5 เมษายน 2554 21:59 น.

ดอกหญ้า

อินทรีทะเล


๑
ลมกระโชกโยกไกวไหววายุ
ก็ปะทุ มหิทธา ดลป่าลั่น
มวลแมกไม้พฤกษานานาพรรณ
ล้วนมีอันโค่นล้มถั่งถมไป

กลางซากปรักสัพพะระเนระนาด
ดอกหญ้ากลับผงาดผุดผาดใส
เพียงน้อมกิ่งผ่อนโอนโยนก้านใบ
เคลื่อนตามพายุใหญ่ไร้บีฑา

เกิดมาเป็นคนจนต้องทนสู้
ยอมอดสูยากแค้นราวแร้นค่า
ย่อมหลอมตนก่อศักดิ์ศรีมีราคา
ล้วนสง่าใจกายจนวายปราณ

๒
ดอกเอยเจ้าดอกหญ้าค่าต่ำศักดิ์
ไร้คนรักคนหลงน่าสงสาร
สู้อดทนคนย่ำไปในสาธารณ์
จนเนิ่นนานแสนช้ำต้องจำทน

หวังสักวันดอกหญ้าน้อยเต็มดอยใหญ่
แผ่ดอกไปถึงดาวและหาวหน
ทั้งผืนดินผืนฟ้าอ่าอำพน
เป็นมิ่งขวัญคนจนช่วยผ่อนคลาย

แม้นว่าเราจักด้อยน้อยคุณค่า
ปานดอกหญ้าเพียงใดไม่แหนงหน่าย
หากรู้ทนฝ่าข้ามความยากกาย
หวังย่อมพรายสักวันฝันเป็นจริง

 				
8 กุมภาพันธ์ 2554 17:06 น.

ฤดูแห่งดอกรักบาน

อินทรีทะเล

นกอินทรีกางปีกโผบินเหนือเมฆา
กาลแล้วกาลเล่า
พบเหตุการณ์เรื่องราวต่างๆมากมาย

พบว่า.......

ในสว่างกลับเต็มไปด้วยความมืดมน
ต้นรักฤดูนี้กลับถูกถอนรากโคนด้วยมือผู้ปลูก
แล้วมีอะไรหลงเหลือมาพูดคุยกันในเดือนแห่งความรักเล่า

เดือนแห่งความรัก

ไม่มีดอกรักบานในมือของหญิงสาว
ไม่มีใครรู้คุณค่ามัน
ดอกรักถูกขยี้แล้ว
ฤดูกาลนี้จึงไม่มีดอกรักบาน				
27 ธันวาคม 2553 07:42 น.

เก่าไปใหม่มา

อินทรีทะเล

ลาทีปีเก่า
ฉันจะทนหงอยเหงาไปเท่าไหร่
หอมลมเช้ามาแผ่วแล้วหายไป
ก็ยังคงถอนใจอยู่เช่นนั้น

กับหนทางเก่า
นั่งจับเจ่าหน้าจอขอเติมฝัน
กับเพื่อนเก่าทักทายเป็นรายวัน
อีกไม่นานเหลือกันไม่กี่คน

สวัสดีปีใหม่
ขอสดใสสุขีปีละหน
จากนี้ไปกระต่ายร่ายเวทมนตร์
อย่าหลงกลคนชั่วตัวจะตาย

กับคำลิขิต
คอยย้ำคิดอาทรก่อนจะสาย
นั่งกำหนดจรดฝันพรรณราย
คงละม้ายเช่นเดิมไม่เพิ่มพูน

เก่าไปใหม่มา
แล้วเหลือสารัตถะใดยังไม่สูญ
ต้องขยับปรับพจน์ลดอาดูร
ทวีคูณแก่นสารผ่านนัยน์ตา


				
6 พฤศจิกายน 2553 05:01 น.

เรือฝัน...สมบัติท้องทะเล

อินทรีทะเล

9f34d912f0eb7416f5900a4b986ed3fc.jpgเรือฝัน  

ลมหนาวโชยชายมาตีน้ำเป็นริ้วคลื่น
ไม่ว่าคลื่นลมจะแรงหรือสงบ
เรือฝันยังคงกางใบแล่นลิ่วในมหานทีชีวิต
ด้วยแรงลมปรารถนาและคลื่นหัวใจ 
ในเรือลำนี้กลับบรรทุก
เจ้าชายและเจ้าหญิงที่งดงามเสมอกัน
เสียงพิณแห่งลมคลื่นแว่วหวาน
จับหัวใจทั้งสองมิรู้จบ
ประดุจมโหรีแห่งสายน้ำ
ประโคมเครื่องสายในงานวิวาห์
ทั้งสองยังคงล่องเรือฝันเพื่อรอถึงฝั่ง
เพื่อก้าวสู่ปราสาทอนาคต
ที่งดงามดั่งปราสาทในเทพนิยาย

ลมหนาวโชยชายมาตีน้ำเป็นริ้วคลื่น
ลมปากโชยชายมา
ลมเริ่มแรง หนาวสั่นจับขั้วใจ 
เม็ดฝนแห่งความระแวงโปรยเก็จแก้ว
เริ่มรู้สึกถึงความเปียกปอน
เรือฝันค่อยๆเอนลู่
เพียงแค่เม็ดฝนเม็ดเดียว 
กลับมีฤทธิ์ทำให้เรือฝันแตกสลาย
กลายเป็นซากปรักหักพัง
....ซากรักแห่งท้องทะเล

นกอินทรีทะเลกางปีกโผบินบนฟ้า..
มองลงมาเห็นเรือฝันมากมายกางใบอยู่ในทะเล 
มีสักลำบ้างไหมที่สามารถถึงฝั่งได้อย่างงดงาม?
ในเมื่อเจ้าหญิงและเจ้าชายมีอยู่เต็มท้องทะเล
บางคราเจ้าชายหรือเจ้าหญิงในเรือฝันลำนี้
ใครสักคน......
กลับปรารถนาเรือฝันลำอื่น
เพราะเรือฝันลำอื่นเป็นเพียงภาพเลือนราง
จึงคิดว่าอาจจะสวยงามกว่าเรือลำนี้
จะดีกว่าหรือด้อยกว่า 
ก็ปรารถนาจะค้นหา
ในเมื่อเสน่ห์คือการค้นหา
และต่อไปอีกเรื่อยๆ
จนไม่ถึงฝั่งสักที

......................................................

สมบัติท้องทะเล

ลมหนาวโชยชายมาตีน้ำเป็นริ้วคลื่น
พ่อเฒ่ามองดูซากเรือที่เกยตื้น
เรือกลับลำเข้าฝั่งไม่ทัน
คลื่นลมผ่านริ้วรอยบนใบหน้า
ริ้วรอยหลายพายุพัดผ่าน
ภาพอดีตผุดพราย....
จากเรือลำเล็กๆที่เร่ร่อนกลางทะเล
จากกระท่อมบนเกาะ 
จนเป็นบ้านที่แข็งแรง
แล้วลูกชายพ่อเฒ่าก็จากไป
ในพายุลูกสุดท้าย
ไม่มีน้ำตาจากชายชาวเล
มีแต่ริ้วรอยบนใบหน้าที่เพิ่มขึ้น
เจ้าเกิดมาจากทะเล
 ก็ย่อมเป็นสมบัติของทะเล
ก็ย่อมกลับคืนสู่ท้องทะเล
...................................................

เรือฝัน...สมบัติท้องทะเล

บัดนี้เขาเป็นสมบัติท้องทะเลไปแล้ว
เรือฝันของเขาไม่มีวันแตกสลาย
ไม่มีเจ้าหญิงในเทพนิยาย
ไม่มีเจ้าชายผู้สง่างาม
ไร้ปราสาทที่งดงามในจุดหมาย
บ้านเขาคือแผ่นน้ำอันกว้างใหญ่
กว้างจนจรดแผ่นฟ้าเบื้องบน
ภูผาสีเงิน ใต้แสงจันทรา ดาราเรียงราย
ทรัพยากรนานาใต้ทะเล
คืออาณาจักรแห่งรักนิรันดร์
เขารอสมบัติท้องทะเล
คนใหม่..................................

&&&&&&&&&&&&&

"ทะเลในเวลา 
คลื่นรักพาขจัดเหงา 
เรือฝันวันสองเรา 
ถึงจุดหมายหรือตรอมตรม 

ภาพฝันในวันว่าง 
รอยจางจางแห่งหวานขม 
จักสุขทุกข์ระทม 
อยู่ที่ใจในดำเนิน"

&&&&&&&&&&&&&

				
31 ตุลาคม 2553 06:32 น.

ขี้บ่น...คนไทย ตอนปรัชญาชาวเล

อินทรีทะเล

วันนี้ฉันแวะไปร้านเช่าหนังสือ
หนังสือมีมากมายหลายหลาก
นักเขียนเกิดใหม่ราวดอกเห็ด
แล้วฉันก็หยิบเล่มเก่าๆ 
คร่ำคร่า คร่ำครึ เล่มหนึ่งขึ้นมา
อย่างทะนุถนอม
ดอกไม้ยังผลิหอมฟุ้งบนแผ่นขาวบาง
อักษรแสดงตรรกะ....
ยังร่ายรินสาระ
ผ่านเวลามาทุกยุคทุกสมัย
แล้วฉันก็ยื่นเหรียญสิบบาทให้
เมื่อคิดว่าคุ้มค่ากับการละเลียดอ่าน
คุ้มค่ากับเหรียญสิบที่ต้องจากไป
ในเมื่อฉันเป็นเพียงนกอินทรีทะเล
............................ที่ยังยากจน
อินทรีทะเลไม่มีโรงเรียน
ไม่มีวิทยาลัย และมหาวิทยาลัย
ฉันเรียนรู้ชีวิตจากโลกกว้าง
อยู่กับอากาศ..ทะเล..และ...ชาวเล
คือมหาวิทยาลัยชีวิต
แตกผลิเป็นปัญญา (อันโง่งม)



ปรัชญาชาวเล


ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่...ทะเลอันไพศาล
...จนเวิ้งว้าง...
หมู่ดวงดาวที่ส่งประกายแสง
มาทอถักความรักให้ชาวเลอบอุ่น
ในห้วงรัตติกาลอันยาวนาน
พรุ่งนี้จะออกหาปลาได้หรือไม่?
พายุคลื่นลมย่อมเป็นคำตอบ

ส่วนฉันอินทรีทะเล...
โลดแล่นไปในโลกกว้าง
ไม่ว่าพายุจะถาโถมเพียงใด 
คลื่นลมย่อมมิใช่คำตอบ

ความรักของคุณเป็นเช่นไร? 
ความรักของนกอินทรีทะเลเป็นเช่นนี้

ความรักเป็นเช่นอรุโณทัย
แสงแรกงามล้ำ ลึกลับ จนอยากจะค้นหา
เสน่หาแห่งความลึกล้ำนั้น มัดใจให้ใฝ่ปอง
หากเมื่อใดก็ตาม
ความรักเป็นเช่นตะวันกลางฟ้า
เจิดจ้าจนเห็นทุกสิ่งแล้วไซร้
ไม่มีสิ่งใดให้ค้นหาอีกต่อไป ไร้แรงถวิล

อย่าปล่อยให้ใครรักหลงคุณจนคลั่งไคล้ 
รักจนยอมตายแทนคุณได้
สักวัน....
เมื่อเขาเกลียดคุณขึ้นมา
เขาอาจฆ่าคุณด้วยความรู้สึกเช่นเดียวกัน
ปล่อยให้ความรักมันดำเนินไปตามวิถีแห่งมัน
บางครั้งอาจเป็นคลื่นลูกใหญ่กราดเกรี้ยวไปบ้าง
เมื่อไร้แรงลม(อารมณ์) ที่โหมกระหน่ำ
ก็สงบราบเรียบในเวลาต่อมา
หากเป็นคลื่นใต้น้ำที่สงบนิ่งบนพื้นผิว
สักวันอาจกลายเป็นสึนามิ
ที่ทำลายทุกสิ่งเรียบวินาศสันตะโร ก็ย่อมได้

มิตรภาพสำหรับฉันคือดอกไม้ที่งดงาม
เบ่งบานในทุกสายกาล
เมื่อเบ่งบานเต็มที่แล้ว
ก็เริ่มโรยรา หากได้รับแสงจากตะวันมากเกินไป
ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร... อย่าตระหนก
ฉะนั้น.... อย่าเผยความลับให้ใครล่วงรู้
มิฉะนั้น.... ความลับมันจะย้อนมา
เป็นมีดคอยทิ่มแทงใจในสักวัน
จงเบ่งบานมิตรภาพให้เหมือนกับแสงอรุโณทัย
จริงใจ...ก็เก็บไว้ที่ใจ
อย่าเบ่งบานให้เหมือนตะวันกลางฟ้า
จักโรยราก่อนถึงกาล

ยามเจ็บป่วยไข้มีเพียงคนในครอบครัวพาไปหาหมอ
ยามปราศจากชีวิตมีเพียงคนในครอบครัวจัดงานศพให้
ไหนล่ะ? มิตร, คนรัก
แต่หากแปรเปลี่ยนจากมิตร, คนรัก 
มาเป็นคนในครอบครัวเดียวกันได้เมื่อไหร่
นั่นคือคุณได้ความรักที่แท้จริง.... ยั่งยืน
จงเก็บสิ่งนี้ไว้นานๆ อย่าให้มันล่มสลาย
ไปก่อนกาลอันควร


สายกาลที่ผ่านเคลื่อน
ฤดูเตือนเร่งใฝ่หา
ธรรมชาติแลธรรมา
งามบุปผาถึงคราโรย

กรุ่นหอมล้อมศพโศก
ลอยเหนือโลกสิ้นความโหย
จุติไปบันโดย
ละร่างโรยเป็นปุ๋ยแล้ว

คิดดีและทำดี
กอปรราศีงามผ่องแผ้ว
ละตนมาดลแวว
สุขทุกแนวแล้วหนอใจ

สดใสในแห้งแล้ง
ความเข้มแข็งแห่งอ่อนไหว
เหนืองามคืองามใจ
จักเรืองในรัตติกาล

ในมืดย่อมสว่าง
ในความว่างพบแก่นสาร
ความดีคลี่ดวงมาน
ย่ำเท้าผ่านมืดราตรี"
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอินทรีทะเล
Lovings  อินทรีทะเล เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอินทรีทะเล
Lovings  อินทรีทะเล เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอินทรีทะเล
Lovings  อินทรีทะเล เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงอินทรีทะเล