อทิสมานกาย ๗๖

กิ่งโศก

ชายหนุ่มหัวร่อ หันไปพบว่าบัดนี้  คนที่เขาใช้ไปทำงานได้กลับ
มาแล้ว   ในห้องจึงมีร่างทั้งสี่เพิ่มขึ้นอีก   แต่เขาไม่ได้กล่าวอันใด
ด้วยกำลังเล่าเหตุการณ์ต่างๆอยู่     ซึ่งร่างของเจ้าแสงสีและสินชัย
เจ้าพ่วง เจ้าเริ่ม   ซึ่งปรากฏร่างมาเพื่อจะได้รายงานให้ชายหนุ่มทราบ
    ครั้นเห็นนายกำลังคุยอยู่และเรื่องราวน่าสนใจยิ่งด้วยพวกมันไม่
เคยได้รับรู้จึงนั่งลงฟังที่นายมันเล่าเรื่องสวรรค์ให้ฟัง
  เพียงคอยจังหวะเวลาที่ชายหนุ่มกำลังเล่าเหตุการณ์
ต่างๆให้แก่แม่นางอัปสรทั้งสองฟังให้จบเสียก่อน   อีกประการหนึ่ง
พวกมันก็ได้รับความรู้เพิ่มเติมด้วย    หลังจากนั้นมันก็จะเล่า
ถึงเหตุการณ์ที่ได้ใช้ไปปฏิบัติงานของเขา   ให้นายของพวกมันฟัง 
    แล้วพลางร่างทั้งสี่ก็หันไปไหว้แม่นางอัปสรทั้งสองซึ่งหันหน้ามายิ้มให้ 
 แล้วหันมาทางนายมันเพื่อรับฟังนายมันเล่าเรื่องสวรรค์ให้แม่นางฟัง
       จนเมื่อชายหนุ่มเล่าเรื่องเกี่ยวกับสวรรค์จบ แต่แม่นางทั้งสองยังสงสัย
อยู่ก็หยุด  พลางนึกขึ้นได้จึงหันมาทางคนทั้งสี่  แล้วชายหนุ่มเอ่ยขึ้น
   เป็นอย่างไรบ้างล่ะ???.....เจ้าแสงสี เจ้าสินชัย เจ้าพ่วงเจ้าเริ่ม
   ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วครับนาย  เพียงแต่คอยเวลาที่นายจะสั่งเท่านั้น
ว่าจะให้ตั้งเวลาระเบิดเมื่อไหร่???....  เจ้าแสงสีกล่าวตอบ
 
   ถ้าอย่างนั้นคอยเวลาให้พวกมันเข้ามาเพื่อจะขนของก่อนก็แล้วกันนะ
แต่ต้องทำก่อนที่มันจะได้เข้าไปเอาของ  ครั้นเมื่อเกิดระเบิดหลังจากนั้น
พวกมันทั้งหมดก็ต้องตกใจ และรีบเข้าไปดูว่าถูกทำลายหมดหรือไม่
อีกอย่างหนึ่ง  ให้ไปแจ้งแก่สารวัตรชัชวาลย์ด้วยว่า
    ให้เพียงรอคอยฟังคำสั่งจากข้าก่อน    และให้จัดหุ่นคอยเฝ้าดูแลไว้ด้วย
     ตลอดจนให้พวกผีป่าทั้งหลายคอยหลอกหลอนพวกเฝ้าของไว้
ให้พวกมันตื่นตระหนกตกใจไม่เป็นอันทำงาน   เพื่อที่คนของเราจะได้เข้า
ไปตั้งเวลาระเบิดได้สะดวกขึ้น   นี่ข้ากำลังอธิบายเกี่ยวกับเรื่องสวรรค์
ให้แม่นางทั้งสองฟังอยู่  พวกเจ้าคงจะได้ทราบสิ่งต่างๆบนสรวงสวรรค์
จะได้เกิดความมานะพยายามฝึกฝนสมาธิให้มากเพื่อ  ต่อไปจะได้ไปสู่
ยังดินแดนนั้นตามวิสัยแห่งสมาธิของเจ้านะ???......
   ครับนาย ดีเหมือนกันผมจะได้รับความรู้ไว้บ้าง  ฟังแล้วก็ให้บังเกิดปิติ
จะได้มุ่งมั่นต่อการสร้างกุศลผลบุญและฝึกสมาธิให้สำเร็จครับนาย  พร้อมทั้ง
จะกลับไปเล่าเรื่องที่นายบอกนี้เกี่ยวกับหมั่นฝึกสมาธิเพื่อสู่สรวงสวรรค์
ให้แก่พวกมันไว้ด้วย  เพื่อที่จะทำให้มันเปิดความปิติยินดีถึงการทำสมาธิ
    เมื่อทั้งสี่ตอบชายหนุ่มแล้วแบ่งแยกกันไปนั่งคอยฟังชายหนุ่มครั้นทราบ
ก็เกิดความปิติยินดีที่ได้รับรู้เหตุการณ์ในอนาคตทั้งหลายไว้ 
 พวกมันคิดว่ามาคราวนี้โชคดีที่เข้ามาได้จังหวะดียิ่งนักจึงได้รับฟังเรื่องราว
ต่างๆที่พวกมันไม่เคยรู้เคยรับฟังจากที่ใดมาก่อนเลย มาได้นายมันนี่แหละถึงรู้
    ก็มองเห็นชายหนุ่มหันไปทางแม่นางอัปสรทั้งสองพร้อมกล่าวในสิ่งที่
แม่นางทั้งสองสงสัยให้ได้ทราบ  เห็นนายมันหัวร่อเบาๆ แล้วเอ่ยกล่าว
ให้แม่นางทั้งสองฟังขึ้นว่า
 
   อันวิญญาณทั้งหลายที่จะรำลึกนึกเหตุการณ์ย้อนหลังได้นั้นก็สืบเนื่องมาจาก
สังขารที่จะต้องแนบสนิทมากับวิญญาณอันประกอบด้วย จิต เจตสิก และใจ
สัญญาที่จำได้หมายรู้ยามเมื่อส่งมายังสังขารเพื่อปรุงแต่งแล้วยังไม่เรียบร้อยก็จะ
ติดค้างสัญญาไว้  
   ดังนั้นสัญญาก่อนจะดับจึงเข้าแนบผสมกับสังขารตามมาด้วยกัน  จึงเป็นเหตุให้
วิญญาณนั้นๆเมื่อรูปนามดับไปก็จะบังเกิดใหม่ขึ้นทันทีแล้วก็ดับๆเกิดๆจนถึงภพภูมิ
ที่กรรมปรุงแต่งขึ้นพร้อมมีสัญญาตามมาด้วย 
    แต่การสืบต่อเนื่องนั้นจะเกิดได้แค่ไม่นานเท่าใดนัก ครั้นปรุงแต่งแล้วสัญญาก็จะหาย
ไปไม่เกิดการจำได้หมายรู้อะไรอีกต่อไป การนี้ใช้ระยะเวลาอันสั้นๆ แต่หากบังเกิดแล้ว
ก็ต้องแล้วแต่สัญญาจะมากน้อยเท่าใดที่สังขารรับติดพันกันมา  
สังขารนั้นก็จะรีบปรุงแต่งแล้วสัญญาก็จะหายไป 
คงเหลือไว้กับสังขารกับวิญญาณเท่านั้นที่จะดำรงในสภาพภพภูมินั้นๆ
   เหตุที่ทำไมสังขารถึงจะแนบติดไปกับวิญญาณก็ด้วยกรรมดีกรรมชั่วคอยให้สังขาร
ได้ปรุงแต่งไปตามสภาวะจิตของกรรมทั้งหลายนั่นเอง
   การเกิดขึ้นนี้จะมีต่อเนื่องได้ก็เฉพาะสวรรค์ภูมิทุกๆชั้นเท่านั้นที่จะรำลึกนึกถึงอดีต
ผ่านมาได้ แต่ก็เป็นแค่ชั้นอทิสมานกายที่ยังจำได้แม่นยำ   ด้วยเพราะอยู่ติดกับมนุษย์ภูมิ
บางครั้งต้องมาอาศัยในมนุษย์ภูมิอยู่ เช่น รุกขเทวา รุกขเทวี ตามศาลต่างๆเป็นต้น
และถ้าหากยิ่งขึ้นสูงๆไปสัญญานั้นก็ค่อยๆจะลบเลือนไป
     นอกจากพวกที่ได้ฌานสมาบัติเท่านั้นที่ยามต้องการก็ต้องถึง  ซึ่งฌานสมาบัติก่อน
ถึงจะล่วงรู้ได้   ยกเว้นแต่ชนชั้นผู้ปกครองดินแดนแห่งสรวงสวรรค์หรือชั้นพรหม
แต่ล่ะชั้นที่ดำรงไว้ตลอดเวลาเพียงแค่นึกเท่านั้นอดีตก็จะพลันบังเกิดขึ้นให้เห็นเอง
ด้วยอำนาจแห่งผลบุญบารมีแห่งกุศลกรรมที่สร้างไว้มากจึงมีนัยน์ตาทิพย์ขึ้นเอง
ยิ่งในชั้นดาวดึงส์นั้นยิ่งยากใหญ่เพราะเป็นชั้นแห่งโลกียะกามารมณ์ทั้งปวง
การเสพสุขกามารมณ์ดินแดนนี้แค่เพียงต้องตาต้องใจกันแค่สบตากันก็บรรลุแล้วเอง
ซึ่งผิดกับมนุษย์ภูมิในการจะเสพย์สังวาสกัน ตลอดจนพวกสัตว์นรกร่วมชั้นและจำพวก
อทิศมานกายเบื้องต้นที่อยู่ใกล้ดินแดนมนุษย์ภูมิ  ยิ่งใกล้เท่าใดยิ่งคล้ายมนุษย์ภูมิมาก
บรมสุขกว่าสวรรค์ทุกๆชั้น  ไม่มีกลางวันและกลางคืนสนุกสนานรื่นเริงจนลืมอดีตไป
 
         นอกนั้นจะสำเริงสำราญจนลืมอดีตชาติไปหมด  ด้วยโลกียะเข้าครอบงำไว้สิ้นแล้ว 
ซึ่งทวยเทพอัปสรเหล่านั้นจะหลงในกลิ่นหอมจากบุปผานาๆพันธุ์
เย้ายวนยั่วเสน่หาทั้งหลายจะจะสำเริงสำราญกันในหมู่วิมานนั้นๆ หาได้ก้าว
ข้ามแดนแห่งวิมานนั้น  หากมีก็จะถูกลงโทษให้ลงมาชดใช้เวรในดินแดนมนุษย์
หรือสัตว์ต่อไปตามผลแห่งกรรมอีกทอดหนึ่ง  และบรรดาแห่งความสนุกสนานไป
อันเป็นบ่อเกิดแห่งความหลงใหลจนไม่ได้คิดจะนึกถึงอดีตชาติเก่าๆของตนเอง 
 สวรรค์ทุกๆชั้นจะมีก็แค่ชั้นดุสิตาอีกชั้นหนึ่งที่สามารถจะรำลึกได้ในเหตุการณ์ต่างๆ 
     แต่ด้วยความเบื่อหน่ายเข้ามามาก ซึ่งจะมองเห็นมนุษย์ภูมิ หรือ นรกภูมิดังพวกอาจม
ที่เหม็นคละคลุ้งไปทั่ว จึงไม่สนใจมากนักเสวยสุข   ในดินแดนร่มรื่นเยือกเย็นสงบเท่านั้น
หาได้พึงปรารถนาใดๆไม่ในการรำลึกชาติในอดีตเก่าๆต่อไป เพียงแค่หวังในพุทธภูมิเท่านั้น
   อันที่จริงทุกๆภพภูมินั้นจะรำลึกอดีตเก่าๆได้มากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่ ตัวสัญญาที่ยังต่อเนื่อง
มิได้ถูกปรุงแต่งขึ้น  มนุษย์ภูมินั้นก็เป็นบางคนเท่านั้นที่สัญญายังบังเกิดเมื่อถูกสังขาร
มาปรุงแต่งแล้วสัญญาก็จะเลือนหายไป เมื่อสัญญาเลือนหายไปก็จะรำลึกอดีตเก่าๆอีก
ไม่ได้   จะมีก็แต่บางจำพวกเท่านั้นซึ่งมีน้อยมากเรียกว่าแทบจะหาไม่ได้เลยที่จะรำลึกอดีตเก่าๆ
    ส่วนนรกภูมิก็ประดุจเดียวกับมนุษย์ภูมิแต่ดินแดนนี้ยากนักจะเกิด  ด้วยสัญญาให้สังขาร
ปรุงแต่งได้นั้น   ต้องอาศัยแห่งกรรมที่ปรุงแต่งมากกว่าด้วยเต็มไปด้วยกรรมชั่วนั้น
จะปิดบังกั้นทางขวางไว้จะถูกปรุงแต่งจากสังขารด้วยเวลาอันรวดเร็วนัก 
หรือจะเกิดได้อีกก็ตอนได้รับส่วนผลบุญที่ญาติอุทิศส่งไปให้เท่านั้น
เมื่อได้รับก็นึกคิดได้ชั่วแวบเดียวก็หายไปยามที่ได้รับการเสวยผลแห่งบุญที่เขาอุทิศไป  
     ดังนั้นการจะรำลึกอดีตเก่าๆก็ด้วยสัญญาที่ตกค้างยังไม่ได้รับการปรุงแต่งจากสังขาร
ไปอยู่ในสังขารแนบติดไปกับวิญญาณทั้งหลายยามดับสิ้นไป มักจะเกิดกับวิญญาณที่
ยังไม่ครบอายุขัยและมาตายด้วยเหตุฉับพลันนั่นแหละจ้าน้องรักทั้งสอง
 
      แม่นางรัตนาวดีเทพอัปสรก็พลันเอ่ยว่า 
   ทำไมน้องถึงย้อนอดีตเก่าๆได้อย่างต่อเนื่องด้วยเหตุใดเล่าพี่ท่าน????....
   เหตุที่น้องสามารถรำลึกนึกถึงอดีตที่ผ่านล่วงมามากได้นั้นก็สืบเนื่องมาจากการสร้าง
ผลบุญอันยิ่งใหญ่ไว้แล้วจะอธิษฐานจิตด้วยใจแน่วแน่มั่นคงไว้นั่นแหละเป็นสาเหตุหนึ่ง
อีกสาเหตุหนึ่งคือน้องยังอยู่ในชั้นจาตุมอันเป็นชั้นที่ติดต่อใกล้เคียงมนุษย์ภูมิมากที่สุดเป็น
เหตุและปัจจัย ที่สำคัญ    คือน้องมีแรงอธิษฐานอันแรงกล้าและยังไม่ได้ประสบผลอันที่
น้องพึงปรารถนาในคำอธิษฐานนั้นๆเองแหละน้อง  หากน้องจะถามแม่นางอ้อยวิลาวัลย์
ซิว่าสามารถรำลึกย้อนอดีตเก่าๆได้ดั่งน้องได้หรือไม่  หากจะจำก็เพียงแค่อดีตชาติเดียว
เท่านั้นเอง แต่ถ้าหากต้องการมากจะรู้ต้องร่ำเรียนฌานสมาบัติกสิณให้ครบถ้วนก่อน
แล้วลงมายังอุปาจารสมาธิอธิษฐานในสมาธินี้ก็จะเกิดพลังงานสร้างภาพย้อนหลังได้จ้า
แต่ต้องเป็นพลังงานจิตที่แรงกล้ามากมายนักถึงจะเกิดภาพแท้จริง มิฉะนั้นจะล้วนแล้ว
แต่ภาพแห่งมายาภาพทั้งสิ้นต้องมาคอยกำจัดภาพที่หลอกหลอนต่างๆไปให้หมดสิ้น
   จริงจ๊ะพี่นาง  อ้อยเองนั้นรำลึกชาติย้อนได้ชาติเดียวแต่ก็ไม่แจ่มชัดแค่เพียงเลือนลาง
แล้วก็วูบๆวาบๆหายไปจ๊ะ จึงไม่ได้ใส่ใจมากนัก ผิดกับพี่โชติที่ยังติดตาติดใจทำให้ไม่
ลืมเลือนจางไปจ๊ะพี่นาง
 
     คราวนี้แม่นางรัตนาวดีพลันหัวร่อคิกๆๆๆ  แล้วเอื้อนเอ่ยขึ้นว่า
   ก็ด้วยเหตุที่น้องเราตอนเป็นดวงวิญญาณในวัดและได้รับการอบรมจากหลวงพ่อทอง
ไว้ในสิ่งที่ดีๆ ครั้นพบกับพี่โชติด้วยเคยร่วมทำบุญกันมาในอดีตชาตินั่นเองจึงผูกพันเป็น
พิเศษจ้าน้องหญิง
   นั่นซินะพี่หญิง  ครั้งแรกที่พบพี่เขาก็ให้รู้สึกว่าเหมือนเคยพบกันที่ไหนมาก่อนจ้า  เกิด
ความรักใคร่ขึ้นอย่างฝังใจ ก็คงจะเป็นด้วยเหตุที่พี่นางกล่าวแน่นอนจ้าพี่นาง
   เธอก็เหมือนๆพี่นั่นแหละด้วยก่อนนั้นปักใจแก่เขาถึงแม้ว่าจะไม่มีอะไรกันแต่ความผูก
พันห่วงใย  จึงทำให้ตรอมตรมใจจนถึงแก่ความตายแต่พี่ก่อนนั้นได้มุมานะสร้างแต่ผลบุญ
กุศลมากมายทุกๆครั้งก็อธิษฐานจิตไว้จะขอพบเขาและได้กินอยู่กับเขาครั้งหนึ่งจ้า
      แม่นางรัตนาวดีเทพอัปสร  ครั้นกล่าวแล้วก็ให้บังเกิดความเอียงอาย
ตามวิสัยอิสตรีทั้งหลาย  จนไม่สามารถจะสบตากับชายหนุ่มได้อีก
 เพียงหันไปหยิกน้องอ้อยวิลาวัลย์เล่นแก้เขิดเขินเท่านั้น จนแม่นางอ้อยถึงกับสะดุ้งร้อยอุ๊ยๆ
ออกมา  ทำให้ทั้งสามต่างก็หัวร่อต่อกระซิกกันและกัน ส่วนเจ้าแสงสีสินชัยพวงและเริ่มนั้น
ได้แต่นั่งตาปริบๆไม่กล้าที่จะส่งเสียงหัวร่อออกมาได้ เพียงแค่ยิ้มมองหน้ากันไปๆมาๆเท่านั้น
   นั่นซินะพี่และน้องเองก็ยังไม่เคยล่วงเข้าสู่นรกภูมิได้ไม่รู้ว่าพวกนั้นจะลำบากยากเข็ญ
อย่างไรบ้าง  จะถามพี่โชติเองหรือ     ซึ่งเคยลงไปมาแล้วก็ให้เกรงใจเขาจ๊ะ
      อีกอย่างหนึ่งก็ไม่อยากจะทราบด้วยสงสารพวกในนั้นจ้าพี่
 
                          *  กิ่งโศก  *				
comments powered by Disqus
  • กิ่งโศก

    21 มกราคม 2554 21:19 น. - comment id 121658

    มาสานงานต่อครับพี่น้อง
  • แก้วประภัสสร

    22 มกราคม 2554 11:29 น. - comment id 121666

    46.gif36.gif16.gif
  • ทางแสงดาว

    22 มกราคม 2554 14:56 น. - comment id 121668

    มาขอบคุณ  ..คุณกิ่งฯ
    
    มาส่งความห่วงใยถึงคุณชายฯแก้ว36.gif
  • กิ่งโศก

    23 มกราคม 2554 20:54 น. - comment id 121738

    คุณแก้วประภัสสร
    
    ขอบคุณมากครับที่แวะมาอ่าน
  • กิ่งโศก

    23 มกราคม 2554 20:54 น. - comment id 121739

    คุณทางแสงดาว 
    
    คุณครูแก้วฯ รับทราบและขอบคุณมาด้วยครับ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน