อัลมิตรา

บทตามสงครามศักดิ์สิทธิ์
โดย เพิ่มบุญ เปลี่ยนภู่
 ถ้าถามว่า อะไรทำให้เด็กหนุ่มที่หัดเขียนกลอนใหม่ๆ คนหนึ่งใช้เวลาไม่ถึงครึ่งปีเปลี่ยนจากคนที่เขียนกลอนไม่ได้ความเอาเลย  มาเป็นเจ้าของ 2 ผลงานที่กวาดรางวัลชนะเลิศจากการประกวดของคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ และและของวรรณศิลป์ จุฬาฯ ที่จัดซ้อนกันในวาระวันไหว้ครู 2546 ได้ ?
บางคนอาจตอบว่าเพราะพรสวรรค์   ที่โหดร้ายหน่อยก็บอกว่ามันฟลุค  
 สำหรับคำตอบอันหลัง  น่าจะถูกหักล้างไปแล้วด้วยการที่เด็กหนุ่มคนเดียวกันนี้นำผลงาน บนหมอนรองรางรถไฟฟ้า เข้าป้ายในรายการ Young Thai Artist Award 2547 ได้สำเร็จ  แถมยังตามติดด้วย สงครามศักดิ์สิทธิ์ เล่มนี้ในปีถัดมา
 แต่ผมยืนยันว่า เชษฐภัทร  วิสัยจร  ไม่มีพรสวรรค์   และการเรียนอักษรศาสตร์ก็ไม่ใช่คำตอบด้วย
 จะมีเด็กวัยรุ่นสักกี่คนที่เอาจริงเอาจังกับการเขียนร้อยกรองในยุคบริโภคอาหารจานด่วน  โดยไม่สะทกสะท้านกับเสียงเย้ยหยันจากเพื่อนร่วมวัย  กี่คนที่สามารถอดทนการเคี่ยวกรำของครูใจร้ายที่ดูเหมือนว่าแม้จะเขียนอย่างไรก็ตำหนิได้โดยไม่เคยมีคำชม  กำลังใจเท่าที่เคยมีให้คือการบอกว่าพอทนหรือไม่ต้องแก้ไขแล้วเท่านั้น  กี่คนที่ไม่เคยเถียงหรือพยายามอธิบายความคิดของตัวเองแต่จะรีบค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อคิดทบทวนใหม่ในเรื่องที่โดนครูแย้งว่าผิด  
 เชษฐภัทร เป็นคนหนึ่งที่ทำเช่นนั้น  เขาคือเหล็กที่ยอมถูกตีเป็นดาบ  ไม่ใช่ดินน้ำมันที่รอให้ปั้นอย่างทนุถนอม
 หลายปีที่ผ่านมาเขาแค่เรียนการเขียนร้อยกรองในระดับอนุบาล  เรียนกับครูที่มีปัญญาสอนแค่ชั้นอนุบาล  และเขาก็ยอมรับอย่างหน้าชื่นตาบานว่าเขายังทำได้แค่เลียนครู  โดยสัญญาว่าสักวันหนึ่งเขาจะมีสำนวนคมๆ ในแบบฉบับของตัวเองบ้าง
 อย่างไรก็ตาม  นาทีนี้ผมเองต้องยอมรับว่าเขาเติบโตเกินไปที่จะเรียนชั้นอนุบาลแล้ว
เขากำลังเริ่มก้าวแรกๆ ของเขาทั้งในโรงเรียนชีวิตและโรงเรียนนักเขียนด้วยความเอาจริงเอาจัง  อดทน และเปิดใจกว้างสำหรับการเรียนรู้  
ซึ่งผมทำนายไว้ตรงนี้เลยว่า  เชษฐภัทร  วิสัยจร  ไปได้อีกไกล				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน