17 มีนาคม 2550 12:02 น.

ขอบคุณนะ

อินทรีน้อย

     เรือหนึ่งลอยล่องคว้าง          ชลฝัน
ฟ้ามืดมิดไร้จันทร์                      กล่อมหล้า
ทะเลคลั่งลมบัน-                        ดาลคลื่น
แปรบปราบมืดสลับจ้า               คลั่งคุ้มโครงครืน
     
     เรือหยัดยืนล่องคว้าง             ประคองฝัน
น้อยมากเท่าใดกัน                      จักต้าน
ตราบเรือไม่มีอัน                        จมดิ่ง
จักฝ่าลมคลื่นสะท้าน                  ท่ามท้องทะเลใจ

.................................................................................

     ในทะเลหลวงที่ไร้                  ความสบาย
บ้างคลั่งบ้างกลับกลาย                 นิ่งคว้าง
เรือน้อยพร่าจุดหมาย                    กลับพบ
แสงหนึ่งอบอุ่นสล้าง                    สุดฟ้าแสนไกล

     ประดับอยู่สุดโพ้น                   ปลายฝัน
ประทับแนบในใจอัน                    เหว่ว้า
ประกายส่องแสงสรรค์                  สูงส่ง
ประดุจดั่งทั่วฟ้า                             แจ่มจ้าดวงเดียว

     ท่ามเกรียวคลื่นที่ขึ้น               และลง
แสงหนึ่งก็ยังคง                           ส่องหล้า
เทิดเจ้านักโปรดจง                      รู้เถิด
แม้อยู่สุดฝั่งฟ้า                             แต่ให้อุ่นใจ
				
23 กุมภาพันธ์ 2550 16:31 น.

กลอนล้นใจ

อินทรีน้อย

ข้าผิดเองที่ให้        เกียรติสูง
สำนึกหญ้า,ยางยูง           เปรียบนั้น
เกินกว่าจักลากจูง            ลงเล่น
รู้สึกนั้นขาดสะบั้น          หล่นแล้วลงดิน

        มลทินใดที่ล้วน       ไม่งาม
ข้ากล่าวเตือนข้าปราม      ห่วงเจ้า
ไม่อยากปล่อยไปตาม      แรงคลื่น
ข้องเกี่ยวแล้วจึ่งเฝ้า          กล่าวชี้ที่ควร

        สงวนเถิดที่เจ้า           ควรสงวน
แสดงเถิดสิ่งที่ควร             ที่แจ้ง
งามงานไม่ต้องชวน           น้องเปิด
ศิลปะไทยสรรพสล้าง       หลากล้วนงดงาม

      อย่าหยามเพศแม่นั้น    อีกเลย
ทำปล่อยปละละเลย            ไม่ได้
ข้าพบแต่ให้เฉย                   ได้ไม่
ผิดชอบขอฝากไว้                ใส่เกล้ากมลตรอง

       ลองเปิดใจสดับข้า         สักนิด
สูงส่งและศักดิ์สิทธิ์               ยิ่งแล้ว
ความเป็นแม่ที่สฤษฎ์            ลูกลูก
ประเสริฐและผ่องแผ้ว           ค่าล้นเลื่องเมือง
				
16 กุมภาพันธ์ 2550 15:32 น.

หนึ่งภาพงามให้เจ้า

อินทรีน้อย

ทุกข์อันใดให้หนักนักนะเจ้า
จึงจับเจ่าเศร้าสร้อยจนหงอยเหงา
เจ็บอันใดยากไหมจะบรรเทา
จึงกอดเข่าซบหน้าดั่งล้าแล้ง

ผูกปมใดในใจทำจุกเจ็บ
จึงเหมือนเก็บกดไว้ในทุกแห่ง
คำอันใดใครเล่าเขาเสียดแทง
จึงดั่งแกล้งเขื่อนน้ำตาทำนบพัง

ท้ออันใดท่วมทับให้อับเฉา
จึงหม่นเศร้าเฝ้ากอดความพลาดหวัง
เรื่องอันใดกดใจเจ้าจมภวังค์
จึงมานั่งบีบน้ำตา........คนน่ารัก

ข้ามีหนึ่งภาพงามมาอวดเจ้า
ภาพเด็กน้อยกอดเข่าเขาง่วงหนัก
แต่ดูสิเขาไม่มีแม้เวลาว่าได้พัก
ง่วงหนักนักจึงลงนั่งหลับข้างร้าน

ดูเหน็บหนาวแต่ไม่มีแม้เสื้อใส่
เจ้าเห็นไหมร้านไม่มีแม้คนผ่าน
อยากหลับนอนก็ไม่ได้ต้องเฝ้าร้าน
เจ้ามองแล้วอย่ามองผ่านจงเรียนรู้

ชีวิตในแผ่นดินใหญ่มีให้เห็น
คนทุกข์เข็ญมากมายให้อดสู
น้ำตาเจ้าที่ไหลหลั่งที่พรั่งพรู
ซับซะนะแล้วเพ่งดูด้วยดวงใจ

ชีวิตคนไม่สมบูรณ์ไปทุกอย่าง
มีพร่องบ้างเกินบ้างใช่หรือไม่
สิ้นแสงสูรย์ก็ยังรู้ใช้แสงไฟ
ผิดพลั้งไปรู้แก้ไขไม่สายเกิน

คิดอะไรมากพรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว

^_____________^				
10 มกราคม 2550 17:06 น.

บางฉากใน "The Classic"

อินทรีน้อย

      สาวน้อยคนหนึ่งนั้น    เล่นเพลง
งันเงียบแล้วบรรเลง          ร่ายนิ้ว
เปียโนขับครืนเครง           โลดแล่น 
ไพเราะแลเพริศพลิ้ว         เพราะพริ้งจับใจ

       ได้ฟังแล้วแอบยิ้ม       ยินดี
คอยส่งสายตาพลี              เพื่อเจ้า
ในมือชุ่มเหงื่อมี                ช่อดอก ไม้งาม
หวังมอบใช่หยอกเย้า        แต่ให้จากใจ

      ใครเลยจะนึกรู้           ใจคน
ยามที่รักแรกดล               จิตข้อง
ทั้งโลกช่างชอบกล           เหมือนอยู่ เพียงเรา
ทั้งที่คนทั่วห้อง               หนึ่งร้อยก็เกิน
 
      อัญเชิญเพลงจบแล้ว   ยิ้มมา
ตาสบประสานตา             จดจ้อง
ผู้คนกลับแน่นหนา           ไม่อาจ ใกล้กัน
สองเนตรเราต่างฟ้อง       ปวดร้าวทั้งใจ
				
27 ธันวาคม 2549 13:36 น.

Outside & Inside

อินทรีน้อย

โลกภายนอกขับเคลื่อนไปใช่หยุดอยู่
ทุกฤดูสลับเคลื่อนเปลี่ยนแปรผัน
หมู่แมกไม้ยังผลัดใบไม่แปลกกัน
เส้นผมคนสามัญยังเปลี่ยนไป

โลกภายนอกขับเคลื่อนไปอย่างไรนั่น
ทุกวารวันไม่อาจฉุดหยุดไว้ได้
หมู่มนุษย์สลับรุ่นหมุนเวียนไป
โลกภายในข้ารกร้างอ้างว้างนัก

โลกภายนอกดูขวักไขว่ชวนไหวหวั่น
ทุกคนต่างแย่งชิงกันอยู่ไขว่ขวัก
หมู่มวลมิตรไล่ตามฝันไม่หยุดพัก
โลกภายในข้าจมปลักสำลักตรม

โลกภายนอกเคลื่อนไหวไม่หยุดนิ่ง
ทุกทุกสิ่งเดินทางอย่างเหมาะสม
หมู่มาลีผลัดช่อบ้างล้อลม
โลกภายในข้าเองก้มหน้าตรองตน

โลกภายนอกเปลี่ยนไปไม่หยุดหย่อน
ทุกบทตอนบ้างกระจ่างบ้างสับสน
หมู่มนุษย์มีสุขสมมีทุกข์ทน
โลกภายในข้าหมั่นค้นหาตัวเอง

โลกภายนอกหมอกควันดูคละคลุ้ง
ทุกขับเคลื่อนทิ้งฝุ่นฟุ้งลอยคว้างเคว้ง
หมู่แมกไม้ต้องลมดั่งขับเพลง
โลกภายในข้าวังเวงในวุ่นวาย...
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอินทรีน้อย
Lovings  อินทรีน้อย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอินทรีน้อย
Lovings  อินทรีน้อย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอินทรีน้อย
Lovings  อินทรีน้อย เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงอินทรีน้อย