บ่อยครั้งที่คนเรารู้สึกผิดกับหลายๆอย่างที่ได้ทำลงไป
บ่อยครั้งที่เราอยากแก้ตัวใหม่ อยากที่จะย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีต
นั่นก็เพราะตัวของเราเองยังไม่ดีอย่างที่เราคิดนั่นเอง
แล้วเราจะไปหวังให้คนอื่นๆเป็นได้ดังใจของเราได้อย่างไร
การที่เราคบใครสักคนต้องใช้เวลามหาศาล.... เวลาเช่นนั้น
จึงมาแบ่งชีวิตของเราจากโลกที่เราเคยมีโอกาสทำสิ่งต่างๆตามอำเภอใจออกไป
เฉกเช่นการวาดรูปภาพด้วยสีน้ำมัน ต้องอาศัยพู่กันหลายขนาด
อาจต้องใช้สีหลายประเภท ต้องมีการลบ การแก้ไข วาดใหม่อยู่หลายครั้งหลายครา
แม้กระนั้นภาพที่ปรากฎออกมา อาจไม่เป็นเหมือนที่เราฝันไว้ก็ได้
แต่การวาดรูปดังกล่าวอย่างน้อยก็ควรจะต้องมีอะไรสักอย่างที่ไปในทิศทางเดียวกันบ้าง
เช่นโทนสี ถึงจะไม่ใช่โทนเดียวกัน แต่ก็ไม่ควรขัดแย้งกันจนดูผิดไปจากความตั้งใจ
ดังนั้นถ้าจะเปรียบกับการคบหาสมาคมกันแล้วแม้ไม่จำเป็นจะต้องเหมือนกันทุกอย่าง
แต่ก็ไม่ควรที่จะต่างกันไปทุกเรื่อง...
หากแม้คนที่เราคบบางคนไม่ได้เป็นและไม่ใช่อย่างที่เราคิด ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก..
เพราะบางทีก็ต้องปล่อยให้ชีวิตมันได้เรียนรู้บ้าง ขึ้นชื่อว่าคน มีทั้งดีบ้าง...เลวบ้าง
...ใช่บ้าง..ไม่ใช่บ้าง จึงไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่เราจะต้องเกิดความปวดร้าวเลย..
เพราะจิตใจนั้นมีกลไกที่สลับซับซ้อนมีความรู้สึกที่ยากหยั่งถึง
จนแม้แต่ตนเองก็ไม่สามารถบอกอะไรได้ว่าตนเองเป็นอะไรไป...
ด้วยทุกคนรู้ว่า สิ่งที่เข้าใจยากที่สุด คือสิ่งที่ไม่มีวันเข้าใจ
จิตใจคนเรานั้นอยู่เหนือการควบคุม ...เมื่อสุดความสามารถแล้วก็จงปล่อยมันไป
อย่าเก็บกลุ้มจนเป็นปัญหา....เพราะปัญหานั้นจะจับเราโยนเหวี่ยงเข้าไปขังในห้องมืดทึบอย่างแรง แต่ทว่าพลาดไปก็ไม่จำเป็นต้องตกใจมากมาย
จนเสมือนรีบร้อนหาทางออกมา
หยุดนิ่งๆ นั่งปรับใจ...ปรับอารมณ์..เสมือนปรับสายตาให้เคยชินสักพัก
การที่เราปลีกตนเองออกมาเงียบๆไม่มีคนรบกวน ทำให้เรามีเวลาทบทวนอะไรต่างๆมากขึ้นโดยให้กำลังใจตนเองด้วยความจริงว่า..
ห้องทุกห้องในโลกนี้ย่อมมีประตู แต่เพราะความมืดมีมาก
จึงทำให้เราหาประตูนั้นยากสักนิด
จงอย่าท้อถอย...แสงสว่างที่ลอดมาจากช่องประตูอาจเลื่อนรางยิ่งนัก
แต่นั่นก็เป็นสิ่งเดียวที่จะบอกเราได้ว่า...เรายังมีความหวัง
ด้วยเพราะแสงสว่างเพียงเล็กน้อยนั้นนั่นเอง..
ความจริงที่เราทุกๆคนไม่อาจโต้แย้งได้นั้น ก็คือ..
เราแต่ละคนมีความรักตัวเองเป็นอย่างยิ่ง
มีพุทธภาษิตตรัสไว้ว่า....ทรงตรวจดูไปทั่วทิศทั้งปวงแล้ว ก็ทรงพบว่า
ตนเองนี่แหละเป็นที่รักของตน เพราะฉะนั้นเมื่อรักตนและมีความยึดชีวิตยิ่งอย่างนี้ สิ่งที่ต้องกลัวด้วยกันทั้งนั้นก็คือ...กลัวตาย
เพราะความตายนั้น เป็นสิ่งที่มาเด็ดเอาสิ่งที่รักยิ่งไป
คือมาตัดรอนตน...ฆ่าตนนี้เองให้สิ้นไป
หรือหากจะเปรียบชีวิตของคนเราก็เหมือนใบไม้...
ก็เป็นใบไม้ที่ไม่รู้วันร่วงหล่นของตนเอง
เมื่อถึงเวลาที่ปลิดขั้ว....ก็เพียงปลิดปลิวลงจากกิ่งก้าน
ใบไม้สีน้ำตาลที่ร่วงหล่นตามกาลเวลา ก็ได้ทำหน้าที่ของมันมาแล้วอย่างดี
หน้าที่ที่ได้เคยมอบร่มเงาให้ผู้คนได้พักพิง เคยให้อากาศยามเช้า และให้ความสดชื่นอวดใบที่สะพรั่งให้ต้นไม้สวยงามและสมบรูณ์ ก่อนที่จะปลิดปลิวลงสู่พื้นดิน
หลากหลายเหตุผลที่ทำให้ใบไม้สีเขียวต้องร่วงหล่น
ด้วยเพราะแรงลม และบางใบก็โดนเด็ดเล่น
จะเห็นได้ว่าทุกอย่างอยู่เหนือการคาดคิด...และเกินกว่าจะตั้งตัวทัน
เช่นเดียวกับชีวิตของเราทั้งหลายที่ยังมีชีวิตอยู่..ไม่อาจกำหนดวันสุดท้ายของตนเองได้
แต่ถึงอย่างไรก็ต้องมีวันสุดท้ายด้วยกันทั่วถ้วน..
จึงไม่ควรลังเล ที่จะรอเวลาที่จะทำประโยชน์ให้กับโลก...
เพราะโลกไม่มีเวลาให้ใครมากพอ
วันนี้เท่านั้น..วันนี้..จงเริ่มต้นเป็นร่มเงา เป็นที่พักพิง
เป็นทุกๆอย่างเท่าที่สามารถเป็นจงเริ่มหยิบยื่นน้ำใจไมตรีให้คนรอบข้าง
คนทีเรารัก คนที่เรารู้จัก..และคนแปลกหน้า
เพราะหากถึงเวลาดังเช่นใบไม้ใบนั้น
เราจะได้ไม่ต้องถามว่า....มีอะไรอีกไหมที่เรายังไม่ได้ทำ
เพราะกาลเวลา..ที่นำพาทุกอย่างมาสู่ชีวิต และก็พร้อมที่จะเอากลับคืนทุกวินาที....
จึงควรสะสมคุณค่าแห่งความดีให้มีมากขึ้นในตัวเองเถิด
เพราะขณะที่เราใช้เวลามากขึ้นๆๆ..ชีวิตของเราก็เหลือน้อยลงทุกที
ถ้าเราไม่สร้างประโยชน์ทิ้งไว้...สักวันชีวิตเราก็จะหายไปจากโลก
โดยไม่เหลืออะไรเลย...
ด้วยความปรารถนาดีเสมอค่ะ
พี่ดอกแก้ว
15 กรกฎาคม 2547 16:36 น. - comment id 75456
รักบทความนี้อย่างที่สุดค่ะ พุดจะมาอ่านซ้ำอีกครั้งค่ะคืนนี้ จะต้องไปเต้นอีกสักพัก รักและห่วงใยนะคะ

15 กรกฎาคม 2547 18:19 น. - comment id 75458
พลอยพราวแสงเพิ่งเป็นสมาชิกเข้ามาใหม่วันนี้เองคะ ได้อ่านบทความนี้แล้ว รู้สึกดีมาก ๆ เลยค่ะ เป็นบทความที่มีคุณค่ามากบทกลอนหนึ่งเลยทีเดียวค่ะ และอยากให้ทุกคนที่อ่านบทความนี้ ได้รับทั้งอรรถรส และประโยชน์ เพื่อสร้างสิ่งใหม่ ๆ ดี ๆ ให้กับตนเอง และ ผู้อื่นด้วยค่ะ

15 กรกฎาคม 2547 18:44 น. - comment id 75462
+++++++++++++++++++++ ...ขอบคุณพี่ดอกแก้ว ที่ให้ความคิด ให้พึงระลึก อยู่เสมอว่า เวลาที่เราเห็นว่า มีอยู่อย่างเหลือเฟือนั้น แท้จริงแล้ว คือ เวลาที่เราใช้ไปแต่ละนาทีนั้น ก็เท่ากับว่าเรา บั่นทอนอายุของตัวเราเอง ทุกนาทีที่ใช้และไม่ใช้ให้เป็นประโยชน์ฃ เช่นกัน ++++++++++++++++++++++++++

16 กรกฎาคม 2547 06:30 น. - comment id 75475
เรน..มากราบสวยๆ ..พี่ดอกแก้วนะคะ..
เรนยังอ่าน..ไม่จบเลยคะ..
แต่เรนรู้ งานทุกชิ้น ..เป็นงานเขียน..
ที่มีประโยชน์ มากเลยคะ..
ตอนสายๆ.. เรนจะแว๊ป มาอ่านต่อนะคะ..

16 กรกฎาคม 2547 07:52 น. - comment id 75477
มาอ่านแล้วได้กำลังใจดีมากเลยครับอาจารย์

16 กรกฎาคม 2547 12:44 น. - comment id 75484
@...น้องพุด..พัดช้า... ห้องทุกห้องในโลกนี้ย่อมมีประตู แต่เพราะความมืดมีมาก จึงทำให้เราหาประตูนั้นยากสักนิด.... เวลาที่เกิดปัญหาชีวิต..คนทั่วไปก็จะมีปัญหานี้ตามติดมาด้วยเสมอ ดีใจที่น้องพุดมาอ่านค่ะ

16 กรกฎาคม 2547 12:53 น. - comment id 75485
@...พลอยพราวแสง... ยินดีต้อนรับค่ะน้องพลอยพราวแสง ดีใจที่เห็นว่าเป็นประโยชน์ค่ะ ถ้าต้องการนำไปเผยแพร่ก็เชิยได้เลยนะคะ ขอบคุณมากค่ะที่เข้ามาอ่าน

16 กรกฎาคม 2547 12:55 น. - comment id 75486
@...มาดามมด... ขอบคุณในความเข้าใจเช่นกันค่ะ หวังว่าจะได้ประโยชน์ยิ่งขึ้นไปนะคะ ขออวยพรให้มีแต่ความสุขค่ะ

16 กรกฎาคม 2547 12:58 น. - comment id 75487
@...เรนน้อย... มายิ้มรับสวัสดีจากน้องเรนจ้ะ วันนี้ให้มีความสุขสดใสมากๆนะ ว่างๆแล้วมาเขียนกลอนให้พี่ดอกแก้วอ่านบ้างสิจ๊ะ

16 กรกฎาคม 2547 12:59 น. - comment id 75488
@...ผลิใบสู่วัยกล้า... ขอบคุณมากจ้า......

16 กรกฎาคม 2547 13:35 น. - comment id 75491
เมือวานเห็นแวบๆ เมื่อคืนเข้ามาเขียนงานแล้วก็ เหนื่อยเพลียหลับไป วันนี้เข้ามาตอบงานเขียนและ มาลงใหม่อีกชุดก็ถือโอกาสมาเยี่ยมงานค่ะ

16 กรกฎาคม 2547 14:32 น. - comment id 75504
@...tiki.. ขอบคุณที่เข้ามาอ่านที่นี่ด้วยค่ะ

16 กรกฎาคม 2547 21:32 น. - comment id 75508
มาเยี่ยมพี่ดอกแก้วด้วย เป็นมงคลแก่ตัวที่ได้อ่าน ขอให้พี่ดอกแก้วมีสุขภาพแข็งแรงนะครับ

16 กรกฎาคม 2547 21:53 น. - comment id 75510
ช่วงนี้ไม่ค่อยได้โผล่หน้ามาเรื่องสั้น บังเอิญเปิดดูกลอนไม่ได้ จึงแวะเข้ามาฟังเสียงกระซิบอย่างยาวเหยียด ชัยชนะก็จะพยายามทำวันนี้ให้ดีที่สุด ตามที่พี่ให้คำแนะนำ ถ้าโลกนี้มีคนอย่างพี่ดอกแก้วอยู่เยอะ โลกคงจะสงบสุขอย่างแน่นอนครับ

16 กรกฎาคม 2547 22:33 น. - comment id 75513
พี่ดอกแก้วคะ ถ้าอย่างเวลาที่เราเกิดมีธรรมมารมย์มาปรุงแต่ง จนบางครั้งมันมีภาวะที่หยุดไม่ได้ พี่ดอกแก้วพอมีวิธีใดที่จะ บรรเทาเบาบางตรงนี้บ้างมั้ยคะ บางทีถ้าอารมณ์มันหนักมากๆ จิตไม่เปิดรับธรรม แล้วจะตามดูยังไง กับจิตในช่วงนั้น เพราะบางทีจับอาณาฯ แล้วไม่อยู่ เท่าที่สังเกตคิดว่า ตัวเองเป็นพวกโมหะและวิตกจริต น้องขอพี่ดอกแก้วแนะนำเป็นธรรมทานด้วยค่ะ เพราะบางช่วงน้องแก้ไม่ตกกับจุดนี้ เลยทำให้กลุ้มใจ จิตใจเศร้าหมอง ทั้งๆที่รู้อยู่ว่า อารมณ์เหล่านี้เป็นอารมณ์ที่เป็นฝ่ายไม่ดี ขอบพระคุณล่วงหน้านะคะพี่ดอกแก้ว และขอบคุณกับข้อความที่พี่ดอกแก้วโพสต์ด้วยค่ะ

18 กรกฎาคม 2547 16:15 น. - comment id 75549
@...ฤกษ์... ขอบคุณที่แวะมาอ่านหน้านี้ด้วยค่ะ ...หนุ่มจอมกวน

18 กรกฎาคม 2547 16:15 น. - comment id 75550
@...ชัยชนะ... แม้จะบังเอิญมา แต่ก็ขอบคุณยิ่งค่ะ

18 กรกฎาคม 2547 16:36 น. - comment id 75551
@...น้องวงปี... สวัสดีค่ะน้องวงปี อย่างเพิ่งถือว่าเป็นคำตอบนะคะ เพียงแต่จะบอกก่อนว่า .... อานาปานสตินั้นเป็นกรรมฐานที่เหมาะกับผู้ที่มีจริตเป็นโมหะและวิตกจริต ...การที่ทราบถึงจริตตนเองเช่นนี้และเลือกใช้กรรมฐานนี้นับว่าถูกต้องแล้วค่ะ แต่การทำสมาธินั้นเป็นของยากอยู่แล้วเพราะต้องกดข่มอารมณ์ที่มาปรากฏให้สงบลงด้วยกรรมฐาน ... จึงเป็นธรรมดาที่ความฟุ้งซ่านจะเข้ามาอาละวาดแก่ผู้ที่ฝึกจิตด้วยสมาธิ การแก่ไขก็มีแต่การเริ่มต้นใหม่ ตั้งใจใหม่ โดยย้ายอารมณ์ไปยังกุศลอื่นเสียก่อนแล้วก็เริ่มต้นใหม่ ...เมือยังฟุ้งซ่านอยู่อย่างนั้นก็ยิ่งต้องเริ่มต้นใหม่อยู่เรื่อยๆไงคะ แต่ถ้าหากมองให้เป็นคุณแล้วก็จะเห็นว่า ..นี่ไงล่ะ นี่แหละคือสภาพของจิตที่แท้ ที่ดิ้นรน กวัดแกว่ง ห้ามยาก และรักษายาก ..เหมือนกับลิงที่ลุกลี้ลุกลนอยู่ตลอดเวลา การทำกรรมฐานของน้องวงปีเช่นนี้พี่ดอกแก้วยังไม่ทราบว่ามีเป้าหมายอย่างใด ..แต่ถ้าเพื่อการพ้นทุกข์แล้ว พี่ขอแนะนำให้อ่านเรื่องต่างๆเหล่านี้ก่อนนะคะ ถ้ายังข้องใจสงสัยอยู่กรุณาถามซ้ำได้ค่ะ ..เพราะคำถามที่น้องวงปีตั้งมานี้เป็นเรื่องที่ต้องอธิบายมากมาย..หากต้องการกระทำเพื่อพ้นทุกข์ http://www.thaimisc.com/freewebboard/php/vreply.php?user=dokgaew&topic=4668&page=1 ด้วยความปรารถนาดีอย่างจริงใจค่ะ

18 กรกฎาคม 2547 18:16 น. - comment id 75562
พี่ดอกแก้วน้องขอบพระคุณมากๆเลยนะคะ เข้าไปอ่านแล้ว จะลองไปทำดู ถ้าติดขัดหรือสงสัยตรงไหน น้องจะส่งเมลไปถามนะคะ ขออนุโมทนาบุญดัวยนะคะ

18 กรกฎาคม 2547 22:03 น. - comment id 75567
ด้วยความยินดียิ่งเลยค่ะน้องวงปี และขอขอบคุณที่ยังติดตามคำตอบอยู่นะคะ ทั้งที่ตั้งคำถามไว้หลายวันแล้ว ต้องขออภัยอย่างยิ่งเลยค่ะ ที่ไม่ได้มองมาในหน้านี้ด้วย

23 กรกฎาคม 2547 13:20 น. - comment id 75662
เรื่องนี้ไม่ค่อยซึ่งเท่าไรนะคะ

23 กรกฎาคม 2547 23:09 น. - comment id 75677
สวัสดีค่ะน้องเปีย ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่ะ หวังว่าคงพอจะเป็นประโยชน์ได้บ้างนะคะ แม้จะไม่ค่อยซึ้งนัก...

27 กันยายน 2547 09:16 น. - comment id 77516
บทความ ....อ่านแล้วดีจัง ^__^
