พระจักขุบาล

ทุเรศ

พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในกรุงสาวัตถี ทรงปรารภพระจักขุปาลเถระ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า ธรรมทั้งหลาย มีใจเป็นหัวหน้า มีใจเป็นใหญ่ สำเร็จแล้วด้วยใจ ถ้าบุคคลมีใจร้ายแล้ว พูดอยู่ก็ดี ทำอยู่ก็ดี ทุกข์ย่อมตามไปตามเขา เพราะเหตุนั้น ดุจล้ออันหมุนไปตามรอยเท้าโค ผู้นำแอกไปอยู่ฉะนั้น
ครั้งหนึ่ง พระจักขุปาลเถระ ผู้มีจักษุบอดเพราะปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัดจนไม่ยอมหลับนอน ได้เดินทางไปเข้าเฝ้าพระศาสดาที่วัดพระเชตวัน กรุงสาวัตถี ในคืนหนึ่งขณะที่พระเถระเดินจงกรมอยู่นั้น ก็ได้เหยียบแมงเม่าตายโดยไม่มีเจตนา ในตอนเช้าพวกพระภิกษุที่ไปเยี่ยมพระเถระพบแมงเม่าที่ตายนั้นเข้า มีความคิดว่าพระเถระทำสัตว์ให้ตายโดยเจตนา จึงนำความขึ้นกราบทูลพระศาสดา พระศาสดาได้ตรัสถามภิกษุเหล่านั้นว่า เห็นพระเถระฆ่าแมงเม่าเหล่านั้นโดยเจตนาหรือไม่ เมื่อพระภิกษุเหล่านั้นกราบทูลว่าไม่เห็น จึงตรัสว่า พวกเธอไม่เห็นจักขุปาลฆ่าแมงเม่าฉันใด จักขุปาลก็ไม่เห็นแมงเม่าเหล่านั้นฉันนั้น นอกจากนั้นแล้ว พระจักขุปาลนี้ก็เป็นพระอรหันต์แล้ว จึงไม่มีเจตนาที่จะฆ่าสัตว์และเป็นผู้บริสุทธิ์ เมื่อภิกษุทั้งหลายทูลถามว่า พระจักขุปาลเถระนี้เป็นถึงพระอรหันต์ แต่เพราะเหตุใดจึงตาบอด พระศาสดาได้นำเรื่องในอดีตชาติของท่านมาตรัสเล่าว่า
ในอดีตชาติ พระจักขุปาลเคยเกิดเป็นแพทย์ ครั้งหนึ่งไปรักษาตาให้แก่คนไข้หญิงคนหนึ่ง คนไข้หญิงคนนี้ได้ให้สัญญากับนายแพทย์ว่านางกับลูกๆจะยอมเป็นข้าทาสรับใช้หากว่าดวงตาที่บอดทั้งสองข้างของนางแพทย์สามารถรักษาให้หายได้ แต่ต่อมานางกลัวว่านางพร้อมกับลูกๆจะต้องตกเป็นทาสของนายแพทย์จริงๆ จึงได้พูดโกหกนายแพทย์ไปว่าดวงตาทั้งสองข้างของนางมีอาการแย่ไปกว่าเดิมทั้งๆที่ได้รับการบำบัดจนหายขาดไปแล้ว ข้างนายแพทย์ก็รู้ว่าคนไข้ของเขาหลอกลวงจึงได้แก้เผ็ดด้วยการผสมสารพิษลงในยาหลอดตาให้คนไข้นางนั้นหยอด พอนางหยอดเข้าไปคราวนี้ก็เลยทำให้ตาบอดสนิททั้งสองข้าง เพราะผลของอกุศลกรรมในครั้งนั้นทำให้นายแพทย์ต้องตาบอดหลายครั้งในภพชาติต่างๆ
เมื่อพระศาสดาได้ตรัสเล่าความในอดีตชาติของพระจักขุปาลเถระจบลงจึงสรุปว่าแพทย์คนนั้นก็คือพระจักขุปาล(โส เวชฺโช จกฺขุปาโล)และตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย กรรมที่บุตรของเราทำแล้วในกาลนั้น ได้ติดตามเธอมาหลายภพหลายชาติ เพราะขึ้นชื่อว่าบาปกรรมนั้น ย่อมติดตามผู้ทำไป เหมือนล้อเกวียนอันหมุนตามรอยเท้าโคที่เขาเทียมเกวียนบรรทุกสินค้าไปฉะนั้น และได้สรุปลงท้ายด้วยการตรัสพระธรรม พระคาถานี้ว่า
มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา		มโนเสฏฺฐา มโนมยา
มนสา เจ ปทุฏฺเฐน			ภาสติ วา กโรติ วา
ตโต นํ ทุกฺขมเนฺวติ			จกฺกํว วหโต ปทํ ฯ
ธรรมทั้งหลาย มีใจเป็นหัวหน้า มีใจเป็นใหญ่ สำเร็จแล้วด้วยใจ 
ถ้าบุคคลมีใจร้ายแล้ว พูดอยู่ก็ดี ทำอยู่ก็ดี ทุกข์ย่อมไปตามเขา 
เพราะเหตุนั้น ดุจล้ออันหมุนไปตามรอยเท้าโค ผู้นำแอกไปอยู่ฉะนั้น ฯ
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง ภิกษุ 3,000 รูป ก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ พร้อมด้วยปฏิสัมภิทาทั้งหลาย พระธรรมเทศนามีประโยชน์แม้แก่บริษัทที่มาประชุมกันแล้ว.
				
comments powered by Disqus
  • ทุเรศ

    16 พฤษภาคม 2554 13:48 น. - comment id 123830

    อ่านแล้วติชมบ้าง เป็นนิทานธรรมะข้อคิดดีๆที่คัดลอกมาฝากกัน
  • มีนนี่

    16 พฤษภาคม 2554 16:53 น. - comment id 123831

    อ่านแล้วได้อะไรมากมายเลยทีเดียวค่ะ..
    1.gif1.gif1.gif1.gif
    นามปากกาเปลี่ยนเป็นทุเรียนได้ไหมค่ะ
    1.gif1.gif1.gif1.gif
  • ทุเรศ

    18 พฤษภาคม 2554 13:13 น. - comment id 123836

    ขอบคุณครับ คุณมีนนี ไว้จะหาเรื่องสนุกๆมาให้อ่านใหม่นะครับ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน