“ไร้คำอธิบาย..สีชัง”

อัลมิตรา

 อย่าไปเลยนะครับ ผมเป็นห่วง.. เสียงของเขามาจากอีกปลายสาย 
 ขอบคุณค่ะที่เป็นห่วง แต่เคยไปมาแล้ว สบายมาก เชื่อสิ  ฉันตอบ
 อันตรายนะครับ คุณจะไปได้อย่างไร คนเดียว 
 ทุกอย่างพร้อมไม่น่าจะมีอะไรติดขัด แล้วจะกลับมาอย่างที่เรียกว่าครบถ้วนค่ะ  
 ครับ ต้องครบสิ คุณต้องกลับมาให้ครบนะ 
 แน่นอน ต้องไม่มีสิ่งที่เกินติดตามหัวใจกลับมา  
ฉันตอบในใจ.... แล้วก็วางสายโทรศัพท์
ใช่สิ เขารู้ รู้เสมอ..ว่าฉันจะเดินทางไปไหน ฉันไม่เคยปิดบังเขา
ความเป็นห่วง ฉันไม่รู้หรอกว่าเป็นคำกล่าวตามมารยาท หรือจากใจ..
แต่ก็ช่างเถอะ ไม่มีอะไรให้ต้องห่วง ทำไมต้องมาห่วงฉัน
ในเมื่อ ฉัน..อยากจะไป
สัมภาระในเป้ของฉันมีไม่มากนัก เพราะว่าไปค้างแค่หนึ่งคืนเท่านั้น 
เป้สีดำใบย่อมถูกนำมาใช้อีกครั้ง ของใช้ส่วนตัวบางอย่างยังอยู่
ฉันตัดสินใจอย่างแน่วแน่เป็นครั้งสุดท้าย .. 
ฉันสัญญากับหัวใจของตนเองว่า ฉันจะทำในสิ่งที่ควรทำ
ฉันจะกลับมา จะกลับมา เพื่อตัวฉันเอง .. แต่..ไม่ใช่เพื่อเขา				
ที่สถานีขนส่ง คนไม่ค่อยเยอะนัก อาจเป็นเพราะพวกเขาเดินทางกันไปตั้งแต่วานนี้
ฉันเดินตรงดิ่งไปซื้อตั๋วรถ มองอย่างแน่ชัดว่า ซื้อตั๋วไม่ผิด .. ผิดล่ะแย่เชียว
ปกติ ตอนที่ไปด้วยกันกับเขา เขาจะเป็นคนซื้อตั๋ว แต่ฉันเคยเดินตามนะ

ไม่รู้ว่า วันนี้จะเมารถหรือเปล่า ถ้ามีอาการเมารถล่ะ แย่แน่ 
อืมม ! ยาแก้เมารถ ที่เขาซื้อให้ตั้งแต่คราวก่อน อยู่ซุกในกระเป๋า 
อีก 15 นาที รถจะออก ทานเสียก่อน..จะดีกว่า กันพลาด จะได้ไม่มีใครเฮ..

ฉันนั่งแถวที่สองด้านหลังคนขับ ชิดกระจก 
คนที่นั่งข้าง ๆ เป็นผู้ชายผิวขาวใส่แว่นถือโน๊ตบุคมาด้วย งานคงเยอะ
ฉันเห็นเขาเปิดเครื่องทันที ที่มานั่งเรียบร้อย สิ่งยิ้มให้สักนิดก็ไม่มี.. 
อะโด่ ! .. แล้งน้ำใจจัง..
ฉันชำเลืองว่าเขาเปิดเครื่องทำอะไร โธ่ ! นึกว่ามีงานมาทำ ที่แท้ ก็เล่นเกม.. 
เขาเสียมารยาทนะ เปิดเสียงเสียดัง ยิงกันสะบั้นหั่นแหลก จนฉันเริ่มเวียนหัว 
แอร์ก็ไม่ค่อยฉ่ำเอาเสียเลย บรรยากาศชวนอาเจียน..ชอบกล

นึกได้ว่า มียาหม่องอยู่ในช่องด้านหน้าของเป้
ยาหม่องตราลิง .. ทำไมต้องตราลิงด้วยนะ คนที่ซื้อให้ ก็ช่างกวนจัง 
เปิดยาก เล็บไม่ค่อยมี กว่าจะเปิดได้ทุลักทุเลอยู่นาน
ฉันคงทายาหม่องมากไปหน่อย จนเขาฉุนจมูก .. เห็นทำจมูกฟุตฟิต
ทีตัวเองเล่นเกมดัง ยังไม่มีใครว่าเลย แค่นี้ทำเป็นมอง

 สมัยนี้..ยาหม่องตราลิง ยังมีอยู่อีกหรือครับ  
เขาถาม ในขณะที่เขากำลังกดปุ่มระเบิดตัวเอเลี่ยน
 ตลับนี้ ใช้มาตั้งแต่คุณยายค่ะ ใช้ไม่หมด เลยเป็นมรดก  
ฉันตอบกวน ๆ ไป ..ได้ผลแฮะ  เขาหันมาทำหน้าแปลกใจ 
 อะไรนะครับ ตะกี้คุณตอบว่า ตั้งแต่สมัยคุณยายหรือครับ 
ยังไม่ทันที่ฉันจะตอบ พอดีมีโทรศัพท์เข้ามาเสียก่อน 
เสียงโทรศัพท์ของฉันตั้งไว้เป็นเสียงแมวเมี๊ยว ๆ

 สวัสดีครับ วันหยุดนี่ไปเที่ยวไหน หรือว่าอยู่บ้านครับ  
เขา..คนที่อยู่ไกลกว่าห้าร้อยกิโลเมตร พูดแบบไม่ทันให้ตั้งตัว
 กำลังเดินทางไปชลบุรีค่ะ  ฉันตอบ
 อ้าว ! ไปกับใครครับ ไปทำไม  คนนั้นถามอีก
 ไปคนเดียว เอ.. ไม่ใช่สิ น่าจะสี่สิบกว่าคนนะ ..ไปหาอ๊อกซิเจนหายใจค่ะ  
ฉันตอบอย่างอารมณ์ดี
 มีอะไรหรือเปล่า ? ทำไปเป็นแบบนี้ล่ะครับ เกิดอะไรขึ้น 
 แล้วกัน ที่ชลบุรีเป็นเขตหวงห้ามตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาห้ามไปเที่ยวหรือคะ 
 เอ้า ! ไม่ถามก็ได้ครับ แล้วจะกลับวันไหนครับนี่ เป็นห่วงนะครับ 
 พรุ่งนี้นะ ยังไม่แน่ใจว่ากี่โมงค่ะ อาจแวะเที่ยวที่อื่นอีก ว่าจะไปเก็บภาพน่ะ 
 ฝนตกมากเลย ที่นี่ แล้วผมโทรหานะครับ ดูแลตัวเองด้วยนะครับ 

เขา..ใจดีกับฉันเสมอ 
หลายครั้งที่ฉันรับโทรศัพท์ของเขา ฉันได้แต่พูดจาก่อกวน เขาไม่เคยโกรธ
และเขาก็ยังคงโทรหาฉัน .. ทุกวัน 
ฉันเชื่อในคำสุดท้ายที่เขาบอกว่า ..แล้วผมจะโทรหานะครับ .. 
ใช่ เขารักษาสัญญา ฉันเชื่อเช่นนั้น..

ให้มันได้อย่างนี้สิ  
บางคนที่บอกว่าเป็นห่วงกลับไม่โทร 
อย่างนี้นี่เอง ที่เรียกว่า...ไร้คำอธิบายใด ๆ..
ฉันเก็บโทรศัพท์ใส่เป้ และนั่งพิงกระจก หลับตา .. คิดอะไรบางอย่าง

เขา คนไกล.. คือคนที่ฉันคิดถึง				
 ตึกคอมฯครับ ลงได้นะครับ คนที่จะลงตึกคอมฯ  เสียงของคนขับรถดังใส่โฟน
ฉันเห็นเขาจัดการเก็บโน๊ตบุค และเตรียมตัวจะลง ทำไมต้องลงที่เดียวกันนะ 
แต่ก็ดี เผื่อว่าเขาจะข้ามไปเกาะสีชัง จะได้หุ้นกันนั่งรถสามล้อไปท่าเรือ

ดูเขาเร่งรีบ เห็นเดินเข้าไปในตัวอาคารของตึกคอมฯ .. 
ว้า .. ท่าจะต้องเสียค่าสามล้อเต็มๆไม่มีตัวหาร แต่ก็ช่างประไร เรื่องเล็ก
..นี่ยังเช้าอยู่ พอมีเวลา 
ตอนนี้ไปจัดการเข้าห้องน้ำ ทานข้าวมื้อเช้าให้เรียบร้อยก่อนดีกว่า..
ดีเหมือนกัน เผื่อซื้อขนมติดเป้ ไว้บ้าง 
ครั้งก่อนเห็นเครฟตรงบันไดเลื่อน คราวนี้จะได้ซื้อซะที

ได้ขนมมาถุงใหญ่ .. ถูกใจฉันล่ะ .. อิสระเสรี เหนืออื่นใด...
อ้าว ! หมอนั่น ..
เดินออกมาจากตึกคอมฯ เหมือนกัน กระเป๋าโน๊ตบุคยังคงสะพายอยู่
แถมมีเพิ่มมีอีกสองถุงใหญ่ .. คงจะเป็นเครื่องมืออะไรสักอย่าง 
ฉันยิ้มให้เขา .. เขายิ้มให้ฉัน .. ยิ้มเป็นเหมือนกันแฮะ นึกว่า บ้าเกม อย่างเดียว

 จะนั่งสามล้อ ....คือ ..  ฉันอึกอัก เริ่มต้นพูดไม่ถูก
 ครับ ผมจะนั่งสามล้อ ไปท่าเรือครับ คุณจะติดไปด้วยก็ได้นะครับ จะลงตลาดก็ได้
 ไปสิ ไป หุ้นกัน นะ  ฉันรีบตอบ กลัวเขาจะเปลี่ยนใจ
 น่าเกลียดตายเลย หุ้นกันทำไม ผมต้องไปอยู่แล้ว ผมเป็นหมออยู่ที่นั่นครับ  
เขาแนะนำตัว
 ค่ะ ขอบคุณ  ดีแฮะ ไม่ต้องจ่ายตังค์เอง
 เป็นหมอ หมายถึงนายแพทย์ ?  ฉันเพิ่งนึกได้ ตะกี้เขาบอกว่าเขาเป็นหมอ
 ครับ มาเข้าเวรเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ 
บ้านของผมอยู่ฝั่งธนครับ บ้านญาติคุณอยู่ศรีราชาเหรอครับ 
 ไม่มี ไม่มีญาติอยู่ต่างจังหวัด .. 
มาเที่ยวน่ะ มากันหลายคน แต่พวกเขามากันก่อน   ฉันโกหก 

ฉันไม่อยากให้เขารู้ว่าฉันมาลำพัง 
ก็แค่อาศัยนั่งรถสามล้อไปท่าเรือเท่านั้น เรื่องอื่นไม่จำเป็นต้องบอกหมด .. 
อาจเกิดเรื่องอันตราย  หากคนอื่นรู้ว่าฉันมาลำพัง				
แดดยามสายเริ่มจ้า แต่ก็ยังไม่ร้อนมาก เพราะมีลมพัด ฉันลงจากรถสามล้อ พร้อมกล่าวคำขอบคุณเขา
จากนั้นก็เดินแยกออกมาต่างหาก เถลไถลกับการถ่ายภาพที่ท่าเรืออยู่นิดหน่อย 
รู้สึกเหมือนกันว่า ถูกมอง .. 
หูแว่วอีกต่างหาก .. เสียงเรียกชื่อฉัน อัลมิตรา ..
ไม่ใช่ครั้งเดียว แต่เป็นสองครั้ง เสียงทุ้มของผู้ชาย
แต่พอฉันหันกลับไปทีไร ก็ไม่เจออะไรที่ผิดสังเกตุ เอ.. หรือฉันระแวงเกินเหตุ

ตอนที่ฉันกำลังจะก้าวเท้าลงเรือ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น 
ยังไม่รับล่ะ ฉันนึกถึงคำที่เขาเคยดุ " ขึ้นรถ ลงเรือ ไม่ใช่เวลารับโทรศัพท์ "..
จำฝังใจเชียวล่ะ จู่ ๆ ก็มาทำเสียงเขียวใส่ ..ฉันเดินไปทางด้านหลังของเรือ
ลมทะเลพัดแรง จนหมวกสีส้มเกือบหลุดลอย ดีที่คว้าไว้ทัน

นึกถึงคราวก่อน ตอนที่ยืนคุยกับเขาที่ช่วงต่อของโบกี้
หมวกใบเก่งของฉันปลิวหล่นจากรถไฟ ฉันได้แต่มอง 
ใช่.. ได้แต่มองเท่านั้น เพราะทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านั้น
เขารู้ว่า ฉันรักหมวกใบนี้มาก .. 
เขาปลอบว่า "..ไม่เป็นไรนะ แค่หมวก.."
"..อืม .. เสียดายจังค่ะ "
				
ประมาณสี่สิบนาทีบนเรือ ฉันนั่งมองไปรอบ ๆ 
เขา..หมอคนนั้น นั่งอยู่ด้านหน้า คงง่วนกับเกม (อีกแล้ว)
ดูเขามีความสุขกับการใช้เวลารอคอยอย่างสบายใจ 
นึกๆแล้วก็อิจฉาเขาแฮะ เขาหาวิธีผ่อนคลายได้ดี

จริงสิ เพิ่งจะนึกได้..เมื่อตะกี้ใครกันนะที่โทรเข้ามา 
ยังไม่ทันคิดคำตอบ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกหน
 ถึงไหนแล้วครับ.. คนที่อยู่ไกล นี่เอง
 อยู่บนเรือค่ะ กำลังข้ามไปยังเกาะ ตะกี้คุณโทรมา พอดีไม่สะดวกรับค่ะ..
 พูดดัง ๆ หน่อยครับไม่ค่อยได้ยิน..
 ดังแล้วค่ะ เสียงคลื่นมันกลบด้วยน่ะ คุณเป็นไงบ้าง ฝนตกเหรอ เสียงซ่า ๆ นะ..
 ฝนตกครับ คนดี ฟ้ามืดทั้งวัน สงสัยฝนจะตกยืดเยื้อ..
 ฝนตกทางโน้น แต่ไม่หนาวถึงคนทางนี้หรอกค่ะ 
 ฮะ ฮ่า ตลกเชียว ถ้าหนาว คุณคงไม่คิดไปเที่ยวทะเลหรอกครับ 
 ถ้าตั้งใจ จะหนาว หรือ ฝนตก ก็ไม่ใช่อุปสรรคค่ะ 
 เอ่อ เมื่อเช้า ผมลืมถาม เอายาพกไปด้วยหรือเปล่าครับ  
เขาหมายถึงยาประจำตัว ที่ต้องทานทุกวัน ๆละ ครึ่งเม็ด
 เปล่า ลืมไปเลย แค่วันเดียว ไม่เป็นไรหรอกมั๊งคะ 
 แล้วกันสิ คุณนี่ 
ไม่น่าลืมเลย ยิ่งไปคนเดียวอยู่ด้วย เผื่อไม่สบายมาล่ะแย่ ไม่มีใครดูแล 
 อะไรจะเป็นไป ก็ปล่อยให้เป็นไปเถอะค่ะ กังวลมาก เครียดเปล่า ๆ 
 ไม่ต้องเลย ไม่ต้องเลย คุณจอมเฉไฉ  ดูสิ เขาบ่นมา
 ก็บอกว่าลืม จะให้กลับไปบ้านไปเอามาใหม่หรือคะ 
หรือ คุณจะเอายามาให้  ฉันย้อน
 ก็ดูแลตัวเองละกัน นะครับ ถ้ามีอะไรก็โทรหาผมได้ทุกเมื่อนะครับ 
 อื้อออออ !..
 ทานข้าวบ้างนะครับ 
 อื้อออออ !.. แค่นี้นะ บายค่ะ..
 ครับสวัสดีครับ..

ฉันเก็บโทรศัพท์และหยิบกล้องมาเก็บภาพที่ปรากฏอยู่ข้างหน้า
เรือประมงที่กำลังสาวอวนขึ้น ปลามากมายดิ้นกระแด่วในอวน 

เด็กผู้ชายไม่สวมเสื้อตัวดำเมี่ยมถือเบ็ดอยู่อีกด้านของกราบเรือ
ไม่รู้เหมือนกันว่า เขาตกปลาได้หรือเปล่า หรือว่ายืนเต๊ะจุ๊ยอวดกล้องของฉัน
นักตกปลาตัวจ้อย อีกหน่อยเขาคงเป็น.. นักตกปลาตัวฉกาจ ..				
 อ้าวพี่ มาคนเดียวเหรอ.. 
ถ้าจำไม่ผิด ผู้หญิงคนนี้น่าจะชื่อรุ้ง คราวก่อนเธอให้นามบัตรฉัน
 ฮื่อ มาคนเดียว คนอื่นเขาล่วงหน้ากันมาแล้ว.. ฉันปดอีกครั้ง
 พักที่เดิมหรือเปล่าพี่..
 ที่เดิม ที่ไหน ?..  ฉันแกล้งถาม ทวนความจำกันซักหน่อย
 ที่หาดถ้ำพังไงพี่ หนูไปส่ง หรือพี่จะเช่ารถ.. เธอตอบผิด
 ลืมไปแฮะ โทรมาจองที่พักไว้ก่อน ที่ศรีพิษณุ 
กลัวที่พักเต็ม น่ะ ไม่งั้นถ้าให้เธอพาไป เธอได้ห้าสิบบาท..
 พี่จองแล้วเหรอ อืม ถ้าหนูพาไป หนูได้ห้าสิบบาท ค่าน้ำ..
หน้านี้ที่พักไม่เต็มหรอกพี่ ฝนตก คนไม่ค่อยมา..

 มีจักรยานให้เช่าหรือเปล่า ?.. ฉันถาม
 โห พี่ขี่จักรยานขึ้นเขา หนักนะพี่  มีน่ะมี แต่ไม่ใช่ของหนู 
จักรยานที่บ้านน่ะ ของน้องแฟน..
 จักรยานแม่บ้าน หรือเสือภูเขา..
 เสือภูเขา พี่จะเอาเช่าจริง ๆ อ่ะ หนูโทรไปถามมันก่อน 
ไม่รู้มันคิดค่าเช่าเท่าไหร่ ตัวพี่สูงน่าจะขี่ได้..
 ถ้าเกิน 120 ไม่เอานะน้อง เมื่อยขาแล้วยังจะต้องเสียค่าเช่าแพง ก็ไม่สู้นะ.. 
ฉันเริ่มต่อรอง
เธอกดโทรศัพท์ไปถามเจ้าของรถจักรยาน ได้ยินเธอตอบแต่ว่า
..ผู้หญิง .. 
..เอ่อ ๆ .. 
..คิดเท่าไหร่ ..
..ก็คงขี่เป็น ไม่เป็นจะถามหาตะบวยอะไร..
..ร้อยนึง เอ็งเอาเปล่า..
..ลูกค้าเก่า เออ เออ เอ็งเอาไปส่งที่ศรีพิษณุละกัน เจอที่นั่น..

ฉันยิ้มให้กับลูกไม้ของรุ้ง ฉันเสนอให้ร้อยยี่สิบ เธอเก็บหัวคิวไปยี่สิบ .. 
นี่ละนะ ธุรกิจ
 มันจอดทิ้งไว้เฉย ๆ น่ะพี่ แรก ๆ มันก็เห่อตามเพื่อน 
คันนี้แม่ซื้อให้ ตอนถูกหวย คันละเกือบหมื่น..
 คืนพรุ่งนี้นะ สาย ๆ แต่ไม่เกินเที่ยง มารับที่ศรีพิษณุละกัน ..
 ได้พี่ ตอนนี้พี่จะไปเลยเปล่า ที่ศรีพิษณุ หนูไปส่ง..
 ฟรีเหรอ..
 สามสิบก็พอพี่..				
จักรยานถูกปรับอานให้ย่นลงมาพอดีกับฉัน 
เช็คล้อ เช็คเกียร์ เช็คเบรค แล้ว ก็พอไหว สมราคาดี
คืนนี้คงต้องมีการนวดยาคลายกล้ามเนื้อกันบ้างล่ะ 
ขี่จักรยานขึ้นลงบนภูเขา .. ท้าทายตัวเองแท้ ๆ
ฉันพยายามจดจำสถานที่ต่าง ๆ ให้แม่นยำ 
กลัวแต่ว่า ขี่ไปเรื่อย ๆ ขากลับ กลับไม่ถึงที่พักซะที 
เป้ใบเล็กอีกใบ ถูกนำมาใช้ ในเป้ มีกระเป๋าตังค์ โทรศัพท์ กุญแจบ้านพัก
กล้องถ่ายรูป สมุดวาดเขียน กล่องดินสอ น้ำดื่มขวดเล็ก เบตาดีน
พล๊าสเตอร์ยาเพื่อซุ่มซ่าม ขนมปังไส้เผือกของฟาร์มเฮ้าท์ และปลาหมึกเส้นทาโร่
อ้อ..เกือบลืม เศษเหรียญอีกหลายสิบบาท

ไม่น่าเชื่อ ฉันเจอป้ายไปอ่าวอัษฏางค์ เอาล่ะ ทนเหนื่อยอีกนิด 
ปั่นจักรยานไปเรื่อย เหนื่อยก็พัก หายเหนื่อก็ปั่นจักรยานต่อ 
มันอาจจะช้ากว่าจะถึงที่หมาย
แต่ฉันไม่เห็นว่า จะต้องรีบอะไรกันหนักหนา .. 
นักท่องเที่ยวหลายคน โบกมือให้ ในขณะที่พวกเขาอยู่ในรถสกายแล๊ป
ฉันโบกมือตอบ พร้อมกับรำพึงกับตนเองว่า .. 
ฉันก็นักท่องเที่ยวเหมือนกันนะ ..ฉัน..ไม่ใช่คนแถวนี้ ..				
แย่จัง ฉันไม่รู้ว่าฉันผล็อยหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ 
จำได้แต่ว่า มานั่งพักเหนื่อยที่ศาลาริมหน้าผา
เส้นทางนี้ค่อนข้างเปลี่ยว นี่ก็ยังไม่เจอ แมวซักตัว .. 
ด้วยความที่เหนื่อย บวกกับลมพัดตึงพอเหมาะ 
กะว่าจะหลับตาสักวูบ ปรากฏว่าวูบนานไปหน่อย
ตอนนี้น่าจะบ่ายสอง อาหารเที่ยงยังไม่ตกถึงกระเพาะเลย 
 ทานข้าวบ้างนะครับ   เสียงจากโทรศัพท์.. สั่งนักสั่งหนา  
อยากทานเหมือนกันนะ 
กระเพราะปลาหมึกราดข้าว + ไข่ดาว + กุนเชียงอีกสักเส้น
ก็ได้แต่คิด เพราะที่ถือติดมือมา พอแกะห่อแล้ว มันเป็นแค่ขนมปังไส้เผือก
เถอะน่า 
พอประทังชีวิต เดี๋ยวค่อยไปหาอะไรยาไส้ ที่หาดถ้ำพัง แถวนั้น ฉันไม่อดแน่

ฉันไปถึงถ้ำพังประมาณบ่ายสามกว่า ๆ 
เมฆครึ้มนะ แต่ฝนยังไม่ตก ดีจังไม่ค่อยมีแดด ไม่ดำแน่
เรื่องตัวดำน่ะ ไม่เท่าไหร่ 
แต่ตัวลอกนี่สิ ไม่ค่อยน่าดูนัก กว่าจะฟื้นสภาพได้ก็เป็นสัปดาห์เชียว

ที่ถ้ำพัง .. ซากเรือนั้น ยังอยู่ที่เดิม 
ฉันจำได้จุดที่เคยกางเต้นท์นอนฟังเสียงคลื่นและดูดาว
ฉันเดินเล่นอยู่ริมหาด ไม่ได้ลงเล่นน้ำทะเล 
เพราะเป็นห่วงสัมภาระที่พามา กลัวจะหาย

ฉันนั่งก่อปราสาททราย ซึ่งดูแล้วไม่ค่อยเหมือนปราสาทสักเท่าไหร่
ฝีมือห่วยแตก ไม่ค่อยเอาไหนแฮะ
 พี่สร้างบ้านเหรอ  
เสียงของเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ทักมา เขานั่งยองๆอยู่ข้าง ๆ คงอยากหาเพื่อนเล่น
 ปราสาทนะเนี่ย แต่มันไม่ค่อยสวย  ฉันตอบ
 เหมือนขนมครก  เอาล่ะสิ ฉันควรจะดีใจไหม ที่ปราสาทของฉันเหมือนขนมครก
 ทำเป็นหรือเปล่า มาช่วยกันสิ ต้องมีกำแพงด้วยนะ เดี๋ยวจะสร้างสะพาน  
ฉันหลอกเด็ก หวังเอาเป็นเพื่อนเหมือนกัน
 พี่ต้องทำปืนใหญ่ด้วย  
เขาช่วยโกยทรายขึ้นมาโปะ แต่แล้ว ไอ้ที่เหมือนก้อนขนมครกก็แบนแต๋
 เพราะเขาโปะด้วยนำหนักตัวทั้งหมด
 วาว .. เบา ๆ หน่อยน้อง ปราสาทโดนยักษ์ถล่มแล้ว 
เสียงหัวเราะของเราดังประสานกัน เขาคงขำประโยคที่ฉันพูด 
ส่วนฉันขำที่ล้อเขาคืนว่าเป็น ยักษ์

 เต้ย มาเล่นน้ำกัน  
เสียงขอผู้ชายที่เล่นน้ำอยู่กับกลุ่มเด็ก ๆ อีก 4-5 คน ตะโกนมา
 พ่อ พ่อ เต้ยสร้างปราสาทอยู่  เขาตอบโดยที่ไม่หันไปมอง
 มานี่ลูก อย่าไปกวนพี่เขา มาเล่นน้ำดีกว่า 
 ยักษ์มาแล้วพ่อ ถล่มปราสาทพังเลย 
 เต้ย มาเร็ว มา..
 พ่อ เต้ยไม่เล่นน้ำ เต้ยว่ายน้ำไม่เป็น 
 จะกลัวอะไร พ่ออยู่นี่ ไม่ต้องกลัว มา เต้ย   
พ่อเขาคะยั้นคะยอ รวมถึงเด็กในกลุ่มก็โบกไม้โบกมือเรียกเขากันยกใหญ่
 เดี๋ยวมาเล่นกันใหม่นะ ไปหาพ่อก่อนเถอะ  ฉันบอกเขา

เขาทำหน้านิ่วดูเหมือนถูกขัดใจ 
แต่แล้วเขาก็ลุกขึ้นเอามือที่เลอะทรายปัดกับกางเกง
ฉันเพิ่งสังเกตุเห็นอะไรบางอย่าง..
ในขณะที่เขาวิ่งกระย่องกระแย่งไปหาพ่อเขาอีกทาง

เต้ย.. เป็นโปลิโอ ขาข้างขวาของเขาลีบ 
เหตุนี้เองที่ทำให้เขาไม่อยากจะลงไปเล่นน้ำ
ฉันมองเขาอย่างสะเทือนใจ 
ใบหน้าของเขา รอยยิ้มของเขาดูสดใส ยิ่งตอนที่หัวเราะร่วนกับฉัน
เขาหัวเราะอย่างเบิกบาน อวดฟันหน้าหลอ ๆ อย่างไม่ต้องปิดบัง 
พลอยทำให้ฉันมีความสุขไปด้วย

ฉันยังคงก่อปราสาททรายอย่างเดียวดายอีกครั้ง 
คราวนี้ฉันบรรจงกว่าเดิม ค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ ทำ
สายตาของฉันมองไปยังกลุ่มของเต้ยบ้าง 
เขาเกาะหลังพ่อของเขาอยู่ เสียงเขาหัวเราะดังมาถึงที่นี่
ลูกบอลสีสด ถูกนำมาเป็นเครื่องเล่นให้เด็ก ๆ แย่งกัน ครั้งหนึ่งเขาแย่งได้ 
เขากระโดดตัวลอยเพื่อแตะลูกบอล .. 
เขาทำได้  ใช่ เขาคงไม่ยอมให้บางอย่างที่เป็นข้อด้อยของเขา
มาเป็นอุปสรรคอย่างแน่นอน

ฉัน .. ลงมือก่อกองทรายอีกครั้ง .. 
ในขณะเดียวกัน ฉันรู้สึกละอาย ฉันย่อมพ่ายแพ้จากสิ่งที่ฉันไม่เคยคิดจะสู้				
..ตอนนี้ฝนเริ่มปรอยแล้ว ละอองฝนโปรยปรายมาสู่ตาฉัน..

ก่อนกลับ ฉันสั่งอาหารกล่องเพื่อเป็นเสบียงในมื้อค่ำ
ครอบครัวของเต้ย ก็เลิกเล่นน้ำทะเล ตอนนี้ฉันไม่เห็นเขา คงไปอาบน้ำ ( ฉันคิด )
ฉันเล่าข้ามไปนิดหน่อย .. ฉันลืมบอกไปว่า ฉันเสก็ตซ์ภาพไว้ด้วยนะ
 ฝีมือพอๆกับที่ก่อปราสาททรายนั่นแหล่ะ
แค่ฝึกหัดน่ะ แต่ฉันก็ดูออกนะ ว่าภาพที่ฉันเสก็ตซ์ไว้ 
เป็นภาพเต้ย .. อย่าดูถูกฝีมือเชียว แล้วจะรู้ว่าราคาคุย

ภาพพระอาทิตย์ตกดิน เมื่อเดือนก่อน สวยกว่าวันนี้เยอะ 
อาจเป็นเพราะว่าเมฆครึ้มเป็นสาเหตุ ทำให้ฉากไม่งามเท่าที่ควร 

แต่ไม่เป็นไร..
ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้ทั้งสิ้น
ขนาดธรรมชาติเอง วันก่อนกับวันนี้ ยังไม่เหมือนเดิม 
นับประสาอะไร กับสิ่งที่พลิ้วไหวในหัวใจคน
มันก็ย่อมไหวเอนเป็นเรื่องธรรมดา ..				
ค่ำนี้ มื้อค่ำตอนสองทุ่ม ท่ามกลางแสงตะเกียง ไม่ใช่นึกอยากโรแมนติกอะไรหรอก 
ฝนตกหนักจนไฟฟ้าดับต่างหาก ยังดี ที่เขาเอาตะเกียงเจ้าพายุมาให้ใช้ชั่วคราว
บรรยากาศเหงาจับใจ 
เอาเถอะ ..! ทำอย่างกะว่า ความเหงาไม่เคยมาเยือน น่าจะคุ้นเสียที

อาหารกล่องที่เย็นชืด กับโอวัลตินอีกกล่อง เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว สำหรับฉัน 
ฉันอาศัยเตียงนอนเป็นที่เขียนบันทึก 
ค่อย ๆลำดับความคิดก่อนจะเขียนในแต่ละบรรทัด
แต่มันก็มีบ้างนะ ที่หลุดคิว อย่าถือสาเลย.. 
เอาเป็นว่า ฉันสติยังดีอยู่  เชื่อสิ เอ้.. เชื่อเถอะน่า..

โทรศัพท์ที่ตอนนี้มีความสำคัญเพียงที่ทับกระดาษเท่านั้น 
คลื่นทะเลมี แต่คลื่นโทรศัพท์ไม่มี
ฉันมองโทรศัพท์อยู่นาน รอว่าจะเกิดปาฏิหาริย์.. 
ใช่ และแล้ว ก็มีปาฏิหาริย์ เสียงสัญญานข้อความดัง
มีคนฝากข้อความถึงฉัน แต่ฉันรู้ได้แค่นั้นว่าเป็นใคร 
ฉันไม่รู้หรอกว่า ข้อความที่ฝากไว้คืออะไร
ในเมื่อ ฉันกด 1802 .. แล้วมันก็ไม่มีสัญญาณให้ฉันไปที่ไหนได้อีก .. 
เฮ้อ ! ปาฏิหาริย์นะเนี่ย ไม่มียังจะดีกว่า .. ไม่ได้ลุ้นเลย 

เวลาคืบคลานไปอย่างช้า ๆ 
ขนมห่อแล้วห่อเล่า ที่เก็บเป็นเสบียง ถูกทยอยมาเลี้ยงพยาธิจนหมด
แสนจะสุขโขแท้ .. 
มีเวลาส่วนตัวมากมาย ฉันหอบงานมาทำด้วย แต่แล้วก็ไม่ได้หยิบขึ้นมาเลย
งานก็ต้องทำในที่ทำงานสิ สมองซีกหนึ่งบอกไว้แบบนี้ .. 
ยังเหลือบะหมี่คัพอีกหนึ่งถ้วย เก็บไว้เป็นเสบียงมื้อถัดไป
ฉันไม่รู้ว่าฝนหยุดตั้งแต่เมื่อไหร่ 
แต่ที่รู้แน่ชัดคือ ตีสอง ฉันตัดสินใจดับตะเกียงแล้วเข้านอน
พรุ่งนี้ยังมีเรื่องที่จะต้องทำอีกเยอะ

ครั้นคำนึงถึงใครให้ครวญคร่ำ
ความทรงจำจับจิตยากคิดขืน
จึงกำสรวลโศกศัลย์ทุกวันคืน
กลายเป็นอื่นเสียแล้วพ่อแก้วใจ

ก่อนเคยเคียงอิงแอบแนบอกพี่
สิ้นปราณีหมองหม่นคนเคยใกล้
มาพลัดพรากจากกันแสนหวั่นใจ
สิ้นเยื่อใยสัมพันธ์พลันระทม

หมายยื้อยุดฉุดรั้งช่างยากแท้
ผ่านคืนวันผันแปรแม้ขื่นขม
ยังห่วงหาอาลัยให้นอนตรม
หลากคารมคำซึ้งประหนึ่งลวง

อยากหลงลืมเรื่องราวคราวเก่าก่อน
สิ้นอาวรณ์เยื่อใยคลายความห่วง
แม้มีบ้างนึกถึงซึ่งคำลวง
ขอทั้งปวงเป็นเพียงเยี่ยงสายลม				
หกโมงเช้า .. ฉันมีเวลาพอควรที่จะเตรียมของใส่บาตร อาหารถุง.. 
อืมม.. ไม่ว่าที่สีชังนี่หรือที่กรุงเทพฯ วิธีนี้ก็เป็นวิธีที่สะดวกที่สุดสำหรับฉัน
ฉันใส่บาตรพระสงฆ์สามรูป .. 
จากนั้นก็กลับมายังที่พัก เตรียมแพ๊คข้าวของให้เข้าที่เข้าทาง
บะหมี่คัพ.. ตอนนี้พร้อมแช่น้ำร้อนล่ะ ชักหิวเหมือนกัน ..

นึกถึงหลายวันก่อน เดินสวนกับพี่กวินตอนกลับมาจากประชุม พี่กวินทักว่า
 ผอมไปหรือเปล่า ดูสิ มือไม้เก้งก้างไปหมด ไปทำอะไรมา  
 ไม่มีจะกินน่ะ พี่   ฉันตอบพอขำ
 เงินน่ะ เอาไว้ใช้ ไม่ใช่เก็บลูกเดียว ผอมจะแย่แล้วนี่ 
ไม่สบายหรือเปล่า หาหมอบ้างนะ 
  สบายดี แหม๊..เงินนะเก็บไว้บ้างสิพี่ เดี๋ยวตอนมันหมด ทีนี้ล่ะ อดตายของจริง 
 ผอม ผอม ใส่เสื้อสีเหลือง ซีดกันไปใหญ่  พี่กวินยังบ่นไม่เลิก
 ผอมซะให้เข็ด แต่น้ำหนักยังเท่าเดิมนะ
 ดูยังไงผอม พี่สิ ตัวอย่างกะตึก ลดความอ้วนบ้างนะ  
 ถามจริง เป็นอะไรหรือเปล่า ดูไม่เหมือนเดิมนะ  พี่กวินยังซักไม่เลิก
 อกหัก 
 ก๊าก ไม่เชื่อหรอก 
 งั้นเอาใหม่ อกไม่หัก 
 เออ เออ จะเป็นอะไรก็ช่าง ดูแลตัวเองด้วยละกัน หนอย ถามดี ๆ ย้อนทุกคำ 
 ไปก่อนนะพี่ จะไปกินไดโนเสาร์ซักตัว .. หิว 

ฉันจัดการบะหมี่ด้วยความเอร็ดอร่อย ขนาดยกซด ไม่ปล่อยให้มีเหลือซักหยด
วันนี้ ฉันมีความสุข พรุ่งนี้ ฉันก็จะมีความสุข .. วันต่อไป ก็จะมีความสุข
คาถาสั่งจิต ฉันบอกตัวเองอย่างนี้ สิบเที่ยว.. ที่
ไปสัมมนาเขาบอกว่า ให้กำหนดจิตบ่อย ๆ แล้วจะเห็นผล 
ตอนแรกฉันก็ไม่เคยสนใจหรอก แต่ตอนนี้ น่าลอง .. เผื่อจะมีความสุขบ้าง				
รกกว่าเดิม เมื่อเดือนที่แล้ว ก็ว่ารกแล้ว วันนี้ยังรกยิ่งกว่า 
"..เขาน่าจะกำจัดวัชพืชนะ.."  เขาเคยบ่นแบบนี้ ตอนที่จูงมือฉันเดินข้ามกอหญ้ารก ๆ
ตอนนี้ ฉันต้องเดินผ่านตามลำพัง  ยิ่งปอดแหกอยู่ด้วย กลัวเจออะไรไต่ขามา 
โอย..ไม่อยากคิด กรี๊ดซะภูเขาถล่มกระมัง ฉันค่อย ๆ ไต่เลาะตามโขดหินลงไป
มีครั้งหนึ่งที่ลื่น ..  เกือบไปเหมือนกัน ดีนะที่ใช้มือยันไว้ได้
ก็มือที่บาดเจ็บพันผ้าอยู่ ยังจะไปซ้ำมันอีก โธ่ถัง .. 

ฉันไม่ได้สวมบิกินี่เล่นน้ำเหมือนคราวก่อน
มันคงไม่เหมาะนัก.. สถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย
เอาแค่กางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดสีเข้มก็พอ 
ฉันสำรวจที่ชายหาดย่อม ๆ เศษขวดเบียร์ยังคงเกลื่อน
แย่จัง .. กว่าจะก้าวแต่ละก้าว ต้องดูแล้วดูอีก ก็ฉันไม่อยากได้แผลเพิ่มนี่นา ..

ที่ถ้ำ อาจจะมีคนอยู่ .. หรือถ้าไม่มีคนอยู่ 
แต่มีบางอย่างอยู่ ยิ่งน่ากลัวกว่า .. ไม่ล่ะ เล่นน้ำแถวนี้ก็พอ
ฉันไม่ลืมที่จะหยิบขลุ่ยมือมาด้วย .. เอามาแคะทรายเล่น ๆ ..เปล่าหรอก.. 
เสียของหมดเผื่อคนที่ให้มา มารู้ทีหลัง มีหวังโดนมะเหงกเขกกระโหลกแน่ ..

ฉันไม่รู้ว่าเสียงขลุ่ยกังวานไปไกลถึงไหน ที่รู้ ๆ เสียงนี้ย่อมไปไม่ถึงเขา 
แต่ฉันก็ยังคงนั่งเป่าขลุ่ยไปเรื่อย ตามประสา
เพลงไหนที่นึกออกก็บรรเลงไป จบเพลงบ้าง ไม่จบเพลงบ้าง ฉันไม่สนใจ 
ก็ฉันไม่ได้เป่าให้คนอื่นฟัง ..จึงต้องเอาใจใส่ และต้องพิถีพิถันสักหน่อย
นึกอาย ๆเหมือนกัน ที่มีเรือประมงแล่นผ่านมา 
เขาจะว่าเรารบกวนฝูงปลาหรือเปล่า
หรือเขาคิดว่า ฉันจะเป่าเรียกหาปลาเหมือนสังข์ทอง ? เอาเข้าไป .. คิดแผลง ๆ


ย า ม ข ลุ่ ย คร ว  ญ พ ญา  โ ศ ก ใ ห้ อ ก ห วั่ น 
แ ว่ ว รำ พั น ผ่า น เ สี ย ง สำ เนี ย ง ห ม า ย
ด้ ว ย คำ นึ ง ห่ว ง ห า ค ร า เ ดี ยว ด  า ย 
ถู ก ทั ก ท า ย ด้ วย เ ศ ร้ า เข้ า เ ยี่ ย มเ ยื  อ น

ป า ก บ ร ร เ ล ง เ พ ล ง แ ผ่ ว ใ จ แ น่ ว แ น่  
นิ้ ว เ ป ลี่ ย น แ ป ร เ ป็ น เ สี ย ง เ ยี่ ย ง เ ชื อ ด เ ฉื อ น
พ ญ า โ ศ ก ค ร่ำ ค ร ว ญ รั ญ จ ว น เ ตื อ น 
ดั่ ง เ ค้ า เ งื่ อ น ค ว า ม ห ม า ย ใ ห้ ต ร อ ม ต ร ม 

ค รั้ ง เ ก่ า ก่ อ น น อ น แ น บ แ อ บ อิ ง ตั ก 
พ ร่ำ คำ รั ก เ พ ล ง ห ว า น พ ลั น สุ ข ส ม 
เ ป่ า ข ลุ่ ย ก ล่ อ ม ค ร า ว ใ ก ล้ ใ ห้ อ ภิ ร ม ย์   
ยั ง พ ลั้ ง ช ม เ ช ย เ จ้ า ดั่ ง เ ย้ า ย ว น

นิ้ ว บ ร ร เ ล ง เ สีย ง เ ส น าะ ไ  พ เ ร า ะ แ ล้ ว 
ค ง ไ ม่ แ ค ล้ ว หั น ห น้ า มา  เ ส ส ร ว ล
เ ป่ า เ ป็ น เ พ ล ง ล า ว ด ว ง เ ดื อ น เ ห มื อ น เ ชิ ญ ช ว น 
ฟั ง ถ้ อ ย ถ้ ว น แ ห่ ง จิ ต ติ ด ต รึ ง ต ร า 

สิ้ น สำ เ นี ย ง ห ม า ย ก ล่ อ ม ถ น อ ม เ จ้ า 
ยั ง ใ ฝ่ เ ฝ้ า ร่ า ย นิ ย า ม ต า ม ภ า ษ า
ช ม ห มู่ ด า ว พ ร า ว เ ด่ น เ พ็ ญ น ภ า 
จำ น ร ร จ า เ ป็ น ก วี ที่ เ ป รี ย บ เ ป ร ย

ส า ย ล ม เ ย็ น แ ผ่ ว ผ่ า น พ ลั น ห วั่ น ไ ห ว 
พ ลั้ ง เ ผ ล อ ใ จ ห ล ง อ ดี ต โ อ้ จิ ต เ อ๋ ย
แ ท้ ค ว า ม จ ริ ง อ้ า ง ว้ า ง ดั่ ง เ ช่ น เ ค ย                   
ล ม รำ เ พ ย ใ ห้ ตื่ น ฟื้ น จ า ก ภ วั ง ค์ 

พ ญ า โ ศ ก ค ง ค ว า ม ย้ำ ค ว า ม โ ศ ก 
ดั่ ง ล ม โ ก ร ก พั ด ใ ห้ อ า ลั ย ห วั ง
ด้ ว ย คำ นึ ง ค ร ว ญ ค ร่ำ พ ร่ำ ลำ พั ง 
อั น ค ว า ม ห ลั ง ร บ เ ร้ า เ ฝ้ า ห ล อ ก ใ จ

แ ม้ น พ ลั ด พ ร า ก จ า ก ไ ก ล ไ ม่ ห ว น ก ลั บ 
ย า ม ตื่ น ห ลั บ ยั ง ห วั ง ดั ง ฝั น ใ ฝ่
เ กิ น หั ก ห้ า ม สิ เ น ห า แ ล ะ อ า ลั ย   
ด้ ว ย เ ยื่ อ ใ ย ผู ก พั น นิ รั น ด ร์ ก า ล				
 เช็ครถให้ดีนะน้อง ดูให้ดีว่าพี่ทำบุบสลายอะไรไปหรือเปล่า.. 
ฉันบอกผู้หญิงที่ชื่อรุ้ง
 ไงพี่ เมื่อยมั๊ย ไปถึงไหนบ้างพี่..
 เมื่อวานยังไม่เมื่อย แต่วันนี้ขาตึง ๆ แฮะ ปวดเมื่อยเหมือนกัน..
 หรือพี่จะเอาจักรยานไปคืนที่ท่าเรือก็ได้ เผื่อพี่จะใช้ต่อ..
 ก็ดีเหมือนกัน ไม่คิดตังค์เพิ่มนะ..
ได้สิพี่ ลูกค้ากันเองอยู่แล้ว พี่มีนามบัตรหนูยัง..
 มี คราวที่แล้วได้มาใบนึง กะแจกทุกรอบเลยเหรอ..
 จำไม่ได้น่ะพี่ว่าแจกใครไปบ้าง 
เผื่อพี่มาอีกครั้ง จะจองที่พักหรืออะไรติดต่อหนูได้นะพี่..
 อื้อ  ! ..ไว้จะใช้บริการอีก ว่าแต่ว่า เอาจักรยานไปคืนที่ท่าเรือได้นะ ไม่ว่าจริง ๆนะ ..
 ถ้าพี่ยังขี่ไหว ก็ขี่เที่ยวรอบเกาะอีกสักรอบก็ได้พี่ ไปถึงท่าเรือแล้วโทรหาหนูละกัน..
 โอเค ตามนี้ ถึงท่าเรือแล้วจะโทรหา..				
และแล้วคนที่ไม่เจียมบอดี้ ก็ต้องก้มหน้าก้มตาปั่นจักรยานไปท่าเรือ 
แต่ก็ดีเหมือนกัน ได้ยืดเวลาเที่ยวอีกสักหน่อย .. ได้แวะไปกราบเจ้าพ่อเขาใหญ่
ยังมีอะไรอีกนะ ที่ตั้งใจว่าจะทำ .. ค่อย ๆ นึกก่อน .. ยังอีกแยะแฮะ คราวนี้ยังไม่จบ
ภาระกิจยังไม่เสร็จสิ้นเสียทีเดียว .. 
ไว้มีโอกาสเมื่อไหร่ ตามทบงานให้เสร็จสิ้นแน่นอน

แฮ่ก !..  แฮ่ก !..ขี่จักรยานก็ท่าจะแย่อยู่แล้วนะ  ตอนนี้มีเป้สะพายหลังอีก .. 
โอ๊ะ อย่าให้พูดเลย แค่หายใจก็ได้แต่หอบแฮ่กแล้วล่ะ  เฮ้อ .. เหนื่อยตายชัก
โอย .. ท่าเรือ มันอยู่ไหนหว่า ดันมาผิดท่า 
คราวก่อน ก็ไม่ยักจะจำ คราวนี้ดันผิดซ้ำรอย
โง่เซอะจัง..ฉัน ไม่จำให้ดี ..

ฉันมองเห็นเครื่องบินบินผ่านฟ้า วิ๊ววววววววววววววว..

 น้อง มาถึงท่าเรือแล้ว รถจะจอดไว้ตรงไหน แล้วจะหายมั๊ย .. 
ฉันโทรหาเจ้าของรถจักรยาน
 จอดได้เลยพี่ ไม่หายหรอก ตอนนี้อยู่แถวถ้ำพัง เดี๋ยวย้อนไปท่า.. 
เสียงตามสายตอบมา
 โอเค ไปล่ะ เรือจะออกแล้ว กะเวลามาพอดีเป๊ะ..				
สีชังคราวนี้ ฉันมาทำไม 
ฉันก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เลย .. มันไร้คำอธิบาย
ถ้าจะให้ตั้งคำถามว่า ทำไมจะมาไม่ได้ .. อันนี้จะง่ายกว่า

เอาล่ะ กลับไปทำงานต่อเสียที อู้มานาน.. 
ยังมีโปรเจคใหญ่ ๆ รอให้จัดการอีกเยอะ
ส่วนเรื่องขี้ประติ๋วที่มันมาเกาะให้รกใจ ตอนนี้เขี่ย ๆ ทิ้งไปหมดแล้ว

ม่ า น มื ด เ ลื อ น เ ลื อ น เ ลื่ อ น ป ก น้ำ 
เ รื อ ต า ม ริ ม ฟ้ า ป ร ะ ภ า ไ ส ว
ค ลื่ น เ ห่ ซั ด ห า ด ส า ด หั ว ใ จ
ดั บ ไ ฟ รั ก นี้ ที่ สี ชั ง				
comments powered by Disqus
  • แมงกุ๊ดจี่

    16 สิงหาคม 2548 10:22 น. - comment id 86087

    อิสระไร้ขีดจำกัด...
    เหมือนได้เดินทางไปอย่างที่คุณไปมาแล้ว...
  • พรระวี

    17 สิงหาคม 2548 05:23 น. - comment id 86100

    บรรณพิภพ จักได้นักเขียนเรื่องสั้นแนวโรแมนติกอีกคนแล้วสินะ  ใครจะไปรู้ปีสองปีข้างหน้าอาจมีนักเขียนชื่อก้องนาม\"อัลมิตรา\"ประดับฟ้า  ขอให้กำลังใจให้เพื่อนเดินทางเส้นนี้อย่างราบรื่น
  • อัลมิตรา

    17 สิงหาคม 2548 08:09 น. - comment id 86102

    คุณแมงกุ๊ดจี่ .. อัลมิตราจะไปอีกนะ ถ้ามีโอกาส ค่ะ
    
    คุณพรระวี .. อีกสองสามปี อาจไม่ปรากฏนามอัลมิตรา ที่เวปแห่งนี้ก็ได้นา .. เรื่องมัน บ่ แน่นอนจ้า ..
  • ร้อยฝัน

    18 สิงหาคม 2548 11:22 น. - comment id 86121

    อือ สนุกจริงคุณ อัล ฯ
  • อัลมิตรา

    18 สิงหาคม 2548 15:24 น. - comment id 86124

    ไว้ไปเข้าค่าย ต้นน้ำ .. สนุกกว่านี้อีกค่ะ 
    หวังไว้ ..กิ..กิ..
  • ฤกษ์ (ไม่ได้ล๊อกอิน)

    19 สิงหาคม 2548 13:48 น. - comment id 86134

    อยากจะเติมเชื้อไฟมิให้ดับ
    ให้ความรักหวนกลับสว่างไสว
    สอดสายตามองหาแม่เตาไฟ
    เอารักใส่แทนฟืนฟื้นรักครอง
    
    แวะมาอ่านนิราศเกาะสีชัง คงจะเหงาจริงด้วย
    มาช้าไปไม่ทราบว่าไฟดับได้หรือยัง เหลือถ่านแดง ๆนิดเดียวก็จะก่อใหม่ อิอิ
    ไปสีชังมื่อยังวัยรุ่นได้หินสีดำ ๆ คล้ายนิลจากพระที่นั่น ท่านบอกว่าใครพกติดตัวหมาจะไม่กัด ถึงกัดก็ไม่เข้า ไม่ทราบว่าเดี๋ยวนี้ยังมีหรือเปล่า อิอิ
  • อัลมิตรา

    19 สิงหาคม 2548 15:39 น. - comment id 86136

    คุณฤกษ์คะ ..
    เขียนอย่างกะ คุณฤกษ์เป็นเฒ่าชะแรเสียแล้ว ออกตัวน้ำขุ่น ๆ น๊า ..
    นิลดำ ..คุณได้มาจากพระที่นั่น โชคดีจัง เก็บไว้นะคะ 
    อัลมิตราไปทีไร ได้แต่แผลกลับมาทุกที นี่ก็เพิ่งแกะผ้าพันแผลออก
    
    ไปสีชังคราวนี้  ..เดียวดาย.. ยังดีที่ได้สนทนากับคนในถิ่นบ้าง
    ไม่งั้นอัลมิตราคงน้ำลายบูดแน่เลยค่ะ
    
    บนโขดหิน ต้องนั่งลำพังมองพระอาทิตย์สีส้มดวงโต ๆ ค่อย ๆ เลื่อนลงน้ำ
    ภาพของเรือประมงที่อยู่ไกลออกไป มองเห็นเป็นจุดเล็ก ๆ
    และพรายน้ำ ที่เลื่อมระยับเป็นเงาวะวับไหว
    เหมือนฉากความหลังที่เคยประสพ ทว่า.. คราวนี้ เหงา ..
    
    ฟืนที่เปียกน้ำฉ่ำนำมาก่อ
    จะเพียงพอให้ไฟลุกไหม้หรือ ?
    เปรียบฉันที่ปราศใจอย่างใครลือ
    ฤๅมีค่าควรยื้อเพื่อถือครอง ?
  • พัทยา

    20 สิงหาคม 2548 02:28 น. - comment id 86159

    เสียงของความเงียบเพราะพอๆกับเสียงคลื่นกระทบฝั่ง
    
    อ่านแล้วอยากไปทะเลจัง
  • ลักษมณ์

    20 สิงหาคม 2548 03:01 น. - comment id 86160

    กวาดตาอ่านและดูภาพ
    เหมือนอย่างเคยครับ ..
    :]

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน