17 พฤศจิกายน 2548 16:21 น.

กั้นใจ

เพชรพรรณราย

เหมือนท้องฟ้ามาบรรจบทบแค่ห้อง
ทะเลล่องท้องวารีที่ไพศาล
เหลือแค่ฝังผนังฝ้ามิช้านาน
เขาสูงสุดเหลือประมาณเพียงฝ่ามือ

ปิดกั้นตนมิสนใจในทุกอย่าง
สิ่งรอบข้างอย่างไรไม่ใฝ่ถือ
มิแก่งแย่งแข่งขันใครใฝ่ยุดยื้อ
ทิ้งเสียงชื่อระบือก้องไม่ต้องใจ

วันเวลาพากาลที่ผ่านผัน
ผ่านคืนวันอันรวดร้าวคราวหวั่นไหว
เจ็บจนชินด้านชาค่าผ่านไป
หมดอาลัยจะใฝ่หาพยายาม

โลกของฉันมันล้าค่าเท่านี้
ชั่วหรือดีช่างปะไรใครเอ่ยถาม
ฉันขออยู่แบบของฉันมิผันตาม
มิหักห้ามตามหัวใจไร้กฎเกณฑ์

อยู่ในโลกหกเหลี่ยมฝังขังตนอยู่
มิรับรู้โลกภายนอกออกไปเห็น
เพราะเรื่องราวคราวหลังครั้งไหวเอน
กลัวได้เห็นจึงเร้นกายวายสังคม				
17 พฤศจิกายน 2548 07:00 น.

หัวใจเดียวกัน

เพชรพรรณราย

สำหรับคนไม่มีความที่ทุกข์
สำหรับคนที่มีสุขไม่หวั่นไหว
สำหรับคนไม่เคยท้อต่อดวงใจ
ยากเข้าใจในความจริงสิ่งที่เป็น

 แต่สำหรับคนที่ผ่านความรานร้าว
ในเรื่องราวคราวเจ็บปวดคอยนวดเฟ้น
เป็นอย่างไรเข้าใจความไหวเอน
ที่ซ่อนเร้นกร่อนใจไม่ร้างลา

ความอ้างว้างว่างเปล่าที่เหงาหงอย
การรอคอยปาฏิหาริย์ผ่านปรารถนา
การร้องไห้ใจระกำมีน้ำตา
การโหยหาวันคืนหวนคร่ำครวญตรม

ความรู้สึกลึกลึกตรึกตรองจิต
ความพลาดผิดติดในใจในขื่นขม
ความท้อแต่แปรเปลี่ยนเป็นระทม
ทุกอารมณ์จมกับเหงาเศร้าสุดทน

ความเจ็บปวดเหล่านี้ที่ผ่านผัน
ใจเดียวกันเท่านั้นไม่สับสน
เข้าใจซึ้งถึงความแท้แก่กมล
เพราะต่างคนต่างร้าวรานผ่านดวงใจ				
16 พฤศจิกายน 2548 15:07 น.

รารัก

เพชรพรรณราย

โคลงสี่สุภาพ

ฤานางจะห่างแล้ว..........ลาไกล
เศร้าสุดแสนอาลัย.........ไป่สิ้น
ระทมหม่นหมองไหม้......ร้องร่ำรำพัน
ใจพี่แทบขาดดิ้น............แทบล้ม มรณา

อกเอยปานขาดเว้า..........กึ่งกลาง
หนึ่งรักปักษ์ใจสร้าง.........ร้างห่าง
เพียงหนึ่งภาพบ่วาง..........อกกอด พรอดพร่ำ
รักล่มจมมล้าง...................น้องพี่ ลืมรา

สัญญาค่าเก่าร้าง ............ถ้อยคำ ย้ำใจ
แปรเปลี่ยนค่าใจดำ........ช้ำรัก
ทิ้งให้พี่ระกำ....................ร้องร่ำ น้ำตา
ร้าวนักคราวอกหัก.........เจ็บลึก กรีดใจ

วันเวลาค่านั้น.................พาแปร  เปลี่ยนแปลง
ด้วยมิอยู่ดูแล...................ชิดใกล้
ทางเราแยกแตกแก่-........ความมั่น สัญญา
อีกอยู่ต่างถิ่นไท้................จึ่งไหม้  หม่นหมอง

กลายก่อเป็นรักร้าว............คราวหม่น หมองใจ
ร้องร่ำไห้สับสน..................จิตท้อ
ฝังลึกกรีดใจจน..................ยากยิ่งเยียวยา
เจ็บลึกเฝ้าตัดพ้อ.................ต่อรัก หักใจ

อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑

ปวดลึกรักพังพ่ายเมื่อสลายแทบวายชนม์
ท้อแท้ปักษ์กมลทั่วทุกหนร่ำน้ำตา
เจ้าหยามหักใจพี่.มอบฤดีหลอกสัญญา
สมใจก็ร้างรา.ละสัตย์ค่าหมดสิ้นใจ
นี่หรือรักจริงแท้.มิใช่แน่สุดหวั่นไหว
มั่นคงประสงค์ไว้ไม่เท่าไรก็เปลี่ยนแปร
จึงทนฤดีเจ็บ..สุดจะเหน็บ ณ ใจแท้
น้ำตาหมดใจแล.จักปวดแท้ บ่ รู้ลา
แต่นี้จะไม่มี.ริรักใหม่ ณ ชีวา
ขอสิ้นลบร้างราจะมิหารักอีกเลย

กลอนสุภาพ

ความรักเอยระเหยหายวายจากฉัน
ความจาบัลย์หวั่นไหวร่ำไห้หา
เพราะอะไรไยเล่ารักจึงลา
ปรารถนาหารักไยหักพัง

จมกับเหงาเฝ้าระทมขมความรัก
สุดจะหักห้ามใจในความหลัง
ท้อแท้ทนความวิโยคโศกประดัง
หมดสิ้นหวังยังรักแท้แก่ดวงใจ

นอนร้องไห้ในคืนกล้ำกลืนหมอง
สิ้นสมปองแอบร้องไห้ใจอ่อนไหว
เคยวาดฝันในวันนั้นไยผันไกล
เจ็บปวดใจไม่ร้างราสักนาที

ตรอมใจทุกข์มิสุขสมอารมณ์หม่น
ความมืดมนจนหนทางร่างวิถี
เพียงความหลังฝังใจอยู่คู่ฤดี
กรีดใจนี้ไม่มีหายแทบวายปราณ

รักเจ้าเอยไฉนเลยจึงต้องเจ็บ
แล้วยังเก็บเหน็บไม่หายเมื่อพ่ายผ่าน
ความเจ็บปวดราวร้าวผ่าวดวงมาลย์
มันหักหาญแม้กาลหมุนยังหนุนนำ

พอสักทีใจที่ร้าวเมื่อก้าวก่อ
ฉันสุดท้อต่อดวงใจในความช้ำ
แม้เวลาพาผ่านนานยังจำ
ฉันควรทำอย่างไรให้หายไป

หรือต้องตายวายชีพประทีปนี้
จบชีวีจบความช้ำระกำไห้
ความเจ็บปวดคงจะหายไปจากใจ
ทิ้งค่าไว้ในความหลังดินฝังกาย				
15 พฤศจิกายน 2548 15:30 น.

เพ็ญสิบสอง….ฉันร้องไห้

เพชรพรรณราย

ฉันเดินอยู่ในผู้คนที่ล้นหลาม
ฉันมองตามแสงเทียนน้อยที่ลอยล่อง
ฉันมองเห็นเป็นกระทงลอยลงคลอง
ฉันนั้นมองสองตาลอยด้วยน้อยใจ

ฉันยืนเหม่อมองจันทร์ที่ผันส่อง
ใจลอยล่องไปตามจันทร์ด้วยหวั่นไหว
ภาพอดีตคอยกรีดไม่เคยไกล
ปรากฏใหม่ในแสงจันทร์ที่ผันมา

สองมือจับกระทงน้อยลอยเหนือเกล้า
อธิฐานบนบานกล่าวเราปรารถนา
ขอให้พบประสบรักปักษ์ชีวา
โปรดเถิดหนาพาให้สมอย่าตรมตรอม

ฉันได้เจอเธอผู้นั้นในวันหนึ่ง
สองเราซึ้งตรึงมั่นรักร่วมถนอม
มอบความรักสลักมั่นตายก็ยอม
แม้ไม่ดีเพียบพร้อมนักแต่รักจริง

แต่แล้วเธอมาลาไปในวันหนึ่ง
วันที่ซึ่งจันทร์กระจ่างทางรักนิ่ง
ฉันต้องเศร้าเขาพรากเจ้าเฝ้าประวิง
เธอมาทิ้งเราไว้ให้ช้ำตรม

น้ำตาไหลอาบแก้มแซมใบหน้า
เหม่อมองฟ้าพาระกำจำขื่นขม
วันเพ็ญผ่านกาลให้ใจระบม
ทุกข์ระทมจมเศร้าใต้แสงจันทร์

แสงเทียนส่องท้องวารีสว่างไสว
หักเหไปในลูกคลื่นผืนน้ำสั่น
เห็นหญิงชายคู่เคียงมองประคองกัน
กระทงนั้นมั่นในมือสื่อหัวใจ

เพียงตัวฉันวันนี้ที่เปล่าเปลี่ยว
ยืนโดดเดี่ยวเดียวดายน้ำตาไหล
เขาหัวเราะร้องเพลงครื้นเครงไป
ฉันร้องไห้เดินหนีหลบลี้ทาง

วันเพ็ญเดือนสิบสองน้ำนองหน้า
มีน้ำตาอุราเหงาเศร้าทุกอย่าง
อธิฐานผ่านกระทงคงเลือนลาง
สุดอ้างว้างกระจ่างจันทร์ฉันปวดใจ				
15 พฤศจิกายน 2548 06:07 น.

ใจมาร

เพชรพรรณราย

คล้ายชะตาฟ้ากำหนดเป็นกฎไว้
ให้เดินไปในเส้นทางห่างวิถี
ด้วยมิอาจวาสนาพาความดี
จะคอยชี้วิธีทางอย่างที่เป็น

บนลำเนาที่เฝ้าเดินเผชิญสู้
แสนหดหู่สู้ชะตาพาทุกข์เข็น
จะดีชั่วตัวก็ทำเพราะลำเค็ญ
ด้วยจำเป็นไม่เห็นทางจะสร้างไป

แต่ในใจลึกลึกนึกเจ็บปวด
แสนร้าวรวดร้องไห้ใจหวั่นไหว
แต่ต้องแสร้งจำแลงปิดในจิตใจ
กลัวมีภัยให้เดือนร้อนตัดรอนตน

ด้วยสำเหนียกใจเพรียกเรียกให้เลิก
ทางที่เบิกเลิกไม่ได้ใจสับสน
ถลำลึกสุดหวนคืนฝืนกมล
จำต้องทนจนสิ้นกายวายชีวัน

หากแต่ใจใฝ่คิดพินิจอยู่
กลัวใจสู่ความเป็นมารกาลผ่านผัน
ความชั่วร้ายครอบครองจิตผิดอนันต์
ก็ถึงวันผันไปถึงซึ่งใจมาร

สิ่งสุดท้ายหมายจะจบอยากพบได้
ก่อนดวงใจสิ้นสำนึกตรึกตรองอ่าน
ขอสักครั้งตั้งใจก่อนวายปราณ
ขอประสานผ่านความดีชี้สักครา

ปรารถนาค่าสุดท้ายหมายใจมั่น
ใจของฉันมันเรียกร้องก้องหนักหนา
ตัดสินใจทันทีไม่รอช้า
ด้วยความกล้าปรารถนาค่าความดี

ลมหายใจแผ่วเบาอ่อนผ่อนช้าช้า
สำนึกค่าพาใจให้สุขี
ยิ้มละไมสมใจแล้วค่าชีวี
ค่อยริบหรี่สู่ความมืดนิจนิรันดร์				
Lovers  0 คน เลิฟเพชรพรรณราย
Lovings  เพชรพรรณราย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเพชรพรรณราย
Lovings  เพชรพรรณราย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเพชรพรรณราย
Lovings  เพชรพรรณราย เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงเพชรพรรณราย