นั่งรถรางแอ่วเมือง เล่าขาน ๙ ตำนาน นครเจียงฮาย

กระต่ายใต้เงาจันทร์


ในวันอาทิย์เวลาบ่ายโมง  ได้ไปนั่งรถรางแอ่วเมืองเจียงฮาย   ซึ่งมีการลงทะเบียนในตอนเที่ยงซึ่งทางเทศบาลนครเชียงรายจัดทำขึ้นมาให้นั่งฟรีมีไกด์บรรยายทั้งเที่ยวสามโมงเช้าและบ่ายโมงเย็นตลอดเส้นทางและทุกสถานที่ๆไป
นักศึกษาในคณะพุทธศาสตร์ส่วนมากทำงานแล้วจึงนัดมาเจอกันในจุดที่ขึ้นรถรางเป็นการเปลี่ยนรูปแบบการสอนเพื่อให้ได้บรรยากาศในการเรียนอีกแบบหนึ่ง   หรืออาจจะว่าอาจารย์ผู้สอนเองก็อยากจะเที่ยวหรือขี้เกียจสอนกระมังอันนี้ต้องไปคิดกันเองค่ะ
พอเริ่มขึ้นรถก็เริ่มคุยส่งภาษาเหนือกันจ้าล่ะหวั่น    แอบเก็บภาพไป  ฟังไป  แบบรู้เรื่องบ้าง    ไม่รู้เรื่องบ้าง      ก่อนรถจะออก   นักศึกษาหญิงผมยาวสลวยนั่งหน้าสุด     ถามออกมาว่า    อย่าเพิ่งออกรถได้ไหม   ยังไม่ได้ดูเลยรถรางมีกี่ล้อ
โอยยยย,เล่นสะงง...มีนักศึกษาท่านหนึ่งมาไม่ได้ด้วยติดภาระเรื่องงานส่งตัวแทนมาน่ารักสะ,,,ไม่มีคะ     มาไม่ได้ส่งแฟนหรือเรียกให้ลึกซึ้งว่า   สามีแตะมือเปลี่ยนไม้มาแทนเหมือนแข่งวิ่งผลัดสี่คูณร้อยยังไง
ยังงั้น
นี่คือความนารักของครอบครัวและความมีน้ำใจเอื้ออาทรต่อกันทำให้เราเห็นแล้วรู้สึกเป็นสุข
แต่คงไม่ส่งมาเรียนหรือมาสอบแทนกันน่ะค่ะ    แอบแซวสะหน่อย
อยากรู้เป็นใครในภาพมีผู้ชายคนเดียวในกลุ่มเพราะๆหนุ่มๆคณะนี้ไม่มีเรียนค่ะ
ตัวเองยังได้ความรู้จากนักศึกษา   หมอปุ๊ก   ในเรื่องของวัดมิ่งเมืองมามากมาย  เรียกว่า    เค้าบรรยายได้ละเอียดถี่ยิบบรรยายไปหน้าแดงไปตลอดทั้งทริปที่ขึ้นรถรางแบบว่าหมอปุ๊กเป็นคนขาวคงแพ้แสงแดด   แต่แสงแดดในฤดูหนาวไม่น่าจะแพ้ขนาดนี้น่ะหมอ
ในส่วนรายละเอียดเก็บภาพและบบรรยากาศมาฝากกันคะ
				
จุดแรก   ที่รอขึ้นรถราง   ห้าแยกพ่อขุนเม็งราย

นักศึกษายังมาไม่ครบ				
ไม่มีคนนี้ล้อไม่เคลื่อนรถออกไม่ได้ค่ะ


คนขับรูปหล่อ				
ไม่มีคนนี้ไม่มีไกด์บรรยายให้ความรู้


สุภาพ      บรรยายดีมากตลอดทาง


ที่สำคัญยิ้มแย้มตลอดเวลาแถมหน้าตาดีอีกตะหาก				
ลองมองหาดูสิคะว่านักศึกษาแสนสวยคนไหนที่อยากรุ้รถรางมีกี่ล้อ				
ขอดูแผ่นที่   ก่อนขึ้นรถแอ่ว				
เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของเมืองเชียงรายเทศบาลนครเชียงรายจึงได้จัดโครงการ นั่งรถรางแอ่วเมือง เล่าขาน ๙ ตำนาน นครเจียงฮาย เพื่อเป็นการส่งเสริมนโยบายของรัฐ
        เทศบาลนครเชียงรายได้จัดรถรางไว้บริการนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ  โดยแบ่งออกเป็น ภาคเช้าจำนวน ๒ เที่ยว เวลา ๙.๐๐น.และ ๐๙.๓๐ น. และภาคบ่าย จำนวน ๒ เที่ยวเวลา ๑๓.๐๐ น.และ ๑๓.๓๐ น. ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดทั้งสิ้น ทั้งนี้เพื่อความสะดวกควรไปลงทะเบียนเพื่อจองที่นั่งเนื่องรถรางสามารถบรรจุผู้โดยสารได้เพียง ๒๘ ที่นั่งเท่านั้น นักท่องเที่ยวสามารถไปลงทะเบียนได้ที่บริเวณหลังอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช
        ตำนานนครเจียงฮาย ทั้ง๙ แห่งได้แก่
จุดที่๑ อนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช


 

อนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช ตั้งอยู่บริเวณห้าแยกพ่อขุนฯ พ่อขุนเม็งรายฯเป็นราชโอรสของพระเจ้าลาวเม็งแห่งราชวงศ์ลัวะจักราช ผู้ครองหิรัญนครเงินยางกับพระนางอั่วมิ่งจอมเมือง ราชธิดาของท้าวรุ่งแก่นชาย เจ้าเมืองชียงรุ้ง ทรงสร้างเมืองเชียงราย เมื่อ พ.ศ. ๑๘๐๕ เมืองกุมกาม เมื่อ พ.ศ. ๑๘๒๙ และเมืองเชียงใหม่ เมื่อพ.ศ. ๑๘๓๔
พ่อขุนเม็งรายฯสวรรคต ขณะเสด็จประพาสกลางเมืองเชียงใหม่โดยถูกอสุนีบาตตกต้องพระองค์  เมื่อ พ.ศ. ๑๘๖๑ รวมพระชนมายุได้ ๘๐ พรรษา
จุดที่หนึ่ง รถจะไม่ได้พาชม ท่านสามารถ ไปสักการะได้ขณะที่รอรถรางที่จอดอยู่ด้านหลังอนุสาวรีย์ฯ
เมื่อได้เวลาสัญญาระฆัง จะดังขึ้น พร้อมกับรถรางจะเคลื่อนออกจากที่โดยมีไกด์นำเที่ยวบรรยายให้ความรู้ตลอดเส้นทาง				
				
จุดที่ ๓ วัดพระสิงห์


วัดพระสิงห์ ตั้งอยู่ที่ถนนสิงหไคล เป็นอารามหลวงเก่าแก่แต่โบราณกาล เคยเป็นที่ประดิษฐ์พระพุทธสิหิงค์ ปัจจุบันประดิษฐ์อยู่ ณ วิหารลายคำ วัดพระสิงห์ จังหวัดเชียงใหม่
มีพระอุโบสถรูปทรงสถาปัตยกรรมแบบล้านนาสมัยเชียงแสน บานประตูออกแบบโดยอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินล้านนาผู้มีชื่อเสียงแกะสลักไม้เป็นเรื่อง ดิน น้ำ ลม ไฟ นอกจากนั้นบานประตูยังแกะสลักเป็นรูปสัตว์สี่ชนิด และบ่งบอกความเป็นเพศหญิง เพศชาย ท่านสามารทดสอบสายตาว่ามีสัตว์อะไรบ้างและบานไหนเป็นเพศชาย เพศหญิง				
				
จุดที่ ๒ หอวัฒนธรรมนิทัศน์เฉลิมพระเกียรติ				
ตั้งอยู่ที่ถนนสิงหไคล เป็นที่ตั้งของศาลากลางจังหวัดเชียงรายหลังเดิม ด้านหน้ามีอนุสาวรีย์รัชกาลที่ ๕ ภายในอาคารจัดทำเป็นหอวัฒนธรรมนิทัศน์เฉลิมพระเกียรติ แสดงนิทรรศการถาวรแบ่งออกเป็น ๖ ห้อง มีเนื้อหาเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ที่มีต่อจังหวัดเชียงราย แสดงประวัติความเป็นมาของเมืองเชียงรายตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ สมัยสถาปนาเมืองเชียงราย สมัยราชอาณาจักรสยามและเชียงรายปัจจุบัน รวมทั้งการแสดงนิทรรศการชนพื้นเมือง และกลุ่มชาติพันธ์ของจังหวัดเชียงราย แสดงทางภาษาและวัฒนธรรม				
				
				
				
				
				
				
				
				
				
จุดที่ ๔ วัดพระแก้ว

วัดพระแก้วตั้งอยู่ที่ถนนไตรรัตน์ เป็นเก่าแก่ เดิมชื่อว่า วัดป่าเยียะ เป็นป่าไผ่ชนิดหนึ่ง ในปี พ.ศ. ๑๙๗๗ ฟ้าได้ฝ่าองค์พระเจดีย์พังทลายลงจึงพบพระแก้วมรกต (ปัจจุบันประดิษฐานในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม) วัดหนึ่งจึงได้ชื่อว่า วัดพระแก้ว
พระอุโบสถของวัดเป็นพระวิหารทรงเชียงแสน ภายในมีพระประธานเป็นพระพุทธรูปสำริด ปางมารวิชัย เรียกว่า พระเจ้าล้านทอง
นอกจากนี้ ยังมีหอพระหยก เป็นอาคารทรงล้านนา ภายในประดิษฐานพระหยกเชียงแสน  มีโฮงหลวงแสงแก้ว พิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงพระพุทธรูปสำคัญของวัด ศิลปวัฒนธรรมเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาในรูปแบบที่สมัย				
				
				
				
				
จุดที่ ๕ วัดดอยงำเมือง


วัดดอยงำเมือง ตั้งอยู่บนดอยงำเมือง ถนนอาจอำนวย  ณ จุดนี้ท่านสามารถทดสอบพละกำลังโดยขึ้นบันได ๗๔ ขั้น เป็นวัดเก่าแก่ที่มีความสำคัญ เพราะเป็นที่ตั้งของกู่บรรจุพระอัฐิของพ่อขุนเม็งรายมหาราช สร้างโดยพญาไชยสงคราม โอรสพ่อขุนเม็งรายฯ
ในพุทธศตวรรษที่ ๑๙ หลังจากที่ พ่อขุนเม็งรายฯ ได้สวรรคตที่เชียงใหม่ในปี พ.ศ. ๑๘๖๐ พญาไชยสงคราม พระราชโอรสได้ถวายพระเพลิงพระศพแล้ว พระองค์ไม่โปรดเมืองเชียงใหม่ จึงกลับมาครองเชียงรายได้อัญเชิญพระอัฐิของพ่อขุนเม็งรายฯ มาประดิษฐาน ณ ดอยแห่งนี้ ต่อมาเอ ปี พ.ศ. ๒๐๓๐ พระยาศรรัชฏาเงินกอง ทรงสร้างวัดขึ้น ให้ชื่อว่า วัดงำเมือง และใน พ.ศ. ๒๒๒๐ ได้มีการบูรณะเพิ่มเติมมีการสร้างวิหารและเสนาสนะในวัดโดยเจ้าฟ้ายอดงำเมือง โอรสผู้ครองนครเชียงแสน				
จุดที่ ๖ วัดพระธาตุดอยจอมทอง



วัดพระธาตุดอยจอมทองตั้งอยู่บนดอยจอมทอง ถนนอาจอำนวย ณ จุดนี้ท่านสามารถทดสอบพละกำลังอีกครั้งโดยขึ้นบันได ๙๒ ขั้น ตามตำนานกล่าวว่าเป็นบริเวณที่พระยาเรือนแก้ว ผู้ครองนครไชยนารายณ์ ทรงสร้างพระธาตุเจดีย์ขึ้น เมื่อปี พ.ศ. ๑๔๘๓ เพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อเกิดแผ่นดินไหวทำให้พระธาตุองค์เดิมพังทลายลง ต่อมาสมัยที่พ่อขุนเม็งรายฯ สร้างเมืองเชียงราย พระองค์จึงได้สร้างพระเจดีย์องค์ใหม่ขึ้นพร้อมกับการสร้างเมือง บริเวณวัดพระธาตุดอยจอมทองมี เสาสะดือเมือง ๑๐๘ หลัก  ตั้งอยู่บนรูปแบบสมมุติฐานของจักรวาล				
				
				
จุดที่ ๗ วัดมิ่งเมือง

วัดมิ่งเมือง ตั้งอยู่บนถนนไตรรัตน์ สร้างขึ้นในสมัยพ่อขุนเม็งราย มหาราช เมื่อ พ.ศ. ๑๘๐๕ มหาเทวีอุษาปายะโค ซึ่งเป็นมเหสีของพ่อขุนเม็งรายฯ จะเสด็จมาที่วัดนี้ปีละ ๒ ครั้งคือ วันวิสาขบูชาและวันประเพณียี่เป็ง ของชาวล้านนา เพื่อทรงจุดผางประทีปบูชาพระเจดีย์ และได้ทรงนำอัฐิของมารดามาบรรจุไว้ที่วัดแห่งนี้
วัดมิ่งเมืองยังมีชื่อเรียกว่า วัดช้างมูบ(วัดช้างหมอบ) นักโบราณคดีสันนิษฐานว่าในคราวอัญเชิญพระแก้วมรกตจากเชียงรายไปเชียงใหม่ ช้างทรงของพระแก้วได้หมอบคอยอยู่หน้าวัดมิ่งเมือง ซึ่งทำให้ชาวบ้านเรียกว่า วัดช้างมูบ  มีบ่อน้ำชาวบ้านเรียกบ่อน้ำนี้ว่า บ่อน้ำช้างมูบ รูปแบบการก่อสร้างมีหลังคาเป็นรูปซุ้มโขงประดับด้วยรูปปั้นของช้างทรงเครื่องหมอบอยู่				
				
จุดที่ ๘ หอนาฬิกา

ตั้งอยู่ถนนบรรพปราการ ออกแบบโดยอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ และก่อสร้างโดยเทศบาลนครเชียงราย เริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ. ๒๕๔๙ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของเมืองเชียงราย หอนาฬิกามีการแสดงแสง สี เสียง เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมชมศิลปะอันงดงามขอหอนาฬิกาวันละ ๓ รอบ คือ เวลา ๑๙.๐๐, ๒๐.๐๐ และ ๒๑.๐๐ น. เพื่อให้เกิดความประทับใจที่ได้มาเยือนเมืองเชียงราย				
				
				
				
				
				
				
				
จุดที่ ๙ สวนตุงและโคมเฉลิมพระเกียรติ

สวนตุงและโคมเฉลิมพระเกียรติ ตั้งอยู่บนถนนธนาลัย สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวโรกาสมีพระชนมายุ ครบ ๗๕ พรรษา โดยเทศบาลนครเชียงรายได้พัฒนาพื้นที่ดังกล่าวเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ จัดเป็นสถานที่แสดงนิทรรศการชนเผ่า  สถานที่อนุรักษ์ตุงและโคมที่มีเอกลักษณ์ล้านนา
นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่จัดงานประเพณี และสวนสาธารณะ สวนสุขภาพ และมีการจัดถนนคนเดินทุกวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา ๑๙.๐๐ -๒๔.๐๐ น.
หลังจากชมทั้ง ๙ จุดเรียบเรียบร้อนแล้ว รถจะพานักท่องเที่ยวมาจอด ที่หลังอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งราย เป็นการยุติการนั่งรถรางแอ่วเมืองรายแต่เพียงเท่านี้
(ขอขอบคุณข้อมูลจาก เอกสารประชาสัมพันธ์ ของเทศบาลนครเชียงราย)				
				
				
				
				
				
comments powered by Disqus
  • ก่องกิก

    24 ธันวาคม 2552 15:52 น. - comment id 112840

    น่าอิจฉาจัง....ได้ไปเที่ยวไกลๆ
    36.gif36.gif
  • ฟลุค

    24 ธันวาคม 2552 15:17 น. - comment id 112842

    อยากไปมั่งอะ พาไป หน่อย สิพี่กระต่ายยยยยยยยยยยย
  • หนุ่ม(ไม่-เจ้าชู้)

    24 ธันวาคม 2552 15:37 น. - comment id 112843

    น่าสนุก จังเลยน่ะ  ไปเที่ยวอีกเมื่อไร จะได้ไปด้วย
  • รัมณีย์

    24 ธันวาคม 2552 18:03 น. - comment id 112848

    6.gif11.gif6.gif
  • ฉางน้อย

    24 ธันวาคม 2552 23:15 น. - comment id 112852

    11.gif36.gif11.gif
  • กระต่ายใต้เงาจันทร์

    25 ธันวาคม 2552 09:32 น. - comment id 112856

    สวัสดีค่ะฟลุค
    
    
    ส่งงเงินมาให้สักล้านสองล้านดิยกเว้นหัวล้าน
    พี่ไม่เอาน่ะน้องอิๆๆ
    เดี๊ยวพี่จัดให้74.gif36.gif
  • กระต่ายใต้เงาจันทร์

    25 ธันวาคม 2552 09:34 น. - comment id 112857

    สวัสดีคุณหนุ่ม(ไม่-เจ้าชู้) 
    
    
    จะไปด้วยน่ะขออนุญาติคนที่บ้านรึยังค่ะ19.gif23.gif36.gif
  • กระต่ายใต้เงาจันทร์

    25 ธันวาคม 2552 09:36 น. - comment id 112858

    สวัสดีค่ะพี่นพ
    
    อิจฉาทำไมค่ะพี่ก็เที่ยวได้ค่ะรวยออก44.gif36.gif
    
    เอ...หรือว่าเงินฝากไว้กับสาวหมดอ่ะ32.gif42.gif
  • กระต่ายใต้เงาจันทร์

    25 ธันวาคม 2552 09:39 น. - comment id 112859

    สวัสดีค่ะคุณต้า
    
    มาทีไรยิ้มอย่างเดียวเหมือนคุณฉางน้อยเปียบ11.gif36.gif
  • กระต่ายใต้เงาจันทร์

    25 ธันวาคม 2552 09:40 น. - comment id 112860

    สวัสดีค่ะคุณฉางน้อย
    
    มาทีไรยิ้มอย่างเดียวเหมือนคุณต้าเปียบ74.gif36.gif
  • ฤกษ์(ไม่ได้ล๊อกอิน)

    1 มกราคม 2553 00:36 น. - comment id 112992

    มะงุมมะงาหรา ไปถึงเจียงฮาย ไม่รู้ว่าจะไปหากระต่ายใต้เงาจันทร์ได้ที่ไหน เคยบอกว่า อยู่ที่ห้องสมุดวัดพระแก้ว ก็ไม่เห็นมี ก็เลยไปกินข้าวที่ร้านหอนาฬิกา หาโรงแรมนอนไม่ได้ ไปได้ที่สุขนิรันดร์ ได้ห้องแล้วก็มาแอ่วเมืองยามราตรีคลาดกลางคืน เลยไปกินอะไรที่เปลี่ยนนิสัยที่ร้านริมน้ำกกเลยอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายไป พอได้ที่แล้วก็ไปแอ่วบ้านย่าแปงที่ฮ่อมดอย ไม่ได้ขึ้นรถรางกับเขาเลย อิอิ ต่งคนต่างไปถึงเมืองเจียงฮายโดยสวัสดิภาพทุกคน อิอิ
  • กระต่ายใต้เงาจันทร์

    3 มกราคม 2553 13:33 น. - comment id 112997

    สวัสดีค่ะพี่กฤษ์
    
    ไม่ทราบว่ามาเชียงรายจริงหรือปล่าวพอดีเข้าสำนักงานมาเช็คเมลล์นิดหน่อยเลยเห็นข้อความที่ฝากไว้มจร,ปิดนี่ค่ะจะเจอได้ไงกระต่ายปิดเครื่องปฎิบํติธรรมเพิ่งจะเข้ามาเคลียร์งานเพราะนักศึกษาวันนี้ทำพิธีสืบชะตาแบบล้านนาที่วัดพระแก้ววันนี้
    มจร,ห้องเรียนวัดพระแก้วเปิดพรุ่งนี้ค่ะ
    ถ้าอยากเจอลงมาใหม่จิ
    ก็อยากลงมาช่วงที่ข้าน้อยจำศีลนี่น๊าๆๆๆๆ23.gif36.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน