อทิสมานกาย ๗๘

กิ่งโศก

ชายหนุ่มหันไปยกมือไหว้พ่อเชียรแม่เข็มแล้วก็หันไปทางเจ้าชัย ซึ่งทั้งหมด
ต่างเข้ามานั่งเพื่อฟังเรื่องราวของนรกต่อไป ด้วยทั้งหมดได้ฟังเกี่ยวกับดินแดน
สรวงสวรรค์มาแล้ว  แล้วชายหนุ่มก็ต้องหันไปทางแม่นางเทพอัปสรทั้งสอง
ทันที   เมื่อได้ยินแม่นางเทพอัปสรรัตนาวดีพลันเอ่ยถามขึ้นว่า
   แต่ทำไมน้องเองถึงไม่ได้ผ่านดินแดนแห่งนี้เลยล่ะจ๊ะพี่???...
    ชายหนุ่มหันไปยิ้มตอบแล้วก็เอ่ยให้แม่นางเทพอัปสรฟังว่า
   ทุกๆรูปนามนั้นต้องผ่านดินแดนนี้ทั้งสิ้นจะยกเว้นก็ต่อเมื่อผู้นั้นได้ฌานสมาบัติ
ถึงขั้นตั้งแต่โสดาบันเป็นต้นไปถึงจะไม่ต้องผ่านดินแดนแห่งนี้จ๊ะ  เหตุด้วยน้องเมื่อ
ยามดับขันธ์ลงนั้นไม่ได้ฌานสมาบัติใดๆ 
       มีแต่ทานที่สร้างด้วยกุศลกรรมมากๆไว้   ฉะนั้นจึงต้องไปสู่ยังดินแดนแห่งนี้ 
แต่เนื่องจากสัญญาการถูกปรุงแต่งโดยสังขารนั้นดับไปแล้ว จึงจำความไม่ได้ 
 อันที่จริงน้องพี่นั้นต้องสู่ยังชั้นดาวดึงส์เป็นอย่างน้อย 
แต่ด้วยน้องเองก่อนจะสิ้นชีพลงนั้นติดอยู่ในสัญญาของแรงอธิษฐานไว้นั่นเอง
     เมื่อแรงอธิษฐานที่ทุกๆครั้งสร้างบุญกุศลต่างๆนั้นน้องได้ตั้งจิตแน่วแน่มั่นคงไว้ใน
การอธิษฐานจิตทุกๆครั้ง   กุศลที่สำคัญคือการสร้างเจดีย์บรรจุพระบรมสาริกธาตุไว้
แล้วอธิษฐานจิตไว้จึงทำให้น้อง ซึ่งมีวิมานอยู่แล้วไม่สามารถจะเข้าไปอยู่ได้ จึงจำเป็น
ต้องไปผุดในตักของท่านท้าวมหาราชในชั้นจาตุม เพื่อรอคอยสิ่งที่น้องปรารถนาไว้
หากประสบผลสมฤทธิ์เมื่อใด นั่นแหละถึงจะไปยังวิมานในชั้นดาวดึงส์ได้จ๊ะน้อง
     
     แล้วชายหนุ่มก็หันไปทางเทพอัปสรอ้อยวิลาวัลย์ซึ่งกำลังจะเอ่ยปากถามก็ชิงตอบ
เสียก่อนว่า
   อันแม่นางอ้อยวิลาวัลย์ก็เหมือนกันจะมีลักษณะคล้ายๆกันผิดกันก็คือ น้องอ้อยนั้น
สิ้นชีพก่อนอายุขัยอายุจะถึงวาระดับไป  จึงกลายเป็นสัมภเวสีแต่อาศัยมีจิตใจที่งดงาม
ได้รับการอบรมศีลธรรมจากหลวงพ่อทองไว้ แล้วยังคอยบำรุงรักษาเสนาสนะ โบสถ์
วิหาร ศาลาภายในวัดมิให้ถูกทำลายพร้อมเจ้าจุก
      แต่ครั้นน้องได้ติดตามพี่มาได้รับการฝึกอบรมด้านสมาธิเพิ่มขึ้นหมั่นเพียร
ฝึกสมาธิจนได้ฌานสมาบัติบรรลุธรรมวิเศษจนถึงขั้นอนาคามีไปแล้ว 
จึงแปรสภาพจากสัมภเวสีไปเป็นอทิสมานกายไปแต่ด้วย
มีปัจจัยเหมือนกับแม่น้องนางรัตนาวดีเช่นกัน คือยังติดในโมหะอยู่บ้าง คือด้านความรัก
อันเป็นบ่อเกิดให้ต้องมิอาจจะไปสู่ภพภูมิใหม่ได้  
     บุคคลใดก็ตามหากได้บรรลุธรรมชั้นตั้งแต่โสดาบันขึ้นไปจะปิดกั้นทางแห่งดินแดนนี้
ได้อย่างสนิท แต่ก็ยังอยู่ในโลกียะธรรมของกามารมณ์อยู่มากบ้างน้อยบ้างไป ด้วยยังไม่
ได้บรรลุพระอรหัตผลที่ตัดขาดสิ้นอาสวะกิเลสน้อยใหญ่   ดังนั้นหากประมาทพลั้งเผลอ
ไปชั่วขณะจิตหนึ่งก็อาจต้องเข้าสู่ดินแดนนี้ได้เช่นเดียวกัน ส่วนเจ้าแสงสี สินชัย เจ้าพ่วง
และเจ้าเริ่มก็เช่นเดียวกันพึงยังอยู่ในฌานขั้นต้นๆ  
      เว้นแต่เจ้าแสงสี สินชัยที่ก้าวล่วงผ่านไปถึงขั้นสกทาคามีไปแล้ว
 แต่ก็ต้องมีสติอย่าได้ประมาทเช่นเดียวกัน    เจ้าทั้งสี่นี้ได้ปิดประตูแห่งดินแดนนี้
ไปแล้ว จึงขอให้พยายามหมั่นฝึกฝนสมาธิให้มากๆเข้า  กรรมที่เคย
มีมาจะได้ตามไม่ทัน เวลาออกจากสมาธิให้อธิษฐานแผ่กุศลแก่สรรพสัตว์ทั้งปวงและ
บรรดากรรมที่เคยล่วงเกินมาด้วยก็จะเป็นหนทางหนึ่งที่จะแก้ไขบาปอันนั้นได้ นอกจาก
ทางนี้แล้วไม่มีทางอื่นใดๆทั้งสิ้น
   
   ด้วยแรงแห่งการอธิษฐานจิตในขณะที่ยังอยู่ในขั้นอุปาจาระสมาธิมีพลังงานอานุภาพมาก
ด้วยเป็นเขตเชื่อมต่อของฌานทั้งหมด ขอให้พวกเจ้าจงจำไว้ด้วย  ทุกเวลานาทีให้มีสติหมั่น
ตรวจตราสมาธิเอาไว้ให้เป็นอารมณ์ให้จงได้ ยามจะเกิดการเปลี่ยนแปลงนั้นด้วยการเกิดดับ
ก็จะมีพระรัตนตรัยเป็นสรณะนำทางแก่พวกเจ้าไว้ จงจำให้ดีๆ 
     เอาล่ะข้าจะขอเล่าเรื่องของดินแดนนรกภูมิให้พวกเจ้า แม่นางเทพอัปสรทั้งสอง
 ตลอดพ่อแม่และน้องฟัง    จากการได้รับรู้มาว่า  อันขุมนรกน้อยใหญ่นี้นั้นซึ่งอยู่
ในขั้นกรรมหนักเบาแตกต่างกันจำแนกในโลกนี้ได้แปดขุมนรก  
และอีกหนึ่งขุมนรกที่เกาะเกี่ยวกับจักรวาลไว้ดังนี้
 
      ขุมที่ ๑ ชื่อ สัญชีวมหานรก คือ นรกที่ไม่มีวันตาย 
สัตว์นรกจะถูกนายนิรยบาลเอาดาบนรกฟาดฟันกายให้ขาดเป็นท่อนๆ
 บางที ก็เอามีด เอาขวานมาถาก เฉือนเนื้อทีละน้อยๆ จนสิ้นใจตาย
 ทันใดนั้นเองก็มีลมกรรมพัดโชยมาถูกต้ องกาย 
ให้กลับฟื้นขึ้นมาเป็นสัตว์นรกเหมือนเดิมอีก 
นายนิรยบาลเห็นดังนั้น ก็จะลงโทษให้ได้รับความเจ็บปวด
จนกระทั่งถึงตายอีก รับกรรมอยู่อย่างนี้นานถึง ๕๐๐ ปีนรก 
ขุมที่ ๒ ชื่อ กาฬสุตตนรก เป็นนรกด้ายดำ นายนิรยบาล จะเอาเส้นด้ายดำมาตีเป็นเส้นตามร่างกายของสัตว์นรก 
ที่จับให้นอนบนแผ่นเหล็กแดงที่ร้อนระอุ แล้วเอาเลื่อยมาเลื่อย เอาขวานมาผ่า
 หรือเอามีดมาตัดตามเส้นที่ตีเอาไว้ แม้จะดิ้นทุรน-ทุรายอย่างไรก็ไม่หลุด
 ยิ่งดิ้นก็ยิ่งรัดแน่นเข้าไปอีก สัตว์นรกจะถูกเลื่อยตัดร่างกายจนตาย 
แล้วก็กลับฟื้นขึ้นมาใหม่ ทรมานอยู่อย่างนี้ จนกว่าสัตว์นรกจะหมดกรรม
 ซึ่งต้องใช้เวลานานถึง๑,๐๐๐ ปีนรก 
มหานรกขุมที่ ๓ ชื่อ สังฆาฎนรก หมายถึงนรกที่ถูกภูเขาเหล็กบดขยี้ร่างกาย
ให้ได้รับ ทุขเวทนาอยู่ตลอดเวลา สัตว์นรกขุมนี้มีรูปร่างหน้าตาประหลาด 
บางตนมีหน้าเป็นวัวแต่ ตัวเป็นมนุษย์ หรือหน้าเป็นมนุษย์แต่ตัวเป็นช้าง
 เป็นเสือสัตว์นรกจะถูกนายนิรยบาลเอาโซ่เหล็กร้อนระอุมัดคอเอาไว้
 ฉุดกระชากลากมาลากไป แล้วเอาค้อนเหล็กทุบกระหน่ำลงบนศีรษะ
 ร่างกายก็ป่นปี้จนกระดูกแหลกละเอียด พอตายแล้วก็มี
 ลมกรรมพัดมาให้ฟื้นคืนชีพอีก ต้องใช้กรรมอย่างนี้นานถึง ๒,๐๐๐ ปีนรก
       ที่เป็นเช่นนี้เพราะเมื่อเป็นมนุษย์ ไร้ความเมตตากรุณาต่อสัตว์ 
ชอบทำการทารุณเบียดเบียนผู้อื่น
นรกขุมที่ ๔ คือ โรรุวนรก ที่ได้ชื่ออย่างนี้เพราะเต็มไปด้วยเสียงร้อง
ระงมครวญครางอย่างน่าเวทนา ศีรษะ มือ เท้าของสัตว์นรก 
จมลงไปในดอกบัวเหล็ก นอนคว่ำหน้า เปลวไฟก็เผาไหม้ดอกบัวเหล็ก
พร้อมกับสัตว์นรก จะตายก็ไม่ตาย ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่อย่างนั้น
จนหมด ๔,๐๐๐ ปีนรก 
 
เพราะในอดีตชอบนำสัตว์มาทรมาน หรือเคยเป็นตุลาการผู้พิพากษา
ที่ตัดสินคดีความโดยขาดความยุติธรรม หรือเป็นเพราะ
ไปลักขโมยสมบัติของพระศาสนา 
ขุมที่ ๕ คือ มหาโรรุวนรก คล้ายๆ กับนรกขุมที่ ๔ 
แต่มีเสียงร้องครวญครางมากกว่า ได้รับทุกข์ทรมานมากกว่าสัตว์ในขุมนี้
ต้องเข้าไปยืนในดอกบัวเหล็กที่คมกริบ มิหนำซ้ำยังร้อนแรง
ด้วยไฟนรกอีกด้วย เผาไหม้สัตว์ตั้งแต่เท้าจนถึงศีรษะเปลวไฟ
เข้าไปในทวารทั้ง ๙ จะตายก็ไม่ตาย 
ได้รับทุกข์ทรมานอยู่อย่างนั้นนานถึง ๘,๐๐๐ ปีนรก 
 
เพราะกรรมในอดีตได้ตัด ศีรษะสัตว์และมนุษย์เอาไว้มาก 
ทำโจรกรรมด้วยความอาฆาตพยาบาท ปล้นสมบัติในพระศาสนา
 ปล้นทรัพย์สินของผู้มีพระคุณพ่อแม่ครูบาอาจารย์ และผู้ทรงศีลทั้งหลาย
ขุมที่ ๖ คือ ตาปนรก สัตว์นรกจะได้รับความเร่าร้อน อย่างน่าเว ทนา
 เพราะถูกหลาวเหล็กที่ร้อนโชติช่วงด้วยเปลวไฟเสียบแทงสัตว์ทั้งหลายไว้
 และยังมีสุนัขนรกตัวใหญ่เท่าช้างสาร รุมทึ้งจนเหลือแต่กระดูก 
ชดใช้กรรมอยู่อย่างนี้ถึง ๑๖,๐๐๐ ปีนรก 
ขุมที่ ๗ คือ มหาตาปนรก เป็นขุมที่สัตว์นรกได้รับความเร่าร้อนเหลือประมาณ
 ด้วยการถูกบังคับให้ขึ้นไปบนภูเขาเหล็กที่ร้อนลุกเป็นไฟ 
แล้วถูกลมกรดที่ร้อนแรงพัดกระหน่ำสัตว์ให้ตกลงมาข้างล่าง
 ซึ่งมีขวากหนามเหล็กที่ร้อนแดงด้วยไฟนรก ปักเรียงรายอยู่ 
เสียบทะลุร่างกาย ดูแล้วน่าหวาดเสียวสยดสยองต้องทนทรมาน
อย่างนี้ถึงครึ่งอันตรกัป การนับเวลาจากที่มนุษย์ อายุยืนเป็นอสงไขย
แล้วถอยลงเหลืออายุ ๑๐ ปี แล้วกลับอายุยืนขึ้นไปถึงอสงไขยนั้น
นับเป็นเวลาเป็น ๑ อันตรกัป ฉะนั้นครึ่งอันตรกัป ก็ถือว่ายาวนานมากทีเดียว 
ขุมสุดท้าย คือ อเวจีมหานรก เป็นนรกที่สัตว์ถูกทรมาน 
โดยไม่มีการหยุดพักเลย อยู่ลึกที่สุดและเสวยวิบากกรรมยาวนานที่สุด
ถึง ๑ อันตรกัป กรรมที่ทำให้เกิดในขุมนี้ เพราะทำอนันตริยกรรมเอาไว้
 ตั้งแต่ฆ่าบิดามารดา ฆ่าพระอรหันต์ ทำร้ายพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
จนห้อพระโลหิต และทำลายสงฆ์ ให้แตกกัน 
นอกจากนี้ยังมี โลกันตนรก สำหรับผู้ที่ทำกรรมชั่วมากเป็นพิเศษ เช่นเป็นนิยตมิจฉาทิฎฐิ นรกขุมนี้จะอยู่เลย ๓ เท่า ของภพ ๓ จากปากจักรวาล ตรงนั้นจะมีความมืดมนอนธการ ไม่มีแสงเดือนแสงดาวให้เห็น มืดสนิท และเย็นยะเยือก 
โลกันตนรก คือ นรกที่อยู่สุดโลกสุดจักรวาล จะเห็นแสงสว่าง
ก็ต่อเมื่อมีพระพุทธเจ้าเสด็จมาอุบัติขึ้นในโลก แสงสว่างแห่งพุทธธรรม
จะโชติช่วงไปทั่วหมื่นโลกธาตุ ส่องสว่างไปถึงโลกันตนรก 
ขุมนรกร้อนที่สุดไม่มีที่ไหนเกินอเวจีมหานรก แต่ถ้าเย็นที่สุดคือโลกันตนรก
 ซึ่งสัตว์นรกในขุมนี้มีรูปร่างใหญ่โตมากเล็บมือเล็บเท้ายาวเฟื้อย 
ต้องใช้เล็บมือเท้าเกาะอยู่ที่ขอบจักรวาล ห้อยโหนตัวไปมาเหมือนค้างคาว
ห้อยหัวอยู่ตามกิ่งไม้ ห้อยโหน ไปก็บ่นเพ้อรำพึงรำพันกับตัวเองว่า 
" ทำไมเราถึงมาทนทุกข์ ทรมานอยู่ที่นี่คนเดียวหนอ "
 เพราะมืดสนิทจนไม่เห็นสัตว์นรกที่อยู่ใกล้ๆ แม้คว้าไปถูกมือเพื่อน
ซึ่งเป็นสัตว์นรกด้วยกัน ก็สำคัญผิดว่าเป็นอาหาร 
ต่างคนต่างกัดกินเลือดกินเนื้อกัน จนพลัด ตกลงไปข้างล่าง
ที่เป็นทะเลน้ำกรด ร่างกายสัตว์นรกจะถูก น้ำกรดกัด
จนเปื่อยแหลกเหลวไปทันที 
สัตว์นรกศีรษะเละ แล้วเจ้าหน้าที่เอาน้ำกรดร้อนราดลง
ไปบนตัวของสัตว์นรกจนละลาย เมื่อ สัตว์นรกดังกล่าวสิ้นใจตาย
ก็กลับมาเกิดเป็นสัตว์ นรกอีก ต่างรีบตะเกียกตะกายปีนป่ายขึ้น
ไปเกาะขอบจักรวาลตามเดิมทนทรมานอยู่อย่างนี้ 
จนกว่าจะครบช่วงหนึ่งพุทธันดร 
ที่เป็นเช่นนี้เพราะทำกรรมบาปหยาบ ช้า มีความเห็นผิด 
อกตัญญูต่อบิดามารดา เป็นผู้มีดวงใจมืดบอด 
ใครทำคุณด้วยก็มองไม่เห็น แถมยังทำร้ายผู้ทรงศีล 
ด้วยอำนาจกรรมนี้ ทำให้ต้องมาอยู่ในสถานที่อันมืดมิด
ในโลกันตนรกนี้
 
         พลันชายหนุ่มก็หันมามองทั้งหมดดูก็อดยิ้มเสียมิได้ เนื่องจากทุกๆคนต่างนั่ง
ฟังกันอย่างเงียบกริ๊บไปตามๆกัน จึงเอ่ยขึ้นอีกว่า
อายุของนรกกับมนุษย์ถึงข้อแตกต่างกันนั้น ย่อมแตกต่างกันไปตามแต่ละขุมของนรก
แต่ละขุมไม่เท่าๆกัน คือ
 
สัญชีพนรก นั้น มีอายุ 500 ปีนรก เทียบเป็น ๑ วันนรก เท่ากับ ๙ ล้านปีของมนุษย์รวมเท่ากับ
๔๕๐๐ ล้านปีของโลกมนุษย์
กาฬปุตตะนรก มีอายุ ๑๐๐๐ ปีนรก เทียบเป็น ๑ วันนรกเท่ากับ ๓๖ ล้านปีมนุษย์ รวมเท่ากับ
๓๖๐๐๐ ล้านปีมนุษย์
 
สังฆาภูนรก  มีอายุ ๒๐๐๐ ปีนรก เทียบเป็น ๑ วันนรกเท่ากับ ๑๔๖ ล้านปีมนุษย์ รวมเท่ากับ
๒๙๐๐๐๐ ล้านปีมนุษย์
 
โรรุวนรก  มีอายุ ๔๐๐๐ ปีนรก เทียบเป็น ๑ วันนรกเท่ากับ  ๒๓๔ ล้านปีมนุษย์  รวมเท่ากับ
๙๓๖๐๐๐  ล้านปีมนุษย์
 
มหาโรรุวนรก มีอายุ ๘๐๐๐ ปีนรก เทียบเป็น ๑ วันนรกเท่ากับ ๙๒๑๖  ล้านปีมนุษย์ รวมเท่ากับ
๗๓๗๒๘๐๐๐ ล้านปีมนุษย์
 
ตาปะมหานรก  มีอายุ ๑๖๐๐๐ ปีนรก เทียบเป็น ๑ วันนรกเท่ากับ ๑๘๔๒๑๒ ล้านปีมนุษย์
รวมเท่ากับ   ๒๙๔๗๓๙๒๐๐๐   ล้านปีมนุษย์
 
มหาตาปะนรก  มีอายุ  ๑/๒ กัป  หากเทียบวันเวลานรกและมนุษย์ไม่มีข้อกำหนด
 
อเวจีมหานรก  มีอายุ  ๑ กัป  หากเทียบวันเวลานรกและมนุษย์ไม่มีข้อกำหนด
 
ความหมายของ ๑ ปีนรก นั้นเทียบดังนี้  ๑ ปีมี ๑๒ เดือน เดือนละ ๓๐ วัน ซึ่งมีลักษณะกับ
ปีของมนุษย์
ความหมายของ ๑ กัป
   สมมุติให้มีกล่องที่ กว้าง ๑ โยชน์ ยาว ๑ โยชน์ สูง ๑ โยชน์ บรรจุเมล็ดผักกาดจนเต็ม
เวลาผ่านไป ๑๐๐ ปี หยิบออก ๑ เมล็ด จนกระทั่งหมดไม่มีเหลือ  นับได้เป็น  ๑ กัป
 
         นรกที่พิเศษ เรียกว่า  โลกันตนรก
อาจจะเรียกว่าอภิมหาอเวจีมหานรกก็คงจะไม่ผิดนัก ด้วยไม่ได้กำหนดอายุขัย
ด้วยเป็นการทำบาปที่พิเศษที่สุดกว่าบาปในขั้นอเวจีมหานรก ไปอีกดังพวกที่มีนิสัยชอบ
ขัดขวางการสร้างผลบุญกุศลแล้วทำลายกุศลนั้นๆให้สิ้นไป ฆ่าบิดามารดา พระอรหันต์
ทำร้ายพระพุทธเจ้าเจ้าทั้งหลาย ตัดคอเศียรพระพุทธรูป ทำลายรูปแทนองค์พระสัมมาสัม
พุทธเจ้าเช่นพระพุทธรูป ทำลายโบสถ์ สิ่งต่างๆที่ใช้ประกอบการกุศลผลบุญ ขัดขวางการ
สร้างผลบุญทั้งหลาย  จึงจะมาสู่ดินแดนแห่งนี้   เมื่อพ้นจากดินแดนแห่งนี้แล้วก็ต้องไป
ชดใช้กรรมในมหาอเวจีนรกอีกเลื่อนไปเรื่อยๆจนถึงชั้นบางเบาที่สุดคือเดรัจฉานสัตว์
ถึงจะมาสู่ยังดินแดนมนุษย์ได้เพื่อประกอบสร้างกุศลผลบุญในทางสุคติต่อไป
   
    แล้วชายหนุ่มก็หัวร่อฮึๆๆ เมื่อแลเห็นบรรดาพ่อแม่น้องแม่นางเทพอัปสรทั้งสองตลอด
จนลูกน้องทั้งสี่ต่าง เบิ่งนัยน์ตา อ้าปากค้างๆไปตามๆกัน
 เมื่อชายหนุ่มเล่าเรื่องเกี่ยวกับการใช้หนี้เวรแห่งกรรม
 ตามกฏแห่งกรรมนั้นๆที่มิอาจจะหลีกเลี่ยงได้หากมิได้ฌานสมาบัติ
หรือกระทำแต่กรรมดีละเว้นกรรมชั่ว  แล้วชายหนุ่มก็ยกแก้วน้ำที่เหลือจิบต่อไป.......
         
                                  *  กิ่งโศก  * ผู้ลง				
comments powered by Disqus
  • เทียนหยด

    25 มกราคม 2554 11:15 น. - comment id 121544

    11.gif11.gif11.gif36.gif
  • ทางแสงดาว

    24 มกราคม 2554 15:23 น. - comment id 121787

    แวะมาขอบคุณผู้เขียน....
    
    ฝากความคิดถึง ถึงแหล่งที่มา..
  • โคลอน

    24 มกราคม 2554 15:24 น. - comment id 121789

    11.gif11.gif11.gif
  • แก้วประภัสสร

    24 มกราคม 2554 16:59 น. - comment id 121822

    46.gif36.gif16.gif11.gif
  • ช่ออักษราลี

    25 มกราคม 2554 02:01 น. - comment id 121841

    36.gif36.gif36.gif
  • กิ่งโศก

    25 มกราคม 2554 15:52 น. - comment id 121876

    คุณทางแสงดาว
    
    บทนี้ได้รู้นรก สวรรค์กันละครับแถม มีความรู้ในการนับ รอบปี มนุษย์ และนรก สวรรค์กันครับ
    ขอบคุณที่แวะมาทักทายครับ
  • กิ่งโศก

    25 มกราคม 2554 15:52 น. - comment id 121877

    คุณโคลอน
    
    ขอบคุณมากครับที่แวะมา
  • กิ่งโศก

    25 มกราคม 2554 15:53 น. - comment id 121878

    คุณแก้วประภัสสร
    
    ขอบคุณครับ
  • กิ่งโศก

    25 มกราคม 2554 15:54 น. - comment id 121879

    พี่ช่อฯ
    
    โห วันนี้พี่ช่อมาเยี่ยม  ถึงที่นี่  ขอบคุณครับ
  • กิ่งโศก

    25 มกราคม 2554 15:54 น. - comment id 121881

    คุณเทียนหยด
    
    ขอบคุณมากครับที่มาเยี่ยมกัน

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน