Rally Life ...

อัลมิตรา

การเตรียมตัวนั้น นอกจากเสื้อผ้าที่รัดกุมแต่คล่องตัว รวมไปถึงหมวก ผู้เขียนก็ยังแอบคิดอยู่อีกว่าจะเตรียมร่มไปด้วยดีหรือไม่ เพราะช่วงเวลานี้เป็นช่วงกลางของฤดีฝน แต่กระนั้น ด้วยความที่คิดว่า คงไม่โชคร้ายขนาดนั้นกระมัง และผู้เขียนทราบมาว่าทางรีสอร์ทที่ผู้เขียนไปพักและมีกิจกรรมวอร์คแรลลี่นี้ เตรียมร่มให้กับผู้เข้าพักทุกคนด้วย ในใจคิดไปอีกว่า ถ้าเห็นทีท่าไม่สู้ดี ก็ค่อยพกร่มไป แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง  แต่ทว่า เหตุการณ์ที่จะเล่านั้น มันมีเรื่องราวมากไปกว่าสิ่งที่ผู้เขียนคิดอย่างง่าย ๆ
กำหนดการมีอยู่ว่า หลังอาหารเที่ยงทุกคนต้องรวมตัวกันที่ห้องประชุมใหญ่ของรีสอร์ท เพื่อเตรียมตัวปฏิบัติตามกิจกรรม การแบ่งกลุ่มมีขึ้นเรียบร้อยแล้วในช่วงเช้า โดยมีสมาชิกทั้งสิ้น กลุ่มละ 13 คน ทั้งหมดมี 13 กลุ่ม ในขณะที่นั่งรอเวลาการปล่อยตัวออกไปทีละกลุ่มนั้น ผู้เขียนอยู่กลุ่มลำดับท้าย ๆ ก็ยังกล่าวกับเพื่อนร่วมกลุ่มว่า 
 ฟ้าแจ้งแดดเปรี้ยงขนาดนี้ คงตากแดดกันตัวเกรียมกันแน่เชียว ใครจะเอาครีมกันแดดบ้าง เรามีมาเผื่อ  ผู้เขียนถามเพื่อนในกลุ่ม ซึ่งมีสมาชิกเป็นชาย 2 คน และ หญิงอีก 10 คน 
เรียบร้อยแล้ว ทาครีมกันแดดตั้งแต่ก่อนเข้าห้องประชุมนี้แล้ว ..  เพื่อนคนหนึ่งตอบมา และอีกหลาย ๆ คน ก็ตอบในแนวเดียวกัน เป็นอันว่าทุกคนพร้อมที่จะเผชิญกับแดดเปรี้ยงที่ร้อนระอุ ผู้เขียนได้แต่หวังว่าเสื้อแขนยาวของผู้เขียน และหมวก จะช่วยในการปะทะแดดโดยตรงได้บ้าง				
ทันทีที่กลุ่มของผู้เขียนได้รับการขานให้ไปยังจุดเริ่มต้น ก้าวแรกที่ก้าวออกจากห้องประชุม สิ่งที่ปรากฏต่อหน้า ช่างแตกต่างกับตอนที่เข้าห้องประชุม เมื่อสักประมาณยี่สิบนาทีที่แล้วอย่างสิ้นเชิง ฟ้าโปร่ง แดดจัดจ้า ที่ผู้เขียนหวั่นใจว่าจะเป็นอันตรายต่อผิวหนัง กลับกลายเป็น ท้องฟ้าสีครึ้ม เสียงลมพัดปะทะต้นไม้บริเวณโดยรอบเสียงอื้ออึง แว่วเสียงคำรามของฟ้าได้ยินมาแต่ไกล เมฆดำไม่รู้ว่าเมื่อสักครู่แอบซ่อนอยู่หลังภูเขาใหญ่เบื้องหน้าหรือไร ตอนนี้ต่างพากันทยอยลอยละล่องมารวมตัวกัน 
 โอย !! แย่แล้ว ..  ผู้เขียนมั่นใจได้ว่า ไม่ใช่ผู้เขียนเพียงคนเดียวที่อุทานในใจ ในขณะนี้ผู้เขียนและเพื่อนในกลุ่มไม่ได้พกร่มกันเลย สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้ก็คือ เอาถุงพลาสติกที่ทางstaff จัดอาหารว่างและน้ำดื่มให้คนละขวด เอามาใส่ของจำเป็นที่เปียกน้ำไม่ได้ ผู้เขียนเก็บโทรศัพท์มือถือ กระเป๋าเงิน และมัดปากถุงวางคว่ำไว้ในกระเป๋าสะพายหลังอีกที 

จากจุดเริ่มต้นซึ่งส่อเค้าของสภาพอาการที่น่าหวั่นใจ กลุ่มของผู้เขียนได้รับมอบหมายให้ถือใบบันทึกเวลา ซึ่งจะต้องยื่นให้ผู้ดูแลที่ประจำในแต่ละฐานกรอกเวลา  และแผนที่อีก 7 แผ่น ในแต่ละแผ่นนั้น เป็นแผนที่โดยคร่าวซึ่งไม่เรียงลำดับหมายเลข  ฟ้าคำรามครืนมาเป็นระยะ ..  ตกแน่ ฝนมันตกแน่ สู้โว้ย ..   หนึ่งในกลุ่มของผู้เขียนตะโกนออกมาเสียงดัง สร้างบรรยากาศให้ครึกครื้นยิ่งขึ้น  ให้ระวังโทรศัพท์และกระเป๋าเงินหน่อยนะ จัดเก็บให้เรียบร้อย จากนั้นเตรียมพร้อมกับชะตากรรมที่รออยู่ข้างหน้า ..  ผู้เขียนกล่าว จากนั้นก็เริ่มนำกลุ่มออกเดินตามเส้นทางที่ได้แกะรอยจากการอ่านแผนที่

เดินไปยังไม่ถึงร้อยเมตรดีด้วยซ้ำไป เสียงครืนๆของฟ้าที่คำรามขู่เมื่อสักครู่ ไม่ขู่อย่างเดียวแล้ว คราวนี้ฝนก็เทลงมาอย่างชนิดที่เรียกว่า กระทั่งของฝนและเสียงลมที่พัดลู่ต้นไม้ กลบเสียงของกลุ่มผู้เขียนจนสิ้น จะทำอย่างไรดี จะทำอย่างไรดี  ผู้เขียนวิตก เนื่องด้วยกติกามีอยู่ว่า  จะต้องเดินทางตามแผนที่ที่กำหนดไว้จากจุดเริ่มต้น จนถึงจุดสิ้นสุดให้ใช้เวลาทั้งสิ้น 4 ชั่วโมง ด้วยต่างก็ไม่มีร่ม ทุกคนเตรียมตัวมาเพื่อรับสภาพกับแดดที่ร้อนระอุ หมวกใบกว้าง แว่นกันแดด เสื้อผ้าบางโปร่งสบายตัว คราวนี้เหตุการณ์พลิกผัน จะวกกลับมาหลบฝนก่อนหรือว่าจะตัดสินใจเดินต่อไปดี  หลายกลุ่มที่ถูกปล่อยตัวออกไปก่อนหน้านั้น ป่านนี้ก็คงจะเปียกกลางทางแล้ว เพราะเส้นทางเดินเป็นป่า คงจะไม่มีที่ให้พักหลบฝนเป็นแน่ ผู้เขียนหันหลังกลับมามองเพื่อนในกลุ่ม แล้วตะโกนแข่งกับเสียงพายุฝนว่า  ..ไหวหรือเปล่า หลบฝนก่อนหรือว่าเดินต่อ  (ความจริงแล้ว ที่ถามไปก็เพื่อหยั่งเชิงดูเหมือนกัน เพราะว่าตอนนี้สภาพของทุกคนเปียกปอนถ้วนหน้ากันหมดแล้ว จะเดินต่อหรือหลบฝน ก็ค่าเท่ากัน)				
 เดินต่อ เดินต่อ เดินต่อ.และก็เดินต่อ  คำขานรับจากเพื่อนในกลุ่มเป็นมติอย่างนี้ จึงตัดสินใจเดินต่อ แต่ทว่าแผนที่ที่ได้รับมา เปียกฝนเสียจนไม่สามารถคลี่ออกมาดูได้ว่า จากจุดนี้แล้วจะคลำทางไปอีกจุดได้อย่างไร   ค่อย ๆ คลี่ออกทีละแผ่นนะ ได้แค่ไหนก็แค่นั้น  หลงทางเดี๋ยวเขาก็ส่งเจ้าหน้าที่บุกป่ามาตามหาพวกเราเอง ใจเย็น ใจเย็น..เบามือหน่อย ค่อย ๆ 
ผู้เขียนเห็นแผนที่แล้วก็รู้สึกถอดใจเป็นที่สุด กระดาษยับเยินเสียจนแกะรอยไม่ได้เลยว่า จะเดินอย่างไรต่อไปตามจุดที่กำหนดไว้  แต่ผู้เขียนก็ซ่อนความกังวลนี้ไว้ในใจ ขณะนี้ทุกคนต้องการกำลังใจ อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนคิดว่าจะใช้ความสามารถทั้งหมดที่มีอยู่เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของกลุ่ม 

..ใครไม่ไหว หรือติดขัดอะไร ขอให้บอกนะ ไม่ต้องเกรงใจ  .. ผู้หญิง 11 คนรวมทั้งผู้เขียน ผู้เขียนถามไว้ก่อนเพราะรู้ดีว่า บางช่วงเวลาของผู้หญิงไม่เหมาะต่อสภาพการณ์เช่นนี้  และผู้เขียนก็ยิ้มอย่างใจชื่นเมื่อรู้ว่าทุกคนปลอดโปรงไม่ติดขัดวันนั้นของเดือน   ถ้าอย่างนั้น เอาล่ะนะ เดินต่อได้ ค่อย ๆ คลำทางกันไป ไม่ต้องห่วง เคยมาสำรวจเส้นทางหนหนึ่งแล้ว รับรองว่าไม่พาไปหลงป่าแน่นอน เพราะว่าสองด้านจากนี้จะเป็นแม่น้ำป่าสัก ไว้ใจเถอะ สบายมาก  .

เท่าที่เดาได้จากแผนที่(กะรุ่งกะริ่ง) เพื่อที่จะหาอาร์ซี (RC)  ต้องอ้อมต้นไม้ด้านโน้น ต้องหาเนิน หาขอนไม้ที่มีรอยแกะสลัก ต้องไปลงชื่อกลุ่มในแต่ละจุดที่กำหนด ประมาณได้ว่ามีทั้งสิ้นสามสิบกว่าจุด  บอกอย่างไม่อายเลยว่า กลุ่มของผู้เขียนหาได้เพียง 5 จุดเท่านั้น   หนำซ้ำที่หาได้ก็ไม่มั่นใจเสียเลยว่าจะถูกต้อง 100 % ในกลุ่มของผู้เขียน บางคนก็เดินไปเปิดถังขยะ เอาไม้ไปเขี่ยค้นเพื่อหา RC  บางคนก็ปีนต้นไม้ เจอรังต่อ ข้างในรังต่อมีซากจิ้งจกนอนตายแห้งอยู่ บางคนก็เปิดผ้าพลาสติกที่เจอระหว่างทาง (ไม่รู้ว่าลมพัดมาหรือทีมงานมาวางไว้) แล้วก็ต้องวิ่งกระเจิงหนีกันไปคนละทาง เพราะทันทีที่เปิดผ้าพลาสติกขึ้นมา งูเขียวที่ซ่อนตัวอยู่ข้างในก็พุ่งปรี๊ดออกมา กว่าจะเก็บ RC ได้เท่าที่สามารถแล้ว เพิ่งจะถึงฐานที่ 1 เอง				
เจ้าหน้าที่ประจำฐานที่ 1 มองสภาพของกลุ่มแรลลี่ของผู้เขียนแล้ว ดูท่าทางเขาจะขำมิใช่น้อย เพราะรายงานผลบันทึกหา RC ตามเส้นทางของกลุ่มผู้เขียน มีอะไรหลายอย่างชวนขำ ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ ฐานที่ 1 แล้วนะครับ ยังเหลืออีก 3 ฐาน ขณะนี้ท่านใช้เวลาไปแล้ว 1.20 ชั่วโมง ต้องเร่งฝีเท้าแล้วนะครับ และฐานนี้มีข้อกำหนดอยู่ว่า ให้พวกท่านไปที่ต้นไม้นั้น และปฏิบัติตามคำที่เขียนไว้ค่ะ   สิ้นเสียงของเจ้าหน้าที่ประจำฐาน ชาวแรลลี่ที่ร่วมชะตากรรมกับผู้เขียนก็วิ่งกรูไปที่ต้นไม้ใหญ่เบื้องหน้า มีคำสั่งเขียนไว้ในกระดาษแข็ง เขียนข้อความชัดเจนว่า ให้ไปขอพรต่อนางฟ้าแสนสวย หรือเทวดารูปหล่อประจำฐาน แล้วจะสำเร็จ ขอพร ถ้างั้นพวกเรารีบกันเถอะ ย้อนกลับไปและคุกเข่ากันทุกคน ขอพรนางฟ้ากัน เป็นการตกลงกันในกลุ่ม จากนั้นก็รีบวิ่งกลับมาที่นางฟ้า(อุปโลกน์) เมื่อไปถึงต่างก็คุกเขา ปากก็พร่ำวอน .. นางฟัาเจ้าขา ช่วยลูกช้างตากฝนด้วยเจ้าค่ะ ขอให้บอกเส้นทางไปยังฐาน 2 ขอให้ไม่เป็นที่โหล่ ขอให้ไม่หลงทาง ขอให้ฝนหยุดตกเสียที ..  สารพัดคำขอที่กล่าวออกมา

เจ้าหน้าที่ประจำฐานซึ่งคงจะขำกลุ่มนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็ปล่อยเสียงหัวเราะออกมา นางฟ้าได้ยินแล้ว ตอนนี้ขอตัวแทนกลุ่ม 1 ท่าน เพื่อที่จะมาอ่านพรของนางฟ้า  
หนึ่งในชายของกลุ่มก้าวเท้าออกมา ผมเองครับ ผมทำได้ทุกอย่างครับ เพื่อนางฟ้าของผม ..   
 ดูกระดาษแผ่นนี้นะคะ แล้วให้ทุกคนในกลุ่มวาดรูปตามที่ท่านบอก  นางฟ้าแสนสวยกล่าว
จากนั้นอีก 12 ชีวิตที่เหลือ ก็ได้รับการแจกกระดาษ + ดินสอ (ไม่รู้จะแจกกระดาษทำไมอีก เพราะมันคงสภาพกระดาษได้เพียง 1 นาทีเท่านั้น ) ทุกคนพยายามวาดรูปตามที่ตัวแทนกลุ่มบอก ไม่ยากแต่ก็ไม่ง่าย ด้วยคำที่ว่า จุด a ลากไป จุด b แล้ว วกมา c จากนั้นเฉียงขึ้นไปคล้ายมุมฉากแต่ไม่ใช่มุมฉาก เฉียงลงมา 30 องศา มีมุมที่ตัดกันแล้วเป็นมุมแหลม f ที่เห็นคือมุมป้าน ทุกเส้นต่อกันแล้วเป็นสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนสองภาพ ภาพหนึ่งวางแนวตั้ง ภาพหนึ่งวางแนวนอน ปรากฏว่ามีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่วาดรูปได้ถูก แต่อย่างไรก็ตาม คะแนน = 0 อยู่ดี เพราะขนาดไม่เท่ากับแบบที่กำหนด  กระดาษที่ผู้เขียนได้รับมาวาดรูป ตอนนี้ยุ่ยเหมือนกระดาษทิชชูแล้ว ถึงส่งไปก็ไม่ใช่รูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนสองชิ้น  ขณะนี้มีปัญหาเกินขึ้นแล้วสำหรับตัวผู้เขียนเอง เพราะเวลาที่ผู้เขียนถือกระดาษในมือซ้าย และพยายามวาดรูปตามคำบอก สังเกตเห็นว่า แขนของผู้เขียนกลายเป็นสีเขียวอ่อน ๆ เมื่อเลิกแขนเสื้อสูงขึ้น จึงรู้ได้ชัดเจนเลยว่า เสื้อที่ผู้เขียนสวมอยู่นั้น สีตก.. ใจคอเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเสียแล้ว  ผู้เขียนจะกลายเป็นมนุษย์เขียวจอมพลังหรือเปล่า (ยังมีอารมณ์ขันอยู่)  หลายคนเริ่มสำรวจสภาพของตัวเอง บางคนหมวกที่สวมอยู่สีตก คราบน้ำที่ไหลย้อยมาจากด้านบน ทำให้หน้าตามอมแมมไม่แพ้กัน				
จากฐานที่หนึ่งไปยังฐานที่สองนั้น ก็ต้องผ่านจุดต่าง ๆ ที่มีระบุไว้ในแผนที แต่เนื่องด้วยแผนที่ใช้งานไม่ได้แล้ว กลุ่มของผู้เขียนก็หลงวนอยู่นานสองนาน กว่าจะหาฐานที่สองเจอ ตรงนี้คงไม่ต้องกล่าวถึงการเก็บคะแนนหา RC ไปตามเส้นทาง เพราะขนาดหนทางยังจะหลง จะหา RC เจอได้อย่างไรกัน ยังคงเส้นคงว่าอยู่ คือ 0 แต้ม  
หลบไปนอนมาหรือครับ ไม่มีคะแนนเก็บเลย ..   เจ้าหน้าที่ประจำฐานที่สองกล่าวกับกลุ่มของผู้เขียน 
 นอนกลางฝนกระมังคะ บรรยากาศดี ..  เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มกล่าวตอบ
เอาล่ะครับ ฐานนี้มีกติกาอยู่ว่า ให้ทุกคนยืนบนเสื่อน้ำมันผืนนี้ และพาเสื่อผืนนี้เคลื่อนไปยังเส้นข้างหน้า โดยที่กฎมีว่าผู้ใดออกนอกเสื่อ แม้แต่เท้าข้างหนึ่ง ถือว่าต้องออกจากเกมไปนะครับ  เจ้าหน้าที่ประจำฐานกล่าว

เสื่อน้ำมันขนาด 4 * 5 ฟุต .. เท่านั้น ทุกคนต้องขึ้นไปบนเสื่อน้ำมัน ลำพังยืนก็แทบจะเก็บจำนวนคนไม่หมดอยู่แล้ว  ต้องพาเสื่อให้ไปถึงเส้นชัยอีก ผู้เขียนขบคิด จะทำอย่างไรดี ..  เอาแบบนี้ ต้องมีผู้เสียสละ คนที่อ้วนกินพื้นที่ผู้อื่น และคิดว่าไม่สามารถพาเสื่อน้ำมันเขยิบไปได้ ต้องก้าวเท้าออกมา ยอมฟาล์วไปก่อน มีสมาชิกก้าวออกมา 3 คน ซึ่งแต่ละคนก็รูปร่างใหญ่ทั้งนั้น  เอาล่ะ คนที่อยู่แถวหน้า ให้จับเสื่อไว้เตรียมดึง นับหนึ่ง-สาม ทุกคนกระโดดและเขยิบไปคนละประมาณ 5 นิ้ว นับนะ หนึ่ง  สอง - สาม  ไม่ได้ผล.. เพราะ 10 คนที่เหลือกระโดดได้ไม่พร้อมเพรียงกัน คนที่ก้มดึงก็เสียหลักจนเท้าก้าวออกนอกเสื่อน้ำมัน ฟาล์วออกนอกเกมไปอีกสองราย 
  เดี๋ยว เราคิดว่าควรใช้วิธีค่อย ๆย่นเสื่อทีละนิด ค่อย ๆ คืบไป ..  สมาชิกท่านหนึ่งแสดงความคิดเห็น
 เท่าที่จะยืน ยังไม่มีที่เหลือเท่าไรเลย จะเอาพื้นที่ย่นแล้วคนจะไปยืนตรงไหน ..  อีกท่านหนึ่งถามมา
 จะสาธิตให้ดู ถึงไปได้ระยะทางน้อยมาก หากคนหลังย่นแล้วเผื่อเนื้อที่เสื่อให้คนข้างหน้า จากนั้นก็ทำไปเรื่อย ๆ อาจจะได้ผล..  สมาชิกที่ออกความคิดท่านเดิมออก  
ถึงแม้จะเป็นไปด้วยความยากลำบาก แต่ละเซนติเมตรที่ย่นเสื่อเผื่อไปด้านหน้ามีความหมายต่อพวกเรามาก ต้องระวังมิให้ส่วนหนึ่งของร่างกายแตะพื้นนอกเสื่อ รองเท้าที่เปื้อนโคลน เสื้อผ้าที่เปียกชุ่ม ฝนที่ยังคงตกกระหน่ำไม่ขาดสาย และ สมาชิกทั้ง 7 ก็ประคับประคองเกาะกลุ่มกันค่อย ๆ ย่นเสื่อ ผู้เขียนเองอยู่ด้านหลังสุดต้องย่นเสื่อส่งต่อให้เพื่อนที่อยู่ด้านหน้า เส้นชัยอยู่ข้างหน้าแต่การคืบไปทีละน้อยดุจหอยทาก จวนเจียนจะหมดเวลาที่เจ้าหน้าที่ประจำฐานกำหนดไว้ แต่แล้วในที่สุดก็สำเร็จ กลุ่มของผู้เขียนสามารถฝ่าด่านนี้ไปได้ จากคะแนนสะสม 0 แต้ม พอจะมีคะแนนติดบอร์ดกับเขาแล้ว				
 เก่งมาก ทุก ๆ ท่าน ขอแสดงความยินดีด้วยครับที่สามารถฝ่าด่านได้สำเร็จ  ยังเหลืออีกสองฐานครับ  ..  เจ้าหน้าที่ประจำฐานกล่าว
โอย.. ฐานนี้โหดจัง ดูสิขี้โคลนเต็มเสื้อเต็มกางเกงไปหมดเลย อีกสองฐานจะโหดกว่านี้ไหมคะ  เพื่อนในกลุ่มท่านหนึ่งถามไป
 เดี๋ยวก็รู้ครับ อดทนอีกนิด นี่ก็ครึ่งทางแล้ว สมมุติว่าเราไม่รู้สิครับจะดีว่าที่เรารู้ เหตุการณ์จริงในชีวิต บางอย่างเราไม่รู้ล่วงหน้านะครับ..   เจ้าหน้าที่ประจำฐานกล่าวพลางยิ้มให้กำลังใจ
 เถอะน่า อยู่ใต้ฟ้ากลัวอะไรกับฝน เกิดเป็นคนกลัวอะไรกับปัญหา  ..   ผู้เขียนกล่าวกับเพื่อนสมาชิก พร้อมกับตัดบทอีกว่า  รักษาเวลากันหน่อย เราใช้เวลาไปกว่าครึ่งแล้วสำหรับสองฐาน เร่งฝีเท้าอีกสักนิดนะ.. 

จากนั้นผู้ร่วมชะตากรรมทั้ง 13 คน ก็คลำทางกันต่อไป รู้สึกใจแป้วเหมือนกัน ที่มองไม่เห็นกลุ่มอื่นเดินตาม และก็ไม่เห็นกลุ่มอื่นเดินนำหน้า ยิ่งไปกว่านั้น เจออีกกลุ่มโผล่มาจากไหนไม่ทราบ ทางแยกนั้น บังเอิญมาจ๊ะเอ๋กับกลุ่มของผู้เขียน 
 อ้าว ! เฮ้ย ทำไมเดินสวนกันได้ มาจากไหนกัน ผิดเส้นทางหรือเปล่า..  เพื่อนต่างกลุ่มถามมา ซึ่งคำถามนี้ ผู้เขียนก็อยากจะถามกลับไปเหมือนกันว่าตกลงใครหลงทางกันแน่ แต่ก็คิดในใจว่า แผนที่ของแต่ละกลุ่มอาจจะไม่เหมือนกัน อย่างไรก็แล้วแต่ จุดหมายปลายทางคงเป็นสถานที่เดียวกัน
 ไม่หลงทางหรอก หลงก็ไม่เป็นไร ผ่านดงกล้วยมา อย่างน้อยก็มีข้าวลิงกิน คงไม่อดนะ..  สมาชิกในกลุ่มคนหนึ่งกล่าวตอบไปเช่นนั้น  จากนั้นก็เดินทางกันต่อไป เส้นทางลำบากกว่าตอนแรก เพราะมีทางแยกหลายสาย บางทีเดินไปกลางทางแล้วรู้สึกว่าไม่ใช่ ก็ต้องเดินวกกลับมาอีกหน  สมาชิกบางคนเริ่มท้อและนั่งพักที่ขอนไม้ 
 ไปไม่ไหวแล้ว เหนื่อยมาก หนาวด้วย สงสัยจะไม่สบายแน่เทียว..  เสียงอ่อย ๆ ของสมาชิกคนหนึ่งเล็ดลอดมา
 เป็นโอกาสดีนะที่ได้เล่นน้ำฝน คิดดูสิ หากเป็นกรุงเทพแล้วเรามาเดินกันแบบนี้ คงฮากันทั้งเมือง  เอาน่า อดทนอีกนิด  แดดเปรี้ยงก็ไม่ใช่ว่าจะดีนะ ถือว่าบรรยากาศแบบนี้ จำลองชีวิตจริงเลย มรสุมชีวิตอย่างไรล่ะ เคยได้ยินไหม..  ผู้เขียนปลอบเพื่อนร่วมทางเช่นนั้น
 อย่าคิดมากไปเลย เรื่องตากฝนเป็นเรื่องธรรมดา ทำอย่างกับว่ามีที่หลบฝน นี่ป่านะ ไหน ๆ ก็เปียกชุ่มไปหมดทั้งตัวแล้ว จะเดินต่อหรือว่าจะนั่งซุกตัวใต้ต้นไม้ ก็ค่าเท่ากัน..  ผู้เขียนกล่าวย้ำอีกครั้ง จากนั้นก็ชักชวนกันเดินต่อ				
เสื้อผ้าที่ฉ่ำน้ำ รองเท้าผ้าใบที่ชุ่มแฉะ กายที่สั่นหนาวยามลมปะทะเป็นระยะ  หนทางข้างหน้าที่ยังไม่รู้ว่าจะคลำทางได้แค่ไหน สิ่งที่รออยู่ประจำฐานนั้น จะยากลำบากอีกสักเพียงใดก็ไม่มีใครรู้ ..เพียงเสี้ยวความคิดหนึ่งของผู้เขียนถามตนเองในใจว่า เรามาทำอะไรที่นี้ ทำไมเราต้องลำบากขนาดนี้ จะมีใครคิดแบบนี้หรือเปล่าผู้เขียนคงไม่สามารถตอบแทนท่านอื่นได้  สมาชิกในกลุ่มบางคนเดินได้ช้าลง บางคนนั่งพักข้างทางและบอกให้ผู้อื่นล่วงหน้าไปก่อน แต่ทุกคนลงความเห็นว่าควรรอเพื่อที่จะไปพร้อม ๆ กัน สัมภาระต่าง ๆ ถูกถ่ายมายังให้ผู้ที่ยังมีเรี่ยวแรงเหลือให้ช่วยกันถือ  ช่วยกันสะพายแทน แต่ละก้าวเป็นไปได้อย่างยากลำบาก กระทั่งตัวของผู้เขียนเองก็เช่นกันก็ค่อนข้างทุลักทุเลพอสมควร  ในขณะที่สมาชิกในกลุ่มเคลื่อนตัวได้ช้านี้ จึงมีโอกาสสังเกตรอบทิศทางมากขึ้นกว่าเก่า  ต้นไม้ ท้องฟ้า แม้กระทั่งขอนไม้ หรือโขดหินตรงหน้า  สิ่งที่ผู้เขียนไม่เคยสนใจจะมองด้วยซ้ำไป ผู้เขียนได้มีโอกาสสัมผัสกับบรรยากาศเช่นนี้ จริงสิ ! ผู้เขียนชอบฝน หลายหนที่เดินตากฝนปรอยกับบ้าน  ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ฝนที่ตกกระหน่ำอย่างในขณะนี้  ต้นไม้ ใบหญ้า ก็เป็นสิ่งที่ผู้เขียนมีโอกาสสัมผัสได้ยากนัก คราวนี้เป็นโอกาสอันดีแล้ว ฝนตกก็ช่างฝนประไร (คิดในใจ) .. จะว่าไปแล้ว ยังนึกขำตัวเองอยู่เหมือนกัน เพียงเพื่อจะหา RC ต้องลงทุนขนาดเปิดฝาถังขยะ เอาไม้เขี่ยว่ามี RC ซ่อนอยู่หรือเปล่า  ปีนต้นไม้บ้างล่ะ  ปีนโขดหินบ้าง อะไรก็แล้วแต่ที่เข้าข่ายว่าคือ RC จดมาหมดทุกอย่าง แต่แล้ว ก็ไม่ถูกซักอย่าง  เดินวกไปวนมา เลี้ยวผิดทางก็หลายหน แต่ในที่สุดก็มายืนหน้าเด๋อด๋าที่ฐานที่สามจนได้ 

 อ้าว !! มาแล้วอย่าเงียบ เฮฮากันหน่อย ขานชื่อกลุ่ม และร้องเพลงประจำกลุ่มให้ฟังสักนิด ปลุกอารมณ์กันหน่อยครับ..  เจ้าหน้าที่ประจำฐานกล่าวพลางหัวเราะ ที่เห็นกลุ่มแรลลี่ของผู้เขียนอยู่ในสภาพทุลักทุเลกันแทบทุกคน  สมาชิกในกลุ่มจึงเรียงแถวหน้ากระดาน ขานชื่อกลุ่มและตะเบ็งเสียงร้องเพลงแข่งกันสายฝน โดยมีเสียงฟ้าร้องเปรี๊ยงๆ เป็นเอฟเฟค 
 แจ๋ว แจ๋ว เสียงยังแจ๋วอยู่ เอาล่ะ ฐานนี้เล่นไม่ยาก งานที่จะมอบหมายให้ทำ คืองานเบา ๆ ทุกคนยืนเรียงแถวหน้ากระดานก็ดีอยู่แล้วครับ เรียงตามลำดับส่วนสูง ผมจะให้ทุกคนเล่นเกมสาริกาป้อนเหยื่อ โดยให้มีการส่งหนังยาง ผ่านหลอดที่คาบอยู่ในปากของแต่ละคน กติกามีอยู่ว่า ห้ามใช้มือนะครับ ยกเว้นคนแรกเท่านั้น คนสุดท้ายจะต้องเอาหนังยางไปหยอดตรงกระป๋องด้านโน้น ผมจะนับว่าได้เท่าไร ถือเป็นคะแนนครับ .. เข้าใจแล้วปฏิบัติได้ครับ มีเวลา 3 นาที   เจ้าหน้าที่ประจำฐานพูดแบบไม่ต้องการให้ใครได้ซักถาม หลังจากอธิบายความจบแล้ว ก็แจกหลอดคนละ 1 หลอด เป็นหลอดที่ถูกตัดสั้น ยาวประมาณ 2 นิ้วเท่านั้น 

สมาชิกมีทั้งหมด 13 คน เป็นหญิง 11 คน และ ชาย 2 คน เมื่อยืนเรียงตามลำดับส่วนสูงแล้ว ผู้เขียนยืนถัดจาก สมาชิกที่เป็นชาย ทางด้านขวา และ หญิง ทางด้านซ้าย สมาชิกที่อยู่หัวแถวแอบกระซิบต่อ ๆกันว่า ให้หักปลายหลอดไว้ หลอดจะได้หลุดยาก ทั้งหมดจึงทำตาม แต่ก็เกิดเรื่องขำจนได้ เป็นเรื่องที่ทั้งขำตัวเองและรู้สึกอับอายมาก เรื่องมีอยู่ว่า หนังยางที่ผู้เขียนรับมาจากด้านซ้าย จะต้องส่งไปให้เพื่อนที่อยู่ด้านขวา ทีนี้หนังยางเจ้ากรรม ดันแหมะติดกับมุมปากของผู้เขียน ด้วยความที่ใบหน้าเปียกน้ำฝนอยู่ก่อนหน้าแล้ว ประจวบกับฝนที่ยังไม่ขาดสาย เมื่อถึงคราวที่ผู้เขียนจะต้องส่งหนังยางต่อให้เพื่อน หนังยางมันไม่เคลื่อนไป เดือดร้อนถึงเพื่อนด้านขวา ที่ต้องพยายามใช้ปลายหลอดช่วยเขี่ยออก ท่ามกลางเสียงเชียร์ของเจ้าหน้าที่ประจำฐาน  แก้มต่อแก้มแนบกัน ผู้เขียนรู้สึกเคอะเขินมาก พยายามเบี่ยงหน้าหลบ และก้มหน้าสลัดให้หนังยางนั้นหลุดจากมุมปากของผู้เขียนให้จงได้ มันไม่หลุดเสียที กลายเป็นเรื่องตลกให้หลาย ๆ คนในกลุ่ม ลืมความเหน็ดเหนื่อยจนสิ้น และคอยลุ้นว่าผู้เขียนจะทำอย่างไรดี เพื่อที่จะไม่ผิดกติกา (โดยการใช้มือช่วย) ..  โชคยังดีที่ฟ้าฝนเป็นใจ มิฉะนั้นแล้วคงจะมีใครแอบถ่ายรูปนี้และเล่ากันจนขำไปอีกนาน				
 หมดเวลาแล้วครับ ครบสามนาทีแล้ว เอาล่ะ กลุ่มนี้ป้อนเหยื่อได้น่ารักมากเลยครับ ฮะ ฮะ ฮะ..  เจ้าหน้าที่ประจำฐานสัพยอกผู้เขียน ส่วนผู้เขียนเองทันทีที่หมดเวลา ก็รีบหันหน้าหนีไปทางอื่น ปลดหลอดออกจากปากที่คาบไว้ รู้สึกหน้าชาเล็กน้อย วางตัวไม่ถูก ไม่รู้จะไปยืนตรงไหนดี 
 สิบเก้าคะแนนครับ ถือว่าเยี่ยมยอดแล้วนะครับ บางกลุ่มทำได้เพียงสี่คะแนน นี่ถ้าไม่มัวแต่เขินเสียก่อน คงได้แยะกว่านี้ครับ..  เจ้าหน้าที่ประจำฐานกล่าวพลางหัวเราะอีกครั้ง
 ขอโทษด้วยนะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ ..  เพื่อนในกลุ่มที่เป็นคู่ฮากับผู้เขียนเปรยออกมา
 ไม่เป็นไร ฝนตกอย่างนี้ มันก็ไม่สะดวกสิ หน้าตาเปียกมอมไปหมด หนังยางมันเลยแปะติดมุมปาก ..  ผู้เขียนกล่าวตอบโดยที่ไม่กล้ามองหน้าด้วยซ้ำไป 
 เอาล่ะครับ เพื่อไม่ให้เสียเวลาไปมากกว่านี้ ทราบว่าแผนที่ที่ได้รับมอบมาตั้งแต่จุดเริ่มต้น คงใช้การไม่ได้แล้ว ผมมีอีกชุดให้ดูนะครับ คราวนี้คงต้องรักษาให้ดีหน่อย ขืนไม่มีแผนที่ ขี้เกียจไปตามเก็บจากป่าที่ละกลุ่มครับ ..  เจ้าหน้าที่ประจำฐานส่งให้ผู้เขียน .. ฝนเริ่มซาแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรฝนจะหยุดตก เหลือเพียงอีกฐานเท่านั้นที่จะต้องผ่านเก็บคะแนน ดังนั้นสมาชิกในกลุ่มจึงลงความเห็นว่า ให้อ่านแผนที่เสียตั้งแต่ตรงนี้เลย เพื่อว่าหากฝนตกหนักอีกครั้ง จะได้ไม่ติดขัดกับปัญหาเรื่องแผนที่อีกต่อไป จากนั้น  ก็มุ่งหน้า(ควรจะเรียกว่าพเนจรเสียมากกว่ากระมัง) ไปยังจุดหมายสุดท้าย อีกนิด อดทนอีกนิด งานก็จะบรรลุเป้าหมาย เดินไป..เดินไป..				
อย่างเช่นเคยเส้นทางจากฐานที่สาม  ฐานที่สี่  มีให้ค้นหา RC และก็เหมือนเดิมทุกประการ คือหา RC ไม่ได้สักอย่าง ท่าทางจะมีแววว่าเป็นกลุ่มบ๊วยเสียแล้ว แต่ก็ไม่แน่ เพราะว่าเห็นกลุ่มอื่นที่เดินกันง่วนหา RC กันนั้น ดูเหมือนจะหาไม่เจอเหมือนกลุ่มของผู้เขียน นึกแล้วก็ขำ ต่างคนก็ต่างอมภูมิกันว่า เจอแล้ว เจอแล้ว นั่นยังไม่เจออีกหรือไร  จากบ่ายโมงจนถึงขณะนี้ห้าโมงกว่าแล้ว ยังไม่มีวี่แววที่ฝนจะหยุดตกเลย พละกำลังของผู้เขียนและเพื่อนสมาชิกเริ่มล้ากันไปตาม ๆ กัน เดินไปสักระยะ ก็นั่งพักที่โขดหินบ้าง ขอนไม้บ้าง บ้างก็ปลอบใจกันไป อีกนิด อีกนิดเดียวเท่านั้น  และในที่สุด ฐานที่สี่ ฐานสุดท้ายที่เป็นเป้าหมายปลายทางปรากฏอยู่เบื้องหน้าแล้ว 
 เย้ พวกเรา ถึงเส้นชัยแล้ว ทำตัวร่าเริงหน่อย อย่าให้เขารู้ว่าเราเหนื่อยสาหัส..  เพื่อนสมาชิกคนนึ่ง ซึ่งตลอดระยะทางที่ผ่านมา แทบจะไม่ได้ยินเสียงพูดเลย ตะโกนออกมาดัง ๆ จนผู้เขียนลอบยิ้ม
ยินดีด้วยครับ ฐานสุดท้ายแล้วครับ ฐานนี้มีชื่อว่า ฐานนาซ่า ทุกคนให้ปฏิบัติตามคำสั่งที่มีอยู่ในกระดาษแผ่นนี้นะครับ ทันที่ที่อ่านผมจะให้เวลา 4 นาที  เจ้าหน้าที่ประจำฐานกล่าวแบบที่ไม่เปิดโอกาสให้พักเลย
กระดาษแผ่นนั้นมีใจความเท่าที่ผู้เขียนจำได้ว่า ..สมมุติเหตุการณ์ว่าเป็นนักบินอวกาศ ที่ต้องจอดเครื่องบนดวงจันทร์ เพื่อติดต่อกับยานแม่ซึ่งอยู่บนดวงจันทร์ก่อนหน้านั้นแล้ว แต่ยานอวกาศที่อาศัยมามีเครื่องยนต์ขัดข้อง จึงต้องสละยานอวกาศนั้น และถ้าให้เลือกสิ่งของ 10 อย่างที่จำเป็น เพื่อใช้ในการติดตัวไปค้นหายานแม่ จงเลือกและเรียงตามลำดับความสำคัญ  

อัตโนมัติทันใดที่ผู้เขียนอ่านจบ ศรีษะของสมาชิกทั้ง 13 ก็จุมปุกอยู่ตรงกระดาษแผ่นนี้  ต่างก็บอกว่า  นี่สำคัญ นี่ก็สำคัญ นั่นต้องสำคัญที่สุด เสียงเซ็งแซ่จนฟังแล้วไม่ได้สรรพ กว่าจะได้มติกันและกรอกคำตอบลงในกระดาษคำตอบ เล่นเอาแย่ทีเดียว  เมื่อส่งกระดาษคำตอบแล้ว เฉลย..(อย่าถามเลย ผู้เขียนตอนนั้นมึนไปหมดแล้ว จำได้บ้าง จำไม่ได้บ้าง) 
 ถูกต้องเพียง 4 ข้อครับ ได้ 4 คะแนน ข้ออื่น ๆ วางลำดับความสำคัญผิดครับ จึงไม่ได้คะแนน ตอนนี้พวกคุณกลับเข้าที่พักไปอาบน้ำอาบท่าแต่งตัวใหม่ได้เลยครับ เจอกันที่ด้านหน้าห้องประชุมนะครับ ..  เจ้าหน้าที่ประจำฐานกล่าว และทันทีที่ได้ยินคำนี้ ผู้เขียนแทบจะเหาะกลับบ้านพัก  หนาวเสียยิ่งกว่าหนาว มือไม้สั่นไปหมด กว่าจะไขกุญแจเข้าบ้านพักได้ ก็เสียเวลาอยู่พอสมควร  เพื่อนร่วมห้องอีกคนที่แยกไปอยู่กลุ่มอื่น มานั่งรอตรงบันไดนานแล้ว หัวเราะตรงที่ผู้เขียนเสียบลูกกุญแจผิดดอกและพยายามที่จะเปิดประตูให้ได้ และเมื่อแก้ไขจนเปิดประตูได้แล้ว ก็พยายามผลักประตู เฮ้อ ..!! เป็นเอามาก ประตูเลื่อนแท้ ๆ ผู้เขียนผลักซะเหนื่อย ก็อย่างที่เล่า rally in the rain ไม่ได้มีแต่ความสนุกสนานผจญกับความลำบากบ้าง แต่ก็ได้ซ่อนแง่คิดไว้มากมาย ..

ผู้เขียนยังจำได้ว่า เมื่อเดินผ่านสะพานข้ามคลอง เด็กน้อยกลุ่มหนึ่งที่เล่นน้ำคลองกันอยู่ โบกมือหยอย ๆ  สวัสดีครับ .. สวัสดีครับ .. บ๊ายบาย .. เป็นภาพที่น่าประทับใจเสียจริง  ภาพที่เพื่อนสมาชิกในกลุ่มหมดกำลังใจที่จะเดิน และเพื่อนที่ปลอบขวัญกัน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้บันทึกไว้ในรูปแบบของกล้องอิเลคโทรนิค แต่ทว่า ..ยังอยู่ในความทรงจำไปอีกนานแสนนาน ..				
comments powered by Disqus
  • พุด

    20 กันยายน 2547 17:01 น. - comment id 77277

    สุดยอดงานเลยค่ะ
    คืนนี้จะมาอ่านอีกรอบค่ะ
    คอมรวนมากค่ะ
    ไปเต้นก่อนนะคะ
    คิดถึงมากกกกก
  • ตะแหง่ว

    20 กันยายน 2547 18:54 น. - comment id 77282

    น่าสนุกจังค่ะ อยากไปมั่งจัง..
  • ทักทาย

    21 กันยายน 2547 09:20 น. - comment id 77294

    :) 
    
    
  • )))**--ผลิใบสู่วัยกล้า--**(((

    21 กันยายน 2547 11:02 น. - comment id 77298

    สวัดีครับ.............
    
             ผมเข้ามาอ่านกลอนเพื่อเป็นกำลังใจให้คนที่แสนดี  
    
             หาก ผลิใบ ยังอยู่ก็จะคอยให้ความอบอุ่นเช่นนี้ตลอดไป
    
    กำลังใจจากข้างในส่วนลึก
    ไม่ต้องฝึกต้องหามาให้เห็น
    จะแดดร้อนตอนสายจนบ่ายเย็น
    จะคอยเป็นกำลังใจให้ดนดี
     
    
  • ลอยไปในสายลม

    21 กันยายน 2547 11:30 น. - comment id 77302

    แล้วตกลงจะถึงไหมคะนี่ อิ_อิ 
  • กุ้งหนามแดง

    22 กันยายน 2547 15:33 น. - comment id 77333

    รอฟังตอนต่อไปอยู่จ๊ะ....
    
    เปียกหน่อยแต่สนุกดีค่ะ.....
    ...
    
  • อัลมิตรา

    22 กันยายน 2547 22:27 น. - comment id 77341

    ขอบคุณค่ะ ทุก ๆ ท่าน เหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อวันที่ 19 กย. นี้ค่ะ ยังเหนื่อยไม่หายเลย ..แต่ก็สนุกดีค่ะ จึงมาเขียนเล่าให้เพื่อนๆอ่านคลายเครียดค่ะ
    
    
  • ค้างคาวคืนคอน

    23 กันยายน 2547 00:05 น. - comment id 77343

    ...นี่แหละครับ...ปัญหาและอุปสรรค..แก้ได้โดยมีการเสียสละ..มีความสามัคคี...มีส่วนร่วมในความคิด...มีความอดทน...และอีกหลายอย่างที่มีในขั้นตอนนั้นๆ...เหมือนเฟืองจักรฉันใด..อย่าไปดูถุกเฟืองจักรอันเล็กๆ....เพราะเฟื่องจักอันนั้น...มันสามารถทำให้ชิ้นส่วนใหญ่ๆเสียหายมานักต่อนักแล้ว...
    
    ....เป็นข้อเขียนที่ดีครับ....ผมเองก็ต้องเตรียมตัวเหมือนกันครับ...แต่แค่...วอร์คเอาท์..ไม่เอาพวกเอ็นจีโอ...เพราะพวกนี้พอมีปัญหาแล้วหายหัวอย่างกรณีน้ำท่วมเป็นไง...
    
    ..........................สวัสดีครับ..........................
  • อัลมิตรา

    25 กันยายน 2547 18:22 น. - comment id 77437

    คุณค้างคาวคืนคอบ .. ตอนที่วอร์คแรลลี่ เหนื่อยนะ นึกไม่ค่อยออกหรอกค่ะ ในด้านแง่คิด เดินไปก็บ่นในใจไปว่า ทำไมลำบากอย่างนี้หนอ อยู่บ้านดีๆ มาเดินตากฝนเล่นเหมือนมิวสิควีดีโอที่คนเพ้ออกหักตากฝน  แต่ด้วยความสนุกด้วย และรวมทั้งเห็นเพื่อนหลาย ๆ คนไม่ย่อท้อ ทำให้เกิดความฮึกเหิมขึ้นมา จากนั้น แง่คิดที่ดี ก็ผุดขึ้นมาในใจ ..
    
    เตรียมยาไปด้วยนะคะ อากาศเปลี่ยนแปลง ถ้าโดนฝนต้องรีบอาบน้ำสระผมนะคะ  ทานยาแก้ไข้ดักไว้เลย แล้วนอนห่มผ้าอุ่น ๆ ไว้ .. ( สวมถุงเท้านอนก็ได้นะ ฝนตกอากาศในห้องแอร์จะเย็นค่ะ )
    
    :) 
    
    

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน