หวัดใหญ่ 2009 ยังอยู่ภัยกลายพันธ์

ลุงเอง

http://news.impaqmsn.com/imagelib/092009/6b68fb17c37a656.jpg>
สถานการณ์การแพร่ระบาดของ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในเมืองไทย กระแสข่าวเริ่มจะเบาลงไป แต่ลึก ๆ แล้ว จริง ๆ แล้ว การป้องกัน-เฝ้าระวัง ทั้งโดยรัฐ และประชาชน ยังต้อง  เข้มข้นกันต่อไป   
    
ด้านหนึ่ง...ต้องระวังการระบาดใหญ่อีกระลอกหนึ่ง
    
อีกด้านหนึ่ง...ก็ต้องระวังการ กลายพันธุ์ ด้วย !!
    
ทั้งนี้ กับประเด็นการกลายพันธุ์ของ เชื้อหวัดใหญ่ นั้น ก็อย่างที่  สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์ เคยนำเสนอไปแล้ว กล่าวคือ... มีรายงานว่าในแต่ละปีมีผู้ติดเชื้อหวัดใหญ่ทั่วโลกราว 10-15% ของประชากรโลก ขณะที่การระบาดเฉพาะในท้องถิ่นมักเกิดทุก 1-3 ปี และการระบาดใหญ่ทั่วโลกจะพบทุก 10-40 ปี จากการที่เชื้อมีวิวัฒนาการ มีการผสมกันของไวรัสในคนและในสัตว์หลายชนิด เช่น หมู สัตว์ปีก ม้า จน กลายพันธุ์  
    
มนุษย์ควรต้องกลัวการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสหวัดใหญ่ เพราะแม้แต่ไวรัสหวัดชนิดพื้น ๆ ธรรมดาที่มีอยู่แล้ว เมื่อมันคุกคามสู่ร่างกายมนุษย์จนป่วย มนุษย์ก็ยังทำอะไรมันไม่ได้มาก ต้องรักษาผู้ป่วยแบบแก้ตามอาการ ดังนั้น กับเชื้อไวรัสหวัดใหญ่ และโดยเฉพาะหวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 มนุษย์จึงประมาทมันไม่ได้เด็ดขาด
    
ที่สำคัญ...เมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา มีรายงานข่าวที่ประเทศแคนาดา  อาร์เจนตินา และออสเตรเลีย พบสุกรหรือ หมู ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 แบบที่ระบาดอยู่ในคน และยังมีการพบ ไก่งวง ติดเชื้อไข้หวัดแบบที่ระบาดในหมูหรือไข้หวัดหมู ที่ประเทศชิลี ซึ่งนี่ก็เป็นเสมือน สัญญาณ   เตือนภัย ไม่ให้ประมาท
    
ในเมืองไทยก็จำเป็นต้องระวังไข้หวัดใหญ่ 2009 กลายพันธุ์
    
และการกลายพันธุ์ผ่านหมูหรือสุกรก็ต้องป้องกันให้ดี !!
    
กล่าวสำหรับมาตรการป้องกันไข้หวัดใหญ่ 2009 กลายพันธุ์ผ่านทางสัตว์นั้น จากข้อมูลทางวิชาการพบว่าสุกรหรือหมูมี ตัวรับ ที่สามารถจับกับเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ของคนและสัตว์ปีกได้ ซึ่งอาจทำให้สุกรกลายเป็น ตัวผสม ระหว่างเชื้อไข้หวัดใหญ่ของคนและสัตว์ปีก ส่งผลให้เชื้อไวรัสมีโอกาสกลายพันธุ์ได้ และอาจกลับมาติดต่อสู่คนได้ในที่สุด ซึ่ง ณ ที่นี้ก็มิใช่จะมากระพือให้คนไทยกลัวหมู เป็นแต่เพียงทำความเข้าใจ
    
อย่างไรก็ตาม การป้องกันไม่ให้สถานการณ์อันไม่พึงประสงค์นี้เกิดขึ้น หน่วยงานรัฐ ผู้ประกอบการปศุสัตว์ เกษตรกร ประชาชน จำเป็นต้องใส่ใจป้องกัน-ให้ความร่วมมือ ไม่หย่อนยานไปตามกระแสไข้หวัดใหญ่ 2009 ในไทยที่เบาลงไป เพราะอันตรายนี้ยังอยู่ และในประเทศจีนที่อยู่ไม่ไกลไทย  ภัยนี้ก็กำลังน่ากลัวมากขึ้น
    
ในส่วนของหน่วยงานรัฐ จากข้อมูลที่เปิดเผยโดย นายสัตวแพทย์ ยุคล ลิ้มแหลมทอง อธิบดีกรมปศุสัตว์ ว่าที่ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นั้น หลังจากในต่างประเทศมีข่าวไข้หวัดใหญ่ 2009 แพร่สู่สัตว์ ทางกรมปศุสัตว์ก็มีการหารือเพื่อจัดทำแผนรับมือ เพื่อป้องกันและควบคุมให้เป็นขั้นเป็นตอนและชัดเจนให้มากที่สุด 
    
มีการร่วมมือระหว่างกลุ่มสัตวแพทย์ ผู้ควบคุมฟาร์มสุกร นักวิชาการ ทั้งภาครัฐและเอกชน คณะทำงานโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่จากกรมปศุสัตว์ และผู้เกี่ยวข้องกับการผลิตสุกรทั้งระบบ จัดประชุมสัมมนาระดมความคิดหาแนวทางที่อิงหลักวิชาการ เพื่อรับมือและเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ 
    
รวมทั้งกำหนดแนวทางการป้องกันโรคในฟาร์ม การปฏิบัติของบุคลากรในฟาร์ม การเฝ้าระวังโรคในฟาร์ม ซึ่งจะช่วยป้องกันการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่จาก รังโรค ชนิดต่าง ๆ
    
การดำเนินการของภาครัฐ โดยกรมปศุสัตว์ ซึ่งร่วมมือกับส่วนงาน  อื่น ๆ โดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุขที่กำลังทำอยู่แล้ว ก็เช่น... ป้องกันเชื้อปนเปื้อนจากต่างประเทศ, ติดตามการเคลื่อนย้ายสุกร, จัดตั้งวอร์รูมวิเคราะห์สถานการณ์และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง, ส่งเสริมการเลี้ยงสุกรอย่างถูกสุขลักษณะ มีความปลอดภัยทางชีวภาพ และลดการเลี้ยงสัตว์ปีกในบริเวณที่เลี้ยงสุกรเพื่อลดโอกาสการรวมพันธุกรรมเชื้อหวัด, เก็บตัวอย่างสุกรที่มีอาการผิดปกติเพื่อตรวจสอบ รวมถึงจะกำหนดแล็บตรวจสอบเป็นเครือข่าย เป็นต้น
    
ส่วนแนวทางในการเฝ้าระวังโรคในสุกร สำหรับฟาร์มและผู้เกี่ยวข้อง คือ พ่นน้ำยาฆ่าเชื้อในการเข้า-ออกฟาร์ม ยานพาหนะ และวัสดุอุปกรณ์ อย่างเข้มงวด หมั่นดูแลสังเกตอาการป่วยของสุกร หากพบว่ามีอาการป่วย นอนซม ซึม ไข้สูง ตัวแดง หายใจลำบาก ไอ จาม ให้กักไว้ดูอาการ ห้ามเคลื่อนย้ายสุกรออกจากฟาร์มโดยเด็ดขาดอย่างน้อย 7-14 วัน ให้ยาปฏิชีวนะ ยาลดไข้ และวิตามิน เพื่อลดการติดเชื้อแทรกซ้อน และที่สำคัญคือแจ้งสัตวแพทย์ควบคุมฟาร์มและเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ทันที ...อธิบดีกรมปศุสัตว์ระบุไว้อย่างนี้
    
ขณะที่ นายสัตวแพทย์ นิรันดร เอื้องตระกูลสุข ในฐานะผู้อำนวยการสำนักควบคุม ป้องกัน และบำบัดโรคสัตว์ ก็ให้ข้อมูลไว้ว่า... ทางสำนักควบคุมฯได้เฝ้าระวังทางห้องปฏิบัติการ โดยเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งจากโพรงจมูกสุกรและตรวจโมเลกุล เพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมว่ามีความสัมพันธ์กับไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 หรือไม่ โดยเบื้องต้นสุ่มเก็บตัวอย่าง 16,824 ตัวอย่าง จาก 200 จุด ยังไม่พบสุกรที่แสดงอาการผิดปกติ ทางระบบทางเดินหายใจแต่อย่างใด และยังไม่พบสุกรที่ให้ผลบวกต่อไข้หวัดสุกร 
     
เป็นเรื่องดี...ปศุสัตว์ในไทยไม่มีปัญหา ไข้หวัดใหญ่ 2009
    
จะให้ดีไปตลอด...ทุก ๆ ฝ่ายจะต้องร่วมกันป้องกันจริงจัง
    
กลายพันธุ์ นั้น อันตราย ไม่กลัวไม่ได้...เด็ดขาด !!.				
comments powered by Disqus
  • ลูกข้าวเหนียว

    12 กันยายน 2552 22:12 น. - comment id 107984

    นายอภิสิทธิ์เคยพูดว่าหวัด 2009 ไม่นากลัว  คนไทยอย่าตกใจครับ
    
    ประเทศนี้ไม่มีอะรัยน่าตกใจครับ
    - ยาบ้า
    - ผู้มีอิทธิพล
    - เศรษฐกิจตกต่ำ
    - ชาวนาขายข้าวไม่ได้ราคา
    - พืชผัก ผลไม่ราคาตกต่ำ
    - ราคายางพาราตกต่ำ
    
    อย่าตกใจนะครับพี่น้องไทยทุกคน

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน