18 เมษายน 2547 18:47 น.

....กลับสู่อดีต....

อาภาภัส

ครั้งเมื่ออยู่พระปฐม นครปฐม แห่งกรุงรัตนโกสินทร์  ยามที่จดจำภาพที่เรา
เห็น  ในยามรัตติกาล ชนต่างพากันหลับไหล แต่เรากลับได้ยินเสียงดนตรีบรรเลงแว่วมาราวกับชนชาวดนตรีต่างบรรเลงขับกล่อม   แลในความฝันอันยาวนานมาแล้วนั้น  ภาพแห่งองค์สมเด็จอดีตพระมหากษัตราธิราชเจ้า รัชกาลที่ ๖ ทรงประทับอยู่บนหลังอาชา แลพระองค์ เสด็จ วนโดยรอบสนามจันทร์ อาชาแห่งพระองค์ทรงนำพาพระองค์ไป จนจรด แดน ที่แดนหลัง   
     พระองค์ทรงสวมชุดทหารมีหมวกปีกพร้อมพู่   พระพักตร์และกิริยาของพระองค์ช่างงามสง่าบนหลังอาชาไนย   ฝีเท้าอาชายามเยื้องย่างรับกับเวลานั้นอย่างมิอาจเอ่ยคำใดประมาณได้เลย   
    และ  ณ  กาลแห่งเวลานั้นลุล่วงมา ภาษา แล หนังสือที่ ได้ทรงพระราชนิพนธ์
เรามิอยากให้ชนในปัจจุบัน ลืมภาษาแห่งบรรพชน  ลืมการสละอุทิศเลือดเนื้อและวิญญานของบรรพบุรุษ  




  ในนาม  อรุโณทัย อาภาภัส				
13 เมษายน 2547 09:41 น.

+-มา..ในฝัน...ฉากหนึ่ง .สงกรานต์ใจ..+- +

อาภาภัส

วันนี้ก็เช่นกัน ฉันหลับๆตื่นๆ และแต่ละคราวจะมีภาพและคำปรากฎขึ้น หากฉันไม่จดสักครู่จะลืมและเลือนหายไป
คำที่ฉันได้ใหม่ก่อนที่คืนวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๔๗ จะผ่านไป นั่นคือคำว่า บรรลุ...ศักราช ฉันต้องลุกไปดูปฏิทิน
      แต่ฉันก็หารายละเอียดไม่ได้ แค่มันบอกว่าเป็นแรม ๙ คำเดือน ๕ วันสงกรานต์ 
สิ่งที่ฉันคิดย้อนคือ ณ วันนี้ในอดีต     คนโบราณ  เขาทำอะไร   อย่างไร 

      ฉันคงจำอะไรไม่ได้ไปกว่า ภาพวันสงกรานต์ในอดีตวัยเยาว์ ที่ ฉัน นั่งพับเพียบ เรียบแต้ สองมือประนมฟังพระท่านเทศน์ อยู่ที่ศาลาด้านล่าง จำได้ว่าความรู้สึกที่ภูมิใจที่สุด น่าจะเป็นการนั่งมองมือตนเอง นิ้วเรียงชิดติดกัน หรือบางที  ก็แยกนิ้วออก ถ้าทำอย่างนั้น ฉันจำได้ว่าฉันคิดอะไร ฉันเคยคิดว่า สวดแปลว่าอะไร แล้วถ้ายิ่งคนแก่ๆทำ ฉันทำตาม

      ฉันต้องบรรลุมรรคผลแบบผู้ใหญ่แน่ ตอนใดที่นิ้วมือฉันห่าง ก็ด้วยฉันไปเลียนแบบผู้ใหญ่ยิ่งแก่มากมือท่านจะไม่สามารถประนมได้ ฉันยิ่งรืบทำตามใหญ่เลย   อีกเช่นเดียวกัน ฉันใช้สมองกรองเองว่า ยิ่งแก่มากยิ่งมากบุญ
    
     ยามเวลาที่ท่านนั่งนานไม่ได้ ท่านจะนั่งพิงเสา หรือสัปหงก นั่นเลย เปรี้ยวจี๋ทำตามท่านเลย 
     น่าขำนะหากเราคิดถึงภาพวัยเยาว์ที่เป็นความเข้าใจของเด็กๆที่ออกจะช่างคิด    ยังมีอีกนะ    ตอนบ่ายๆของวันสงกรานต์ที่จำได้ ณ เหตุการณ์ตอนนั้น
     ขันเงินหิน ขันเงินโบราณใบหนึ่งที่คุณย่าหยิบออกมาจากตู้เอามาสำหรับใส่นำเพื่อสรงนำพระ นั้น 

ใครจะเป็นคนไปเอานำล่ะ แล้วเดี๋ยวเอานำอบใส่ 
หนูเองค่ะ     ท่าทางของเด็กหญิงเปรี้ยวเวลานั้นกระหยิ่มยิ้มย่อง

     ก็การเป็นเด็กดี คือ ต้องรู้จักอาสาทำหน้าที่ อะ อะ แค่ ๖ ขวบ คิดจะช่วยไง 
     ตรงปรี่รีบไปหยิบขันเงินใบนั้น โอโฮ หนัก หนักมาก แต่ก็ยังยิ้มอยู่ เดินไปรอเข้าแถวเพื่อนำนำใส่ขัน รออยู่สักครู่ ถึงรอบที่จะได้นำ ขันหินใบใหญ่ 
บัดนี้มีนำเต็มเอ่อ เริ่มลื่นสำหรับเด็กเล็กๆเสียแล้ว ไม่มีที่จะจับยึดนอกจากมือทั้งสองที่พยายามบีบจับตรงส่วนบนของขันให้แน่น
      ต้องค่อยๆประคองเดินไป โอย มันหนักอะไรอย่างนี้ เมื่อไหร่จะถึงศาลาที่ย่านั่งเสียที จะปล่อยลงให้ร่วงหล่นก็ไม่ได้ เดี๋ยวขันจะแตก
       สีหน้าของเด็กหญิงเปรี้ยวยามนี้ เป็นรอยยิ้มที่ค่อยจางลง จางลงทีละนิด จนถึงเป็นความกังวลอันหนักหน่วง ทำอย่างไรถึงจะต้องถึงตรงที่ย่าอยู่ โดยขันต้องไม่ตก มีนำอยู่เต็มอีกด้วย
       บัดนี้ หนูน้อยเรียนรู้การทำอะไรที่เกินกำลังและต้องไปถึงฝั่ง ถึงเป้าหมายมันใช้ความอดทนสูงมาก ย่างก้าวที่ค่อยก้าวทีละนิด โอ..ในที่สุดก็ถึงจนได้
      ขณะวางขันลง โล่งใจ ทุกสิ่งผ่านไปได้ด้วยดี เอ๋ะ แต่เราทำยากขนาดนี้ ยังไม่มีคำชมหรือ สายตาเริ่มมองไปจับทุกใบหน้า สลับไปมา ยิ้มแหยๆปรากฏให้เห็น ไม่มีใครชม ไม่มีจริงๆ      
     ความดีอันใหญ่ยิ่งตามวัย ความยากที่สุดชิ้นหนึ่งเช่นกันที่ได้ทำ แต่สำหรับผู้ใหญ่ที่ เขาผ่านวัยนั้นมาแล้ว กำลังเขามีพอตัวอยู่แล้ว เขาคงนึกไม่ถึง 
         ในที่สุด หนูน้อยลืมเรื่องเดิมแล้ว เสียงหนุ่มสาวสาดนำใส่กันหยอกเอินทักทาย กลบความคิดแห่งการอยากได้คำชมเสียสิ้น....




จากคุณ อาภาภัส อรุโณทัย เมื่อวันที่ 13 เมษายน 47  



  


  



 
 
 
   
     
 
 
 
 :				
8 เมษายน 2547 22:55 น.

++++เรื่องถึง..Bigyak+++++

อาภาภัส

ดวงจันทร์หลังคืนวันพระ มันยังคงงามเด่นกลมโตและใสกระจ่าง สีเหลืองนวลตาของแสงจันทร์ ยามที่ฉันช้อนสายตาเงยมอง มันทำให้ฉันอมยิ้ม  เธอมาในความมืดแห่งรัตติกาล  เธอ มักถามฉันว่า
    ทำอะไรอยู่  ไม่ไปไหนเหรอ ทำไมไม่ออกไปเที่ยวกับเพื่อน ไปคุยกับใคร
    คำที่ฉันตอบเสมอ   ก็ไม่มีใคร
    ..........................
    เรามักคุยกันหลายอย่างจิปาถะ  ในระยะแรกฉันรูว่าเธอพูดน้อยเธอพูดอะไรทุกครั้งฉันต้องตลก 
   เธอมักถามว่าอะไรตลก ตลกตรงไหน ฉันตอบไม่ถูกหรอกนะ  ฉันอยากจะบอกกับเธอว่ากับคนธรรมดาอย่างฉันผู้หญิงคนนึงไม่ได้มีความสวยเป็นอาภรณ์ ฉันมีเพียง
หัวใจดวงหนึ่ง  หัวใจที่เหมือนหลายคนอาจจะมองข้าม และ บอกว่า อ่อนไหว 
หรือมักคิดอะไรแปลกๆ  แต่ฉันอยากได้แต่ความรู้สึกที่จริง  เธอเป็นหนึ่งคนที่แม้เราจะไม่เคยเห็นหน้ากัน ฉันอยากบอกไว้ตรงนี้ว่า ขณะที่คุยกัน แค่ตัวอักษรแต่ฉันสื่อได้ถึงความรู้สึกห่วงและไม่ห่วง  และคนอย่างฉันคลื่นวัดความรู้สึกมันเป็นหัวใจ และเป็นหัวใจที่ฉันบอกกับตัวเองว่าฉันเคารพมัน.
   ไม่น่าเชื่อเลยแค่จะเขียนเล่าเรื่องถึงเธอฉันหลับไปสามตลบแล้ว..  ข้ามวันข้ามคืนเขียวนะสำหรับเรื่องนี้  ....เอางี้ดีกว่านะ  เวลาตอนนี้หกโมงกว่าพอดี  ไม่มีแสงอาทิตย์ ไม่มีแสงจันทร์ มองผ่านม่านลายฉลุออกไป คงเห็นแต่ท้องฟ้าสีขาว  บรรยากาศข้างนอกเมื่อมองจากภายในบ้านมันก็มองดูได้แค่เห็น ต้นชมพู่หน้าบ้าน แต่ตอนนี้ผลมันเหลือน้อยลงเพราะลมพัดหล่นตอนสุกมาหลายราตรีแล้ว แล้วยังต้นมะม่วงอีกสามสี่ต้นที่บางต้นผลถูกเก็บกินจนเกือบหมด และบางต้น ผลก็ยังสุกไม่หมด 
   ให้พูดจากใจเลยนะถ้ามีเธออยู่ตรงนี้ฉันคงอยากให้เธอเป็นคนเก็บผลไม้ แล้วฉันก็คงยืนมองดูเธอแล้วก็หัวเราะ จะถามไหมว่าทำไม ตอบชัดเลย ฉันคนบ้านนอก เธอคนเมืองกรุง ขี่เครื่องบินเป็นการพักผ่อน เธอคงทำแต่งาน งาน แล้วก็งาน ก็ยังดีนะ ที่เธอมาคุยกับฉันด้วยความเมตตา ฉันซาบซึ้ง ให้เธอเก็บมะม่วงก็เป็นการขอบคุณไง ลองดูบ้างสิชีวิตธรรมดาแต่อยู่ในธรรมชาตินะ
        ตอนนี้สิ่งที่ฉันได้ยินคงเป็นเสียงนกที่ต่างตะโกนกู่บอกกันว่าใกล้มืดแล้ว
ฉันนั่งฟังเสียงจนอดใจไม่ไหว ต้องลุกออกไปนอกบ้าน ลมเย็นพัดมาพอที่จะทำให้ระฆังแขวนรูปปลาหน้าบ้านดังกรุ๋งกริ๋ง  อยากบอกเธอว่าบรรยากาศยามเย็นยามนี้ดูสบายๆ  ความเป็นธรรมชาติเป็นสิ่งที่ฉันชื่นชมและชื่นชอบจนเป็นแรงบันดาลใจในความรู้สึกของฉัน ที่ฉันจะบวกกับจินตนาการและใช้ความรู้สึกเติมลงที่จะเขียนหนังสือเก็บไว้อ่าน หรือสื่อให้ผู้อื่นมีใจที่สร้างความสุขได้เช่นกัน
        ฉันชอบในธรรมชาติของเด็ก เด็กมักบริสุทธิ์  อย่างมีอยู่วันหนึ่งตอนเย็น
วันนั้นฉันมีกล้องถ่ายรูปอยู่ในมือ ฉันเห็นเด็กห้าคนเดินคุยกันมา  เด็กผู้ชายตัวเล็กสุด ส่วนผู้หญิงที่เหลืออีกสี่คนก็รูปร่างสูงอ้วนผอมแตกต่างกันไป ความเป็นธรรมชาติของพวกเขา กระตุ้นหัวใจฉันในยามที่มองเห็น รอยยิ้มของเด็กคำพูดที่ใสๆ ฉันจำได้ว่าฉันยิ้มกับพวกเขาแล้วทักทายว่า
        สวัสดีค่ะเด็กๆ  รู้ไหมเขาตอบพร้อมกันเลย สวัสดีค่ะครับ  รอยยิ้มบนใบหน้า และกิริยาที่เป็นธรรมชาติกระตุ้นหัวใจให้ฉันเติมยิ้ม และหัวใจก็อ่อนโยนลง  ฉันเอ่ยถามพวกเขาว่า เล่นกันสนุกไหมคะ  ตอบพร้อมกันอีกแล้ว สนุกค่ะ
เสื้อผ้าที่มิใช่ตามแฟชั่น แต่แต่งตามฐานะที่มีดูสมน่ารักกับความเป็นเด็กเสริมให้ค่าความเป็นเด็กมีราคาที่เราผู้ใหญ่ต้องพึงเอาใจใส่ในความรู้สึก
       ถ่ายรูปให้เอามั้ยคะ   เอาค่ะ ยิ้มหวานหมดทุกคนเลย  ไม่มีกั๊กอารมณ์ว่าจะต้องวางท่า เธอทักฉันก่อน และที่ฉันประทับใจสุดๆก็คือ เด็กๆไปยืนเรียงอยู่ริมสนาม เรียงจากสูงไปต่ำที่มันพิเศษสำหรับฉันคือพวกเขายกแขนพาดบ่าเชื่อมต่อกันทั้งห้าคน เรียงจากสูงตัวอ้วนสุด ผมหน้าม้าสวมเสื้อยืดสีเหลืองกางเกงขาสั้นสีครืม  คนที่สองผอมหน่อย คนที่สามมีเปียสองข้างอ้วนบั่กท่าทางเอาเรื่อง เจ้าหล่อนนุ่งกางเกงขายาวที่รัดตัวเจ้าหล่อนเลยละ คนที่ยังจำติดตาก็เห็นเป็นคนที่สี่ ก็ทรงผมน่ะสิ ผมทรงน้ำพุแขนบางๆลำตัวบางๆยืนเหมือนจะล้มให้ได้นั่นละ ฉันเลยตอนเด็กๆทรงน้ำพุที่บานเหมือนดอกพู่ระหง  หนูน้อยหนุ่มเดียวผมสั้นเกรียน ผอมก่อกก๋อยดูจะตื่นกว่าเพื่อนยืนเบียดชิดแม่ทรงน้ำพุเหมือนเรียกหาความมั่นใจ สวมเสื้อกล้ามไม่มีแขนสีขาว กางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน
แต่ดูเหมือนกางเกงมันยาวใหญ่เกินตัว  ทุกคนยิ้มหวานแจ่มใส พร้อมใจกันยิ้มรับกล้องถ่ายรูป ฉันกดไปหลายรูป แล้วฉันจึงเดินตรงเข้าไปหาพวกเขา
    นื่จ้ะรางวัลเด็กดี ฉันหอมแก้มพวกเขาทีละคน ทุกคนเอียงแก้มด้วยความยินดี ไม่มีใครจะโชคดีเท่าฉันแล้วในเวลานี้ ไมตรีที่จริงใจ จากเด็กๆที่ไม่จำเป็นต้องรู้จักมาก่อน เด็กๆหยิบยื่นให้ผู้ใหญ่ด้วยความรู้สึกเต็มหัวใจและความจริงใจ
    แล้วเราจะพบกันได้ยังไงอีกล่ะคะ จะได้เอารูปให้  
   ไม่เป็นไรค่ะ หนูมาที่นี่บ่อยมาก  ยายตัวโตสุดพูด
   จ้ะ  งั้นเราคงได้เจอกันอีก  สวัสดีนะคะ
  สวัสดีค่ะ พร้อมกันอีกแล้ว แต่คราวนี้เสียงดังฟังชัด
   ฉันเล่าให้คุณฟังเพราะฉันนึกถึงส่วนดีของคุณเช่นกัน ในยามที่ฉันนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ฉันนั่งพิมพ์งาน และในวันที่ใครๆเขาไปเที่ยวในวันแห่งความรัก
ฉันก็ยังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์  ไม่มีใคร  แต่จำได้ไหม ฉันมีคุณ คุณคุยเป็นเพื่อนฉันเป็นระยะ ฉันไม่รู้หรอกนะ เรื่องที่ฉันเขียนถึงคุณ คุณจะได้อ่านหรือไม่
แต่ฉันก็เขียนและเล่าถึงเรื่องนี้เพื่อคุณนะ.คุณบิ๊กยักษ์ 
   

  
....  
 
 
   
 
 
   : : เพิ่มรูปภาพ : : 
 
 รูปภาพ :  
- กว้างและสูงไม่เกิน 480 pixel 
- ขนาดไม่เกิน 100K  
 คำบรรยาย :   
     
 Scoop ID :   2162  
 Posted by :   รหัสสมาชิก : 7446 - อาภาภัส  
 Source :   ความรู้สึกถึงคนที่เคยคุยในคอม 
 Date - Time:   08 เม.ย. 47 - 21:54 
 Note :   ไมตรีจิตของคุณยิ่งใหญ่ ฉันบอกแค่ว่าถ้าคุณมีตัวจริง ฉันก็มีคุณตามที่ฉันเคยบอกในคอม 
 ส่งให้เพื่อน  เพจ-มือถือ  Bookmark  แจ้ง Admin 
 
   
 
 
 
 ความคิดเห็น : ช่วยกันอ่านนะคะ  ผู้ใหญ่หรือเด็กก็เหมือนกันแหละค่ะ  ตรงหัวใจที่ต้องมีไว้ แล้วบอกให้รู้ว่ามี ชีวิต   แล้วอย่าลืมทำอะไรเพื่อเด็กๆเยอะๆนะ  
 จาก : รหัสสมาชิก : 7446 - อาภาภัส  
 รหัส - วัน เวลา : 7370 - 08 เม.ย. 47 - 21:59 
 
 
 
 : : ความคิดเห็นของคุณ : : 
 
 ความคิดเห็น :   (ไม่จำกัดตัวอักษร)  
 จาก : รหัสสมาชิก : 7446 - อาภาภัส 
     
 
  : : กลับไปหน้าที่แล้ว : :				
8 เมษายน 2547 21:54 น.

....++++++เรื่องถึง Bigyak ++++++++++

อาภาภัส

ดวงจันทร์หลังคืนวันพระ มันยังคงงามเด่นกลมโตและใสกระจ่าง สีเหลืองนวลตาของแสงจันทร์ ยามที่ฉันช้อนสายตาเงยมอง มันทำให้ฉันอมยิ้ม  เธอมาในความมืดแห่งรัตติกาล  เธอ มักถามฉันว่า
    ทำอะไรอยู่  ไม่ไปไหนเหรอ ทำไมไม่ออกไปเที่ยวกับเพื่อน ไปคุยกับใคร
    คำที่ฉันตอบเสมอ   ก็ไม่มีใคร
    ..........................
    เรามักคุยกันหลายอย่างจิปาถะ  ในระยะแรกฉันรูว่าเธอพูดน้อยเธอพูดอะไรทุกครั้งฉันต้องตลก 
   เธอมักถามว่าอะไรตลก ตลกตรงไหน ฉันตอบไม่ถูกหรอกนะ  ฉันอยากจะบอกกับเธอว่ากับคนธรรมดาอย่างฉันผู้หญิงคนนึงไม่ได้มีความสวยเป็นอาภรณ์ ฉันมีเพียง
หัวใจดวงหนึ่ง  หัวใจที่เหมือนหลายคนอาจจะมองข้าม และ บอกว่า อ่อนไหว 
หรือมักคิดอะไรแปลกๆ  แต่ฉันอยากได้แต่ความรู้สึกที่จริง  เธอเป็นหนึ่งคนที่แม้เราจะไม่เคยเห็นหน้ากัน ฉันอยากบอกไว้ตรงนี้ว่า ขณะที่คุยกัน แค่ตัวอักษรแต่ฉันสื่อได้ถึงความรู้สึกห่วงและไม่ห่วง  และคนอย่างฉันคลื่นวัดความรู้สึกมันเป็นหัวใจ และเป็นหัวใจที่ฉันบอกกับตัวเองว่าฉันเคารพมัน.
   ไม่น่าเชื่อเลยแค่จะเขียนเล่าเรื่องถึงเธอฉันหลับไปสามตลบแล้ว..  ข้ามวันข้ามคืนเขียวนะสำหรับเรื่องนี้  ....เอางี้ดีกว่านะ  เวลาตอนนี้หกโมงกว่าพอดี  ไม่มีแสงอาทิตย์ ไม่มีแสงจันทร์ มองผ่านม่านลายฉลุออกไป คงเห็นแต่ท้องฟ้าสีขาว  บรรยากาศข้างนอกเมื่อมองจากภายในบ้านมันก็มองดูได้แค่เห็น ต้นชมพู่หน้าบ้าน แต่ตอนนี้ผลมันเหลือน้อยลงเพราะลมพัดหล่นตอนสุกมาหลายราตรีแล้ว แล้วยังต้นมะม่วงอีกสามสี่ต้นที่บางต้นผลถูกเก็บกินจนเกือบหมด และบางต้น ผลก็ยังสุกไม่หมด 
   ให้พูดจากใจเลยนะถ้ามีเธออยู่ตรงนี้ฉันคงอยากให้เธอเป็นคนเก็บผลไม้ แล้วฉันก็คงยืนมองดูเธอแล้วก็หัวเราะ จะถามไหมว่าทำไม ตอบชัดเลย ฉันคนบ้านนอก เธอคนเมืองกรุง ขี่เครื่องบินเป็นการพักผ่อน เธอคงทำแต่งาน งาน แล้วก็งาน ก็ยังดีนะ ที่เธอมาคุยกับฉันด้วยความเมตตา ฉันซาบซึ้ง ให้เธอเก็บมะม่วงก็เป็นการขอบคุณไง ลองดูบ้างสิชีวิตธรรมดาแต่อยู่ในธรรมชาตินะ
        ตอนนี้สิ่งที่ฉันได้ยินคงเป็นเสียงนกที่ต่างตะโกนกู่บอกกันว่าใกล้มืดแล้ว
ฉันนั่งฟังเสียงจนอดใจไม่ไหว ต้องลุกออกไปนอกบ้าน ลมเย็นพัดมาพอที่จะทำให้ระฆังแขวนรูปปลาหน้าบ้านดังกรุ๋งกริ๋ง  อยากบอกเธอว่าบรรยากาศยามเย็นยามนี้ดูสบายๆ  ความเป็นธรรมชาติเป็นสิ่งที่ฉันชื่นชมและชื่นชอบจนเป็นแรงบันดาลใจในความรู้สึกของฉัน ที่ฉันจะบวกกับจินตนาการและใช้ความรูสึกเติมลงที่จะเขียนหนังสือเก็บไว้อ่าน หรือสื่อให้ผู้อื่นมีใจที่สร้างความสุขได้เช่นกัน
        ฉันชอบในธรรมชาติของเด็ก เด็กมักบริสุทธิ์  อย่างมีอยู่วันหนึ่งตอนเย็น
วันนั้นฉันมีกล้องถ่ายรูปอยู่ในมือ ฉันเห็นเด็กห้าคนเดินคุยกันมา  เด็กผู้ชายตัวเล็กสุด ส่วนผู้หญิงที่เหลืออีกสี่คนก็รูปร่างสูงอ้วนผอมแตกต่างกันไป ความเป็นธรรมชาติของพวกเขา กระตุ้นหัวใจฉันในยามที่มองเห็น รอยยิ้มของเด็กคำพูดที่ใสๆ ฉันจำได้ว่าฉันยิ้มกับพวกเขาแล้วทักทายว่า
        สวัสดีค่ะเด็กๆ  รู้ไหมเขาตอบพร้อมกันเลย สวัสดีค่ะครับ  รอยยิ้มบนใบหน้า และกิริยาที่เป็นธรรมชาติกระตุ้นหัวใจให้ฉันเติมยิ้ม และหัวใจก็อ่อนโยนลง  ฉันเอ่ยถามพวกเขาว่า เล่นกันสนุกไหมคะ  ตอบพร้อมกันอีกแล้ว สนุกค่ะ
เสื้อผ้าที่มิใช่ตามแฟชั่น แต่แต่งตามฐานะที่มีดูสมน่ารักกับความเป็นเด็กเสริมให้ค่าความเป็นเด็กมีราคาที่เราผู้ใหญ่ต้องพึงเอาใจใส่ในความรู้สึก
       ถ่ายรูปให้เอามั้ยคะ   เอาค่ะ ยิ้มหวานหมดทุกคนเลย  ไม่มีกั๊กอารมณ์ว่าจะต้องวางท่า เธอทักฉันก่อน และที่ฉันประทับใจสุดๆก็คือ เด็กๆไปยืนเรียงอยู่ริมสนาม เรียงจากสูงไปต่ำที่มันพิเศษสำหรับฉันคือพวกเขายกแขนพาดบ่าเชื่อมต่อกันทั้งห้าคน เรียงจากสูงตัวอ้วนสุด ผมหน้าม้าสวมเสื้อยืดสีเหลืองกางเกงขาสั้นสีครืม  คนที่สองผอมหน่อย คนที่สามมีเปียสองข้างอ้วนบั่กท่าทางเอาเรื่อง เจ้าหล่อนนุ่งกางเกงขายาวที่รัดตัวเจ้าหล่อนเลยละ คนที่ยังจำติดตาก็เห็นเป็นคนที่สี่ ก็ทรงผมน่ะสิ ผมทรงน้ำพุแขนบางๆลำตัวบางๆยืนเหมือนจะล้มให้ได้นั่นละ ฉันเลยตอนเด็กๆทรงน้ำพุที่บานเหมือนดอกพู่ระหง  หนูน้อยหนุ่มเดียวผมสั้นเกรียน ผอมก่อกก๋อยดูจะตื่นกว่าเพื่อนยืนเบียดชิดแม่ทรงน้ำพุเหมือนเรียกหาความมั่นใจ สวมเสื้อกล้ามไม่มีแขนสีขาว กางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน
แต่ดูเหมือนกางเกงมันยาวใหญ่เกินตัว  ทุกคนยิ้มหวานแจ่มใส พร้อมใจกันยิ้มรับกล้องถ่ายรูป ฉันกดไปหลายรูป แล้วฉันจึงเดินตรงเข้าไปหาพวกเขา
    นื่จ้ะรางวัลเด็กดี ฉันหอมแก้มพวกเขาทีละคน ทุกคนเอียงแก้มด้วยความยินดี ไม่มีใครจะโชคดีเท่าฉันแล้วในเวลานี้ ไมตรีที่จริงใจ จากเด็กๆที่ไม่จำเป็นต้องรู้จักมาก่อน เด็กๆหยิบยื่นให้ผู้ใหญ่ด้วยความรู้สึกเต็มหัวใจและความจริงใจ
    แล้วเราจะพบกันได้ยังไงอีกล่ะคะ จะได้เอารูปให้  
   ไม่เป็นไรค่ะ หนูมาที่นี่บ่อยมาก  ยายตัวโตสุดพูด
   จ้ะ  งั้นเราคงได้เจอกันอีก  สวัสดีนะคะ
  สวัสดีค่ะ พร้อมกันอีกแล้ว แต่คราวนี้เสียงดังฟังชัด
   ฉันเล่าให้คุณฟังเพราะฉันนึกถึงส่วนดีของคุณเช่นกัน ในยามที่ฉันนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ฉันนั่งพิมพ์งาน และในวันที่ใครๆเขาไปเที่ยวในวันแห่งความรัก
ฉันก็ยังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์  ไม่มีใคร  แต่จำได้ไหม ฉันมีคุณ คุณคุยเป็นเพื่อนฉันเป็นระยะ ฉันไม่รู้หรอกนะ เรื่องที่ฉันเขียนถึงคุณ คุณจะได้อ่านหรือไม่
แต่ฉันก็เขียนและเล่าถึงเรื่องนี้เพื่อคุณนะ.คุณบิ๊กยักษ์ 
   

  
....				
7 เมษายน 2547 08:54 น.

เช้าวันนี้.......ยิ้มนาน(จดหมายถึง เอ)มา

อาภาภัส

จดหมายฉบับนื้เปิดผนึก ส่งให้เอนะคะ

       อยากจะเล่าว่าตื่นมาตั้งแต่ตืสองกว่าเขียนกลอนและค้นคว้างานไปเรื่อยๆ
อยู่ดีๆก็ได้ฟังเพลงทางอากาศจำได้ว่ายักษ์บันดาล  จริงๆนะคะเอ  มีนางฟ้าแสนสวยเกาะพายุมา โอยนางฟ้าและผองเพื่อนร้องเพลงเพราะจังที่มันเพราะไม่ได้เพราะสื่อด้วยเสียงแต่มันสื่อด้วยใจว่าเรามีใครบางคนที่เราไม่จำเป็นต้องเห็นหน้าแต่เรารับได้ที่ความรู้สึก  และความรู้สึกนั้นดี ดีสำหรับตัวเรา
       เอเห็นไหมนี่เป็นความก้าวหน้าทางอารมณ์อีกรูปแบบหนื่ง สร้างจินตนาการเสียบรรเจิดเลย ก็ดีเหมือนกัน  เพราะปรกติเคยได้แช๊ทกับเอ  แล้วก็อีกหลายคน ไม่รู้หลบคุณยายสุดสวยไปไหนกันหมด  เอคงจำเบอร์อีเมล์ที่เคยให้ไว้ได้ใช่ไหม
       เชยสุดสวยดอทคอม  @ thaipoem    แต่งกลอนส่งเขาเยอะแล้วนะแต่ไปอยู่ในคำตอบเพื่อนๆเสียหมด  
      เอรู้ไหมคะวันนี้อยากยิ้มทั้งวันเลย  เหตุเกิดตอนตีห้า  อ่านคลิกเชื่อมใจของคุณไกล ก่อเกื้อ  สนุกมาก  เลยคิดตอบจดหมายกลางอากาศเลย หวังว่าเอไม่น้อยใจนะ  แล้วบอกยศด้วยสิคะเล่นลืมกันเลย  งานเรื่องสั้นที่เขียนไป
เพื่อนใส.... วัยเยาว์   อยากให้คนเข้าไปอ่านเยอะๆ เดี๋ยวกลางๆเดือนจะกลับบ้านที่เชียงใหม่นะคะ อยากเล่าให้พ่อฟังว่าได้ทำเพื่อพ่อส่วนหนึ่งแล้ว
      แล้วก็จะบอกหลานชายหลานสาวต้วยพวกเขาจะได้ดูแลคุณตามากๆ
      เรื่องของหลานสาวจะโพสต์เข้ามาใหม่โอกาสหน้าถ้าแต่งเพิ่ม มันไม่มีในตู้เซฟไทยโพมค่ะ
      ยังมีอีกเรื่องนะ   เอเคยบอกว่า คุยกับปุ๋ยคอกแล้ว เรื่องทำเวบไซค์  ตอนนี้
เหมือนคนโกหกเอนะ  ก็อะไร อะไร มันไม่ได้ลงตัวสักเรื่อง พยายามหลายอย่าง
   เวบพิเศษ อันนี้ของจริงแม้มันจะมีเนื้อที่ให้เขียนได้นิดเดียวแต่มันก็ยังดีกว่าไม่มี  เอ บอกให้โปรโมท  
     board.thaimisc.com/arphapas  แวะฝากตรงนี้ด้วยแล้วกัน ยังเขียนเรื่องได้ไม่มาก แต่ก้อยากช่วยชาติ ช่วยเด็ก ช่วยผู้ใหย่ ให้มีมุมหัวใจที่สบายๆ  อ้อ แต่ถ้าจะให้รู้สึกขบขันบางครั้งต้องให้แวะไปที่
www.nu.ac.th/office/sad/ed-gui/mouse1/index.asp-15k
เขียนเรื่องสั้นขนาดตามอารมณ์นึกไว้ด้วยค่ะ มันเป็นจุดแลกเปลี่ยนความรู้
ของม.นเรศวร  ไปใช้ของเขาบ่อยๆเขาเลยโยนให้   ..ขอบคุณจริงๆ
     ว๊ายเขียนมาตั้งนานสายแล้วต้องไปทำพงานก่อนนะคะ  

    แฮ่ะๆ เดี๋ยวว่าไม่ห่วง ทานข้าวเช้าแล้วยังคะ  เดี๋ยวส่งผ่านเมล์ไปให้นะคะ
หลายคนจะได้ทานด้วย  ผัดเปรี้ยวหวานนะ ชอบไหมคะ ทานกับนำพริกปลาทูด้วย   อ้อ เมล์ถึงยศด้วยนะคะเชิญมาทานด้วยกัน ส่วนปุ๋ยคอก กับจุ๋มศรีเดี๋ยวเรียกมาทานข้างรั้วเลย  ใต้ต้นชมพู่ ผลกำลังดกเลยค่ะ
    แต่แปลกใจ โบ หายไปไหนคะ  ลืมกันเลย  ....
    จบจดหมายแค่นี้ก่อนนะคะ   
                                        คิดถึงเอและเพื่อนทุกคนนะคะ
                                                     เปรี้ยวหวาน				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอาภาภัส
Lovings  อาภาภัส เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอาภาภัส
Lovings  อาภาภัส เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอาภาภัส
Lovings  อาภาภัส เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงอาภาภัส