วันเวลาได้ล่วงผ่านไปตามสามัญ
ต่างคนต่างสามารถที่จะอยู่อย่างที่เขาอยากอยู่
ต่างก็มีสิ่งเกี่ยวข้องพึ่งพากัน ฉาบฉวยบ้าง
และต่อเนื่องกันไปอย่างไม่มีจุดจบ
ชีวิตแห่งความสับสนวุ่นวาย ทามกลางถนนหลากสาย
ต่างล้วนปะทะระลอกกรรมกระหน่ำชีวิตซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ด้วยความอดทนกัดฟันสู้
เพื่อความอยู่ได้ไปวันๆ
ก่อนม่านดำแห่งค่ำคืนจะคลี่ห่มให้ตกจมลงสู่ภวังค์
หลายชีวิตไม่มีทางล่วงรู้ได้เลยว่าเขายังมีลมหายใจมาถึงตรงนี้ได้..เพราะอะไร
หลายชีวิตไม่มีทางล่วงรู้ได้เลยว่า...
แพรทองผ่องพลิ้วสะพรั่งผืนด้วยดวงสุรีย์ฉายในวันใหม่ที่จะมีมานั้น...เขาจะมีโอกาสได้ยลกับแพรทองผืนนั้นไหม
มากมายหลายชีวิตได้ถูกอำนาจกรรมตัดขาดจากการเห็นลงเสียแล้ว ช่างน่ากลัวยิ่งนัก กันสิ่งที่คาดหมายไม่ได้เลยเช่นนี้...ก็เพราะว่า ภาระหน้าที่รวมถึงพันธะที่แต่ละคนเพียรสร้างขึ้นมาและผูกมันไว้กับตนเอง
เฉกเช่น..สายสร้อยคล้องคอบ้าง กำไรคอมือบ้าง แม้กระทั่งกระพวนข้อเท้า สิ่งเหล่านี้ล้วนมีอาถรรพณ์อันมากเล่ห์ด้วยเสน่ห์แห่งมายาชีวิตนั่นเอง...
ยังมีมุมแสงแห่งตะวันอยู่อีกด้าน...
ที่ยังสาดส่องแสงเพื่อขับไล่ความมืดและความอับเฉาแห่งชีวิต
ที่ยังทรงเปี่ยมด้วยพลังแห่งพุทธานุภาพที่พร้อมจะโต้ตอบและขับไล่ปัญหาต่างๆให้หมดไปได้
เพียงรักที่จักแจ้งอริยธรรม
เพียงน้อมนำสู่จิตให้ประจักษ์ด้วยศรัทธา
ก้าวสู่หนทางที่เต็มไปด้วยสาระประโยชน์
ก้าวออกจากความคลั่งไคล้และเพ้อเคลิ้ม
มุ่งสู่จุดหมายปลายทางที่สงบแห่งสันติธรรม
อาจจะยากเย็นเข็ญใจในการที่จะล่วงรู้....ตามคำสอนแห่งศรีสัพพัญญูเจ้า
แต่ขอให้มั่นใจเถิดว่า..
หนทางนี้เท่านั้นที่จะปลดเปลื้องเครื่องพันธนาการทั้งหลายให้หลุดออกได้
หนทางนี้เท่านั้นที่จะยุติชีวิตที่ต้องดิ้นรนไปกับความทุกข์นานัปการให้พินาศลงสิ้น
หนทางนี้เท่านั้นที่จะมอบบรมสุขให้เราได้ทุกๆคน
หนทางนี้ก็คือ...
หนทางแห่งมรรคอันมีองค์แปด
ที่เหล่าอริยเจ้าทั้งหลายท่านเดินนำทางไว้แล้ว
เธอจะเดินผ่านไปในที่สุด
แม้สะดุดหกล้มต้องก้มหน้า
กี่หยาดเหงื่อรินรดหยดน้ำตา
มิหยุดเธอหรอกถ้าศรัทธามี..
จาก พี่ดอกแก้ว
9 พฤษภาคม 2547 17:22 น. - comment id 73998
(ยังมีมุมแสงแห่งตะวันอยู่อีกด้าน) ก็อยากไปรับแสงตะวันตอนนี้ครึ้มฟ้าครึ้มฝนอย่างไรก็ไม่รู้(ออกนอกเรื่องเล็กน้อยครับ) หนทางมีทั้งด้านมืดและสว่าง แต่บางทีหนทางที่สลัว ก็ยังไม่มั่นใจว่าจะมืดหรือสว่างกันแน่ จะพยายามย่างก้าวไปหนทางที่คิดว่าดีที่สุดในชีวิตครับ

9 พฤษภาคม 2547 21:33 น. - comment id 74000
ครึ้มฟ้าครึ้มฝนอย่างนี้ อยากเห็นแสงตะวันของโลกอีกด้าน อย่างน้อยก็จะได้สว่างและมีความสดชื่น เป็นถ้อยความที่มีความหมายดีจริงๆค่ะพี่ดอกแก้ว

9 พฤษภาคม 2547 21:47 น. - comment id 74001
@...ชัยชนะ... ความสว่างเพียงเล็กน้อยที่กระทบกับม่านตา จะนำพาเราไปสู่ความสว่างที่มากขึ้น จนในที่สุดก็จะเห็นทุกอย่างได้อย่างชัดเจน แม้กระทั่งตนเอง.. ...และแสงที่นำความสว่างที่สุดแก่ชีวิตก็คือแสงแห่งพระธรรมค่ะ ทำให้เห็นตนเองและผู้อื่นไม่แตกต่างกัน ขอบคุณที่แวะมาอ่านนะคะชัยชนะ

9 พฤษภาคม 2547 21:53 น. - comment id 74002
@...ชะเอม... ครึ้มฟ้าครึ้มฝน ก็เพียงบางวันเท่านั้น แต่ชีวิตของเราทั้งหลาย แต่ละวันนั้นมืดครึ้มไปด้วยปัญหา อย่างไม่รู้สิ้น... ได้แต่อาศัยแสงสว่างจากพระธรรม มาน้อมนำใจให้ไม่มืดสลัวไปตามสิ่งที่เกิดขึ้น ขอบคุณนะคะที่แวะมาอ่าน

9 พฤษภาคม 2547 23:45 น. - comment id 74012
"หนทางนี้ก็คือ...
หนทางแห่งมรรคอันมีองค์แปด
ที่เหล่าอริยเจ้าทั้งหลายท่านเดินนำทางไว้แล้ว\"
***ชอบมากครับ ... ทำให้คิดขึ้นมาได้ว่า ธรรมะจะห่างหายไปจากใจคนมากขึ้นทุกวัน ๆ***

10 พฤษภาคม 2547 11:33 น. - comment id 74028
ขอบคุณมาก ๆค่ะพี่ดอกแก้ว^____^

10 พฤษภาคม 2547 16:00 น. - comment id 74038
@...ยโส อริน... ค่ะ ...ธรรมะเป็นสิ่งที่ชาวพุทธส่วนใหญ่ลืมไปแล้วในวินาทีนี้ ขอบคุณมากนะคะที่แวะมาอ่าน และให้ความรู้สึกที่ดีไว้ค่ะ

10 พฤษภาคม 2547 16:01 น. - comment id 74039
@...วงปี... สวัสดีค่ะ..ยินดีที่ได้พบกันที่นี่และทุกแห่งหน..
