Contact Lense สยอง (เรื่องแปลเอง)

Tawan

ฉันเริ่มสั่นศรีษะ นิ้วของฉันจับแฮนด์รถอย่างหวาดกลัว  ถ้าหากว่ามีวิญญาณ, ผี หรือว่าสถานที่นี้ถูกผีสิงจริง ฉันก็ไม่ต้องการจะมีส่วนร่วมใดๆ
เราไม่มีเวลาแล้ว  ฉันพูดเบาๆพลางดูนาฬิกาข้อมือ  ฉันต้องไปเอาคอนแทค เลนส์ตอนสิบเอ็ดโมง
ใจเย็นๆน่า..  เจสันขัดขึ้น  นี่มันเพิ่งสิบโมงครึ่งเอง เราจะไปที่ก้อนหินแล้วลองเคาะดูสักสองสามก้อน จากนั้นเราจะออกจากที่นั่นภายในห้านาที
ฉันมองไปที่ลีแอนด้วยสายตาอ้อนวอน แต่เธอกลับสั่นศรีษะ  ฉันเข้าไปใกล้ก้อนหินพวกนั้นไม่ได้หรอก  เธอพูด  พ่อกับแม่บอกว่ามันอันตรายและเด็กหลายคนก็เกิดอุบัติเหตุตอนปีนขึ้นไปบนก้อนหิน ถ้าพวกเธอสองคนไปที่นั่นล่ะก็ระวังตัวด้วยนะ  เธอโบกมือลา จากนั้นก็ปั่นจักรยานลงไปตามทางอย่างรวดเร็วจนหายไปจากสายตา เจสันกับฉันจึงอยู่กันตามลำพัง
	
ฉันหันไปมองรอบๆเพื่อตะโกนเรียกน้องชายของฉัน แต่เขาจอดจักรยานไว้หลังพุ่มไม้ แล้วลอดใต้โซ่เข้าไปที่ก้อนหินร้องเพลง
	
เจสัน!  ฉันตะโกนเสียงสั่นด้วยความโกรธ  เจสันกลับมานี่เดี๋ยวนี้นะ!
	
หมอกเปลี่ยนเป็นฝนปรอยๆ หยาดน้ำแข็งไหลลงสันหลัง ลมเย็นๆของฤดูหนาวดูเหมือนจะลอยมาจากทิศทางที่มีก้อนหินร้องเพลง  ฉันตัวสั่นและเหลือบมองไปที่ทางเข้าผ่านแว่นตาที่พร่ามัวจากสายฝน  นอกจากเสียงเสียดสีของกิ่งไม้เบื้องหน้าและเสียงนกร้องเป็นระยะๆแล้ว ป่าก็เงียบสงัด  จากนั้นฉันก็ได้ยินอะไรบางอย่าง
	
เจมี่..มี่..มี่..  เสียงกระซิบดังมาจากทางเข้าใต้โซ่นั่น
	
เจสันเหรอ?  ฉันตะโกน  นั่นนายใช่ไหม?
	
ฉันใจเต้น กระโดดลงจากจักรยาน จอดมันไว้หลังพุ่มไม้ใกล้ๆกับรถของเจสันแล้วรีบมุดใต้โซ่ที่ล้อมรอบก้อนหินร้องเพลง  ฉันต้องรีบหาเจสันให้เร็วที่สุด  ฉันวิ่งไปตามทางเดินกรวดที่ปกคลุมไปด้วยหญ้าและรากไม้  ต้นไม้สีดำทะมึนมีรูปร่างเหมือนปีศาจอยู่เหนือศรีษะฉันขณะที่ฉันลื่นและสะดุดลึกเข้าไปในป่า
	
เจสัน!  ฉันเรียกเขาอีกครั้งเพราะกลัวที่จะอยู่คนเดียวในป่าที่มืดครึ้มอย่างนี้
	
เจมี่..มี่..มี่..  เสียงกระซิบเบาๆที่น่าขนลุกดังขึ้นอีกครั้ง
	
ความกลัวแล่นเข้าเกาะกุมหัวใจฉัน และฉันยังต้องคอยปัดกิ่งไม้เตี้ยๆที่ห้อยลงมาด้วยความรู้สึกสิ้นหวังที่จะได้เจอน้องชาย ที่นี่เงียบ, วังเวงและโดดเดี่ยว  อะไรๆก็เกิดขึ้นได้กับก้อนหินร้องเพลง เด็กๆที่เฟรนด์ลี่ คอร์เนอร์ก็พูดอย่างนั้นไม่ใช่เหรอ
	
ฉันวิ่งไปตามทางแล้วหยุดเพื่อหายใจ และโดยไม่รู้ตัว นิ้วเย็นๆสัมผัสที่คอเสื้อแจ็คแก็ตของฉัน  ฉันกรีดร้องด้วยความกลัวแล้วหันไปมองรอบๆ จากนั้นฉันก็ต้องหัวเราะเมื่อเห็นว่ากระรอกกำลังวิ่งข้ามไปบนกิ่งไม้ของต้นข้างๆแล้วทำให้น้ำบนใบไม้หยดลงบนทางเดินข้างล่าง แต่แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับผู้บุกรุกอย่างฉัน
	
จากนั้นฉันก็ได้ยินเสียงตะโกนห่างไปประมาณสองสามหลาแถวๆหัวโค้ง  มันเป็นเสียงน้องชายฉัน และเสียงเขาก็ดูหวาดกลัวทีเดียว
	
เจสัน!  ฉันร้อง และวิ่งสุดฝีเท้าลงไปตามรอยทางเดินซึ่งขาดตอนตรงปลายที่โล่ง  ฉันวิ่งผ่านต้นไม้ และหยุดเป็นพักๆ  กลุ่มก้อนหินและหินก้อนใหญ่กระจายอยู่ทั่วที่โล่ง  ก้อนหินเกรนิตขนาดใหญ่สีน้ำเงินจางๆเหมือนกับป้ายหน้าหลุมศพส่องแสงที่น่าขนลุกท่ามกลางฝนที่ตกปรอยๆ  มันดูเหมือนป่าช้า  ฉันคิดแล้วก็ขนลุก  น่าแปลกทีเดียวที่ไอน้ำดูเหมือนจะหมุนวนอยู่เหนือพื้นดิน  ดังนั้นมันเลยดูเหมือนว่ากองทัพปีศาจกำลังพยายามจะหนีออกจากก้อนหิน และตอไม้ผุๆที่ผิดรูปร่างก็ยืนเหมือนคอยคุ้มกันก้อนหินร้องเพลง กิ่งไม้ที่บิดเบี้ยวสีดำชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้าเหมือนหมวกแม่มดซึ่งทำให้ภาพลวงตานี้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
	
แต่แล้วฉันก็ต้องรีบหันกลับและเตรียมออกวิ่งเมื่อได้ยินเสียงร้องของเจสันอีกครั้ง  ทันทีที่ฉันหันหลัง ฉันก็เห็นเขาอยู่ห่างจากฉันเพียงไม่กี่ฟุต  เขากำลังพยายามดึงแขนเขาออกจากก้อนหินอย่างทุลักทุเล
	
มันกินแขนผม!  เขาร้องด้วยน้ำเสียงกลัวๆ  เจมี่ อะไรก็ไม่รู้ข้างใต้ก้อนหินพวกนี้ไม่ยอมปล่อยมือผม!
	
หัวใจฉันเต้นแรง และลืมความกลัวของตัวเองไปชั่วขณะ  ฉันตะกายขึ้นไปบนก้อนหินลื่นๆอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้  ทันทีที่ฉันปีนไปถึงตัวเจสัน  เขาก็ดึงมือขึ้นอย่างง่ายดาย และยิ้มกว้างให้ฉัน
	
ล้อเล่นหน่ะ  เขาพูดไปหัวเราะไป  พี่น่าจะได้เห็นหน้าตัวเองเมื่อกี้นะ
	
ตลกมากเหรอ!  ฉันถามเสียงสั่นด้วยความโกรธ  ตลกโง่ๆงั้นเหรอ!
	
เจสันแกล้งคราง แล้วเคาะบนด้านหนึ่งของก้อนหินด้วยค้อน  จงออกมา ปีศาจแห่งก้อนหินร้องเพลง  เขาพูด  จงออกมาดูหน้าพี่สาวใจฝ่อของผม
	
หยุดนะ!  ฉันตะโกน  หยุดเคาะก้อนหินพวกนั้นด้วยค้อนนายเดี๋ยวนี้นะ!
ทำไมล่ะ? หรือว่าพี่เชื่อเรื่องผีที่ลีแอนพูดจริงๆ  เจสันเหน็บแหนมฉัน และแกล้งเคาะก้อนหินทุกก้อนเท่าที่เขาจะทำได้  คิดว่าวิญญาณที่ถูกขังกำลังนอนคอยเราอยู่งั้นเหรอ?
	
ฉันผลักไหล่เขาอย่างแรงและดึงค้อนออกจากมือเขา  แต่ฉันกลับเสียการทรงตัวและล้มลงบนก้อนหินสีขาวซีดก้อนที่ดูน่าขนลุกพอดี  ขณะที่ฉันล้ม  ฉันบังเอิญเคาะก้อนหินนั่นด้วยค้อน
	
"ก็อง...งง" เสียงดังอย่างน่าขนลุก
	
ฉันนอนเหยียดอยู่บนก้อนหิน หูแนบอยู่กับผิวก้อนหินที่ทั้งสากและชื้น
	
เจมี่..มี่..มี่..  เสียงที่เย็นชาและกระหายกระซิบ  มันเหมือนออกมาจากใต้ก้อนหิน ฉันกลั้นหายใจเบาๆ แล้วก็ตระหนักว่ามันมาจากฉันเอง  ฉันอ้าปากแต่ไม่มีคำพูดใดๆออกมา  ฉันมองไปที่รอยแตกของก้อนหิน และก็รู้สึกว่าเห็นอะไรบางอย่าง บางอย่างที่มีสีขาวซีด ขาวมากกว่าป้ายหินหน้าหลุมศพเสียอีก  ฉันชำเลืองมองเข้าไปในความมืดระหว่างหินสองก้อน มีบางอย่างก่อตัวเป็นรูปร่างขึ้น  มันดูคล้ายใบหน้าจางๆเป็นลักษณะเหมือนวงพระจันทร์ที่เรืองแสง กับตาสีดำสนิทยิ่งกว่าปีกค้างคาว และปากสีแดงฉานที่แสยะยิ้ม
	
เจมี่..มี่..มี่..
(ติดตามตอนต่อไปนะคะ สนุกแน่ๆ)				
comments powered by Disqus
  Tawan

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน