ฤทธิ์อภิญญา.......5

วสุนทรา

เสียงจั๊กจั่น เรไร ร้องเป็นจังหวะ รับกับเสียงซู่ซ่า ของกิ่งไม้ไหวยามต้องลม วันนี้แดดลงจัด ท้องฟ้าเปิดกว้างเป็นสีครามแทบไม่มีหมู่เมฆลอยผ่าน 
กสิณทั้ง 10 กองถูกเด็กน้อยทั้งสามฝึกจนเรียบไม่เหลือหรอ รอแต่หลวงปู่กลับมาเท่านั้นจะได้รู้ว่ากสิณกองที่เหลือใช้ทำอะไรได้มั่ง 
สามวันแล้วที่หลวงปู่ยังไม่กลับมา กวิน เวคิน ทินกร นอนเกลือกกลิ้งอยู่ที่ชานหน้ากุฏิ ฟังเสียงดนตรีจากป่า ทินกรน้องน้อยคล้ายเบื่อหน่ายยิ่งนัก เขาชันตัวลุกขึ้นนั่งท้าวค้างมองดูพี่ๆ ทั้งสอง ก่อนส่งเสียงสดใส 
น้องว่า พวกเราว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ น่าจะออกไปยืดเส้นยืดสายบ้าง 
พี่ก็ว่าหยั่งงั้น.แล้วพวกเราจะไปที่ไหนกันดี กวินเห็นด้วยกับความคิดเจ้าตัวน้อย 
น้องว่าพวกเราไปเที่ยวเล่นในป่านั่นดีไหม 
แต่ที่ป่านั่น หลวงปู่ห้ามเด็ดขาดน่ะ.มันอันตราย เวคินพูดขึ้นบ้าง 
โธ่..ท่านพี่ก็ ตอนนี้เราเหาะเป็นแล้ว เรียกฝน เรียกลม เรียกไฟก็เป็นแล้ว จะไปกลัวอาร๊าย ถ้าจะมีอันตรายพวกเราก็เผ่นนะซี 
ถ้าพวกพี่ ไม่ไปน้องไปคนเดียวก็ได้  กล่าวพลางปากน้อย ๆ ก็รั้นขึ้นด้วยความแง่งอน 
เวคินกับกวินได้แต่มองหน้ากันไปมา ต่างก็รู้อยู่ว่า 
เจ้านี่ถ้ามันจะดื้อก็ดื้อแบบฉุดไม่อยู่  ทั้งสองก็เลยต้องจำใจไปกับเจ้าตัวเล็ก 
ตกลงไปก็ได้ ใครให้พี่มีน้องอย่างเจ้าเล่า เวคินพูดขึ้น 
เจ้าทินกรก็เลยยิ้มออก รีบฉุดมือพี่ ๆ ทั้งสองให้ลุกขึ้น 
ไปกันเถอะ 
สิ้นเสียงเด็กทั้งสามก็ไปโผล่ในป่านั่นแล้ว 
กวิน เวคิน ทินกร หันไปมองบรรยากาศรอบ ๆ ต้นไม้ที่นี่ช่างสูงใหญ่มหึมาหรืออภิมหาก็ว่าได้ แต่ละต้นสูงสุดเสียดฟ้า แถมลำต้นก็ใหญ่ชนิดที่ว่า ให้ผู้ใหญ่ห้าหกคนมาโอบยังไม่รอบเลย 
เถาวัลย์ขนาดเท่าแขนหรือใหญ่กว่านั้น เกาะเกี่ยวเลี้ยวลดไปตามกิ่งก้านสาขาของต้นไม้ใหญ่แต่ละต้น บรรยากาศเยือกเย็น ลี้ลับพิศดาร 
นอกจากนี้ยังมีเสียงแปลก ๆดังอยู่ไกล ๆ ขณะที่ทั้งสามถูกภาพเบื้องหน้าดึงดูดสายตาอยู่นั้น พลันมีเสียง 
โฮก !  ดังสนั่นหวั่นไหว เด็กน้อยทั้งสามสะดุ้งเฮือก รีบหันขวับไปด้านหลังทันที 
กวิน เวคิน และทินกร ยืนตัวแข็งทื่อ ไม่อยากจะเชื่อสายตา นี่พวกเขากำลังยืนอยู่ต่อหน้าเสือลายพาดกลอน สามตัว ไม่ไกลนัก มันจ้องทั้งสามด้วยตาเขียวปัด แต่ละตัวใหญ่กว่าเสือของหลวงปู่ตั้งหลายเท่า 
กวินสะกิดเวคิน 
ทะ..ทำไม มันใหญ่อย่างงี้ 
นี่พวกเราจะกลายเป็นอาหารกลางวันของพวกมันหรือเปล่าท่านพี่ ทินกรส่งเสียงแผ่ว 
กติกาห้ามเหาะ แต่ให้วิ่ง เวคินบอกเบา ๆ 
เจ้าทินกรเริ่มคึกคักเพราะวิสัยซุกซนที่ติดมาทุกชาติ เจ้านี่ก็เลยยกมือท้าวสะเอว กล่าววาจาอวดดีอย่างคนมีดีจะอวดว่า 
พี่เสือจ๊ะพี่เสือจ๋าถ้าพี่แน่จริงก็วิ่งให้ทันน้องนะจ๊ะ พี่เสืออย่ามาเอะอะ ส่งเสียง หง่าว หง่าว ไม่น่าฟัง 
เสือลายพลาดกลอนทั้งสามตัวดูเหมือนเข้าใจที่ทินกรพูด มันไม่พูดพล่ามทำเพลงก็กระโจนใส่ทันที 
ไปโลดเลย ท่านเพ่พ่พ่พ่พ่. เจ้าทินกรแหกปาก ทั้งสามก็เลยยิ่งด้วยความเร็วที่เรียกว่าเหนือเสียง 
พริบตาเดียวทั้งสามวิ่งมาหยุดในที่ใหม่ ที่แห่งนี้นอกจากจะแปลกตากว่าที่เคยเห็นแล้ว ยังมีความเย็นชัดจนทั้งสามสั่นสะท้าน ทั้งสามรีบใช่เตโชกสิณชั่วทันที มองดูรอบ ๆ เบื้องหาขาวสล้างที่ไกลตาออกไปมีภูเขาสีขาวสูงใหญ่ตั้งตระหง่าน 
น้องว่าเจ้าลูกเหมียวนั่นคงตามมาไม่ทันหร๊อก 
เวคินกับกวิน อยากจะเตะเจ้านี่สักป้าบ ทั้งสองช่วยกันหิ้วปีกเจ้าทินกรให้หันไปดูด้านหลัง 
เจ้าลูกเหมียวทั้งสามกำลังนั่งมองทั้งสามอยู่ แถมขยับหนวดไปมาราวกับจะบอกว่า 
นึกว่าจะหนีพ้นเหรอเจ้าลูกไก่ในมือเสือ เหอะๆๆๆ 
กวินส่งซิกโดยชี้นิ้วขึ้นข้างบนส่งเป็นสัญญาณว่า 
ถ้าไม่เหาะขึ้นข้างบนมีหวัง ตกไปอยู่ในท้องเสือแน่ ๆ 
ทั้งสามไม่รีรอเหาะขึ้นไปในอากาศทันที เจ้าเสือทั้งสามได้แต่แหงนหน้ามอง แต่ก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้ 
พวกเราจะไปที่ไหนต่อ ทินกรถามขึ้น 
จะไปอีกเหรอ ไม่เข็ดหรือไง กวินพูดปราม 
ก็ไหน ๆ มาแล้ว น้องก็อยากจะสำรวจให้ทั่วเลย ทินกรกล่าวพลางยักไหล่ ช่างน่าหมั่นไส้นักเชียว 
ขณะที่ทั้งสามปรึกษาหารือกันอยู่บนอากาศ พลันมีเสียงแหลมสูง ดังมาเป็นระยะ ๆ ที่ไกลตาออกไปมีจุดดำเล็ก ๆ จุดหนึ่งกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาหาพวกเขา แต่ด้วยอำนาจของกสินทำให้สามารถมองเห็นรูปลักษณ์ได้ชัดเจน 
ตายละหว่า นี่มันพญาครุฑ นี่ เวคินพูดขึ้น 
หลวงปู่บอกว่า พวกเราจะเจอได้แต่ในป่าหิมพานต์ หรือว่า 
ใช่แล้ว นี่คือป่าหิมพานต์  ทั้งสามพูดพร้อมกันด้วยความรู้สึกที่ออกจะเหลือเชื่อ 
ไม่หนีตอนนี้ แล้วจะหนีตอนไหน ทั้งสามรีบเผ่น 
แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ เมื่อหันไปมองด้านหลัง พญาครุฑกลับไล่มาติด ๆ ทั้งที่ด้วยระดับความเร็วนี้คือมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าแล้ว 
ทำไมพญาครุฑถึงบินเร็วอย่างนี้ น้องว่าเขาจะตามเราทันแล้ว พี่เวคินรีบหาวิธี 
พี่ว่า ลองเรียกท่านพ่อดีกว่า หลวงปู่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน เวคินออกความคิดเห็น 
คนตัวใสเป็นแก้วนั่นหนะหรือ กวินถามขึ้น 
แต่พวกเราพึ่งเคยเจอท่านพ่อแค่ครั้งเดียวเอง นะ ทินกรไม่ค่อยมั่นใจนักว่าวิธีนี้จะได้ผลหรือเปล่า 
เวคิน เลยพูดตัดบท 
นี่ ถ้าไม่เรียก ก็จะกลายเป็นอาหารครุฑแทนเสือ พี่ไม่รับผิดชอบนะ 
เวคินพูดจบเขาหุบปากทันที นี่เป็นแบบฉบับของเวคินที่ ทินกร และกวินรู้ว่า เขาจะไม่พูดหรืออกความคิดเห็นใด ๆ อีก ทั้งสองคนไหนเลยจะมีเวลาคิดนู้นคิดนี่ ต่างพากันตะโกนเสียงก้อง 
ท่านพ่อเจ้าขาช่วยลูกด้วย 
ทั้งสามหายใจเข้ายังไม่ทันที่จะหายใจออก คนแก้วใสก็ปรากฎตัวอยู่ต่อหน้าพวกเขาทันที พร้อมกับเสียงดนตรีดังกระหึ่มเฉกเช่นตอนพบกันครั้งแรก 
ท่านพ่อช่วยลูกด้วยเถิดเจ้าข้า ทั้งสามพูดพร้อมกัน 
คนตัวใสร่างกายแพรวพราวมีรัศมีเหลืองนวลจับตาจับใจ มองดูเด็กน้อยทั้งสามด้วยความเอ็นดู พร้อมกับส่งเสียงสำเนียงหวานไพเราะ ซึ่งดังอยู่ที่ข้างหูพวกเขาว่า 
ไม่ต้องกลัวลูกรัก ขึ้นชื่อว่าอันตรายใด ๆ ที่จักพึงบังเกิดแก่ลูกในที่แห่งนี้นั้นย่อมไม่มี 
พญาครุฑ เมื่อมองเห็นคนตัวใส ก็หุบปีกลง พร้อมกับขุกเข่ากลางอากาศ และกราบคนตัวใจด้วยความเคารพยำเกรง ทั้งสามมองดูด้วยความประหลาดใจ 
ครุฑราช ท่านและสหายล้อเล่นกับลูกของเราทั้งสามจนตกใจ 
เมื่อครุฑราชเงยหน้าขึ้น ปรากฎเหตุประหลาดมหัศจรรย์ นั่นคือ รูปร่างพญาครุฑที่กึ่งคนกึ่งวิหก ได้กลับกลายเป็นชายหนุ่มรูปงามไปแล้ว 
(จบตอนที่ 5)				
comments powered by Disqus
  • พี่ดอกแก้ว

    9 พฤษภาคม 2547 22:44 น. - comment id 74005

    มาอ่านต่ออีกที่นี่สนุกดีค่ะ
    สวัสดีค่ะคุณวสุนทรา
    
  • พุด

    10 พฤษภาคม 2547 00:51 น. - comment id 74016

    งานงามมาก
  • วสุนทรา

    10 พฤษภาคม 2547 08:55 น. - comment id 74024

    พี่ดอกแก้ว  สวัสดีค่ะ  ขอบคุณนะคะที่เข้ามาเยี่ยมค่ะ
    
    พุด  ดีใจมากเลยละที่เห็นงานพุดอีก  จะรออ่านเรื่อย ๆนะ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน