วันนี้ฉันแวะไปร้านเช่าหนังสือ หนังสือมีมากมายหลายหลาก นักเขียนเกิดใหม่ราวดอกเห็ด แล้วฉันก็หยิบเล่มเก่าๆ คร่ำคร่า คร่ำครึ เล่มหนึ่งขึ้นมา อย่างทะนุถนอม ดอกไม้ยังผลิหอมฟุ้งบนแผ่นขาวบาง อักษรแสดงตรรกะ.... ยังร่ายรินสาระ ผ่านเวลามาทุกยุคทุกสมัย แล้วฉันก็ยื่นเหรียญสิบบาทให้ เมื่อคิดว่าคุ้มค่ากับการละเลียดอ่าน คุ้มค่ากับเหรียญสิบที่ต้องจากไป ในเมื่อฉันเป็นเพียงนกอินทรีทะเล ............................ที่ยังยากจน อินทรีทะเลไม่มีโรงเรียน ไม่มีวิทยาลัย และมหาวิทยาลัย ฉันเรียนรู้ชีวิตจากโลกกว้าง อยู่กับอากาศ..ทะเล..และ...ชาวเล คือมหาวิทยาลัยชีวิต แตกผลิเป็นปัญญา (อันโง่งม) ปรัชญาชาวเล ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่...ทะเลอันไพศาล ...จนเวิ้งว้าง... หมู่ดวงดาวที่ส่งประกายแสง มาทอถักความรักให้ชาวเลอบอุ่น ในห้วงรัตติกาลอันยาวนาน พรุ่งนี้จะออกหาปลาได้หรือไม่? พายุคลื่นลมย่อมเป็นคำตอบ ส่วนฉันอินทรีทะเล... โลดแล่นไปในโลกกว้าง ไม่ว่าพายุจะถาโถมเพียงใด คลื่นลมย่อมมิใช่คำตอบ ความรักของคุณเป็นเช่นไร? ความรักของนกอินทรีทะเลเป็นเช่นนี้ ความรักเป็นเช่นอรุโณทัย แสงแรกงามล้ำ ลึกลับ จนอยากจะค้นหา เสน่หาแห่งความลึกล้ำนั้น มัดใจให้ใฝ่ปอง หากเมื่อใดก็ตาม ความรักเป็นเช่นตะวันกลางฟ้า เจิดจ้าจนเห็นทุกสิ่งแล้วไซร้ ไม่มีสิ่งใดให้ค้นหาอีกต่อไป ไร้แรงถวิล อย่าปล่อยให้ใครรักหลงคุณจนคลั่งไคล้ รักจนยอมตายแทนคุณได้ สักวัน.... เมื่อเขาเกลียดคุณขึ้นมา เขาอาจฆ่าคุณด้วยความรู้สึกเช่นเดียวกัน ปล่อยให้ความรักมันดำเนินไปตามวิถีแห่งมัน บางครั้งอาจเป็นคลื่นลูกใหญ่กราดเกรี้ยวไปบ้าง เมื่อไร้แรงลม(อารมณ์) ที่โหมกระหน่ำ ก็สงบราบเรียบในเวลาต่อมา หากเป็นคลื่นใต้น้ำที่สงบนิ่งบนพื้นผิว สักวันอาจกลายเป็นสึนามิ ที่ทำลายทุกสิ่งเรียบวินาศสันตะโร ก็ย่อมได้ มิตรภาพสำหรับฉันคือดอกไม้ที่งดงาม เบ่งบานในทุกสายกาล เมื่อเบ่งบานเต็มที่แล้ว ก็เริ่มโรยรา หากได้รับแสงจากตะวันมากเกินไป ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร... อย่าตระหนก ฉะนั้น.... อย่าเผยความลับให้ใครล่วงรู้ มิฉะนั้น.... ความลับมันจะย้อนมา เป็นมีดคอยทิ่มแทงใจในสักวัน จงเบ่งบานมิตรภาพให้เหมือนกับแสงอรุโณทัย จริงใจ...ก็เก็บไว้ที่ใจ อย่าเบ่งบานให้เหมือนตะวันกลางฟ้า จักโรยราก่อนถึงกาล ยามเจ็บป่วยไข้มีเพียงคนในครอบครัวพาไปหาหมอ ยามปราศจากชีวิตมีเพียงคนในครอบครัวจัดงานศพให้ ไหนล่ะ? มิตร, คนรัก แต่หากแปรเปลี่ยนจากมิตร, คนรัก มาเป็นคนในครอบครัวเดียวกันได้เมื่อไหร่ นั่นคือคุณได้ความรักที่แท้จริง.... ยั่งยืน จงเก็บสิ่งนี้ไว้นานๆ อย่าให้มันล่มสลาย ไปก่อนกาลอันควร สายกาลที่ผ่านเคลื่อน ฤดูเตือนเร่งใฝ่หา ธรรมชาติแลธรรมา งามบุปผาถึงคราโรย กรุ่นหอมล้อมศพโศก ลอยเหนือโลกสิ้นความโหย จุติไปบันโดย ละร่างโรยเป็นปุ๋ยแล้ว คิดดีและทำดี กอปรราศีงามผ่องแผ้ว ละตนมาดลแวว สุขทุกแนวแล้วหนอใจ สดใสในแห้งแล้ง ความเข้มแข็งแห่งอ่อนไหว เหนืองามคืองามใจ จักเรืองในรัตติกาล ในมืดย่อมสว่าง ในความว่างพบแก่นสาร ความดีคลี่ดวงมาน ย่ำเท้าผ่านมืดราตรี"
อินทรีทะเล 31 ต.ค. 2553 06:32 น. - ID 137694 
1170
5
0
31 ตุลาคม 2553 07:03 น. - comment id 1165701
เป็นปรัชญาที่น่าคิดมากค่ะ ขอบคุณที่เตือนมิตรนะคะ เป็นคนที่เจ็บแล้วจำ ถ้าได้เดินหน้าแล้วจะไม่ชอบถอยหลังค่ะ ถ้าได้เกลียดแล้วจะไม่รัก เพราะคิดว่าเมื่อจริงใจแล้ว สิ่งที่ได้รับคือความเจ็บปวด จะหนีไปให้ไกลๆทันที มีชีวิตใหม่ แม้จะเป็นโลกในฝันก็ตาม เพราะเสียใจยังดีกว่าเสียอย่างอื่น คงเป็นความสมดุลย์ของธรรมชาติ โลกหนึ่งมีความสุข อีกโลกมีความทุกข์ จะให้สุขทั้งสองโลกคงจะโชคดีเกินไปมังคะ
31 ตุลาคม 2553 07:07 น. - comment id 1165703
31 ตุลาคม 2553 07:31 น. - comment id 1165707
คุณอนงค์นาง ดอกไม้ย่อมขึ้นงดงามในกองขี้หมา (ขออภัย) คุณ. ขอบคุณที่มาอ่าน
31 ตุลาคม 2553 07:53 น. - comment id 1165709
คงเป็นได้แค่ดอกหญ้าที่ไร้ค่าค่ะ แต่เชื่อมั้ยคะว่า อนงค์นางกลับได้รับมิตรภาพจากน้องสาวคนหนึ่งมากมาย แบบปิดทองหลังพระ ไปทำบุญที่ไหนมา จะอีเมล์อนุโมทนาบุญมาให้อนงค์นางทุกครั้ง จะให้กำลังใจ อยู่เชียงใหม่ค่ะ เป็นเพื่อนบุญจริงๆ เพื่อนที่เข้าใจ ไม่มีจิตคิดร้ายต่อกัน สัญญากันว่าปีหน้ากลับเมืองไทยจะได้ไปทำบุญด้วยกัน ท่ามกลางความเศร้าจากคนที่ชังเรา ก็ยังมีคนที่รักเรามาทดแทนค่ะ แม้จะเป็นเพียงน้ำหนึ่งหยด แต่บริสุทธิืดุจน้ำค้าง
31 ตุลาคม 2553 09:06 น. - comment id 1165721
บนเส้นทางแห่งความรักและความเกลียดชัง ล้วนเป็นเส้นทางเบาบางอยู่ใกล้กัน อาจถูกเคลื่อนที่ให้ทดแทนกันได้ ด้วยแรงผลักของอารมณ์และสิ่งแวดล้อม อยู่เหนือเหตุผลสำคัญ ลองนั่งนิ่งๆ ปล่อยให้เวลามันเคลื่อนผ่านไปเอง จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร สิ่งนี้ก็จักวนเวียนไปมา สิ่งที่เกลียดชัง สักวันก็แปรเปลี่ยนไป ตามวัฏะแห่งเวลาและอารมณ์ ขออวยชัยให้ความเข้มแข็ง จงสถิตอยู่คู่กับคุณ ความทุกข์เป็นเพียงสิ่งผ่านมาทดสอบจิตใจ ไม่มีใครสามารถทำลายใครได้ นอกจากใจตนเอง จึงต้องดับความทุกข์นั้นให้ได้ ดังที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสให้ดับต้นเหตุแห่งทุกข์นั้น ในความมืดย่อมมีสว่างดังที่กล่าวมา "เขียวละไมในแห้งแล้ง ความเข้มแข็งแห่งอ่อนไหว เหนืองดงามคืองามใจ จักเรืองในรัตติกาล ในความมืดย่อมสว่าง ในความว่างพบแก่นสาร แสงหิ่งห้อยเคลื่อนคล้อยมาน ย่ำเท้าผ่านมืดราตรี"
31 ตุลาคม 2553 10:41 น. - comment id 1165737
".....จงเบ่งบานมิตรภาพให้เหมือนกับแสงอรุโณทัย... จริงใจ...ก็เก็บไว้ที่ใจ.... อย่าเบ่งบานให้เหมือนตะวันกลางฟ้า จักโรยราก่อนถึงกาล....." คุณอินทรีทะเลคะ.... แซมอ่านไปมา หลายครั้ง....ไม่แน่ใจว่า ภาษาอันขึ้นสนิมของแซมจะนำแซมไปถึงจุดที่คุณอินทรีย์ต้องการจะเสนอหรือเปล่า... ในที่สุด ใจของแซมก็หยุดลงกับความรู้สึกดังนี้ค่ะ..... สองแขนจะโอบกอด ใจจะทอดอย่างท้าทาย ยืนเดี่ยวอย่างเดียวดาย และอิ่มเอิบในปฐพี ไม่มีที่จุดไหน ที่เปลวไฟจะริบหรี่ แผ่กว้างกระจ่างมี ละโลมไล้ให้อุ่นทรวง แหลกยับหรือกลับก่อ กระแสต่อในท่ามท่วง แนบไว้ใกล้ชิดทรวง จะโชติช่วงละล่วงกาล.... แซมต้องขออภัยถ้าความคิดของแซมไม่มีสาระ...หรืออาจจะทำให้ใครๆ งงๆ ว่าแซมพูดอะไร... แต่มันเป็นความรู้สึกของแซมที่เกิดขึ้น... แล้วแซมก็ชอบมันนะคะ.. ขอบคุณสำหรับคำเตือนของมิตรแดนไกลนะคะ.....แซมค่ะ
31 ตุลาคม 2553 11:38 น. - comment id 1165785
ฉันเยาว์ ฉันเขลา ฉันทึ่ง ฉันจึง มาหา ความหมาย.. ชีวิตบางคนเคยเป็นเด็กน้อย ที่มองโลกนี้งดงาม สดใส จวบจนเวลาผ่านไป มันอาจไม่งดงามดังที่คิด ลองคบใครให้ถึงที่สุด แล้วอีกหลายปีค่อยมาสนทนากันใหม่ จะพบความแตกต่างของแต่ละบุคคล หากได้มิตรดีก็ดีไป ส่วนความรักในโลกนี้ ยากนักที่จักสานต่อถึงฝั่งฝัน ในที่สุดก็จบพร้อมรอยแผล แต่ก็มี.....ที่ถึงฝั่งฝัน อยู่ที่ความศรัทธา เชื่อมั่นต่อกัน มีศีลธรรมอันดีนำทาง ลองมาอ่านเรื่องราวของกาลามสูตร กาลามสูตร แปลว่า พระสูตรที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ชาวกาลามะ หมู่บ้านเกสปุตติยนิคม แคว้นโกศล (เรียกว่า เกสปุตสูตร ก็มี[1]) กาลามสูตรเป็นหลักแห่งความเชื่อที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้ให้แก่พุทธศาสนิกชน ไม่ให้เชื่อสิ่งใด ๆ อย่างงมงายโดยไม่ใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นจริงถึงคุณโทษหรือดีไม่ดีก่อนเชื่อ มีอยู่ 10 ประการคือ 1. อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ฟังๆ กันมา 2. อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ทำต่อๆ กันมา 3. อย่าเพิ่งเชื่อตามคำเล่าลือ 4. อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้างตำรา 5. อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกเดา 6. อย่าเพิ่งเชื่อโดยคาดคะเนเอา 7. อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกคิดตามแนวเหตุผล 8. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะถูกกับทฤษฎีของตน 9. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะมีรูปลักษณ์ที่ควรเชื่อได้ 10. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะผู้พูดเป็นครูบาอาจารย์ของตน ฉะนั้น คุณอย่าเชื่อในสิ่งที่อินทรีทะเลกล่าว เพราะเป็นความเชื่อเพียงปัจเจกบุคคล ประสบการณ์ชีวิตของแต่ละคนย่อมแตกต่างกัน เพียงแต่มิตรภาพในโลกไซเบอร์นี้ รวมไปถึงความรักที่เกิดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ที่อินทรีทะเลรวมความหมายในคำว่ามิตรภาพ คุณลองทดสอบมิตรรักคุณดู หากเป็นเพียงคุยกันไปมา นั่นคืออินทรีทะเลเปรียบดั่งอรุโณทัย ที่ยังคงฉายฉานความงดงาม แต่ถ้าคุณคบแบบเปิดเผยแบบตะวันกลางฟ้า รู้ใจและรู้ทุกสิ่งทุกอย่างของกันและกัน เมื่อตกทุกข์ได้ยาก เขายินดีจะช่วยเหลือเราหรือไม่ เช่นลองหยิบยืมเงินสักก้อนใหญ่กับมวลมิตร คนที่สนิทกับคุณที่สุด ลองแค่นี้ดู...... ไม่จำเป็นต้องเชื่อตามที่อินทรีทะเลเขียนไว้ ในเมื่อบาดแผลและประสบการณ์ของแต่ละบุคคลต่างกัน กาลเวลาย่อมพิสูจน์ตัวมันเอง อย่าเพิ่งด่วนสรุปความ มิตรดีย่อมมีมากมาย มิตรแท้...หาได้สักเพียงใด อีกอย่าง คำคนไทยตักเตือนเรื่องปาก พูดดีเป็นศรีแก่ปาก ความในอย่าออกความนอกอย่าเข้า และอะไรหลายอย่าง ที่คนโบราณท่านสอนลูกหลานไว้ ด้วยสุภาษิตสำนวนอันชาญฉลาด มิเช่นนั้นอาจพังเพราะปากได้
31 ตุลาคม 2553 15:55 น. - comment id 1165816
สวัสดีค่ะ คุณอินทรีทะเล แวะมาอ่านงานดีๆ ค่ะ
31 ตุลาคม 2553 17:38 น. - comment id 1165836
ขอบคุณคุณวลีลักษณา
31 ตุลาคม 2553 17:45 น. - comment id 1165837
ถึงคุณแซมอีกครั้ง ลืมบอกไปคำว่า จริงใจก็เก็บไว้ที่ใจ หลายหลากความหมาย อาจจะหมายถึง เก็บความจริงใจเอาไว้ ไม่ต้องประกาศบอกให้ใครรู้ จะดูงามกว่า อีกความหมาย เคยไหมที่คุณจริงใจกับผู้อื่นมาก จนยอมบอกเรื่องราวบางอย่าง ให้มิตรรู้เพื่อเขาจะได้ไม่สูญเสีย ผลประโยชน์ แต่ตรงกันข้าม นอกจากเขาจะไม่เชื่อคุณแล้ว คุณยังกลายเป็นปีศาจร้ายในสายตาเขา เรื่องบางอย่างเราไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว มันจะกลายเป็นเนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง กระดูกแขวนคอตาย ไปเสียนี่ จนบางครั้งคนเราอาจเข็ดขยาดกับ การหวังดีกับผู้อื่นจนเกินไป มันไม่ใช่นิยาย หรือละคร ที่คุณเสียสละแล้วจะเป็นนางเอกเสมอไป ตรงข้าม ชีวิตจริงคนเรามันยอกย้อน ซ่อนเล่ห์ยิ่งกว่านิยาย
31 ตุลาคม 2553 20:04 น. - comment id 1165868
แวะมาอ่านกลอนเปล่าดีๆขอรับ..
1 พฤศจิกายน 2553 01:13 น. - comment id 1165905
แซมขอขอบคุณสำหรับข้อคิดดีๆที่คุณอินทรีย์มอบให้... แซมอยู่ไกล ไม่ได้พบกับความอบอุ่นมากมายนัก เพื่อนๆ รอบข้างก็ต่างชาติต่างภาษา...ไม่ค่อยมีใครจะพูดในสิ่งที่ลึกซึ้งแบบนี้ให้ฟัง... ถ้าคุณอินทรีย์บ่นอีกเมื่อไหร่ แซมจะมาฟังอีกค่ะ...
แซมค่ะ
1 พฤศจิกายน 2553 06:00 น. - comment id 1165930
มาแซวน้องแซมครับ ผมว่าแซมยังไม่เข้าใจนะเนี่ย
1 พฤศจิกายน 2553 12:25 น. - comment id 1165979
3 พฤศจิกายน 2553 20:42 น. - comment id 1166438
หน้าส่วนตัว
กลอนอกหัก รักหวานซึ้ง
กลอนอวยพร
กลอนให้กำลังใจ
กลอนให้ข้อคิด
