31 มีนาคม 2549 10:51 น.

แล้วเราก็เข้าใจกัน(ตอนที่2)

เรียงร้อยเป็นเรื่องราว

ทันทีที่มาถึง หวานได้รีบวิ่งออกจากรถโดยเร็ว ไม่ยอมฟังเสียงของพ่อที่ร้องไล่ตามหลังให้ระวัง เพราะเป็นห่วงกลัวว่าจะหกล้ม ดวงตากลมโตอันสดใส จ้องมองบ้านหลังใหญ่นี้อย่างตื่นตา บ้านที่เคยถามแม่ว่า 
          "แม่จ๋า จะมีสักวันไหมจ๊ะที่เราสองคนจะได้อยู่บ้านหลังใหญ่ ๆ มีสนามกว้าง ๆ " แม่ไม่ได้ตอบคำถามของหวาน เพียงแต่ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน 
          "ชอบบ้านหลังนี้ไหมลูก" หวานสะดุ้งด้วยความตกใจ เมื่อเสียงของพ่อมาทำลายมโนภาพระหว่างหวานกับแม่ที่สร้างขึ้นเมื่อกี้ให้ดับลง 
          "ถ้าหนูเห็นในบ้าน หนูต้องชอบกว่านี้แน่จ๊ะ" ทัศนัยพูดขึ้นมา พลางเตรียมจะจูงมือลูกสาวให้เดินมากับตน แต่ก็ต้องถูกปฏิเสธ 
          "ไม่ต้องมาจูง หนูเดินเองได้" ว่าแล้วหวานก็รีบวิ่งเข้าบ้านไป 

                        . . . . 

          "ห้องหนูอยู่ชั้นบนด้านในสุดทางขวามือนะลูก" 
      ทัศนัยบอกขณะที่ลูกสาวกำลังกวาดตามองไปรอบบ้านด้วยความสนใจ ถึงจะไม่ยินดีที่ได้มาอยู่กับพ่อ แต่ด้วยความเป็นเด็กช่างอยากรู้อยากเห็นของหวาน จึงทำให้ต้องรีบวิ่งขึ้นไปดูห้องของตัวเองว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง 

      ความตื่นตามาเยือนหวานอีกครั้ง ขณะกำลังกวาดตามองไปทั่วห้อง ๆ ที่ติดวอลล์เปเปอร์สีชมพูสดใส มีดวงดาวประดับประดาอย่างสวยงาม และไม่ว่ามองไปมุมไหน ก็เห็นมีแต่ตุ๊กตาน่ากอดเต็มไปหมด แม้กระทั่งบนเตียงก็ตาม หวานพาร่างอันบอบบางเดินไปยังมุมนึงที่มีตู้โชว์ขนาดย่อมวางอยู่ ในนั้นมีตุ๊กตาบาร์บี้ในชุดต่าง ๆ วางเรียงกันอยู่ หวานเอื้อมมือไปหยิบตัวใดตัวหนึ่งพร้อมกับรอยยิ้ม 
          "สวยจัง" 
          "ตอนแรกพ่อคิดว่าหนูจะไม่ชอบห้องนี้เสียอีก แต่พ่อก็คิดผิด" ทัศนัยพูดแล้วยิ้มให้ลูกสาว ขณะที่เดินเข้ามาใกล้ลูกสาว แต่ยิ่งใกล้ หวานก็ยิ่งถอยหนี 
          "เราสองคนจะมาคุยกันดี ๆ ไม่ได้หรือลูก" เขาถามด้วยแววตาอันเรียกร้องความเห็นใจ ไม่มีเสียงพูดใด ๆ 
ออกมาจากปากอันบางเฉียบของหวาน ทำเป็นไม่ได้ยินด้วยซ้ำ ไม่สนใจว่าพ่อจะมองด้วยสีหน้าเช่นไร สนแต่ตุ๊กตาบาร์บี้ที่อุ้มอยู่ในมือเท่านั้น 
          "งั้นพ่อไม่รบกวนหนูแล้วนะ เจอกันพรุ่งนี้เลยก็แล้วกัน" ทัศนัยพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงความน้อยใจนิด ๆ แล้วก็พาตัวเองออกจากห้องไป 
                                  . . . . 

      ร่างของหวานนอนนิ่งอยู่บนเตียง บนตัวมีกรอบรูปอันหนึ่งวางอยู่ ซึ่งในนั้นคือรูปแม่ หวานหยิบมันขึ้นมามองด้วยหัวใจอันร้าวราน มืออันเรียวยาวได้รูป ค่อย ๆ ลูบไล้รูป ราวกับว่าได้สัมผัสกับแม่จริง ๆ "แม่จ๋า!!!" เสียงอันสั่นเครือกับน้ำตาที่ไหลริน เปลือกตาที่อยู่ภายใต้ขนตาอันงอนยาวนั้นปิดลง พร้อมกับเรื่องราวในอดีตที่ผุดขึ้นมาในห้วงความทรงจำ 
      ทุกเย็นเมื่อกลับบ้าน หวานจะรีบตรงไปกอดแม่หอมแก้มแม่ และตามด้วยประโยคที่ว่า "คิดถึงแม่จ๋าจังเลย" ทุกครั้งไป หวานกับแม่นอนด้วยกันทุกคืน ถึงจะนอนบนที่นอนเล็ก ๆ แต่ก็เต็มไปด้วยความสุข แม่ชอบร้องเพลงให้หวานฟังทุกคืน เสียงของแม่นั้น ช่างไพเราะจับใจยิ่งนัก ไม่เพียงแค่นี้ แม่ยังทำอาหารและขนมแสนอร่อยให้หวานได้กินทุกวัน ยามว่างแม่มักจะพาหวานไปเที่ยวอยู่เสมอ......ยิ่งคิดเหมือนเรื่องที่คิดคือความจริง แต่ทว่า โลกใบนี้ คือโลกแห่งความจริง มิใช่โลกในนิทาน จึงไม่มีปฏิหารย์มาทำให้ภาพในอดีตได้หวนคืนมาสู่หวาน ด้วยความง่วงบวกกับความอ่อนเพลีย ทำให้หวานหลับไป พร้อมคราบน้ำตา 

                                  . . . . 

          "ครับแม่ ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ แล้วผมจะพายัยหวานไปค้างกับแม่วันศุกร์และเสาร์...." 
      ทัศนัยวางหูโทรศัพท์ เมื่อการสนทนาสิ้นสุดลง เขาหย่อนก้นลงไปบนเก้าอี้ที่ตรงหน้ามีโน๊ตบุ๊คที่กำลังเปิดหน้าจอวางอยู่บนโต๊ะทำงาน กายที่ดูแข็งแรงทอดลงไปตามแนวโน้มของพนักเก้าอี้ ดวงตาที่เรียวเล็กแต่ดูดี ทอดมองออกไปนอกหน้าต่าง ถึงดูว่ามองออกไปอย่างไร้จุดหมาย แท้จริงแล้วในดวงตาคู่นี้กับมีอดีตซึ่งไม่ต่างอะไรจากลูกสาวนัก จะต่างกันก็ตรงเรื่องราวที่เคยสัมผัส เสียงฮึดขึ้นในจมูก เมื่อเขาเกือบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ภาพของหญิงสาวที่ไม่มีเค้าของความสวย มีแต่ความน่ารักมายืนอยู่ตรงหน้าต่าง ดวงตาที่ดูแสนเศร้า มันกำลังตัดพ้ออะไรบางอย่างจากเขา 
          "ปรางค์คุณช่วยบอกผมทีได้ไหม ผมทำอะไรผิด ทำไมยัยหวานถึงได้เกลียดผมถึงเพียงนี้ บอกผมทีได้ไหม" 
เขาพูดกับตัวเองด้วยน้ำเสียงอันแหบพร่า เหมือนกับมีอะไรมาจุกอยู่ที่ลำคอ 


  
   

--------------------------------------------------------------------------------				
31 มีนาคม 2549 10:46 น.

แล้วเราก็เข้าใจกัน(ตอนที่1)

เรียงร้อยเป็นเรื่องราว

"แม่จ๋า หวานกลับมาแล้วจ๊ะ" เด็กสาวส่งเสียงเจื้อยแจ้วดังก่อนที่ตัวจะเดินเข้ามาในบ้าน 
                        "วันนี้หวานมีอะไรมาอวดด้วยนะจ๊ะ" 
    เสียงใส ๆ เปล่งออกมาอย่างร่าเริง พร้อมกับรอยยิ้มที่ผุดขึ้นมาบนดวงหน้าอันเรียวเล็ก ทว่า...รอยยิ้มเมื่อสักครู่กับเลือนหายในทันใด เมื่อภาพตรงหน้าทำให้หัวใจดวงน้อยแทบมลาย 
                        "แม่!!!" 
    ร่างน้อย ๆ ถลาเข้าไปหาผู้เป็นแม่ ที่กำลังนอนจมกองเลือดอยู่ด้วยความตกใจ 
ข้างตัวของแม่มีมีดที่เต็มไปด้วยคราบเลือดติดอยู่ เสียงร้องตะโกนเรียกหาแม่ดั่งกู่ก้อง ราวดั่งเสียงฟ้าที่ผ่าลงมาตรงกลางใจ เด็กสาวกอดร่างซึ่งบัดนี้ไร้ซึ่งวิญญาณของผู้เป็นแม่ ร่างทั้งร่างสั่นสะท้านด้วยความกลัวและตกใจอย่างสุดขีด 

                                  . . . . 

    ขณะกำลังนั่งเอามือกอดอกสั่นสะท้านด้วยความหนาวอยู่ในตอนนี้ ทัศนัยไม่แน่ใจว่า เป็นเพราะความเย็นของเครื่องปรับอากาศบนเครื่องบินที่เขากำลังนั่งมา หรือเป็นเพราะความตื่นเต้นที่เขาจะได้เจอลูกสาว ๆ ที่เขาไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อน หรืออาจจะพูดได้ว่า ลูกสาวที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่ามี เขาเบือนหน้าไปทางหน้าต่าง มองดูไอน้ำที่จับตัวกันเป็นปุยเมฆ ซึ่งบังเกิดภาพของใครบาง 
คน ที่ทำให้ลำคอของเขาเหมือนมีอะไรมาตีบตัน ใครบางคนที่ด่วนตัดสินใจจากเขาไป ด้วยการทำร้ายชีวิตตัวเอง 

                                  . . . . 

    ท่ามกลางความโศกศัลย์ มีเสียงร่ำไห้คร่ำครวญร้องเรียก "แม่จ๋า! แม่จ๋า!" ของเด็กน้อยดังขึ้นอย่างน่าเวทนา 
                        " ทำไมแม่ต้องทิ้งหวานไปด้วย แล้วหวานจะอยู่กับใครล่ะจ๊ะ" ร่างน้อย ๆ ที่กำลังกอดร่างอันไร้วิญญาณของผู้เป็นแม่ สั่นสะท้านไปตามแรงสะอื้นไห้ 
                        "ไหนว่าแม่เคยสัญญากับหวานว่า แม่จะไม่ทิ้งหวานไปไหน ทำไมแม่ต้องผิดสัญญากับหวานล่ะจ๊ะ" น้ำใส ๆ ไหลรินลงอาบแก้ม พร้อมกับเสียงตัดพ้อ ที่ใจมันกำลังจะขาดรอน ๆ 
                        "แม่ตื่นขึ้นมาสิจ๊ะ หวานมีอะไรมาอวดด้วยนะจ๊ะ หวานสอบได้ที่ 1 ของห้องอีกแล้วนะจ๊ะ แม่ได้ยินไหมจ๊ะ แม่ตื่นสิจ๊ะ แม่อย่าทำให้หวานกลัวสิจ๊ะ..." ภาพของเด็กน้อยที่ตอนนี้ราวกับว่าหัวใจของเธอกำลังจะแตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ ตอกย้ำความเศร้าของทุกคนที่อยู่ในนี้ ปล่อยน้ำตาให้ไหลรินไปกับเธอ 
                      "แม่เขาไปสบายแล้วนะลูก หวานมานั่งกับพ่อดีกว่านะ" 
    ทัศนัยพาร่างของตนลุกจากเก้าอี้ ตรงเข้ามาหาบุตรสาว เขาพยายามฝืนน้ำตาไม่ให้ไหล ขณะที่เดินเข้ามา แม้ว่าช่วงอารมณ์ในตอนนี้มันจะยาก แต่ก็ต้องทำ 
                      "ไปนั่งกับพ่อตรงนั้นดีกว่านะคนดี" เขากล่าวพร้อมกับค่อย ๆ พยุงร่างของบุตรสาวขึ้นมา 
                      "ไปให้พ้นอย่ามาแตะต้องตัวหนูนะ!" หวานแผดเสียงดังลั่นใส่หน้าผู้เป็นพ่อ พร้อมกับสะบัดร่างหนีด้วยความชิงชัง 
                      "หวาน! อย่าทำตัวเกเรอย่างนี้สิลูก ไปนั่งกับพ่อเขาดีกว่านะ" ผู้เป็นยายส่งเสียงเอ็ดออกมา ในขณะตรงเข้ามาหาหลานสาว 
                      "เขาไม่ใช่พ่อของหนู! และเขาก็ไม่มีสิทธิ์มาเรียกตัวเองว่าพ่อกับหนูด้วย" คำพูดที่โพลงออกมาเหมือนดั่งเจ็บแค้น ทำให้ทุกคนต่างพากันมองด้วยความตกใจและเกิดความสงสัยไปตามกัน 
                      "ไปนั่งกับพ่อเขาดีกว่านะหลานรักของยาย" คราวนี้เสียงของผู้เป็นยายเบาลง เพราะเข้าใจและเวทนาหลานที่กำลังเสียใจกับการจากไปอย่างไม่มีวันหวนคืนของผู้เป็นที่รักยิ่งดั่งดวงใจ 
                      "ยายจ๋า...ทำไมยายต้องให้หวานไปนั่งกับผู้ชายคนนี้ด้วยล่ะจ๊ะ ยายจำไม่ได้หรือจ๊ะ ว่าเขาเป็นคนใจร้าย เขาทิ้งแม่จ๋าของหวานไป เขาทำให้แม่จ๋าของหวานต้องนอนร้องไห้ทุกคืน เขาเป็นคนฆ่าแม่ ได้ยินไหม! ว่าเขาฆ่าแม่!!!" 
หวานแผดเสียงขึ้นมาดังลั่นพร้อมน้ำตาที่ร่วงพรู ทัศนัยยืนนิ่งชาอยู่อย่างนั้น ร่างสูงใหญ่ของเขาแทบทรุดลง อยากจะร้องถามบุตรสาวที่ 
ยืนอยู่ตรงหน้าว่า "พ่อทำอะไรผิดไปหรือ" แต่ก็เพียงแค่ได้คิด 
                      "โถ! คนดีของยาย" ผู้เป็นยายโผเข้าไปกอดหลานสาวที่ตอนนี้กำลังจ้องมองผู้เป็นพ่ออย่างโกรธแค้น 

                                . . . . 

                      "แม่ฝากยัยหวานด้วยนะทัศ" 
    หญิงชรากล่าวออกมา น้ำเสียงที่เปล่งออกมา ฟังดูดั่งเอ็นดูว่า ทัศนัยนั้นก็ไม่ต่างจากบุตรของตนอีกคน 
                      "ครับแม่" 
แม้จะเป็นคำตอบสั้น ๆ แต่ดวงตาที่มองหญิงชรา กับฉายแววอย่างจริงจังและมั่นคง หญิงชราพาร่างไปหาหลานสาวที่กำลังยืนร้องไห้อยู่ไม่ไกลนัก 
                    "หวานต้องไปอยู่กับพ่อเขานะลูก" 
                    "ให้หวานอยู่กับยายเถอะนะจ๊ะ หวานรับปากว่าจะเป็นเด็กดี จะไม่ดื้อกับยาย" 
                    "ไปอยู่กับพ่อเขาเถอะหวาน" 
หญิงชราคิดว่าพูดแค่นี้คงเพียงพอแล้ว ไม่ต้องอธิบายว่าลำพังตนไม่มีปัญญาที่จะเลี้ยงหลานคนนี้ให้อยู่สบายเหมือนกับพ่อของแกเอง เพราะสักวันหลานคงเข้าใจ อีกอย่างการให้ไปอยู่กับพ่อ สักวันความใกล้ชิดมันคงทำลายความเจ็บแค้นที่มีอยู่ในใจหลานสาวคนนี้ลงได้ หญิงชราจูงมือหลานสาวตรงไปหาผู้เป็นพ่อที่กำลังยืนคอยอยู่ 
                    "ไม่มีทางที่หวานจะไปอยู่กับเขาหรอก" 
หวานสะบัดมือจากการจูงของผู้เป็นยาย แต่ยังไม่ทันที่จะวิ่งหนี ก็ถูกผู้เป็นพ่ออุ้มขึ้นมาได้ทันควัน 
                    "ปล่อยหนูนะ! ปล่อยหนูลงเดี๋ยวนี้นะ หนูไม่ไปกับคุณ ไม่ได้ยินหรือไง ว่าไม่ไป" 
หวานส่งเสียงโวยวายลั่น พร้อมกับร่างที่พยายามต่อสู้ขัดขืนอย่างสุดฤทธิ์ 
                    "ผมขอตัวเลยนะครับแม่ สวัสดีครับ แล้วผมจะรีบติดต่อมา เมื่อยัยหวาน 
ถึงบ้าน" 
ทัศนัยไม่ยอมปล่อยให้เสียเวลาไปมากกว่านี้ รีบร่ำลาหญิงชรา แล้วพาร่างของบุตรสาวตรงขึ้นรถยนต์ราคาเหยียบล้านของเขาทันที 
                    "หนูคงหิว เดี๋ยวก่อนกลับบ้าน เราแวะไปกินอะไรอร่อย ๆ กันก่อนดีไหม" 
ทัศนัยพูดพร้อมกับหันมายิ้มให้บุตรสาวอย่างเอ็นดู 
                    "ถึงคุณจะได้ตัวหนูไปอยู่กับคุณ แต่จงรู้ไว้เถอะ ว่าคุณได้แต่ตัว แต่หัวใจของหนู คุณไม่ได้!" 
หวานกล่าวออกมา เด็กน้อยจะรู้หรือไหมว่า คำกล่าวที่ช่างไร้เยื้อใยนี้ มันทำให้หัวใจพ่อคนนี้เจ็บเหลือเกิน				
28 มีนาคม 2549 20:03 น.

นายหน้าหวานกะคุณหนูจอมแสบ(จบ)

เรียงร้อยเป็นเรื่องราว

มีรุ้งที่ไหนย่อมมีฝนที่นั่น ดูเหมือนประโยคนี้ คงใช้ไม่ได้ผลกับพวกเธอสองคน เมื่อความเป็นเพื่อนต้องหยุดลง ฝนเองมีกลุ่มเพื่อนใหม่ ส่วนรุ้งนั้นต้องเดียวดาย เพราะไม่มีใครอยากยุ่งกับเธอ แต่อย่างไรฝนก็ยังคงแอบเป็นห่วงอยู่ห่าง ๆ 
          "เป็นห่วงใช่ไหม"  เสียงเพื่อนในกลุ่มถามออกมา ฝนละสายตาจากรุ้ง หันมามองเพื่อนคนนี้ด้วยแววตามีคำถาม
          "สายตาที่เธอมองยัยนั่นมันฟ้องไง ฉันว่านะตัดใจจากแม่นั่นเสียเถอะ ไม่เห็นหล่อนจะมาแยแสอะไรเธอเลย ดู 
            สิ ทำเป็นเชิดใส่ วิเศษตายล่ะ!"
          ฝนเพียงรับฟังคำพูดของเพื่อน ไม่ได้แสดงความคิดเห็น หรือโต้ตอบอะไรออกมา คิดแต่ว่า เหตุการณ์วันนั้นที่เพื่อนทำ มันยากเกินที่เธอจะก้าวเข้าไปหา
                                                                                _   _   _   _

          "สมน้ำหน้ายัยนั่น ดูสิ ไม่มีใครเขาคบค้าสมาคมด้วยเลย"  เหมี๊ยวพูดออกมาขณะกำลังนั่งทานข้าวกับกลุ่มของตัวเองอยู่ในโรงอาหาร
          "ก็ทำตัวอย่างงี้ ใครเขาอยากจะคุยด้วยล่ะ จริงไหมว่ะไอ้โบ"  ดิ๊บพูดพลางหันไปทางโบที่กำลังมองรุ้งอยู่
          "แต่ข้าว่าทุกคนทำเกินไป"  โบพูดออกมา
          "จะไปสงสารทำไม๊กับผู้หญิงอย่างนั้นน่ะ"  ดิ๊บทำเสียงสูง และทันทีที่เขาพูดจบ จึงได้มีเสียงวี้ดว้ายของพวกนักศึกษาสาวร้องดังขึ้นมาอย่างตกใจ ขณะที่ร่างของใครบางคนได้ฟุบลงไปต่อหน้าต่อตา 
          จู่ ๆ เหตุการณ์ที่ทำให้เพื่อน ๆ ต้องเกลียดรุ้งกับหายไปอย่างฉับพลัน เมื่อร่างของรุ้งทรุดลงไปกับพื้น พร้อมกับมือที่กุมท้อง ส่งเสียงร้องโอดครวญอย่างเจ็บปวด แม้จะทำอะไรกันไม่ถูก เพราะความตกใจ แต่สายตาเหล่านั้นก็เปี่ยมไปด้วยความเป็นห่วง
          "รุ้ง! เป็นอะไรหรือเปล่า"  โบส่งเสียงถามด้วยความตกใจแกมเป็นห่วง หลังจากที่แหวกผู้คนเข้ามาได้
          "ฉะ...ฉันปวดท้อง!"  เสียงของรุ้งที่ตอบออกมาแผ่วเบาแทบจะไม่ได้ยิน ร่างของเธอค่อย ๆ ถูกโบอุ้มขึ้นมา
          "รุ้งต้องไม่เป็นอะไรนะ"  เขาหันไปพูดกับฝนที่ตอนนี้น้ำตาเอ่อล้นแทบไหลริน ก่อนจะพาร่างรุ้งแหวกผู้คนไปยังห้องพยาบาล ตามด้วยฝนที่เดินตามมาติด ๆ 
          "เป็นอะไรมากหรือเปล่าก็ไม่รู้นะ"  มีเสียงหนึ่งที่แฝงไว้ด้วยความเป็นห่วงดังขึ้น
                                                                                _   _   _   _

ณ.โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
          "ขอบใจนายมากนะ ถ้าไม่ได้นายไส้ติ่งฉันคงต้องแตกก่อนถึงมือหมอแน่"  รุ้งกล่าวพร้อมกับสีหน้าอันเศร้าสร้อย
          "ยังปวดท้องอยู่หรอ"  โบถามอย่างห่วงใย รุ้งส่ายหน้าก่อนจะพูดว่า
          "ฉันทำไม่ดีกับนายและทุกคนไว้ แต่ฉันก็ยังได้รับความช่วยเหลือจากทุกคนอย่างเต็มใจ ฉันต้องขอโทษนายด้วย      
            นะ"
          "ขอโทษฉันคนเดียวไม่พอหรอก ต้องไปขอโทษฝน และเพื่อนทุกคนด้วย"
          "ได้สิจ๊ะ และฉันก็จะบอกกับทุกคนว่า ต่อไปฉันจะไม่ทำตัวน่ารังเกียจอีกแล้ว แต่ต้องรอให้ฉันออกจากโรงพยาบาลก่อนนะ"  รุ้งยิ้ม และโบก็ยิ้มตอบ ทั้งสองต่างมองหน้ากัน ปล่อยให้ความเงียบปกคลุมห้องนี้ไป
          "รบกวนแค่นี้แหละ เธอจะได้พักผ่อน หายเร็ว ๆ นะ"  โบกล่าวพลางลุกจากเก้าอี้ แล้วก่อนที่เขากำลังจะเดินออกจากห้องนี้ไป ก็ยังไม่ลืมที่จะหันมายิ้มให้รุ้งอีกครั้ง ซึ่งรุ้งเองก็ยิ้มตอบอยู่ก่อนแล้วเช่นกัน

ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่านกันจนจบ				
23 มีนาคม 2549 20:51 น.

นายหน้าหวานกะคุณหนูจอมแสบ(บทที่4)

เรียงร้อยเป็นเรื่องราว

หลายสัปดาห์ผ่านไป เรื่องอับอายที่ไม่เป็นมูลความจริงของนายโบ ได้เลือนหาย 
ไปตามกาลเวลา ไม่มีใครพูดถึงมันอีก นายโบเองจึงไม่จำเป็นที่จะต้องไปเรียก 
หาความเป็นชายชาตรีที่ไหนแต่อย่างไร ทุกครั้งที่เขาเจอหน้ายัยลูกคุณหนู 
ยโสคนนี้ทีไร เป็นต้องมีปากมีเสียงกันทุกทีสิน่า 

"อ้าว ๆ วิ่งตาหลีกตาเหลือกเลยนะแม่คุณ ว่าไงจ๊ะ สายล่ะสิ มัวแต่รับของเซ่นไหว้ 
ที่คนเขาถวายขึ้นหิ้งเพลินสินะ" 
นายโบแซวรุ้งขึ้นมาในยามสายของวันหนึ่ง ที่วันนี้ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเพราะความ 
ตั้งใจหรือเปล่า ที่เขาชวนเพื่อน ๆ มานั่งแถว ๆ ตึกที่หญิงสาวเรียนอยู่ 

"อีตาบ้า!" รุ้งแหวเข้าใส่ด้วยความโกรธ 
"ถึงจะบ้าก็บ้ารักน้องนะจ๊ะ" นายโบพูด พร้อมกับเสียงเพื่อน ๆ ตัวดีที่ส่งเสียงผสม 
โรงอย่างคะนองปากไปด้วย ซึ่งสร้างความโกรธให้กับรุ้งขึ้นไปอีก 

"เชอะ! ฐานะอย่างนาย ฉันไม่เอาหรอก" รุ้งหยุดพูดพลางกอดอกมองนายโบ 
ตั้งแต่หัวจรดเท้า ด้วยสายตาที่ดูแคลนเป็นอย่างมาก 

"มีปัญญาสร้างฐานะให้ได้เสียก่อนเถอะ พูดอะไรไม่ดูสารรูปตัวเลยเลยนะ คน 
อะไรไม่เจียมตัวเอง" คำพูดของรุ้งได้ทำให้สีหน้าของโบเปลี่ยนไป แววตาที่มอง 
มายังเธอตอนนี้ ช่างน่ากลัวยิ่งนัก แต่เธอก็ไม่สน สะบัดหน้าแล้วเดินหนีไปจาก 
ตรงนั้นทันที 

"ถือเสียว่า ไม่ได้ยินที่น้องเขาพูดละกัน" มันเป็นคำปลอบที่พวกเพื่อนต่างคิดว่า 
มันดีที่สุดสำหรับเขาแล้ว..........และหลังจากวันนั้น ทั้งโบและรุ้งก็ไม่ได้ทะเลาะ 
อะไรกันอีกเลย จะมองหน้ากันสักนิดก็แทบไม่มี 

_ _ _ _ 


" กรี๊ดดด!!!!! เสียงหวีดร้องดังขึ้น เมื่อร่างของดิ๊บอาบเลือดเข้ามาในห้องเรียน 

"ดิ๊บ!! ใครทำอะไรนายน่ะ ว้าย! ตายแล้ว หัวนายเลือดออกเต็มเลย" เหมี๊ยวระ 
ล่ำระลักถามออกมาพร้อมกับเสียงวีดว้าย เพราะความตกใจและเป็นห่วงเพื่อน 

"ไอ้พวก....." ยังไม่ทันที่ดิ๊บจะบอกอะไรออกมา เขาก็หมดสติล้มลงไปต่อหน้าต่อ 
ตาเพื่อน ๆ สร้างความตกใจและทำอะไรไม่ถูกให้กับทุกคน 

"เฮ้ย! พามันไปหาหมอเร็ว" ดูเหมือนว่าโบจะได้สติก่อนใครเพื่อน เขาค่อย ๆ 
แบกร่างเพื่อนพร้อมกับเพื่อนอีกคน พาดิ๊บออกไปยังห้องเรียนโดยเร็ว 

" อ้าวนี่เป็นอะไรกันล่ะนี่!" อาจารย์ท่านนึงซึ่งเดินผ่านมาทางนี้พอดีเอ่ยถามขึ้น 
ด้วยความตกใจและเป็นห่วง 

"ไม่รู้เหมือนกันครับ อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้เลยครับ'จารย์ ผมว่ารีบพาไอ้ดิ๊บไป 
หาหมอก่อนดีกว่า" โบพูด 

"ขอโทษทีครูตกใจไปหน่อย เอ้านี่ พวกเธอใครก็ได้ช่วยไปเรียกแท็กซี่มาเร็ว 
หรือใครก็ได้ที่มีรถ ช่วยพาเพื่อนไปโรงพยาบาลที" 

" 'จารย์คะ เพื่อนคนนี้ของหนูเขามีรถคะ เดี๋ยวให้เขาพาไป" นักศึกษาสาวใน 
ชุดรัดรูปบอกออกมา พลางหันไปเรียกรุ้งที่กำลังเดินผ่านมาดูเหตุการณ์ 
กับฝนทันที 

"รุ้ง เธอช่วยพาไปโรงพยาบาลทีสิ" รุ้งมองดิ๊บที่ตอนนี้ไม่รู้สึกตัวแต่อย่างใด ด้วย 
สายตาและสีหน้าที่บ่งบอกว่า สะอิดสะเอียนเต็มที 

"แหวะ! ไม่เอาด้วยหรอก เดี๋ยวเลือดมาเปื้อนรถฉัน ยิ่งราคาแพง ๆ อยู่ด้วย ไป 
ขอให้คนอื่นช่วยละกัน " 

"รุ้ง!!" ฝนร้องเรียกชื่อเพื่อน พร้อมกับสายตาที่มองเพื่อนเป็นเชิงตำหนิ ซึ่งไม่ 
ต่างอะไรกับโบที่ตอนนี้แววตาของเขาดูชิงชังในตัวผู้หญิงคนนี้เหลือเกิน และเขา 
เองคงไม่มัวรีรอให้เพื่อนต้องตายไปต่อหน้าต่อตา จึงตัดสินใจอุ้มดิ๊บขึ้นมา 
แล้วรีบเดินไป ๆ เพื่อให้พ้นหน้าผู้หญิงใจร้ายคนนี้เสียที 

"เดี๋ยวฉันจะรีบไปเรียกแท็กซี่มาให้" ฝนอาสาแล้วรีบวิ่งไปจากตรงนี้โดยเร็ว 
แต่ก่อนไป เธอไม่ลืมที่จะหันไปมองรุ้งด้วยสายตาที่กำลังบ่งบอกว่า "เธอนี่มันแย่ 
จริง ๆ " 

_ _ _ _ 



นับจากเหตุการณ์ในวันนั้น ทำให้รุ้งเป็นที่ชังของใครต่อใคร เพราะ 
ความเห็นแก่ตัวของเธอ รวมทั้งฝน ที่ตอนนี้ไปอยู่กับเพื่อนอีกกลุ่ม ไม่ยอมมา 
สนิทกับเธอเหมือนเก่า ด้วยความหยิ่ง รุ้งเองจึงไม่งอนง้อเพื่อนเช่นกัน และเธอ 
ก็ไม่แคร์ว่าใครจะรู้สึกอย่างไรกับเธอ หรือเพื่อนที่เคยสนิทอย่างฝน จะตีตัวออก 
ห่าง เธอก็ยังคงชูคออยู่ด้วยตัวคนเดียวได้				
23 มีนาคม 2549 12:45 น.

นายหน้าหวานกะคุณหนูจอมแสบ(บที่ 3)

เรียงร้อยเป็นเรื่องราว

"มาหาใครหรือน้อง" ดิ๊บถามเด็กชายที่ยืนเก้ง ๆ กัง ๆ อยู่หน้าประตูห้องเรียน 

"มาหาพี่โบครับ" เด็กชายตอบ 

"มันยังไม่มาเลยน้อง มีอะไรกับมันหรือเปล่าล่ะ" ดิ๊บบอกพร้อมทั้งถามออกมา 

"พอดีพี่โบเขาลืมของไว้ที่ห้องพี่ชายผมน่ะครับ ถ้ายังไงฝากพี่ช่วยคืนพี่โบด้วยนะ 
ครับ อ้อ...พี่ผมเขาซักให้เรียบร้อยแล้ว 
นะครับ" เด็กชายบอก พร้อมกับยื่นถุงใบเล็ก ๆ ส่งให้ดิ๊บ แล้วจึงเดินไปจากตรง 
นั้น ซึ่งการพูดคุยระหว่างดิ๊บและเด็กชายนั้น ได้อยู่ในสายตาของรุ้งและฝนที่ 
แอบดูอยู่ตลอดเวลา 

"ขอบใจมาก เอานี่เงินกินขนม" รุ้งกล่าวพร้อมทั้งยื่นเงินให้เด็กชายไป 200 
บาท 

"ทำอย่างนี้มันจะดีหรือแก" ฝนถามอย่างลังเล 

"เฉย ๆ ไว้เถอะน่า" รุ้งพูด 

ทางด้านฝ่ายนายดิ๊บ พอได้รับของมา ด้วยความที่ถือว่าตนเป็นเพื่อนสนิท จึงได้ 
ถือวิสาสะหยิบของในถุงนั้นออกมา 

"ไอ้หยา!" เพื่อน ๆ ในชั้นเรียนต่างพากันหันมามองนายดิ๊บ เพราะตกใจใน 
เสียงร้องของเขา และทุกคนก็ต้องตกตะลึง เมื่อในมือของนายดิ๊บถือกางเกงในจี 
สตริงอยู่ 

"ของเอ็งหรือว่ะไอ้ดิ๊บ" มีเสียงของเพื่อนชายคนนึงตะโกนถามออกมาจากหลัง 
ห้อง 

"เอ่อ เอ๊ย! ไม่ใช่โว้ย ของไอ้โบมัน" ดิ๊บบอก แต่พอเอ่ยชื่อเพื่อนก็ได้มีอันต้อง 
สะดุ้งขึ้นมาอีกครั้ง 

_ _ _ _ 


"ข้าต้องโดนใครสักคนแกล้งแน่นอน แต่ข้าไม่มีเคยมีศรัตรูที่ไหนนี่หว่า เอ... 
หรือจะมีคนหมั่นไส้ที่ข้าเกิดมาหน้าตาหล่อ" 
โบพูดแล้วจึงหันไปมองหน้าดิ๊บที่ตอนนี้ได้มองหน้าเขาอยู่ก่อนแล้ว 

"เฮ้ย ถามอะไรหน่อยดิ" นายดิ๊บพูด 

"เอ่อว่ามาดิ" 

"ขนาดมันเล็กไป ใส่แล้วไม่อึดอัดหรือไงว่ะ" ดิ๊บถามด้วยสีหน้าที่แสดงความ 
สงสัยอย่างเต็มที่ 

"ไม่อึดอัดหรอก เฮ้ย! ให้ข้าพูดอะไรเนี่ยตัวเองเดี๋ยวก็หยิกสะหรอก มันต้องมีคน 
แกล้งข้าแน่" โบพูดพร้อมกับคิดไปว่า ใครกันนะที่เป็นคนกลั่นแกล้งเขา 

"โว้ยยย !!! คิดไม่ออกใครกันว่ะ ที่แน่ ๆ ตอนนี้ทุกคนคงเข้าใจว่าข้าน่ะ ต้องมี 
รสนิยมอย่างนั้นแน่ ๆ ช่วยข้าที่สิว่ะไอ้เพื่อนยาก" 

"ให้ช่วยเลือกซื้อจีสตริงตัวใหม่ให้หรอ" ดิ๊บถามอย่างตีหน้าเซ่อ สักพักจึงได้มี 
มะเหงกของนายโบเขกลงไปบนหัวดัง โป๊ก! 

" ล้อเล่นเว้ย เอ็งลองนึกดูดี ๆ สิ ไปสร้างศรัตรูไว้ที่ไหนป่ะ" 

"เอ่อ! คิดออกแล้ว" 

"ใครว่ะ" 

"ข้าว่าต้องเป็นยัยลูกคุณหนูหลักหมื่อนแน่" 

"เอ็งแน่ใจ" 

"ยิ่งกว่าแน่เสียอีก" 

_ _ _ _ 

"เธอใช่ไหมที่เป็นคนทำ" โบถาม เมื่อยืนเผชิญหน้ากับรุ้งในโรงอาหาร 

"ทำอะไรหรอ" รุ้งย้อนถามพร้อมกับาตีหน้าเซ่อ 

"ตกลงจะไม่ยอมรับใช่ไหมเนี่ย" 

"ใช่สิย่ะ ว่าแต่ว่าฉันไปทำอะไรให้นายหรอ นายยาจก" 

"เรียกคนอื่นเขาแบบนี้ วิเศษนักหรือไง เธอสร้างเรื่องไม่จริงขึ้นมาให้ฉันอับ 
อายขนาดนี้ ดูสิ ฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ฉันยังต้องเรียนที่นี่อีก 2 ปีกว่า ๆ นะ" 

"นั่นมันเรื่องของนายไม่เกี่ยวกับฉัน ถอยไปได้แล้ว ฉันจะไปกินข้าว ไม่อยาก 
เสียเวลาคุยกะคนระดับอย่างนาย" 
รุ้งพูดพลางแกล้งเอาไหล่ของตัวเองชนให้นายโบได้เซ พร้อมกับเดินไปจากตรง 
นั้นกับฝน 

"ฝากไว้ก่อนเถอะ" 

และแล้วข่าวคราวเรื่องกางเกงในจีสตริงของนายโบ ก็เป็นที่กล่าวขานกัน 
ไปทั่ว ไม่ว่ารุ่นน้อง รุ่นพี่ หรือจะเป็นรุ่นเดียวกัน ต่างเอามาวิพากษ์วิจารณ์ เป็น 
ที่สนุกปาก ใครที่สนิทกับนายโบ ก็เข้าใจว่าเป็นเรื่องที่เพื่อนโดนกลั่นแกล้ง แต่ 
ใครที่ไม่รู้จัก ต่างก็พากันพูดกันให้สนุกปาก เวลาที่นายโบเดินผ่านไปทางไหน 
จะมีสายตาและเสียงซุบซิบนินทาอยู่ตลอด บ้างก็โดนถาม โดนแซว ให้ต้องอับ 
อายขายหน้า 

"โธ่! เพราะยัยนั่นคนเดียวที่ทำให้ชีวิตข้าป่นปี้ถึงเพียงนี้ คอยดูนะข้าต้องเรียก 
ความเป็นชายชาตรีกลับคืนมาให้ได้"				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเรียงร้อยเป็นเรื่องราว
Lovings  เรียงร้อยเป็นเรื่องราว เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเรียงร้อยเป็นเรื่องราว
Lovings  เรียงร้อยเป็นเรื่องราว เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเรียงร้อยเป็นเรื่องราว
Lovings  เรียงร้อยเป็นเรื่องราว เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงเรียงร้อยเป็นเรื่องราว