อากาศ

หัวเขียว

19.27 น.
	ไอร้อนจากรังสีของดวงอาทิตย์  ที่แผ่ปกคลุมมายังสิ่งมีชีวิต  และไร้ชีวิตในวันนี้  ยังคงระอุและคุกกรุ่นอยู่ในอากาศ  แม้ว่าตัวการจะหนีหายไปกับการมาถึงของรัตติกาลแล้ว  แรงเบาๆปะทะที่ผิวกายเป็นระยะๆ  แต่หาได้รู้สึกเย็นสบายเหมือนธรรมดาไม่  อาเพศที่เกิดขึ้นเช่นนี้  บ่งบอกว่าบางอย่างกำลังจะมาถึง
	
	6.00 น.
	ในยามเช้าของวันนี้  เมื่อทุกชีวิตเริ่มต้นและดำเนินไปอย่างเป็นปรกติ  ฉันลืมตาขึ้นมาพร้อมกับสูดหายใจเข้าปอดอย่างเต็มที่เฉกเช่นทุกวันที่เคยเป็นมา  เป็นการเติมน้ำมันให้กับเครื่องจักรในร่างกายที่ต้องเตรียมตัวรับงานหนักตลอด 18 ชั่วโมงเต็ม  เป็นโรงงานนรกที่ไม่เคยได้หยุดพัก  แม้แต่วันหยุดราชการ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ แต่แน่นอนฉันเต็มใจที่จะให้มันเดินเครื่อง  มากกว่ายอมให้มันอู้แล้วหยุดพักเพียงสักหนึ่งนาที
	เสียงไก่ข้างบ้าน  โก่งคอหอนอย่างสุดชีวิต  ทำให้ฉันยิ้มได้ในทุกๆเช้า  ในระเวกที่ฉันอาศัยอยู่นี้คงเป็นเพียงแห่งเดียวที่อยู่ใจกลางใจเมือง  แล้วยังคงได้ยินเสียงไก่หอน และเสียงนกการ้องกันระวิงในตอนเช้าได้  ประตูถูกเปิดออกอย่างช้าๆ  เพื่อให้เกิดเสียง เอี๊ยด แอ๊ด ให้น้อยที่สุด เพราะขณะนี้ ทุกคนในบ้านยังคงหลับไหลอย่างเป็นสุข  และฉันไม่อยากจะรบกวนพวกเขานัก
	เมื่อประตูถูกแง้มออก  สิ่งที่ผ่านเข้ามาไม่เพียงเป็นแสงแดดอ่อนละมุนในยามเช้า แต่ยังมีลมเบาๆเคลื่อนคล้อยเข้ามา ผ่านเส้นผมและสัมผัสผิวกายของฉันอย่างอ่อนโยน  และเมื่อประตูถูกเปิดกว้าง  ธรรมชาติก็รับฉันเข้าไปอยู่ท่ามกลางความระเริง สำราญ และเคลิบเคลิ้มไปกับความแผ่วเบาของสายลม  ที่มีกลิ่นอายของฤดูหนาวเจือจางอยู่น้อยนิดในอากาศ แต่สามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนเมื่อกลิ่นอายเหล่านั้น  กระทบปลายจมูกและผ่านเข้าทางเดินหายใจ  แล้วแผ่ซ่านความรู้สักนั้นไปทั่วทุกอณูของร่างกาย  โดยปราศจากการสั่งงานจากสมอง
	
	6.30 น.
	เรื่องไร้สาระตามหน้าหนังสือพิมพ์  ทำลายบรรยากาศรื่นรมณ์ของเช้าอันสดใสนี้เป็นอย่างมาก  ตัวพิมพ์เขียวขนาดใหญ่บอกกล่าวถึงเหตุการณ์ในแต่ละวัน  ที่แสดงถึงความเป็นไปในสังคมมนุษย์  ที่นับวันจะยิ่งถลำลงไปในหลุมขยะอันเน่าเฝะ  ความตายที่แสนสลดของหลายคน  กลายเป็นหัวข้อประจำวันของคนบางกลุ่ม  ที่มานั่งวิจารณ์กันเป็นกิจวัตร  แทนที่จะถือเป็นอุทาหรณ์เตือนใจให้ตัวเอง  อากาศอันสดใสเมื่อครู่นี้นั้น  ถูกผสมผสานคละเคล้าไปกับควันดำและกลิ่นเหม็นจากรอบด้าน  จนกลายเป็นอากาศที่เราสูดดมกันอย่างเคยชินอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน  
	เมื่อคืนนี้ฉันกลับมาถึงบ้านราวๆ เที่ยงคืน  ตามปกติ  ฉันเป็นอย่างนี้มาเกือบๆ ปีแล้ว  ตั้งแต่เริ่มงานเบื้องหลังในวงการบันเทิง  หลังเรียนจากจบจากคณะนิเทศของมหาลัยชื่อดัง  แม้ว่าจะไม่ใช่คนที่เก่งและโดดเด่นนัก   แต่ตอนนี้ฉันก็ก้าวมาถึงจุดๆหนึ่งในวงการได้ด้วยความพยายามของตัวเอง  มันเป็นงานที่สนุกและทำให้เราเห็นโลกได้กว้างขึ้น
	
	7.30
	ในบ้านยังคงไม่มีเสียงการเคลื่อนไหวใดๆ  คงเพราะทุกคนในบ้านต่างก็ต้องการจะพักผ่อนให้เต็มอิ่มหลังจากที่ทำงานหนักมาตลอด 1 อาทิตย์เต็ม  และคงไม่ใช่แค่บ้านฉันเท่านั้น  เพราะดูเหมือนว่ารอบๆบ้านก็จะยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดเกิดขึ้นเช่นกัน  แม้กระทั่งโทนี่สุนัขของฉันที่เมื่อวานฉันพามันไปกองถ่ายโฆษณาด้วย  วันนี้มันก็ยังไม่โผล่หน้าออกมาให้เห็นเลย  อากาศดีๆอย่างนี้ทุกคนน่าจะออกมาครื้นเครงกัน  มากกว่าหมกตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม  	
	หากแต่อากาศดีๆเช่นนี้  ก็ช่วยขับกล่อมให้สิ่งมีชีวิตหลับไหลได้เป็นอย่างดีเช่นกัน  รวมทั้งฉันด้วย...
	11.15
	ฉันค่อยๆลืมตาขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงกรงของเจ้าโทนี่เปิด  มันคงจะตื่นแล้ว  เพราะตอนนี้อากาศเริ่มร้อนด้วยความจัดจ้านของแสงจากดาวฤกษ์  ที่โครจรมาอยู่ในตำแหน่งใกล้เที่ยง  แสงสะท้อนจากคอนกรีตหน้าบ้านสว่างดังต้นแสงมาจากใต้พิภพ  หรือจากไฟบรรลัยกัลในนรก  บังเกิดภาพลวงตาคล้ายมีบรรดาพรายออกมาแหวกว่ายในอากาศอยู่เบื้องหน้าฉัน  นี่เป็นเพียงฝันหรือเพราะแสงสะท้อนที่ทำให้ตาของฉันพร่ามัว  แต่ความสวยงามที่แปลกประหลาดนี้ยากที่ฉันจะละสายตาไปจากมันได้  ด้วยกลัวว่าสิ่งต่างๆจะหายไปเพียงชั่วพริบตาเดียว  บรรดาพรายแหวกว่ายในอากาศอย่างพริ้วไหวคล้ายปลากัดที่กำลังว่ายวนอยู่ในขวดโหลเพื่ออวดโชว์ลวดลายของครีบให้ตัวเมียได้เห็น  เหมือนการแสดงจินตลีลาบนเวทีที่หรูหราอลังการ  และบรรเลงเพลงด้วยเครื่องสายนานับชนิด  ซึ่งแม้ฉันจะไม่ได้ยินเสียงแต่ก็พอจะเดาท่วงทำนองอันไพเราะของเพลงนั้นได้  ขณะนั้นการเคลื่อนไหวของบางสิ่งที่อยู่เบื้องหลัง  ทำให้ฉันต้องละสายตาจากภาพลวงเหล่านั้น  
	โทนี่นั่นเอง  มันเดินกรีดกรายอย่างสง่าตามแบบของสุนัขพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้  ตาจับจ้องไปยังความว่างเปล่าเบื้องหน้าที่ตอนนี้มีเพียงแสงแดดจ้าเท่านั้น  ฉันหันไปมองยังที่หมายเดียวกับมันด้วยความสงสัย  เพียงชั่วครู่  ก็มีชาย 4 คนที่มีเพียงอาภรสีเหลืองหม่นห่อหุ้มร่างกายและดำเนินอยู่บนพื้นด้วยฝ่าเท้าเปล่า  เดินช้าๆด้วยท่าทางสุภาพ  และสงบ  คล้ายกับว่าบุคคลเบื้องหน้าที่พวกเขาเดินตามคือผู้สูงส่งและประจักษ์ด้วยบรมีอันล้นพ้นจนมิกล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองได้  ในมือของพวกเขาถือภาชนะไม้สีดำ  มีรูปทรงคล้ายทรงกลม  ข้างบนมีฝาสีทองอร่ามที่สะท้อนแดดเข้าที่ใบหน้าของพวกเขา  ทำให้ฉันไม่สามารถสังเกตุใบหน้าเหล่านั้นได้  โทนี่เดินผ่านฉันไปช้าๆและยังคงจับจ้องไปยังเบื้องหน้าที่ตอนนี้มีชาย4คน หยุดยืนเรียงแถวหน้ากระดานอยู่หน้าประตูบ้าน  ชายที่อยู่ในกิริยาสำรวมคนหนึ่งละมือจากภาชนะสีดำที่ถืออยู่  แล้วยื่นมือมาเปิดประตูบานเล็กทางด้านซ้าย  เขามองไปที่โทนี่ซึ่งกำลังก้าวเท้าออกจากประตูบานนั้น  สุนัขร่างใหญ่สีขาวแกมเทาหมอบลงกับพื้นแล้วค่อยๆคลานไปหาชายผู้นั้นอย่างเคารพ  เขาลูบไล้ตัวมันด้วยความเมตตาและคุ้นเคย  ก่อนที่จะวางภาชนะที่ถืออยู่ในมือลงกับพื้นแล้วคุกเข่าลงเพื่อเปิดฝาภาชนะนั้นออก  แล้วใช้มือทั้งสองประคองน้ำที่อยู่ข้างในขึ้นมา  เขาค่อยๆหลั่งน้ำในมือลงบนหัวของเจ้าโทนี่ที่กำลังหลับตาอยู่  ชายคนนั้นปิดภาชนะ  ถือมันขึ้น  แล้วกลับมายืนเรียงแถวเช่นเดิม   เขายิ้มอย่างอ่อนโยนขณะมองโทนี่เดินจากไป  แล้วเขาก็หันมามองที่ฉันด้วยแววตาเดียวกัน  เป็นแววตาที่แสดงถึงการเชื้อเชิญ  ฉันไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไร  และไม่รู้ว่าเขาทำอะไรกับโทนี่  แล้วโทนี่ไปไหน  อีกครั้งที่ฉันหลับตาพยายามคิดว่าตัวเองฝันไป....
	
	12.23
	เมื่อลืมตาขึ้นมาทุกอย่างกลับเป็นดังเดิม  หน้าบ้านว่างเปล่าปราศจากสิ่งแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นเมื่อครู่  มีเพียงประตูบานเล็กด้านซ้ายที่เปิดอยู่เท่านั้น  ฉันเริ่มรู้สึกไม่ดีเพราะคิดว่าตัวเองกำลังฝุ้งซ่านเนื่องจากความร้อนละอุของไอแดด  ฉันตัดสินใจเดินเข้าบ้านเพื่อไปปลุกแม่  เพื่ออย่างน้อยถ้าฉันคิดว่าตัวเองเห็นเหตุการณ์เช่นนั้นอีก  ฉันจะได้มีพยานอยู่ด้วย  ข้างบนบ้านเงียบสงัด  มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศเท่านั้นที่ทำงานอยู่  เมื่อฉันเปิดประตูบานใหญ่เข้าไปในห้องนอนของพ่อกับแม่  ก็พบว่าในห้องนั้นว่างเปล่า  ปราศจากสิ่งมีชีวิตใดๆอยู่ มีเพียงไอเย็นจากแอร์เท่านั้นที่บ่งบอกว่าห้องนี้เคยมีคนอยู่  พวกเขาหายไปไหนกันหมด? รึว่าพวกเขาออกเดินทางไปชุมพรกันตั้งแต่ ตอน 5 ทุ่ม เพราะพ่อกับแม่เคยคุยกันว่าอยากไปทะเลที่ใต้  และถ้าจะไปก็ต้องออกเดินทางกันตั้งแต่ตอนกลางคืนจะได้ถึงที่นั่นในตอนฟ้าสางพอดี  แย่หน่อยที่พวกเขาลืมลูกไปอีกคน  แต่ถึงอย่างไรฉันก็อยู่คนเดียวได้
	15.51
	ฉัยยังคงนั่งคิดถึงสิ่งที่ตัวเองฝันเมื่อตอนเที่ยงเพราะมันช่างแปลกเหลือเกิน  หรือมันจะไม่ใช่ฝัน  เพราะโทนี่หายไปจริงๆ  และประตูบ้านก็เปิดอยู่  แต่บางทีโทนี่อาจจะเปิดประตูบ้านออกไปเองก็เป็นได้  เพราะมันเป็นสุนัขตัวใหญ่  และมันก็เคยออกไปเที่ยวเล่นอย่างนี้มาแล้ว  และเมื่อมันหิวมันก็จะกลับมาเหมือนปกติ  ฉันมองมาม่ารสโปรดในถ้วยข้างหน้าด้วยความเบื่อหน่าย  แต่มันก็เป็นอาหารอย่างเดียวในบ้านที่พอจะประทังชีวิตของฉันในวันนี้ได้  
	16.45
	รายการในทีวีแต่ละช่อง  ก็ไม่ได้มีสาระมากไปกว่าในหนังสือพิมพ์เลย  เพียงแต่มันให้อัธรสในการรับชมมากกว่าตัวหนังสือบ้างเล็กน้อย  และมันก็เป็นแหล่งหากินของฉันด้วย  เราใช้สื่อเหล่านี้เพื่อเพิ่มยอดขายสินค้าของบริษัท  และงานสำคัญของฉันก็คือ  จูงใจคนที่ดูทีวีเพื่อให้เขาเชื่อในสิ่งที่เราต้องการจะให้เขาเชื่อ  ฉันถือว่ามันไม่ใช่การหลอกลวง  เพียงแต่เราไม่บอกความจริงทั้งหมดก็เท่านั้น  มันเป็นภาพลวงตาที่ฉันสร้างขึ้นนั้นเอง
	19.27 น.
	ไอร้อนจากรังสีของดวงอาทิตย์  ที่แผ่ปกคลุมมายังสิ่งมีชีวิต  และไร้ชีวิตในวันนี้  ยังคงระอุและคุกกรุ่นอยู่ในอากาศ  แม้ว่าตัวการจะหนีหายไปกับการมาถึงของรัตติกาลแล้ว  แรงเบาๆปะทะที่ผิวกายเป็นระยะๆ  แต่หาได้รู้สึกเย็นสบายเหมือนธรรมดาไม่  อาเพศที่เกิดขึ้นเช่นนี้  บ่งบอกว่าบางอย่างกำลังจะมาถึง  ฉันไม่รู้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่ดีหรือร้าย  แต่ฉันรู้สึกว่ายังไงฉันก็ต้องเผชิญหน้ากับมัน
	21.00
	อากาศยังคงร้อนระอุอยู่  ฉันเดินออกไปนอกบ้านเพื่อนั่งรอเจ้าโทนี่กลับมา  เมื่อแหงนมองขึ้นบนฟ้า  วันนี้ท้องฟ้าดูกระจ่างกว่าที่เคย  แสงดาวระยิบระยับมากมายไม่ได้ถูกแสงนีออนในเมืองกลืนหายไปแต่อย่างใด  พระจันทร์เองก็ถูกเมฆบทบังจนไม่อาจแผ่แสงมารบกวนความงามอันน้อยนิดของเหล่าดาราได้  คืนนี้จะเป็นคืนที่ดีคืนหนึ่งถ้าอากาศไม่ร้อนร้อนขนาดนนี้  และไม่มีเรื่องเมื่อกลางวันมากวนใจฉัน
	23.00
	ยังไม่มีวี่แววว่าโทนี่จะกลับมาแต่อย่างใด  คืนนี้มันคงไปโรแมนติกกับสาวอยู่ที่ไหนสักแห่งใต้ฟ้าอันสดใสเช่นนี้  ส่วนฉันก็เหนื่อยกับการเสียเหงื่อมาทั้งวันแล้ว  คงไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการได้อาบน้ำ  แล้วเข้านอนในห้องแอร์เย็นๆ  
	
	7.30
	ฉันลืมตาขึ้นอีกครั้ง  เหมือนกับอีกหมื่นๆครั้งในชีวิตที่ผ่านมา  แอร์เย็นช่ำในห้อง  ทำให้ลืมความร้อนของเมื่อวานไปได้บ้าง  ฉันต้องตัดสินใจว่าจะลุกจากเตียงหรือจะนอนต่อเพื่อรอครอบครัวฉันกลับมาดี  เพราะกลัวว่าวันนี้ฉันจะประสาทกินเหมือนเมื่อวาน  แต่ในที่สุดฉันก็ตัดสินใจลุกออกจากเตียง  เพราะเจ้าโทนี่ก็คงจะกลับมารอกินอาหารแล้วเหมือนกัน
	
	7.50
	เมื่อเดินไปดูที่กรงของมันโทนี่ยังไม่กลับมา  ฉันเริ่มเป็นห่วงเพราะมันไม่เคยไปไหนนานขนาดนี้เลย  ฉันลองโทรหาพ่อกับแม่ดู  ว่าพวกท่านจะกลับกันตอนไหน  แต่ในโทรศัพท์กลับไม่มีเสียงสัญญานใดๆเลย  ตอนนี้ทั้งหมาทั้งครอบครัวของฉันหายไปหมด  เหลือฉันอยู่คนเดียวในบ้านหลังนี้  
	8.11
	ฉันตั้งใจจะออกไปนั่งอ่านหนังสือพิมพ์หน้าบ้าน  แต่วันนี้คนส่งหนังสือพิมพ์ก็ไม่ได้มาส่งหนังสือพิมพ์ฉบับใหม่ให้  บนโต๊ะจึงมีแต่หนังสือพิมพ์เมื่อวันศุกย์ที่ฉันอ่านไปเมื่อวานแล้ว  ตอนนี้ฉันได้แต่นั่งคิดว่าเกิดอะไรขึ้น  ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกกลัวและเหงาอย่างบอกไม่ถูก  เหมือนกับฉันกำลังอยู่คนเดียวในโลก  ทุกคนหายไปหมด  แล้วทิ้งฉันไว้คนเดียวที่บ้าน  ทั้งที่วันนี้เป็นวันที่ครอบครัวน่าจะมานั่งสังสรรค์กัน  แต่รอบๆตัวกลับไม่มีท่าทีว่ามีสิ่งมีชีวิตใดบนโลกนี้เลย  มีแต่เสียงลมที่กระทบกับต้นไม้  และแสงแดดที่เริ่มจะจัดจ้าขึ้นเหมือนเมื่อวาน  ฉันอยากจะร้องไห้  หรือไม่ก็ตะโกนออกมาดังๆ  เผื่อจะมีใครได้ยินฉันบ้าง
	11.15
	แดดเริ่มร้อนระอุเช่นเมื่อวาน  ฉันยังคงนั่งจับเจ่าอยู่ที่เดิมเสมือนกำลังรออะไรบางอย่าง  ใช่ฉันกำลังรอ  เพียงแต่ไม่รู้ว่ารออะไร  แสงสะท้อนจากพื้นดินสร้างภาพลวงตา  บรรดาพรายถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง  เพื่อแสดงจินตลีลาอันงดงามดังที่ฉันเคยเห็นมา  ฉันไม่อาจถอนสายตาไปจากมันได้เช่นเดิม  รู้สึกเหมือนกำลังจมหายไปกับท่วงทำนองที่ไม่มีวันจบสิ้นของการแสดงครั้งนี้  ประสาทไม่สามารถแยกแยะความจริงออกจากโลกแห่งจินตนาการนี้ได้  ไม่สามารถบอกได้ว่าร่างกายของฉันอยู่บนพื้นดินหรือลอยอยู่บนสวงสวรรค์  ไม่สามารถแยกเวลาปัจจุบัน อดีต หรืออนาคตได้  ฉันรับรู้แค่เพียงสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าฉันในขณะนี้เท่านั้น
	เสียงโทนี่เห่าแทรกขึ้นมาทำให้การแสดงเบื้องหน้าจบลง  เหมือนปลุกฉันให้ตื่นจากพะวัง  ตอนนี้โทนี่ยืนอยู่หน้าประตูบ้าน  ใบหน้าของมันดูร่าเริงตามปกติ  ขณะที่ฉันกำลังลุกขึ้นไปเปิดประตูให้มัน  ชายในผ้าเหลือง4 คนเดิม  ก็เดินมาหยุดที่หน้าประตูอีกครั้ง  โทนี่กระดิกหางเมื่อเห็นพวกเขา  มันเข้าไปคลอเคลียอย่างรักใคร่ก่อนที่จะหมอบลงอยู่แทบเท้าของผู้ชายคนที่เปิดประตูให้มันเมื่อวาน  ทั้งโทนี่และชายคนนั้นมองมาที่ฉัน  อย่างเชื้อเชิญ    เพียงแต่ตอนนี้ฉันไม่ได้รู้สึกแปลกหรือว่ากลัว  กลับรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก  คงเป็นเพราะพวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตเดียวที่ฉันเห็นในตลอด 24ชั่วโมงที่ผ่านมานี้ก็เป็นได้  
	พวกเขายังคงรอฉันอยู่  ชายคนเดิมยื่นมือมาเปิดประตูบานเล็กด้านซ้ายให้  แล้วส่งยิ้มที่อบอุ่นเหมือนกับตอนที่เขามองโทนี่เดินจากไป  ตอนนี้ฉันเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว
	ฉันก้าวออกจากประตูบ้าน................				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน