นิทานพื้นบ้านร้อยตอน เรื่อง: สิบสามอภินิหาร ตอน กำเนิดสมุทรดารา 2

อมตะลักขณา

โหรหลวง ทำนายทายทักบนกระดานชนวน ขีดๆ เขียนๆ แล้วจึงประนมหัตถ์ ขึ้นถวายบังคม
                     ขอเดชะ พระอาญาไม่พ้นเกล้า ขณะนี้ดวงเมืองดีมาก พระย่ะค่ะ พืชพันธุ์ ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ประชาราษฎร์ อยู่เย็นเป็นสุข ด้วยพระปรีชาพระย่ะค่ะ 
                     ดีล่ะ ถ้าอย่างนั้น เราจะพามเหสีของเรา ไปบวงสรวง ชะตาเมือง เพื่อสืบศิริมงคล แล้วจะถือโอกาส ท่องเที่ยวสักระยะหนึ่ง ในระหว่างนี้ เราขอแต่งตั้งให้ ลูกชายของเรา สินนที เป็นผู้ว่าราชการแทนเรา จนกว่าเราจะกลับมา
                     รุ่งขึ้น พระเจ้ากัลปังหา จึงเสด็จออกนอกวังพร้อมกับพระมเหสี และข้าราชบริพารจำนวนหนึ่ง ไปยังเทวาลัย องค์อัมรินทราธิราช ซึ่งอยู่อีกห้วงสมุทรหนึ่ง
                     จะกล่าวถึง พระเจ้ากัลปังหา เมื่อครั้งสร้างพระนคร หลังจากลูกปลาน้อยเนรมิตตนด้วยผลกัลปังหาแล้วนั้น ก็ได้อธิบายความนัย เกี่ยวกับต้นกัลปังหาวิเศษนั้นว่า มีความพิเศษอยู่ 5 ประการด้วยกัน กล่าวคือ 
                     ผล สามารถเปลี่ยนมนุษย์เป็นสัตว์ เปลี่ยนสัตว์เป็นมนุษย์ได้ตามแต่จิตอธิษฐาน ตามบุญแลกรรมที่กระทำมาแต่ภพแต่ชาติเดิม กิ่งก้าน สามารถสร้างเสาหลัก สร้างกำแพง ได้ตามจิตเนรมิต เปลือก สามารถใช้เป็นยาปฏิชีวนะ รักษาโรคานานาสารพัด ลำต้น ช่วยกระจายบรรยากาศที่จำเป็นสำหรับสรรพสัตว์ กล่าวคือ ไม่ว่ามนุษย์หรือสัตว์ใดๆ ก็สามารถดำรงชีพอยู่ได้ ตราบใดที่ได้รับอากาศหายใจ ภายในรัศมีของกัลปังหา แม้ว่าจะอยู่ใต้บาดาลก็ตาม แลความพิเศษประการสุดท้ายคือ กัลปังหาวิเศษนี้ จะให้ผลเป็นต้นกัลปังหาเล็กๆ 1 ต้น ทุกๆ 1 ปี เพื่อขยายเผ่าพันธุ์เพียงแต่ต้นกัลปังหาเล็กๆ เหล่านี้จะไม่มีคุณสมบัติประการสุดท้ายคือ ไม่สามารถกระจายพันธุ์ด้วยตนเองได้
                     พระเจ้ากัลปังหามีสติปัญญาล้ำเลิศ เมื่อครั้งพบกับลูกปลาน้อยแลได้ฟังคำชี้แนะ จึงหักกิ่งต้นกัลป์ปังหา หว่านลงหน้าถ้ำ กลางห้วงทะเลสาบ ตั้งจิตอธิษฐาน สร้างมหานครใต้น้ำขึ้น วิจิตรงดงาม ตระการตา ลูกปลาน้อย ทำหน้าที่หว่านผลกัลปังหา ให้กับเหล่าสรรพสัตว์ เมื่อสัตว์ทั้งหลายได้กลืนผลกัลปังหาเข้าไป ก็ได้กลายร่างเป็นมนุษย์ แลสรรเสริญให้ผู้สร้าง นั่นก็คือ พระเจ้ากัลปังหา แลลูกปลาน้อย เป็นคู่บุญ คู่บารมี ปกครองนครกัลปังหา และแคว้นกัลปังหาสืบมา
                     พระเจ้ากัลป์ปังหา ทรงตั้งพระนามให้กับลูกปลาน้อยใหม่ว่า ดาราเทพเทวี พระนางดาราเทพ ให้ประสูติพระราชโอรส 1 พระองค์ ทรงพระนามว่า สินนที 
                     สืบจนปัจจุบัน โอรสสินนที ทรงพระชนมายุ ได้ 18 พระชันษา เมื่อครั้งประสูติ มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นท้องฟ้าเบิกกว้าง ท้องนทีใสสว่างราวกับกลางวัน แลปรากฏ พระพักตร์ สองผู้เป็นใหญ่นั่นคือ องค์อัมรินทร์และท้าวสุริยัน องค์อัมรินทร์ราชา ได้ประธานพรแด่พระราชโอรส ให้มีพระชนมายุยืนยาว ร่างกายแข็งแกร่งประดุจเพชร ท้าวสุริยันประธานความฉลาดหลักแหลม แลประธานศร สุริยันเพื่อเป็นอาวุธคู่กายอีกด้วย
                     พระโอรสสินนที ปฏิบัติภารกิจแทนพระราชบิดาเป็นอย่างดี ออกว่าราชการ ออกดูแลพสกนิกร รวมถึงสรรพสัตว์น้อยใหญ่ในแว่นแคว้น 
                     วันหนึ่งก่อน พระอาทิตย์จะลับขอบฟ้า ท้องฟ้ากลับมืดมิด ท้องนทีสงบเงียบราวทุกสิ่งหยุดนิ่ง พระโอรสสินนที สังเกตุเห็นความผิดปกติ จึ่งเสด็จออกที่ท้องพระโรง แต่ไม่พบใครแม้แต่คนเดียว
                     ท่านอำมาตย์ ท่านราชครู กิริยา การเกตุ .... ทรงทอดเนตร และ ร้องเรียกเหล่าข้าราชบริพาร แต่ก็ไม่มีเสียงใดตอบกลับ 
                     พระโอรสฯ เสด็จมายัง หน้าพระราชวัง ภาพที่ได้ทอดเนตร ทำให้ทรงตะลึงงัน เหล่าข้าราชบริพาร กลับกลายร่างเป็นสรรพสัตว์ลอยตามสายนที ดั่งไม่มีแล้วซึ่งชีวิต ทอดเนตร เห็นเต่าตัวหนึ่งพยายามแหวกสายนที เข้ามา คลานเข้ามาช้าๆ พระโอรสฯ ไม่รีรอ รีบนำผลกัลปังหาออกจากถุงทอง ให้เต่าตัวนั้นกลืนทันที 
                     ท่านราชครู เกิดสิ่งใดขึ้น ไยพวกท่านจึงเป็นเช่นนี้เล่า พระโอรสฯ ทรงตรัสด้วยน้ำเสียงแลท่าทางตกพระทัยเป็นยีงนัก
                     พระอาญาไม่พ้นเกล้าพระเจ้าข้า... พวกข้าพระองค์ ... แค็กๆๆ  ยังมิทันพูดจบ ราชครูก็กลับกลายร่างเป็นเต่าแลสิ้นใจทันที
โปรดติตามตอนต่อไป...				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน