อ่านกวีแกล้มแก้ว(เหล้า)

pigstation

นานพอสมควรแก่เหตุที่ฉันหันหลังให้กับการเขียนงาน ด้วยว่าใคร่อยากวางตัวเองไว้ตรงที่การร่อนเร่ไปชั่วขณะหนึ่งของช่วงชีวิตที่อยู่ริมผาความมั่นคง ที่ซึ่งหมิ่นเหม่ต่อการพลัดตกลงสู่ห้วงเหวความล้มเหลว แต่ฉันก็ไม่หวั่น และวันนี้ ฉันมีบทกวีจากคนรู้จักคนหนึ่ง ชื่อว่า ฮวก จึงเป็นมูลเหตุให้ฉันคว้าบทกวีมาอ่านพร้อมการชงเหล้าดื่มแก้วแรกของวันนี้ ในตอนบ่าย ขณะที่แดดกำลังเอื้อให้พืชพรรณได้สังเคราะห์แสงปรุงอาหาร ส่วนฉันกำลังสังเคราะห์บทกวีของ ฮวก ไปควบคู่กับการ สังเคราะห์อัลกอฮอล์เริ่มต้นพลิกกระดาษและชงเหล้า
	เมื่อของเหลวที่ได้รับการผสมกันเข้าเกือบเป็นเนื้อเดียวกัน มวลสารต่างสถานะกันเริ่มรอมชอม และเริ่มรุกรานกันและกัน จนก้าวไปสู่การรุกล้ำที่เริ่มยินยอมพร้อมใจไปด้วยกัน ฉันเปิดเพลงแจ๊สคลอเคล้า ขณะที่มีการเคลื่อนไหวไปมาไม่ขาดสาย
 	ลำพังตัวคนเดียวยังมีขบวนความคิดลำเลียงโดยสารผ่านไปมานับล้านขบวนวิ่งวนอยู่ภายใต้กระแสสำนึก นี่ฉันยังเร่งเครื่องด้วยการเติมเชื้อเพลงประเภทบรั่นดีลงไป อีกทั้งยังเปิดทางให้ขบวนบทกวีที่ชื่อว่าตัวโน้ตไร้ระบบ บทกวีไร้ระเบียบเปิดสถานีวิ่งเข้าไปสู่ใจกลางความทรงจำทั้งมวล มันจะโกลาหลขนาดไหน
 	เสียงอึงคนึงมากมายจากเพลง จากยวดยานกลบเสียงภายในที่เคยขับขาน  แล้วฉันจะมุ่งหน้าไปทางไหนดี เมื่อย่อหน้านี้จบ - - - ฉันจะไปจิบ
	วันนี้ไม่ต่างจากเมื่อวาน บรรดาข่าวสารข้อมูลทั้งหลายวิ่งดาหน้าเข้ามาหาเรา ไม่เว้นแต่ละเว้น ล้วนเป็นเรื่องไกลจากตัวเรา แต่มีผลกระทบต่อเราอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นข่าวของการแอบแต่งงานของคนดังคู่หนึ่ง ซึ่งต่อมาก็ไม่เป็นความจริง แต่บางข่าวมันทำให้เรารู้สึกว่าใครบางคนที่เราเคยกินน้ำร่วมโต๊ะเดียวกัน(ไม่ถึงขั้นร่วมสาบาน) กำลังได้รับรางวัลจากงานเขียนเรื่องสั้น มันสร้างภาวะกระชุ่มกระชวยไปด้วยทั้งที่เขาอยู่ไกลถึงภูเก็จ  ด้วยความรู้สึกร่วมกันในความเป็นคนหลงหนังสือ มันเหมือนอยู่ร่วมทีมเดียวกัน เลยให้ครึ้มใจไปด้วย
 	เลยมากินเหล้าคนเดียว กินกลางแดด พร้อมกางบทกวีของคนหนึ่งที่ดุ่มเดินมาตามทางสายวรรณกรรม วรรณศิลป์   ในขณะที่เราอยู่ในช่วงของการลักปิดลักเปิดทางวรรณกรรมอยู่
	ผ่านพ้นไปสองแก้ว ความรู้สึกโคลงเคลงยังไม่ก้าวเข้ามา แต่มีบทหนึ่งที่ชื่อเถ้า เข้ามาเปิดเผยอความรู้สึกของการยอมสูญเสียตัวเองเพื่อก่อตั้งสิ่งใหม่ ไม้ขีดไฟเผาไหม้เพื่อต่อไฟให้เชื้อ--				
comments powered by Disqus
  • อัลมิตรา

    9 มกราคม 2548 11:35 น. - comment id 80417

    มีคนเคยบอกว่า หากผู้ใดไม่เคยลิ้มรสความทุกข์นั้น ก็ยากที่จะสาธยายให้ผู้อื่นเข้าใจ และแม้แต่จะร่ายเป็นบทกวีใด ก็ยังมิอาจเทียบได้เพียงเศษเสี้ยวแห่งความเจ็บปวดนั้น ..
    
    ก่อนหน้านั้น .. อัลมิตราเคยนั่งนิ่ง ไม่เขียนร้อยกรองใดๆ เนื่องจากให้คำตอบกับตัวเองไม่ได้ว่า ทำไมเมื่อเขียนแล้ว เหตุใดจึงไม่สามารถสนองความต้องการแห่งใจตนเอง ไยภาระนี้เราต้องทนแบกรับด้วย ทั้งที่บนโลกแห่งความจริงเราต้องทำเพื่อคนอื่นมาตลอด ขอเนื้อที่เพียงสักน้อยนิด ที่เราจะทำตามหัวใจเราปรารถนา จะมิได้เชียวหรือ .. กรอบปราการที่ขึงขอบไว้ ทำให้อัลมิตรารู้สึกอึดอัดกับกฏเกณฑ์ที่เปรียบดั่งเช่นกรงขัง ..จนบางครั้งทึกทักเอาแต่ใจตนเองว่า ฉันท์ลักษณืคือกรอบและเครื่องผูกมัด
    
    ...เรื่องกรอบ...และเครื่องผูกมัด... 
    ...เรื่องกรอบและการจำกัดตัวตนเอง...และจิตใจของตน... 
    ...แม้แต่การคาดหวังหรือมุ่งตีกรอบผู้อื่น... 
    
    ...ขีดกรอบดูสิ แล้วออกมายืนนอกกรอบ...
    ...จากนั้นมองเข้าไปในกรอบที่ขีดไว้ใหม่ ...
    ...บางที อาจจะเห็นมุมมองใหม่ ๆ ที่ไม่ใช่แค่กว่า หรือ ที่สุด...
    ...พูดถึงกรอบ เวลามองอะไรๆสักอย่างหรือหลายอย่าง...
    ...ปัญหาของคน ก็คือ มีกรอบ(โดยธรรมชาติ หรือที่เราสร้างไว้)...
    ...แล้วเราก็อยู่ในกรอบ...
    ...มองในกรอบ คิดในกรอบ ก็จะเห็นตามที่เห็นในกรอบ...
    ...ทว่า ! หากออกมายืนอยู่นอกกรอบ...
    ...คุณก็จะเห็นกรอบ และนอกกรอบ... 
    ...และรู้ว่า... ที่จริง มีอะไรที่มากกว่ากรอบ
    ...และในกรอบ ก็มีอะไรที่แตกต่างกับที่ยืนอยู่ในกรอบแล้วมองเห็น...
    ...กรอบที่ไม่มีตัวตน ไม่มีรูปร่าง แต่จิตสัมผัสได้ว่าเป็นกรอบ...
    ...ความรู้สึกครอบงำ ไม่อิสระเสรีภาพ... 
    ...เราคิดอย่างนั้นเพราะเราไม่กล้าก้าวออกมาจากกรอบที่ครอบเราไว้...
    ...หรืออาจบางทีใช่ แต่อาจบางที เพราะไม่รู้ และเชื่อตามๆกันมา...
    ...การเชื่อโดยที่ไม่บริหารวิทยปัญญาของตนเองนั้น ...
    ...เป็นที่น่าเสียดาย...
    
    ...และผู้เขียน รักในอิสระเสรีภาพและสิทธิของตนและผู้อื่นเสมอ... 
    ...ในบางครั้ง...เมื่อยามถูกตีกรอบหรือถูกริดรอนสิทธิเสรีภาพ... 
    ...แม้แต่เห็นผู้อื่นเป็นเช่นนี้...ก็อดคิดอึดอัดไม่ได้... 
    ...หลายครั้งจึงพยายามฉีกกฏและทำลายกรอบเครื่องพันธนาการต่าง ๆ 
    
    ...แต่มิใช่ว่ากรอบจะไร้ประโยชน์เสมอไป... 
    ...เรายังเห็นประโยชน์ของกรอบและการกำหนดกฏเกณฑ์ต่าง ๆ เสมอ..
    ...เพียงแค่ขอให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม... 
    ...กรอบนั้น ๆ จะมีประโยชน์มากมาย... 
    ...การหลุดพ้นจากกรอบขอบกั้น... 
    ...ย่อมได้ความรู้สึกที่แตกต่างจากเดิม... 
    
    ...และมีหลายเหตุการณ์...ที่พยายามดิ้นร้นและต่อสู้...
    ...เพื่อให้ได้สิทธิ์ในการลิขิตตนเอง... 
    ...งานเขียน...วรรณกรรม...หรือการสื่อความทางภาพเขียน... 
    ...แต่ไม่ใช่การพ้นจากกรอบโดยไร้เครื่องยึดเหนี่ยวใด ๆ...
    ...เพียงแต่... ใส่ความอิสระเข้าไป... 
    ...แต่แปลกจัง...ผู้ต่อสู้เรื่องอิสระภาพ...ในแง่มุมต่าง ๆ...
    ...มักได้รับผลกระทบเสมอเลย... 
    
    
    
  • pigstation

    9 มกราคม 2548 14:58 น. - comment id 80422

    เหมือนนกอินทรี
    บินสูง กางปีกกว้าง
    แต่หากินเหยื่อยาก
    จะกินหนอนตัวน้อย
    ก็ไม่สมค่าเหนื่อย แลศักดิ์ศรี
    
    ความอิสระคือวินัยเหนือวินัย
    ดร.มาร์ติน ลูเธอคิง ต่อสู้เพื่อปลดแอกความดำความขาว อย่างยากเย็น
    เด็กหญิงผิวดำผู้ไม่ยอมลุกจากที่นั่งให้คนขาวในยุคกดขี่ดูแคลน จนเป็นสตรีแห่งประวัติศาสตร์
    ได้รับความเท่าเทียมตามมาจากความเป็นทาส
    
    ขอบคุณในน้ำมิตรของไทยโพเอ็ม
    ขอเป็นส่วนหนึ่งที่ประกอบสร้างของเว็บนี้
    ขอมอบช่อดอกไม้ให้น้องๆที่เขียนกลอน
    ในแง่มุมงามสมวัย
    แต่ขอได้ไหมกับผู้ใหญ่ที่คอยตรวจทรงผมมากกว่าสิ่งที่อยู่ใต้ผม(สมอง - ความคิด)
    
    กรอบ ไม่กรอบ
    น่าจะเป็นทวิลักษณะที่ขาดกันไม่ได้
    
    การเข้าแถว น่าจะเป็นสิ่งดี
    แต่การแตกแถว ก็น่าจะดีด้วย
    เด็กดื้อเป็นธรรมดา
    แต่ผู้ใหญ่ดื้อน่ากลัว
    
    นาทีนี้ขอซูฮกให้ SONYABeauty
    ที่เสนอได้ตรงกว่าไม้บรรทัด
    ชอบใจจริงๆ
    
    ขอบคุณทุกความเห็นที่ดูน้อยจัง แต่ก็เป็นเสียงตอบรับ
    ลำพังแต่ละบทความ บทกลอนมีการโพสท์เข้ามาแวะ 20 ต่อ ชิ้น ก็ดีใจมากแล้วครับ
    
    ที่ไม่มีสัญญาณตอบรับ แต่เช็คตลอด
    แล้วตามไปดูประวัติของแต่ละท่านที่ให้เกียรติเข้ามา
    
    ยินดีอย่างยิ่ง
    น้ำคำน้ำใจในไทยโพเอ็ม

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน