สมญา..ปีศาจแดง

อัลมิตรา

 บ่ายวันอาทิตย์ขณะที่ผู้เขียนนั่งรีดเสื้อผ้าที่จะต้องเตรียมไว้ใส่ในวันทำงานสัปดาห์ถัดไป ก็ต้องมีอันสะดุ้งโหยงจะเสียงปิดประตูปัง  ปัง และ ก็ ปัง   แทบจะไม่ต้องคิดเลยว่าเสียงเกิดขึ้นจากที่ใด และไม่ต้องเดาว่าผู้ใดกระทำ เสียงเฮของเด็ก ๆที่วิ่งเล่นกันในส่วนสันทนาการเล็ดลอดมาให้ได้ยินเป็นระยะ ๆ จะว่าไปแล้ว  ปกติเวลาประมาณนี้เด็กพวกนี้จะแห่กันมาที่บ้านของผู้เขียน เด็กที่มาจากสัญชาติต่าง ๆ มีทั้งเกาหลี ญี่ปุ่น อังกฤษ อินโดนีเซีย ไทย และยังมีอีกมากมายที่ผู้เขียนสัมภาษณ์ไม่หวัดไม่ไหว  อาจจะเป็นเพราะว่า ที่พักของผู้เขียนอยู่ใกล้บริเวณที่พวกเขาเล่น เวลาเหนื่อย ก็มาเคาะประตู ขอกินน้ำ เวลามีคนรังแกกัน ก็จะเคาะประตูมาฟ้อง  .. ดูเถอะ เวลามีขนม ไม่ยักจะมาเคาะประตูเรียกบ้างเลย ให้ได้งั้นสิ !
  ไอ้เด็กเวร ไอ้ลูกพ่อแม่ไม่สังสอน ไอ้พวกชั้นต่ำ น่ารังเกียจ น่ารังเกียจ .   
เสียงแว๊ด ของปีศาจแดงแผดลั่น ตามด้วยเสียงปิดประตูปัง  ผู้เขียนก็สงสัยอยู่ว่า สงสัยประตูบ้านของหญิงชราผู้นั้น คงแข็งแรงน่าดู เพราะ ปัง ปัง ทุกวัน ไม่ยักจะพังพาบลงมา สักพัก ก็มีเสียงด่าอีก (แสดงว่าเปิดประตูออกมาด่าเป็น ระยะ ๆ) 
  ลูกสาวกูรวย กูมาอยู่ที่นี่ ไม่เหมือนอีพวกนี้ พวกขี้ข้า    นั่น นั่น  ไม่รู้ว่าปีศาจแดงกล่าวถึงใคร
  ไอ้พวกยามก็เหมือนกัน กูจะบอกให้นิติไล่ออกให้หมด พวกชั้นต่ำ พวกขี้ข้า ไอ้เด็กพ่อแม่ไม่สั่งสอน   ตกลงผู้เขียนได้คำตอบแล้วว่า คงด่ากราดไปทั่ว 
เฮ้อ ! นึก ๆ แล้วน่าเห็นใจ  ไม่รู้อะไรกันนักหนา จำได้ว่าตอนที่ผู้เขียนเข้ามาอยู่ใหม่ ๆ ช่วงที่ต้องหอบของตบแต่งบ้านพะรุงพะรังเข้าลิฟท์ เคยตกตะลึงอย่างจังเมื่อกดเรียกลิฟท์แล้ว ปรากฏว่า เจอหญิงชราคนนี้อยู่ในชุดว่ายน้ำสีแดงแปร๊ด  โดยที่ไม่ได้สวมเสื้อคลุม ผู้เขียนได้แต่ยิ้มกระเรี่ยกระร่ายด้วยความเขินแทน  และรีบออกจากลิฟท์ทันที ที่ถึงจุดหมาย ปล่อยให้หญิงชราผู้นี้โบกมือหยอย ๆ ให้ผู้เขียนอยู่ในลิฟท์  อะไรไม่เท่าที่ สักพักใหญ่ ผู้เขียนมีเหตุจะต้องลงไปขนของที่รถอีกรอบ ปรากฏว่าหญิงชราผู้นี้ยังคงยิ้มแปร้ เป็นพนักงานประจำลิฟท์ด้วยชุดสุดหรูตัวเดิม   เอ ท่าจะแปลก ๆ  แต่ก็ช่างเถอะ อย่ามายุ่งกับเราก็แล้วกัน ผู้เขียนคิดเช่นนั้น
ด้วยความที่ผู้เขียนมีภาระกิจมากมาย จึงไม่ค่อยทราบสภาพแวดล้อมความเป็นมาเป็นไปของเพื่อนบ้าน และด้วยความที่ไม่ค่อยเอาใจใส่ต่อผู้คนรอบข้างเท่าไหร่ ผู้เขียนก็ไม่ค่อยมีกิจเสวนากับเพื่อนบ้านเท่าใดนัก  นอกเสียจากว่า ผู้เขียนประสบเหตุการณ์นั้นอย่างจัง จึงรู้ .. เช่นเมื่อปลายปีกลาย ขณะที่ผู้เขียนกลับมาจากที่ทำงาน และแวะเช็คจดหมายที่ตู้ไปรษณีย์ประจำบ้าน  ได้ยินเสียงของหญิงชราผู้นี้ด่าทอ รปภ. อย่างหยาบคาย
  ช่วยขนของหน่อย ไม่รู้เหรอว่าชั้นซื้อของมาแยะ เป็นขี้ข้าต้องให้บอกทุกเรื่อง เจียมตัวซะบ้าง รู้ซะบ้าง ชั้นเป็นใคร แกเป็นใคร   รถสามล้อยังไม่ทันเคลื่อนตัวออกจากรั้วอาคารเลย เสียงหญิงชราก็ดับกลบเสียงรถสามล้อ
  โง่ โง่ หน้าโง่กันทั้งนั้น ถึงต้องเป็น ยาม  มึงนั่นแหล่ะ ยังจะโง่อีก ไม่รู้หรือไงว่าเรียก  ดูเถอะ จะไว้วานให้ใครเขาช่วยแล้ว แต่วาจาที่กล่าวออกมาแต่ละคำ ไม่น่าฟังเสียเลย  ผู้เขียนหันไปมอง รปภ. ที่เดินส่ายหัวแบบระอาหน่ายสุด  ๆ มาที่หญิงชราผู้นั้น และช่วยหอบของทั้งหมดเดินตามหลังมา โดยที่หญิงชราผู้นั้นสะพายกระเป๋าเพียงอย่างเดียว  ( ช่างยุติธรรมแท้ ! .. ผู้เขียนคิด)
ผู้เขียนเองก็ไม่เคยไปสืบเสาะเรื่องราวของเพื่อนบ้าน จึงไม่รู้ว่าหญิงชราผู้นั้นมีความเป็นมาอย่างไร และเหตุใดหนอภายใต้มาดที่วางไว้ราวเสียกับว่าเป็นผู้ดีเสียเต็มประดานั้น แต่กริยาและวาจาที่แสดงออก เป็นอะไรที่ผู้เขียนไม่สามารถจัดกลุ่มได้ว่าอยู่ในกลุ่มของผู้ดีได้เลย  แรก ๆ ผู้เขียนไม่ค่อยจะชอบใจนัก ถึงแม้ว่าหญิงชราผู้นั้นจะไม่ได้ด่ากระทบโดยตรงมายังผู้เขียนก็ตาม ผู้เขียนไม่ชอบวาจาเช่นนี้ วาจาที่กล่าวดูหมิ่นผู้อื่นราวกับตนเองเป็นคนเหนือคน มีฐานันดรเทียบเท่าเทวดา  
แม้กระทั่งในที่ชุมชน ผู้เขียนยังเคยเห็นหญิงชราผู้นั้นแสดงกริยาที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง ผู้เขียนได้แต่มองห่าง ๆ และปลีกตัวออกมาปลงสังเวช   พลางคิดว่าไม่ขอยุ่งเกี่ยวเสียดีกว่า ดูท่าแล้ว คงป่วยการที่จะแนะนำในเรื่องที่สมควรหรือไม่สมควร ซึ่งเป็นการยากเสียยิ่งกว่ายากที่จะให้หญิงชราผู้นั้นฟังความผู้อื่น 
และเมื่อไม่นานมานี้ ขณะที่ผู้เขียนรับประทานอาหารที่ร้านอาหารละแวกบ้าน เรื่องราวบางอย่างที่ผู้เขียนบังเอิญได้ยินมา ทำให้ผู้เขียนเริ่มรู้สึกสงสารหญิงชราผู้นี้  ไม่มีใครชอบอุปนิสัยที่หญิงชราได้แสดงออกมา แน่ล่ะ ผู้เขียนก็ไม่ชอบ  
  เฮ้ย เอ็งจำยัยปีศาจแดงได้ป่าว  ดีแล้วที่ลูกเต้าไม่เลี้ยง เอามาปล่อยไว้ที่นี่ ใครล่ะอยากจะให้ไปอยู่ด้วย ประสาทกันทั้งบ้านพอดี    เสียงลูกค้าที่นั่งโต๊ะถัดไปคุยกับเพื่อนที่นั่งตรงข้าม เขานั่งหันหลังให้อัลมิตรา
  ยิ่งกว่าจะจำได้อีก ยัยคนนี้ปากโคตรร้ายเลยว่ะ  เสียค่าปรับเท่าไหร่  ถ้าตบซักที วันก่อนกูเดินผ่าน แม่ง ! ขากถุยเฉี่ยวหัวแม่ตีนกูไปนิด อีแก่นี่วอนซะแล้ว  เสียงตอบจากชายหนุ่มที่ยังแสดงอาการขัดเคืองไม่หาย
 ปีศาจแดง  ชื่อนี้เคยแว่ว ๆ ได้ยิน รปภ.กล่าวถึง จะใช่คนเดียวกับที่ผู้เขียนคาดหรือเปล่า ทำให้ผู้เขียนสนใจที่จะฟังเรื่องราวที่ชายทั้งสองคนพูดกันต่อ
  เมื่อวานปีศาจแดงอาละวาด ไอ้ไซม่อนซวยไป โดนปีศาจแดงเอาน้ำจากแก้วมารดใส่หน้า ท่องคาถาอีกต่างหาก ท่าจะบ้า ไซม่อนร้องลั่นจนคนตกอกตกใจกันเป็นแถว กะอีกแค่ไซม่อนเล่นรองเท้าเสก็ตซ์ผ่านหน้าบ้านแค่นี้ ดีนะไม่ใช่น้ำร้อน ไม่อย่างนั้นปีศาจแดงนอนคุกแน่  ชายที่นั่งหันหลังให้ผู้เขียนกล่าว 
ชื่อไซม่อน เด็กชายลูกครึ่งไทย-อเมริกัน ผู้เขียนรู้จักดี อายุเพียง 9 ปีเท่านั้น กำลังอยู่ในวัยซน ผู้เขียนไม่เคยเห็นหน้าบิดาของไซม่อน แต่มารดาของเขาผู้เขียนเคยสนทนาด้วย ครั้งนั้นจำได้ว่า มารดาของไซม่อนมาถามว่า เสื้อผ้าส่งร้านไหนซักรีด ผู้เขียนบอกว่าไม่ได้ส่งร้านไหน ผู้เขียนซักรีดเอง จับความได้ว่า มารดาของไซม่อนมีรายได้เสริมคือรับซักรีดเสื้อผ้าในละแวกนั้น ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว ไซม่อนต้องคือเด็กชายคนนั้นแน่ และปีศาจแดงก็คือสมญานามของหญิงชราผู้นั่นเอง
  เหรอ  ท่าจะโรคประสาทกำเริบ คราวก่อน สะใจชะมัด โดนอาซือกะเอากาวตราช้างหยอดใส่รูประตูลูกบิด โหวกเหวกลั่น แต่เรื่องอะไรใครจะบอกว่าเป็นฝีมือ อาซือกะ  ชายที่ค่อนข้างขี้โมโหกล่าว
  สงสัยประตูบ้านปีศาจแดงจะทำจากไม้เนื้อดี ปัง ปัง ทุกวัน ไม่พังสักที  คำกล่าวของผู้ชายที่นั่งหันหลังให้ผู้เขียนทำให้ผู้เขียนกลั้นหัวเราะ  เพราะผู้เขียนก็เคยคิดอย่างนี้เช่นกัน เพียงแต่ไม่เคยปริปากบอกใคร
  ป้าไก่ (หมายถึง รปภ.หญิงที่ดูแลบริเวณสันทนาการ) ตบไปทีคราวนั้น ก็เพราะปีศาจแดงนี่แหล่ะ ที่ไปจิกหัวด่าก่อน เรื่องไปถึงโรงพัก ปีศาจแดงอาละวาดไม่เลิก ขุดโคตรเง่าออกมาด่า ซะจนตำรวจกระเจิงเหมือนกัน โดนกันทั่วถึง  ความจริงค่าปรับ 500 คุ้มนะโว๊ย  ..ป้าไก่แอบมาเล่าให้ข้าฟังว่าหัวหน้า รปภ. เป็นคนจ่ายค่าปรับให้ป้าไก่ นัยว่าหาโอกาสมานานแล้ว  ชายผู้นั้นกล่าวต่อ
ผู้เขียนพอจะได้ยินเรื่องนี้มาบ้าง รปภ.หญิงที่ชายทั้งสองพูดถึง ก็เคยบ่นให้ผู้เขียนฟังเหมือนกัน ตอนที่ผู้เขียนแสดงบัตรเพื่อใช้ห้องออกกำลังกาย ก็น่าเห็นใจอยู่หรอก เพราะไม่ว่าใครก็ตาม จะยากดีมีจนแค่ไหน ก็ยังรักศักดิ์ศรีอยู่ การที่อีกคนมาด่าปาว ๆ  ด่าได้ทุกวี่ทุกวัน เรื่องนั้นเรื่องนี้กุมาด่า และแต่ละคำก็ส่อให้รู้ถึงความเป็นมาโดยเนื้อแท้ มันน่าเบื่ออยู่หรอก ผู้เขียนนึกเห็นใจ พลางคิดว่า วันดีคืนดีตัวผู้เขียนเองอาจจะโดนแจ๊คพอตอย่างจังบ้าง คราวนี้จะทำเช่นไรดี 
นึก ๆไปก็น่าสงสาร ชีวิตของหญิงชราผู้นั้นจะมีความสุขหรือเปล่าหนอ และจะทำอย่างไรเพื่อเป็นการช่วยเหลือ 
วกมาต้นเรื่องดีกว่า ในขณะที่ผู้เขียนรีดเสื้อผ้าอยู่นั้น สมาธิถูกทำลายด้วยเสียงปิดประตูปัง ปัง จากนั้นก็ได้ยินเสียเด็กเฮ เฮ กันเป็นระยะ นัยว่ายั่วยวนให้หญิงชราผู้นั้นแสดงอาการกราดเกรี้ยวยิ่งขึ้น นอกจากเสียงปิดประตูดังแล้ว ยังมีเสียงด่าเด็ก ๆ เล็ดรอดมาด้วย ครั้นจะไม่ตั้งใจฟัง แต่ก็สุดห้ามไม่ให้หูได้ยิน ..
  ไอ้เด็กเปรต ไอ้เด็กเวร ไอ้ลูกพ่อแม่ไม่สั่งสอน ที่อื่นไม่มีเล่นหรือไง พวกคนชั้นต่ำมาอยู่รวมกัน เสนียดทั้งนั้น เลว เลวกันหมด เลวกันทั้งนั้น ทั้งพ่อแม่มัน ทั้งลูกมัน ทั้งยาม เลวกันหมด ไอ้คนที่อยู่ตึกนี้ ก็เลวกันไปหมด  เออหนอ อะไรจะทำให้ทรงพระกริ้วขนาดนั้น เล่นด่ากราดเหวี่ยงแหอย่างนี้ และพอดีกับที่ผู้เขียนรีดชุดสุดท้ายเรียบร้อย  จึงเหลือบดูนาฬิกา บ่ายกว่าแล้ว ยังไม่ได้ทานอาหารเที่ยง จำต้องประทังชีวิตด้วยการเสาะอะไรสักอย่างยาไส้บ้าง หลังจากเก็บข้าวของเรียบร้อย จึงเดินไปร้านอาหาร ซึ่งก็ต้องผ่านบ้านของหญิงชราผู้นั้น เจ้าพวกลิงน้อยทั้งหลาย เมื่อเห็นผู้เขียน ต่างก็ลิงโลด คงหวังว่าจะได้ทานไอศกรีมนั่นเป็นแน่ ผู้เขียนผ่านสายตาไปชั่วแว๊ป เห็นหญิงชราผู้นั้นใส่ชุดลำลองยาวสีแดง (ท่าจะชอบสีนี้) ยืนท้าวเอวอยู่หน้าบ้าน หน้าตาบูดบึ้ง ปากขมุบขมิบ และสายตาที่มองมายังผู้เขียน ไม่ใคร่จะเป็นมิตรนัก ผู้เขียนบอกเด็ก ๆ ว่าเล่นเสียงเบา ๆ หน่อย อย่าส่งเสียงดังรบกวนผู้อื่น  แต่เด็กก็คือเด็ก ผู้เขียนรู้แก่ใจว่า ไม่อาจห้ามเด็กไม่ให้ซน ยิ่งรวมกลุ่มกันได้อย่างนี้ เสียงย่อมเจี๊ยวจ๊าวเป็นธรรมดา 
  เอางี้ เลี้ยงเป๊บซี่ ใครสนใจ เดินตามมาเลยนะ  ผู้เขียนบอกเจ้าลูกลิงตัวซนทั้งหลาย
  เย้ ผมครับ ผมด้วย ด้วย กินด้วย ไปด้วย เค้าไปด้วย   เสียงตอบหลายเสียง แข่งกันตอบรับคำของผู้เขียน
  อีแม่เลว อีแม่ชั่ว  .เสียงนี้เล่นเอาผู้เขียนหน้าชาไปเหมือนกัน แม่ใครหว่า ลูกใครหว่า ตายล่ะ ! หมายถึงเราหรือเปล่า  ลูกตั้งเจ็ดคนเนี่ยนะ เหว๋อ .. ครั้นจะนึกโกรธ แต่ทว่าขำมากกว่า ทั้งที่รู้ว่าหญิงชราผู้นั้นกล่าวถึงผู้เขียน  ในละแวกนั้นมีเพียงผู้เขียนกลับบรรดาพลพรรคลิงเท่านั้น ใครจะเป็นแม่ได้ ถ้าไม่ใช่ผู้เขียนล่ะ .. ขำ 
  อีแม่เลว อีแม่ชั่ว ไม่ใช่ผู้ดี ให้ไอ้เด็กเปรตมาส่งเสียงดัง หน้าบ้านตัวเองก็ไม่ยอมให้เล่น ปล่อยให้ไอ้เด็กเปรตมาส่งเสียงหน้าบ้านคนอื่น พ่อแม่ไม่สั่งไม่สอน    เสียงลอยตามหลังมา แต่ผู้เขียนก็ไม่ใส่ใจอะไรนัก สนใจแต่ว่า ในกระเป๋ากางเกงนอกจากกุญแจบ้านแล้ว ตะกี้หยิบเงินมาเท่าไหร่ จะพอให้เจ้าพวกลูกลิงทั้งหลายถล่มหรือเปล่าหนอ .. คิดแล้ว ขำ โดนแจ๊คพอตจนได้  หาเรื่องชะมัดเลยเรา เสบียงก็มีอยู่ในตู้เย็น แต่ก็ยังอุตส่าห์เตร่ ๆ ออกมาข้างนอกให้ปีศาจแดงด่าฟรี แถมต้องเสียค่าขนมเด็กอีก  .. 
แต่ก็ดีเหมือนกัน เมื่อนึกไปอีกอย่าง ถ้าไม่ออกมาให้เห็นจริงบ้าง ก็เท่ากับฟังแต่ที่เขาเล่าผ่านหู ฉายาปีศาจแดง เหมาะดีแท้ ..  				
comments powered by Disqus
  • กุ้งหนามแดง

    25 พฤศจิกายน 2547 12:04 น. - comment id 79349

    สนุกดีจ๊ะ...ทีมฟุตบอลลูกลิงทะโมน..
    กับปีศาจแดง..จอมโวยวาย..อิอิ..
    ...................................................................
    เคยโดนเหมือนกันจ๊ะ ด่าฟรีไม่มีดอกเบี้ยเนี่ย เล่นเอางงไปหลายวัน..สุดท้ายปีศาจแดง (คนละคนกัน พอดีแถวบ้านมีจ๊ะ) ก็ต้องมาขอโทษ ว่าไม่ได้ตั้งใจ..ที่แล้วไปไม่ได้เจตนาจ๊ะ..
    
    งง..ตอนโดนด่า (ชาวบ้านแถวนั้นเขาเข้าใจผิดกันไปถึงไหนแล้ว..) แล้วยังมางงอีกทีตอนมาขอโทษ ...(แบบตัวต่อตัวชาวบ้านไม่เกี่ยว)  ทำหน้าไม่ถูกเพราะยังงงไม่รู้จักเสร็จค่ะ..
    
    เสีย (ความรู้สึก) สองต่อเหมือนในเรื่องเลยค่ะ...ก็เป็นเรื่องจริงผ่านจอ (มอนิเตอร์ เช่นเดียวกัน)
    ..
  • บอกอกูรู

    25 พฤศจิกายน 2547 12:50 น. - comment id 79351

    ความเงียบสงบ
    สยบความเคลื่อนไหว ครับ
    เอิ้กๆ
    
    
  • ใยไหม

    25 พฤศจิกายน 2547 13:13 น. - comment id 79354

    แต่บางทีความเงียบก้อทำให้  หลายๆอย่างเคลื่อนไหวได้เช่นกันนะค่ะ...
    
    มันคงแล้วแต่กรณีน่ะค่ะ  คุณ  บอกอฯ..*_*..
  • ทิกิ_tiki 4895

    25 พฤศจิกายน 2547 13:33 น. - comment id 79360

    มาแวะอ่านค่ะ
    นึกว่าเขียนทีมลูกหนังเสียอีก
    อ่านไปอ่านมา เห็นใจผู้เขียนเสียจริง
    คงไม่ค่อยสงบใจเท่าใดนะคะ เจอคนประเภทนี้
    น่าเห็นใจคุณ อัลมิตรา จริงๆค่ะ
  • อัลมิตรา

    25 พฤศจิกายน 2547 16:56 น. - comment id 79367

    คุณกุ้ง .. อัลมิตราไม่เคืองเขาหรอก เพียงแต่นึกสงสารและอยากช่วยเหลือ  ดูแล้ว ไม่ค่อยมีใครชอบเขาสักเท่าไหร่ ด้วยความที่เขาด่าเก่ง และจู่ ๆ ก็หาเรื่องมาด่า เป็นใคร ก็คงตั้งรับไม่ไหว เคยพบลูกสาวของเขานะคะ แต่ก็ไม่เคยสนทนาด้วย ในงานเลี้ยงปีใหม่ อัลมิตราได้แต่ยิ้มให้ ..อยู่คนเดียว คงโดดเดี่ยว อัลมิตรารู้ดีว่าเขาคงอยากมีเพื่อน มีคนเข้าใจเขา
    
    คุณบอกอกูรู .. สงบบ้าง ปลงบ้าง โอ หนอ ..
    
    ยัยไหม .. จะว่าไปแล้ว เราเองก็หาทางเข้าไปสนทนาด้วยนะ แต่กลัวอารมณ์เขาเหมือนกัน จู่ ๆ มีอาการขึ้นมา เราคงเผ่นไม่ทันจ๊ะ
    
    คุณทิกิ.. ขอบคุณมากค่ะ เป็นเรื่องจริง ที่อัลมิตราประสบอยู่ อัลมิตราเพียงแต่อยากจะค้นหาว่า เหตุใดเขาจึงเป็นเช่นนั้น ทำไมจึงมองโลกในแง่ร้ายไปเสียทั้งหมด .. เคยอยู่ครั้งหนึ่ง เจอที่เซ็นทรัลในซุปเปอร์มาเก็ตชั้นล่าง เสียงแปร๋น ๆ คุ้น ๆ ทำให้อัลมิตราเดินเลี้ยวจากมุมขนมขบเคี้ยวไปดู เห็นเขากำลังอาละวาด และด่าพนักงานที่นั่น น่าสงสารพนักงานที่ยืนตัวสั่น และน่าสงสารเขา .. อัลมิตราทำได้แต่เพียงเดินห่างออกมา และรู้สึกเศร้าใจ
    
    โบราณเขาว่า...อย่าถือสาคนบ้า อย่าว่าคนเมา .. อัลมิตราคิดว่าเขาไม่บ้านะ แต่อาจจะมีอาการทางประสาทนิดหน่อย ก็ได้แต่หวังว่าเขาจะดีขึ้น และ ดีขึ้น ..  วันไหนที่อัลมิตราเห็นเขาแจ่มใส ไม่แน่นัก อัลมิตราอาจเชิญเขามาทานน้ำชา + คุ๊กกี้ ที่บ้าน หวังผูกสัมพันธ์ 
    
    :) 
    
    
  • tiki

    25 พฤศจิกายน 2547 16:59 น. - comment id 79368

    มาอ่านอีกที่เจอคล้ายกันนี้ ที่ วิลล่ามาร์เก็ต พหลโยธิน 8 นะคะ พวกคนขายเขารู้กันหมด
    พอเห็นมาเขาก็เฉย เธอเดินด่าจากปากประตู
    เข้ามาด่าตลอด ไม่ทราบว่าใคร
    .........แล้วก็ ไม่ได้ใส่เสื้อแดง เฮ้อ...เศร้าจริง
    ลูกหลานคงบ้าตาย
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    25 พฤศจิกายน 2547 21:45 น. - comment id 79381

    อ่านสนุกมาก
    แต่คงเขียนแบบขำปนขม
    
    
  • อัลมิตรา

    25 พฤศจิกายน 2547 22:54 น. - comment id 79383

    คุณทิกิ .. คงมีอะไรบางอย่างที่พวกเราไม่รู้ อะไรที่ว่ากดดันให้พฤติกรรมเขาแสดงออกอย่างนั้น หากอาการเพียงน้อยนิด แค่บ่นด่าไปเรื่อย อย่างดีคนที่ผ่ามมาพบ แค่เลี่ยงออกไปก็จบ แต่ถ้าอาการหนัก แบบที่ลงข่าวในหนังสือพิมพ์ ฆ่า ถลกหนังหัว .. ประเภทนี้ก็ยิ่งน่ากลัว      ... ผู้ที่ผ่านสมรภูมิมา อาจจะมีความทรงจำบางอย่างที่หลอน เช่นเดียวกันกับ ผู้ที่ผ่านเหตุการณ์สะเทือนใจบางอย่าง ก็คงมีสาเหตุต้นกำเนิดคล้ายๆกันค่ะ
    
    คุณก่อพงษ์ .. อื้อ  ขำ น่ะ ขำ ตอนที่โดนด่า รู้สึกหน้าชาไปเหมือนกัน ไม่รู้จะเดินจะยืนยังงัย เซ่อไปพักใหญ่เลยค่ะ แต่พอนึกย้อนไปทบทวน ก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไร  ครูที่สอนภาษาอรับเคยสอนกับอัลมิตราว่า .. หากพบเจอ บุคคลที่พิการ หรือ วิกลจริต จงอย่าดูถูก หมิ่นเขา ควรให้ความเมตตาต่อเขามาก ๆ และขอบคุณในสิ่งที่อยู่เหนือกว่าเรา ที่ไม่ทำให้เราต้องตกอยู่ในสภาพการณ์เช่นนั้นค่ะ .. คิดอย่างนี้แล้ว ก็โปรงใจไปได้แยะเชียว :)
    
    
    
    
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    25 พฤศจิกายน 2547 23:10 น. - comment id 79385

    อืม...
    คุณอัลมิตรามีอุบายให้ใจสงบ - สบาย  ดีมากครับ
    
    
  • อัลมิตรา

    26 พฤศจิกายน 2547 10:36 น. - comment id 79389

    คุณก่อพงษ์ ..
    
    ..บางครั้งถ้าเราใกล้ชิดคนแก่บางคน
    ..คนในวัยนั้นมีอารมณ์แปรปรวนเพียงใด
    ..มีความโมโหฉุนเฉียวอย่างไม่มีสาเหตุ
    ..ใครเป็นแบบนี้ ลูกหลานจะห่างเหิน
    ..และอาจเป็นที่รังเกียจ 
    ..หรืออาจเป็นด้วยเหตุอื่นอีกมากมาย
    ..อัลลอฮฺทรงให้มนุษย์ถือกำเนิดมาในสภาพที่อ่อนแอ...เมื่อเป็นทารก
    ..แล้วทรงให้เขาเจริญวัย เข้าสู่วัยฉกรรจ์
    ..จากนั้นก็ทรงให้เขากลับสู่สภาพที่อ่อนแออีก
    ..ดังนั้นนบีจึงสอนให้เราขอดุอาอ์ว่า
    ..ข้าพระองค์ขอความคุ้มครองต่อพระองค์ ให้พ้นจากสภาพตกต่ำในวัยชรา
    ..เพราะเราไม่รู้หรอก....
    ..วันนี้เรายังเป็นคนดีๆอยู่ มีสติ สัมปะชัญญะ รู้ดีทุกอย่าง 
    ..ควบคุมอารมณ์ความรู้สึกต่างๆได้ดี
    ..แต่ในวัยต่อไปข้างหน้า..... มันจะแปรเปลี่ยนไปอย่างไร
    
    บทเรียนที่อัลมิตราได้เรียนจากครูที่สอนภาษาอรับ ถึงแม้ว่าจะเป็นหลักศาสนาอิสลาม แต่อัลมิตราก็ตระหนักดีว่า  ความหมายนั้นไม่ได้ถูกจำกับเฉพาะชนกลุ่มใดเท่านั้น ค่ะ 
    
    :) ทิวาสวัสดิ์ค่ะ งานแยะจัง ก้มหน้าก้มตาทำงานก่อนนะคะ ไว้มาเสวนาใหม่ค่ะ
    
    

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน