คนที่ใช่......ในวันที่ผิด (ตอนที่ 1)

ฝันหวาน

คุณเคยรู้สึกไหมค่ะว่าชีวิตนี้เหมือนกำลังรอคอยการมาของใครสักคน....คุณเคยวาดภาพคนรักของคุณไหม..
คนในฝัน..คุณมีไหมแล้วคุณได้พบเขาหรือยังเขาสมบูรณ์แบบอย่างที่คุณคิดไว้หรือเปล่า..เขาคือคนที่ใช่..ในใจคุณไหมแต่
สำหรับฉันฉันเจอแล้ว เพียงแต่เขาคือคนที่ใช่ในวันที่ผิดเท่านั้นเอง........
	
	เช้าวันหนึ่งในวันที่อากาศสดใสซะเหลือเกิน ฉันออกเดินทางเพื่อไปทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายนั่นก็คือ
การเข้าเป็นส่วนร่วมในการฝึกอบรมค่ายเยาวชนต้านยาเสพย์ติด หรือที่เรียกกันว่าค่ายเยาวชนสัมพันธ์ ค่ายนี้เป็นค่าย
ของทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฉันเองมีโอกาสได้เข้าไปเป็นผู้ช่วยครูฝึกในช่วงเวลา 5 วันที่ฝึกอบรม
	
	สาเหตุที่ฉันมีโอกาสได้เข้าไปร่วมโครงการนี้ด้วยก็เพราะเหตุว่า เมื่อครั้งที่ฉันเรียนปวส.ปีสุดท้ายฉันต้อง
ออกฝึกงานและฉันเองก็เลือกไปฝึกที่สถานีตำรวจแห่งหนึ่ง(ไม่มีที่อื่นให้ฝึกง่ะ) และเมื่อมีงานอะไรที่ทางโรงพักต้อง
การอาสาสมัครฉันก็จะถูกเรียกไปใช้งานทุกครั้ง งานนี้ก็เช่นเดียวกัน
	
	วันแรกของการฝึกเริ่มด้วยการฝึกให้พี่เลี้ยงที่มีทั้งอาสาสมัครและตำรวจเอง ได้รับการฝึกจากครูฝึกของทาง
สำนักงานตำรวจ วันนั้นฉันจำได้ว่าทุกคนที่เป็นครูฝึกของทางสำนักงานตำรวจฝึกอย่างจริงจังและเคร่งเครียด พวกเขา
ได้แบ่งเราให้อยู่ตามสีต่างๆ ฉันเองได้อยู่สีแสด เพื่อนที่ไปด้วยกันอยู่สีน้ำเงินพวกเรามีหน้าที่ในการช่วยหยิบนู่นจับนี่
เพราะจำนวนครูฝึกของเขามีน้อย และคอยดูแลเด็กๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกิน การแสดงหน้าเวที อืม.ลืมบอกไป
ว่าครูฝึกที่ค่ายนี้เป็นตำรวจทั้งหมด
	
	ฉันยังไม่ได้เข้าเรื่องสักที ตกเย็นของการฝึกวันแรกเราก็ได้ร่วมรับประทานอาหารกับครูฝึกเหล่านั้นความรู้สึก
ของฉันคือเหนื่อยและอยากกลับบ้านเหลือเกินแต่ฝนก็ดันตกลงมาได้ ฉันก็เลยต้องนั่งร่วมวงกินข้าวกับครูฝึกเหล่านั้น
(ผู้ชายทั้งนั้นเลยชอบ.....~o^) แล้วสายตาของฉันก็เหลือบไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งใส่เสื้อคลุมแขนยาวสีขาวใส่หมวกปกปิด
หน้าตาที่ไม่รู้ว่าจะหล่อแค่ไหน (อาจไม่หล่อเลยก็ได้) เขาเงยหน้ามองฉันนิดหนึ่งแต่ฉันก็ไม่ได้สนใจอะไร(เพราะไม่
เห็นหน้าตาที่แท้จริงกลัวไม่หล่อง่ะ)และแล้วฉันก็กลับบ้านไปอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น
	
	วันแรกของการฝึก วันนี้เป็นวันแรกที่เด็กๆ หลายๆโรงเรียนมาฝึกเป็นวันแรก วันนี้ฉันเองก็ออกเดินทางมา
จากบ้านประมาณ 7.30 น. ก็ถึงสถานที่ฝึก ฉันก็แต่งตัวธรร มด๊าธรรมดา กางเกงยีนส์แล้วก็เสื้อสีขาวที่มีรอยปะที่หน้าอก
นิดหน่อยเอง
	
	ทันทีที่ฉันก้าวเข้าไปในสุ่มบริเวณที่พักของสีแสด ฉันได้เจอครูฝึกสองนายยืนอยู่ คนแรกเป็นคนที่ฉันเพิ่งได้
รู้จักเมื่อวานนี้เอง ส่วนอีกคนเป็นใครฉันไม่รู้ รู้แต่ว่าเขาเป็นครูฝึกคนหนึ่งและรู้สึกเหมือนกับว่าฉันคุ้นเคยกับเขาซะเหลือ
เกินทั้งที่เราเพิ่งพบกันครั้งแรก ความรู้สึกของฉันตอนนั้นรู้สึกเหมือนกับว่าได้เจอคนที่รอคอย คนที่วาดไว้และคนที่ฝันไว้
มานานมายืนอยู่ตรงหน้า  (แล้วคุณคิดว่าฉันควรจะไขว่คว้าเขาไว้หรือเปล่า.......แน่นอนค่ะแต่....อ่านกันต่อนะ)
	
	ฉันยังคงวางท่าทีไม่สนใจ (ด้วยความเป็นลูกผู้หญิงที่ยังมียางอายเหลืออยู่ง่ะค่ะ) ทั้งที่ในใจมันเต้นตูมตามแทบ
จะดิ้นออกมาเต้นข้างนอกอยู่แล้ว เราสบตากันเล็กน้อย ผู้ชายคนนี้สวมหมวกสีดำที่มีตราโล้โก้ของตำรวจติดอยู่(บ่งบอกยี่ห้อ)
 แต่เอ๊ะเหมือนผู้ชายคนเมื่อวานเลยง่ะคนที่ใส่เสื้อคลุมแขนยาวใส่หมวกใบนี้ใช่เลย เขานั่นเอง...เขามองฉันด้วยสายตานิ่งเฉย
 และท่าทีขรึมเหมือนไม่มีความรู้สึกอะไรเลย (ทั้งๆที่ฉันออกจะสวยขนาดนี้5555)
	ฉัน "พี่หรั่งค่ะ ทำไมหนูไม่มีป้ายชื่อเหมือนเก๋เลยง่ะ"
	พี่หรั่ง "อ้าวพี่ลืมทำให้ ทำเอาเองนะ นั่นกระดาษพี่ตัดไว้แล้วเหลือแต่เขียนชื่อจ้ะ"
ทันใดนั้นตานั่นก็ทำโครมครามไม้ที่อยู่ในมือของเขาถูกฟาดลงบนโต๊ะอย่างแรง ....."โครม"
	ตานั่น "ทำเองไม่เป็นเหรอไง ต้องมาถามด้วย" เขาพูดด้วยน้ำเสียงห้วนๆ แต่แฝงด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ ทำให้ฉัน
เกิดความไม่พอใจนิดหน่อย
	ฉัน "หนูจะไปรู้เหรอแค่นี้ต้องมาดุด้วย"
	
	แล้วฉันกับเพื่อนฉันก็ตั้งฉายาเขาว่าไอ้ขี้เก๊ก......ความจริงเพื่อนฉันมันก็มากระซิบบอกฉันว่าอีตานีหล่อดีนะ
ฉันก็ทำเฉยๆ บอกเพื่อนไปว่า "ก็งั้นๆ แหละ หล่อตรงไหนขี้เก๊กก็ปานนั้น" แต่ในใจฉันน่ะชอบเขาตั้งแต่แรกแล้วล่ะ555
	วันนี้ฉันต้องทำงานร่วมกับอีกตานี่ทั้งวันเลย ฉันคงต้องทำใจกับอาการขี้เก๊กของเขาแล้วล่ะเฮ้อ......เราทำงาน
ร่วมกันทั้งวันตกกลางวันฉันจะต้องทำหน้าที่หาข้าวให้เด็กๆสีแสดทาน เขาเองก็ลงมาช่วยเหมือนกันในขณะที่เราเตรียม
อาหารให้เด็กๆ เราได้มีโอกาสคุยกันนิดหน่อย(เล่นเอาฉันใจเต้นเป็นจังหวะดาจิมเลย)
	เขา "เป็นครูเหรอฮะ สอนเด็กป.อะไรครับเนี่ย" แหมทำมาเป็นพูดดีด้วย แล้วหาว่าเราแก่อีกต่างหาก
	ฉัน "หน้าหนูแก่ขนาดนั้นเลยเหรอพี่ หนูไม่ได้เป็นครูสักหน่อย หนูยังเรียนอยู่เลยเนี่ยเพิ่งจบปวส.จะไปต่อ
	        มหาวิทยาลัยค่ะ"
	เขา "อ้าวเหรอ! พี่ไม่ได้ว่าเราหน้าแก่ แต่พวกที่มาช่วยพวกพี่ฝึกเนี่ยครูทั้งนั้นเลยไม่ใช่เหรอ"
	ฉัน "ก็ส่วนหนึ่งมั้งค่ะ แต่หนูกับเพื่อนไม่ช่ายแน่นอนง่ะ"
	เขา "แล้วเรียนที่ไหนล่ะเนี่ย" ทำมาเป็นชวนคุยง่ะ....แต่ก็ดีอยากคุยเหมือนกัน555
	ฉัน "กำลังจะเรียนต่อปริญาตรีที่ ม.............. ค่ะ"
	เขา "พี่ไม่รู้จักหรอกพี่ไม่เคยมาแถวนี้"
	ฉัน "เหรอค่ะ"
	การสนทนาของเราสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้เพราะเด็กๆ ลงมาทานข้าวพอดีเรายิ้มให้กันนิดนึงก่อนที่จะตักข้าวให้
เด็กๆ ทาน 
	ช่วงบ่ายเป็นการเรียนรู้ในฐานต่างๆ เป็นการบรรยายเล็กๆน้อยๆ ฉันต้องคุมเด็กๆไปตามฐานต่างๆ ที่แต่ละจุด
อยู่ไม่ห่างกันนัก เขานั่งอยู่ประจำฐานที่สอนการผูกเงื่อนต่างๆ ฉันมีความรู้สึกว่าถูกจ้องมองตลอดเวลาจะใครซะอีกล่ะก็อี
ตาขี้เก๊กนั่นแหละ ไม่รู้จะมองอะไรกันนักหนา ฉันเองก็กลัวซะเมื่อไหร่มองมาก็มองไปซิค่ะท่าน ระหว่างที่ส่งสายตาอยู่
นี่เองฉันก็เริ่มรู้สึกได้ว่า ในความขี้เก๊กของเขาแฝงไว้ด้วยความเจ้าชู้อย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกต่างๆ กลับเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
วันนี้ค่ายเลิกประมาณ 5 โมงเย็น เสียงเพลงที่ฉันได้ยินก่อนที่วิทยากรเหล่านี้จะปล่อยเด็กๆ กลับบ้านก็คือเพลง ""เป็นเพลงที่เพราะที่สุดเท่าที่ฉันเคยได้ยินมา  เมื่อเพลงจบ  และแล้วฉันก็เตรียมตัวกลับบ้านแต่คุณรู้ไหมฉันเห็นอะไร 
	ในขณะที่เด็กๆ กำลังจะกลับบ้านฉันเห็นเขากับผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงคนนี้ฉันว่าเขาน่าจะอายุอยู่ราวๆ 40 
ปลายๆ แต่กระชากวัยด้วยการแต่งตัวให้สาวซะเหลือเกิน เขาเดินคลอเคลียกันฉันก็ไม่รู้หรอกว่าเขาเป็นอะไรกัน แล้วฉัน
ก็ไม่อยากจะคิดในแง่ร้ายด้วย...........ฉันกลับบ้านด้วยความสงสัย
	
	วันที่ 2 ของการฝึก วันนี้เป็นวันสำคัญเพราะวันนี้มีคนใหญ่คนโตมาเปิดงาน ฉันก็แต่งตัวธรรมด๊าธรรมดาอีกเช่นเคย
วันนี้ฉันใส่เสื้อที่ทางโรงพักแจกให้อาสาสมัครทุกคนใส่เหมือนกันหมด วันนี้ไม่มีการฝึกอะไรหนักหนาแต่มีกีฬาสีที่แสนจะพิสดาร
พวกเขาให้ชื่อว่า "กีฬาบ้าๆบวมๆ" เป็นกีฬาที่ไม่เน้นการแพ้ชนะ ผู้ชนะได้ถ้วยรางวัลที่ใครๆก็ไม่พึงปราถนา...มันไม่ใช่ถ้วยใบสวย
ไม่ใช่เหรียญทองอย่างที่พวกคุณเคยเห็น...คุณอย่าเดาเลยค่ะไม่มีใครเดาถูกหรอก รางวัลของผู้ชนะวันนั้น กลับกลายเป็น ไม้กวาด 
ถังขยะ ไม้ถูพื้นและ ที่ตักผง วิทยากรบนเวที (พวกเขาเรียกตัวเองว่าวิทยากรร่อนเร่) ให้เหตุผลว่า "คุณแข่งกันคุณคิดถึงแต่ชัยชนะแต่คุณไม่คิดว่าคุณได้อะไรจากกีฬาเหล่านี้ คุณฝันถึงถ้วยรางวัลที่เอาไปทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากตั้งโชว์ ให้เห็นว่านี่ข้าผู้คือชนะ ตรงกันข้ามคุณลองมองดูสิ่งของเหล่านี้สิ ไม้กวาด คุณใช้งานได้ ถังขยะ คุณก็ใช้งานได้ ไม้ถูพื้นมันทำให้บ้านคุณดูสะอาด ที่ตักผงอืมมันช่วยคุณโกยขยะที่อยู่ตรงหน้าคุณได้นะ กีฬาให้สุขภาพที่ดีกับคุณ ทำให้คุณมีเพื่อนและที่สำคัญมันดึงความสนใจคุณออกจากยาเสพติดสิ่งชั่วร้ายคุณว่าจริงมะ" เอ๋นี่ฉันเขียนอะไรออกนอกเรื่องอีกแล้วเนี่ยเอาล่ะเข้าเรื่องดีกว่า	
	วันนี้ฉันกับเขาก็สบตากันเหมือนเดิม ทั้งวันสายตาของเขามันทำให้ฉันว้าวุ่นใจอย่างพิลึก เขาไม่พูดอะไรนอกจากเรื่องงาน บางทีฉันอาจจะเข้าใจผิดหรือคิดไปเองก็ได้ ตกเย็นฉันก็กลับบ้านตามเคยแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขายังคงทอดสายตามองฉันแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่า
	เขา "พรุ่งนี้เจอกันนะ อืม!...พรุ่งนี้ไม่ต้องแต่งตัวสวยก็ได้นะเอาแบบโทรมเลยแล้วกัน เสื้อสีดำๆ หน่อยพอจะมีไหม" เขาบอกพร้อมรอยยิ้มที่แฝงด้วยความเจ้าเล่ห์ในแววตา
	ฉัน "ไม่ค่อยมีอ่ะค่ะพี่ ใส่สีเขียวได้ไหมค่ะ"
	เขา "แหม! ไม่มีเลยเหรอ สีดำทั้งบ้านนะ ตามใจสีอะไรก็ใส่เถอะ แต่พรุ่งนี้เละเลยนะจะตอบให้" พรุ่งนี้ต้องวันที่ต้องเข้าฐานผจญภัยลุยขี้โคลน ซึ่งพี่เลี้ยงครูฝึกต้องทำกับเด็กๆด้วยเหมือนกัน
	ฉัน "ค่ะ จะพยายามหาค่ะ หวัดดีค่ะพี่หนูไปก่อนนะคะ" ฉันยกมือไหว้เขาอย่างคนที่มีสมมาคาราวะ ทั้งๆที่ในใจอยากจะวิ่งเข้าไปหอมแก้มเป็นการบอกลาซะหนึ่งที แต่เอาไว้ก่อนดีกว่า
	เขายิ้มอีกครั้งพร้อมกับยกมือขึ้นตะแบ้ะแบบตำรวจเป็นรับไหว้
	วันที่ 3 ของการฝึกอบรม เช้านี้ฉันแต่งตัวโทรมกว่าทุกวันเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการลุยฐานเต็มที ฉันเดินไปที่สุ่มที่พักของสีแสด เขายืนจิบกาแฟด้วยสีหน้าที่ขรึมและคงความขี้เก๊กเหมือนเคย เมื่อฉันเดินเข้าไปถึง สายตาที่เขามองฉันดูจะบ่งบอกความรู้สึกภายในใจได้ชัดเจนกว่าทุกครั้ง เพราะครั้งนี้ดูเขาจะเริ่มเปิดเผยให้รู้ว่าเขาเองก็สนใจฉันเหมือนกัน รอยยิ้มที่ดวงตาและใบหน้าเกิดขึ้นในเวลาพร้อมกัน วันนี้ฉันไปถึงประมาณเกือบ 8 โมงเต็ม เด็กนั่งรออยู่เพื่อเตรียมการฝึกต่อไป
	เขา "บอกว่าวันนี้ไม่ต้องแต่งตัวสวย แล้วดูแต่งซะ......" เขาพูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยพร้อมน้ำเสียงที่ดูน่าเอ็นดู้น่าเอ็นดู
	ฉัน "เนี่ยโทรมที่สุดแล้วพี่โธ่......." โธ่เอ่ย! ก็เนี่ยฉันอุตส่าห์แต่งโทรมๆ แล้วนะเนี่ยเขายังเห็นว่ามันดูดีอีกทั้งๆที่ฉันคิดว่ามันดูแย่ที่สุดแล้วนะเนี่ย แต่ยังว่าแหล่ะนะคนมันสวยนี่หน่าทำไง้ทำไงมันก็สวยง่ะ คุณว่ามะ 5555
	เขายิ้มเล็กน้อยกับคำต่อล้อต่อเถียงของฉัน
	ในที่สุดวันนี้ก็จบลงด้วยสภาพเละจริงๆ อย่างที่เขาบอก แต่ก็สนุกดีง่ะ วันนี้เราก็ยังคงส่งสายตาให้กันเหมือนเดิม หลังจากวันนี้แล้วก็เหลืออีก แค่ 2 วันเท่านั้นที่ฉันจะได้พบเขา เวลามันช่างสั้นเสียจริงฉันบอกกับตัวเองเฮ้อ.........
ปล.เรื่องยังไม่จบหรอกค่ะไว้อ่านตอนต่อไปอีกนะค่ะ อีกยาว				
comments powered by Disqus
  • ทะเลขวัญ

    12 กรกฎาคม 2545 09:27 น. - comment id 65788

    เป็นเรื่องรักที่มีที่มาที่ไปแทรกความรู้ไปในตัว
    เป็นเรื่องรักสวยใสหวานอ่านแล้วบานเบิกใจจังค่ะ เขียนบ่อยๆนะคะ จะรออ่าน รักและรัก
  • jasmine

    12 กรกฎาคม 2545 13:51 น. - comment id 65792

     อยากอ่านต่ออ่ะนะ......
  • แมวยิ้ม

    12 กรกฎาคม 2545 17:23 น. - comment id 65795

    รออ่านเหมือนกันค่ะ
  • ฝันหวาน

    12 กรกฎาคม 2545 19:13 น. - comment id 65796

    ดีใจจังค่ะที่มีคนอ่าน มีอีกหลายตอนค่ะอ่านกันบ่อยๆ นะค่ะ อยากรู้ใช่ไหมค่ะว่าเขาคือคนที่ใช่ในวันที่ผิดได้ยังไงต้องติดตามค่ะ ขอบคุณล่วงหน้านะค่ะที่จะติดตามหนูต่อไป ขอบคุณจริงๆค่ะขอบคุณค่ะ ~o^
  • โคลอน

    12 กรกฎาคม 2545 23:46 น. - comment id 65802

    น่าติดตาม (o^___^o)
  • ธนรัฐ สวัสดิชัย

    13 กรกฎาคม 2545 02:53 น. - comment id 65809

    ยาวแต่ก้อมาอ่านจ้า
  • ปลา

    13 กรกฎาคม 2545 18:46 น. - comment id 65812

    อ่านแล้วก็น่าติดตามดี
  • ran

    14 กรกฎาคม 2545 19:58 น. - comment id 65822

    [font pink]น่าติดตามจังเลยค่ะ[/font pink]
  • คนที่แอบดูอยู่ห่างๆ

    21 กรกฎาคม 2545 19:36 น. - comment id 65930

    น่ารักดีค่ะ แล้วเราก้อเชื่อว่าเป็นความรู้สึกของคัยหลายๆคนเลยล่ะที่เคยเป็นอย่างเนี่ย คนแต่งเคยเป็นมาก่อนหรือป่าว +_____+

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน