บันทึก เส้นทาง ปฏิบัติธรรม

กระต่ายใต้เงาจันทร์


บ่ายสามโมงเย็นของวันอาทิตย์ข้าพเจ้าได้มาถึงสถานปฎิบัติ ซึ่งมากับพระนิสิตของมหาวิทยาลัยสงฆ์ เพื่อมาปฏิบัติธรรมในโครงการวิปัสสนากรรมฐาน ข้าพเจ้ารู้สึกไม่เต็มใจมาตั้งแต่แรกเพราะเห็นมีแต่พระนิสิตซึ่งข้าพเจ้าเป็นผู้หญิงจึงพึงระวังและสำรวมแต่ขัดคู่ชีวิตไม่ได้เลยต้องเดินทางมาด้วยกัน
          มีเจ้าภาพมาเลี้ยงอาหารพระนิสิตซึ่งเป็นญาติโยมที่เดินทางมาจากกรุงเทพ ข้าพเจ้ามองดูความเป็นไปของญาติโยม แม่ครัว ที่ตั้งใจและพิถีพิถันกันในการทำครัว ไม่ว่าขนมลูกชุบที่จัดเรียงอย่างสวยงามหรือไม่แม้แต่ข้าวต้มกุ้งที่ใส่กุ้งตัวใหญ่ๆสดจนเต็มหม้อ หรือ จนกระทั่งแซนวิชทูน่าที่เต็มหมด กล้วยตาก มะละกอ ที่คัดสรรและอยากให้พระฉันอาหารที่เลิศรสและดีที่สุด
            ในยามค่ำคืนข้าพเจ้าเรียนสิ่งที่พระอาจารย์สอนว่าให้รู้และรู้ว่าทำอะไรอยู่แค่นั้น และหลักธรรมมากมายที่ท่านสั่งสอนแต่ข้าพเจ้าก็ถกเถียงได้ทุกข้อไปทำให้รุ่งเช้าอีกวันข้าพเจ้าไม่อยากปฏิบัติและใจไม่ยอมรับและคิดว่าตัวเองจะโง่และขาดเขลาเบาปัญหาที่จะศึกษาและรู้ถึงแก่นพระพุทธศาสนาหรือไม่  บารมีเก่าคงจะไม่ถึงทำให้ข้าพเจ้าถอดถอยเสียกลางคัน
          เคยตั้งคำถาม ตัวเองหลายครั้งว่ามาปฏิบัติธรรมเพราะอะไรหรือต้องการหลุดพ้นจากความทุกข์ ไม่เลยในใจข้าพเจ้าไม่เคยคิดถึงสิ่งเหล่านี้ ข้าพเจ้าคิดเสมอเหตุเกิดที่ไหนต้องแก้ที่นั่น ถ้าเราทำอย่างหวังเราจะได้อะไรแน่นอนมนุษย์ถ้าไม่มีความหวังก็จะอยู่อย่างเป็นสุขและมีความหมายอะไรมีสิ่งอะไรน่าค้นหาอีกแต่ก็ก็ต้องกลับมาถามตัวเองทุกครั้งเรามีความหวังและคาดหวังว่าเราจะสมหวังในเรื่องที่เราทำแต่เราเคยนึกหรือไม่ว่าความหวังและความสมหวังมันอยู่คนละส่วนและคนละเรื่องกัน
        เดินจงกรมก็แล้วนั่งสมาธิก็แล้วจิตก็ยังจะลอยฟุ้ง   ไปรับสิ่งรับรู้จากภายนอกเรื่อยไป เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น
          ข้าพเจ้าเข้าใจส่วนที่ข้าพเจ้าคิดว่าตัวเองเข้าใจ เพราะเราไม่บังคับจิต ไม่ฝืนใจตัวเองข้าพเจ้านั่งสมาธิได้ แต่ข้าพเจ้าจะนั่งเมื่ออยากจะนั่งหรือกระทำเท่านั้น จึงมีในส่วนที่ข้าพเจ้าคิดว่าเข้าใจแต่กลับไม่เข้าใจเสียเองว่า
ข้าพเจ้าใช้จิตควบคุมอารมณ์
หรือใช้อารมณ์ควบคุมจิต
       การเรียนหลักธรรมคิดว่าง่ายก็ง่ายคิดว่ายากก็ยากก็เหมือนความอยากและไม่อยากนั่นแหละว่า เรารับรู้ส่วนนั้นด้วยอาการอย่างไร   ภูมิหลังและต้นทุนในการให้พระพุทธศาสนาขัดเกลาคงมีมาไม่เท่ากัน มีหลายคนถกเกียงว่า มารไม่มีบารมีไม่เกิด แต่เถียงกับจิต และความรู้สึกตัวเอง จึงรู้สึกว่า    เหมือนเป็น  มาร    ที่กำจัดยากชะมัด
         เคยผ่านสถานที่ปฏิบัติธรรมมาก็หลายแห่งแต่สุดท้ายข้าพเจ้าก็ต้องกับมานั่งเถียงกับจิตข้างในตัวเองเสียทุกครั้งไปก็แค่หลักธรรมง่ายๆทำไมคนเราต้องแสวงหาและเดินทางมาปฏิบัติธรรม บางคนจริงจังเสียจนข้าพเจ้ารู้สึกว่าไป  กดดันตัวเองมากไปหรือเปล่า         แน่นอนมนุษย์ถ้าไม่อยู่ในกฎและกรอบย่อมจะเดินออกนอกลู่นอกทางที่วางไว้      แต่ทำไมมนุษย์คิดเป็น    แต่ทำไม่ค่อยได้ก็ไม่รู้     ถ้าทำได้เราคงจะสงบและคงไม่มีเรื่องราวที่ต้องมากระทำ และหากิจกรรมทำร่วมกัน ข้าพเจ้าคิดว่าการใช้ชีวิตต้องมีสติ รู้ว่าตัวเองทำอะไร อะไรถูก อะไรผิด นี่เป็นหลักธรรมง่ายๆที่เรามักปฏิบัติไม่ได้เพราะอะไรเพราะตัวกิเลสและความไม่รู้จักพอ   แต่ถ้าเราใช้ชีวิต   เหมือนพระบรมราโชวาทขององค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า
        อยู่อย่างพอเพียง     ชีวิตคงมีความสุข และ  อยู่ร่วมกันอย่างสันติ    แต่มนุษย์มัก    มีเหตุและหาข้ออ้างมารองรับสิ่งที่ต้องการจะได้มาเสียทุกครั้งไป
          เหมือนคนบางคนเคยพูดคุยกับข้าพเจ้าว่า    พระเดี๊ยวนี้รวย  มีรถส่วนตัวมีคนเพราะมีข้ออ้างว่ามีกิจนิมนต์เยอะเดินทางไม่สะดวกก็เพราะอะไร      เพราะ มนุษย์ศรัทธาและไม่สร้างค่าและความหมายให้ท่าน ก็ไม่ทราบว่าส่วนนี้ใครผิดและใครเป็นตัวกิเลสและต้องเข้าใจว่า  
        ในส่วนของพระอาจารย์ที่จบมาสูงๆระดับปริญญาโท   ปริญญาเอก   หรือเป็นพระมหาเปรียญเก้าประโยค   เป็นพระอาจารย์สอนพระนิสิต    มิได้เงินเดือนเท่าคนทั่วไป   มีเงินเดือนเพียงน้อยนิด   และบางองค์จำวัดอยู่ไกลจากที่สอนจึงจำเป็นต้องมีพาหนะในการเดินทาง    
         มีโยมแม่ท่านหนึ่งมาถามข้าพเจ้าว่าพระพูดผมไม่ผิดหรือลูก ทำไมพระ  ไม่พูดอาตมาก็เลยเถียงท่านในใจที่ท่านคิดว่าเพราะพูดผมไม่ได้นะไม่ผิดหรอก เพราะพระท่านไม่มีผมก็ได้แน่คิดในใจก็เท่านั้นแต่ตอบท่านไปว่าไม่ผิดหรอกคะ พระก็มีและมาจากหลายสายและในส่วนที่มาปฏิบัติธรรมวินัยเป็นพระนิสิตคะ
        มีญาติโยมที่ศรัทธา   พระอาจารย์ฝากหลานสาว   อายุประมาณสิบสี่สิบห้ามาปฎิบัติธรรม เด็กสองคนคุยกันทั้งคืน   ทำให้คนที่มาร่วมปฎิบัติธรรมไม่ได้นอน  มีอาจารย์ท่านหนึ่งบอกในตอนเช้าว่า     ให้ไล่กลับไปเพราะทำตัวไม่เหมาะสม
ทราบจากพระอาจารย์ว่า      เด็กสองคนไม่เคยปฏิบัติธรรมมาก่อนนี่เป็นครั้งแรกในชีวิต
        เลยตอบอาจารย์ท่านนั้นไปว่า   ให้โอกาสเด็กอีกสักครั้งดีไหมค่ะ  เรียกมาชี้แจงหรือจับแยกกันนอน    และสอนว่าควรทำตัวอย่างไร  ถ้าเด็กถูกไล่ออกไป   หรือเรียกให้ผู้ปกครองมารับ   เด็กๆจะรู้สึกอย่างไรกับการปฏิบัติธรรมครั้งแรกค่ะ
ท่านอาจารย์ท่านนั้นจึงตกลงและเข้าใจในเหตุผล
            ข้าพเจ้าเก็บมาเขียนมาคิดเพื่อสะกิดเป็นข้อเตือนใจว่า เกิดเป็นคนอย่าเลือกปฏิบัติ จงทำเรื่องง่ายให้ง่ายเข้าไว้เพราะตราบใดเราทำเรื่องง่ายให้ง่ายยังไม่ได้ตราบนั้นคงจะทำเรื่องยากให้ง่ายคงยากเสียเหลือเกินกระมัง
             คิด เขียน แล้วปล่อยวางไม่ได้เก็บมาสนใจ แล้ววันเวลาก็ผ่านไปอีกวัน พอผ่านวันนี้ก็ถึงพรุ่งนี้อีกแล้ว
                                   กระต่ายใต้เงาจันทร์
                                     12 ม.ค. 51				
				
				
				
comments powered by Disqus
  • ร้อยฝัน

    30 ตุลาคม 2552 01:18 น. - comment id 109604

    ขออนุโมทนาด้วย นะเพื่อน
    รักษาร่างกายด้วย
    ส่วนอิสัน  มีแต่ปฏิบัติ กับ ทำ
    (กรรม)  ปฏิบัติธรรมไม่ค่อยปรากฎ
  • อนงค์นาง

    30 ตุลาคม 2552 01:32 น. - comment id 109605

    อยากไปปฏิบัติธรรมเหมือนกันค่ะ แต่ไม่กล้านอนที่วัด กลัวผี ขอแบบไปเช้าเย็นกลับดีกว่า
    
    73.gif45.gif36.gif
  • เสมอจุก

    30 ตุลาคม 2552 08:03 น. - comment id 109606

    อนุโมทนาครับ
  • โอ้ละหนอ

    2 พฤศจิกายน 2552 11:36 น. - comment id 109659

    อยากคุยด้วยนะ ....................เราไม่ค่อยศรัทธาเรื่องการไปปฎิบัติอะไรๆที่มันยุ่งยาก
    แก่ชีวิตพราะคิดว่าสิ่งเหล่านั้นมันเป็นการ
    ปรุงแต่งความอยากของกิเลสของคนเรามากกว่า  เหมือนคนเรายังหลงทางในเรื่องของการปฎิบัติซะมากกว่า พูดง่าย ๆ คือเราไม่มีศรัทธาเพียงพอและไม่ยอมรับการสั่งสอนจากผู้อื่นมั้งนะ ปกติเราก็ปฎิบัติเองคนเดียวเงียบ ๆ อยากสวดมนต์เราก็สวดของเราคนเดียว อยากนั่งสมาธิเราก็นั่งของเราคนเดียว 
    ไม่แห่ไปโน่นมานี่เพราะเราว่าเสียเวลาเปล่า ๆ
    เอาเวลาที่เดินทางหรือประกอบพิธีกรรมต่างๆ
    มาปฎิบัติยังจะได้ประโยชน์เยอะกว่ามาก
    แค่เราคิดดี พูดดี ทำดี เท่านี้ก็น่าจะเพียงพอที่จะอยู่ในโลกใบนี้ได้อย่างดีแล้ว อะไรมากมาย
    จริงไหม คุณไปเพราะตามใจคนชวน ไม่ได้เพราะศรัทธาแล้วก็คัดค้านมันไปซะทุกอย่างที่เห็น  เพราะเราไม่ศรัทธามั้งนะ.........
  • หลี่เหม่ยจิน(ไม่ได้ lock in)

    3 พฤศจิกายน 2552 21:44 น. - comment id 109678

    ที่ไปปฏิบัติเพราะเริ่มรู้สึกว่ากิเลสตัวเองเยอะมากบางทีสะสมทุกวันขยะในใจเยอะต้องขนออกบ้างจะได้เบา...แต่ถ้าใครล้างใจตัวเองที่บ้านได้ทุกวัน...คิดว่าใจสะอาดดีแล้วก็อาจไม่จำเป็น...สำหรับตัวเองคิดว่าเหมือนไปพักผ่อนประจำปีมากกว่า...ปีละครั้ง
  • ปะการังสีฟ้า

    5 พฤศจิกายน 2552 21:39 น. - comment id 109714

    อนุโมทนาสาธุนะค่ะ  ช่วงปิดเทอมใหญ่ ปะการังมีโอกาสไปปฏิบัติธรรมที่วัดถ้ำสุมะโน จังหวัดพัทลุง  คิดว่าหากมีโอกาสจะไปปฏิบัติธรรมอีกครั้ง  ถ้าว่างไปด้วยกันนะค่ะ11.gif
  • รัมณีย์

    5 พฤศจิกายน 2552 21:56 น. - comment id 109717

    4.gif11.gif4.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน