ThE TruE STorY : ฝันร้าย กับ เรื่องน่าอายของนักฆ่า

bMX

"ใคร...ต้องการอะไร?"   เฟรินเค้นเสียงถามอย่างยากเย็น  เม็ดเหงื่อเกาะพราวทั่วใบหน้า  
    อยากจะขยับ แต่ขยับไม่ได้   คมมีดถูกเงื้อขึ้นอย่างรวดเร็ว  เฟรินหลบตาลงช้าๆ กลั้นหายใจเพื่อรอรับความเจ็บปวด 
    เสียงกรีดร้องดังขึ้นก้องป่าอีกครั้ง เมื่อเลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูด 
                "กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด"  
           "วิเวียน"   เสียงร้องตะโกนของโรเวนทำให้ร่างบางสะดุ้งตื่น  ก่อนจะลุกขึ้นนั่งและโผกอดโรเวนไว้
     หยาดเหงื่อไหลรินจนชุ่มลำคอและใบหน้า  เธอหายใจหอบถี่อย่างหยุดไม่ได้  ร่างบางสั่นระริกด้วยความกลัว 
                ฝันรึ?.....  คำถามแรกที่แล่นวาบเข้ามาในหัว   
                น่ากลัวเหลือเกิน...เหมือนจริง  เหมือนมากเสียจนอดระแวงไม่ได้  
    วิเวียนตวัดสายตาไปอีกด้าน  ก็พบพี่หญิงของเธอผู้ซึ่งตกเป็นเหยื่อในฝันกำลังยืนยิ้มให้อย่างเป็นห่วง
               "เป็นอะไรรึเปล่าวิเวียน ร้องซะลั่น"  คำถามแรกจากปากเธอ
    วิเวียนชะงักไปเล็กน้อย  เธอครุ่นคิดอะไรบางอย่าง  ก่อนจะตอบออกไป
               "แค่ฝันร้ายนิดหน่อยน่ะค่ะ ขอโทษที่ทำให้เจ้าพี่กับพี่หญิงต้องตื่น"  เธอเอ่ยขอโทษขอโพย
               "ไม่เป็นไรหรอก ตื่นแล้วก็หลับใหม่ได้นี่นา  ถ้ายังไงแล้ววิเวียนนอนซะนะ พี่ก็จะไปนอนแล้ว" เฟรินกล่าวยิ้มๆ
    วิเวียนพยักหน้า ขยับรอยยิ้มบางๆ อย่างอ่อนล้า  ก่อนจะปิดเปลือกตา  และหลับสนิทไปอีกครั้ง
               เหลือไว้เพียงแค่สายตาห่วงหาอาทรณ์จากผู้ถูกเรียกเป็นพี่ทั้งสองคน.... 
                เกวียนไม้ยังคงเคลื่อนไหวไปเรื่อยๆ  เฟรินกับวิเวียนก็นั่งคุยกันอยู่ในห้องไปตามประสา
               "พี่หญิงรู้สึกยังไงคะที่จะได้ไปเอดินเบิร์ก"  วิเวียนเอ่ยถาม
               "หืม..ดีใจล่ะมั้ง คิดถึงคิลมันเหมือนกัน ไม่รู้ว่ากับเรนอนเป็นยังไงบ้าง"  เธอว่ายิ้มๆ
               "คิดถึงแต่คุณคิลคนเดียวเหรอคะ"  คำถามต่อมาทำเอาเฟรินชะงัก  ก่อนจะรีบชักวิชาหน้ากากฟาโรห์มาใช้
               "ก็คิดถึงทุกคนแหละ อย่างพี่โรเวนนี่ก็เห็นจนหายคิดถึงแล้ว"  เธอว่าพลางหัวเราะ
               "แล้วที่คิดถึงเป็นพิเศษ ไม่มีเลยเหรอคะ"  วิเวียนถามซ้ำ
    เฟรินพยายามนึกถึงคนที่เธอคิดถึงที่สุดเมื่อตัดใครบางคนออกไปแล้ว  แต่ก็นึกไม่ออก  จึงรีบพูดออกไปเพื่อตัดปัญหา
               "เอ่อ...รุ่นพี่ลอเรนซ์กับรุ่นพี่ลูคัสกระมัง"  เธอว่า  ทำเอาวิเวียนชักสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย
               "จริงสิ..วิเวียนยังไม่เคยเจอพวกเค้านี่นา ไว้แล้วจะแนะนำให้รู้จัก"  เธอว่า 
    จากนั้นทั้งสองก็นั่งคุยกันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งตะวันคล้อยๆ จะตกดิน  โรเวนจึงก้าวเข้ามาในห้องเพื่อแจ้งข่าว
    ข่าวที่เฟรินแทบจะแหกปากร้องจนเป็นบ้าไปเลยทีเดียว
                 "อะไรนะ ไปพักที่คาโนวาล"   เฟรินตะโกนลั่นเมื่อได้ฟังคำบอกเล่าของโรเวน
    วิเวียนที่กำลังอมยิ้มกับท่าทีของเฟริน  
               "ก็ดีนี่คะพี่หญิง  อีกอย่างทางกษัตริย์คาโลก็เตรียมการพร้อมรับไว้แล้ว"  วิเวียนว่า  แต่งานนี้ยากหน่อย
    เมื่อเจ้าตัวยุ่งยังไม่ยอมท่าเดียว  
               "ถ้าอย่างนั้นวิเวียนกับท่านโรเวนก็พักที่นั่นเถอะ ฉันจะไปบารามอส"  เฟรินกล่าวอย่างมุ่งมั่น
    โรเวนส่ายหัวอย่างระอาก่อนจะตัดบท
               "เสียใจ ตอนนี้เราเข้ามาถึงเขตคาโนวาลแล้ว ที่สำคัญฉันได้บอกท่านจ้าวเอวิเดสไว้แล้ว
    ว่าจะพาเจ้าหญิงเฟลิโอน่ามาพักที่คาโนวาล  ดังนั้นฉันจึงจำเป็นต้องรักษาคำพูด"   โรเวนว่า  เฟรินกลืนน้ำลายลงคอ
    อย่างยากลำบาก  จะขัดขืนก็ได้แต่เพียงในใจ
                "นะคะพี่หญิง ยังไงก็แค่คืนเดียวเท่านั้น  จากนั้นพวกเราทุกคนจะต้องไปพักที่เอดินเบิร์กอยู่ดี"  วิเวียนกล่อม
    จนในที่สุดแววตาสีน้ำตาลก็อ่อนลง เธอถอนหายใจหน่ายๆ  ก่อนจะพยักหน้าอย่างเสียมิได้
          
                "คาโล"   เสียงร้องเรียกของนักฆ่าหนุ่ม ที่กำลังเดินหาเพื่อนผู้สูงส่งไปรอบๆ อาณาเขตวังคาโนวาล
                "ดึกดื่นป่านนี้ไปไหนมันวะ"   เขาพึมพำอย่างหงุดหงิดๆ   ก่อนจะเดินไปรอบๆ
    แต่แล้วพลันสายตาเจ้ากรรมมันก็ดันเหลือบไปเห็นร่างของสายน้อยหน้าหวาน  ที่ตอนนี้กำลังยืนชมจันทร์อยู่คนเดียว
    แสงจันทร์ที่สาดส่องกระทบเรือนผมสีม่วงเป็นประกาย  ใบหน้าขาวผ่องดูเนียนละเอียดแม้มองจากที่ห่างไกล
    คิดแล้วพลันใบหน้าของคนที่หลบอยู่หลังพุ่มไม้ก็ร้อนวูบวาบอย่างไม่ได้ตั้งใจ   ใบหน้าขาวขึ้นสีเรื่อๆ   
                แล้วก็เหมือนว่าเทวดาจะหวังดีประสงค์ร้าย  เมื่อเจ้าหญิงคนงามเหลียวพระพักตร์หันกลับมามอง
               "นั่นใครคะ?"   คำถามที่ทำเอานักฆ่าแทบหยุดหายใจ  ได้แต่คิดไปคิดมาอย่างสรุปไม่ได้
               "ถามว่านั่นใคร"   คำถามจากเจ้าหญิงดังมาอีกระลอก  ในสมองของเขาจึงยิ่งทำงานหนัก
                     ถ้าไม่ออกไป....ไม่ได้ มันดูขี้ขลาด
                     ถ้าจะเดินหนีเสีย....ไม่เอา มันหน้าเกลียด
                     แต่เราอยากรู้เรื่องคาโลนี่...เรนอนคงจะรู้ว่าคาโลไปไหนล่ะนะ
                     เอาว่ะ ถามเรนอน....  แต่ว่า....
                      จะให้ยืนถามอยู่ตรงนี่เหรอ.... ไม่ดี  ดูไม่ให้เกียรติเขา
                      แล้วจะให้เดินไปถามเขาใกล้....อ้ากกกกกกกกกก
    นักฆ่าหนุ่มส่ายหน้าอย่างคิดไม่ออก  โดยหารู้ไม่ว่า เขาไม่จำเป็นต้องคิดสิ่งใดทั้งสิ้นในตอนนี้
    เนื่องจากว่าเจ้าหญิงคนงาม บัดนี้ได้ยุรยาตรมายืนอยู่ข้างหน้าเขาแล้ว  
                 "คุณคิลคะ"   เสียงเรียกของเธอทำให้คิลได้สติ  พลันลืมตาขึ้นมอง  ก็เห็นเรนอนกำลังยื่นหน้าเข้ามา
    เพื่อจะดูว่าเขาเป็นอะไร  แต่ว่าตอนนี้  ใบหน้าที่เคยขึ้นสีเรื่อๆ กลับแดงจัด  ร้อนฉ่าไปหมด  
                 "เป็นอะไรไปคะ"   คำถามแสนซื่อที่ออกจากปากของเรนอน  ทำเอาคิลอยากเดินหนีไปเสียด้วยความอาย
    ชายหนุ่มพยายามเบี่ยงหน้าไปไม่ให้ต้องแสงจันทร์  แต่ว่าไม่ทันสายตาอยากรู้อยากเห็นของเรนอนหรอก
                 "ตายแล้ว ไม่สบายรึเปล่าคะ หน้าแดงจัดเลย"   เรนอนอุทาน  เอามือทาบอก
     คิลหน้าร้อนวูบอึกอักไม่รู้จะตอบยังไง จะบอกตรงๆ ก็อาย และก่อนที่จะรู้ตัว  คำพูดบางอย่างก็หลุดออกจากปากไป
                 "ง่า..คือ..ฉันเป็นโรคหัวใจไม่แข็งแรง...มัน..มันชอบส่งเลือดไปเลี้ยงใบหน้ามากเกินความจำเป็น"  
     คำตอบที่ทำเอาคิ้วเรียวงามขมวดเข้าหากัน  แววประหลาดใจฉายชัดบนใบหน้าของเจ้าหญิงคนงาม
                 "ค..ค่ะ ยังไงก็รักษาสุขภาพด้วยนะคะ เอ่อ.. แล้ว..แล้วมันมีวิธีรักษารึเปล่าคะ"   เรนอนถาม
                 "หมายถึง...ไอ้โรค..หัวใจไม่แข็งแรงนี้"  เธอย้ำ ด้วยใบหน้าที่บรรยายไม่ถูก 
    แต่นั่นหมายถึงน่ารักเสมอในสายตาคิล
                 "ก็แค่เอาหัวใจของเจ้าหญิงคนงามจากคาโนวาลไปประคบประหงมมันก็หายแล้วล่ะเรนอน"  
    
        ---------------------------------โปรดติดตามตอนต่อไป -------------------				
comments powered by Disqus
  • โอ คาลิฟโซ

    21 พฤษภาคม 2548 13:08 น. - comment id 84748

    เป็นกำลังใจให้นะครับ 41.gif
  • ผู้ติดตาม

    17 พฤษภาคม 2550 16:30 น. - comment id 96194

    1.gifรีบ ๆ ลงต่อนะ
  bMX

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน