถของมิสท่านนั้นซึ่งขับไปยังที่ไหนก็ไม่รู้จากไป

          หัวใจของฉันพองโตเพราะความตื่นเต้นในวินาทีที่ฉันได้อยู่ใกล้เธอหรือเพียงแค่ได้ยินเสียงเรียก  แต่หัวใจฉันก็หล่นวูบในนาทีที่เห็นเธอจากไป

          เฮ้อ!ทำไมน้า...ฉันกับเธอถึงไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกันนานๆซะที

          เหตุเกิดเพราะปาฏิหาริย์  				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอาชา
Lovings  อาชา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอาชา
Lovings  อาชา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอาชา
Lovings  อาชา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงอาชา