นิทาน...นาย นิทาน

เศษทาน

นิทาน...นาย  นิทาน
                             ตอน     น้ำข้าว
      แม้ฤดูนี้จะเป็นหน้าร้อนแต่เมื่อคืนก็นอนหลับอย่างสบายบนห้างในไร่หลังนั้น  เพราะสายลมที่พัดเอื่อยๆอย่างเฉื่อยฉ่ำในยามค่ำคืนของราตรีที่เงียบสงัดถึงแม้นานๆครั้งจะมีเสียงอันไม่พึงปรารถนาจะดังสอดแทรกเข้าบ้างเป็นระยะๆแต่พวกข้าก็หลับสนิทหาได้ยินเสียงเหล่านั้นแต่อย่างใด   มารู้สึกตัวลืมตาตื่นอีกครั้งเมื่อไอ้โต้งตัวเอกมันกระพือปีกพั่บๆพร้องขับเสียงใสๆโก่งคอขันอยู่บนหลังคอกงัวเพื่อปลุกให้ทุกคนรับรู้ว่าใกล้จะถึงเวลาเช้าของวันอีกใหม่แล้ว
      แม่ข้าจึงจำเป็นต้องลุกจากที่นอนก่อนใคร  เพื่อต้องเตรียมหุงหากับข้าวกับปลาเพื่อเลี้ยงปากท้องคนในครอบครัวตามหน้าที่ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในวิถีชีวิตประจำวัน   ทุกๆวันทุกๆเวลามานานนับเดือนนับปีที่ยังไม่รู้ว่าเมื่อไรจะหมดเวลาวาระลงเสียที
     ต่อจากนั้นพ่อข้าก็ลุกจากที่นอนอันแสนอบอุ่นแม้จะไม่อยากลุกก็ตามที เพราะในเวลาหนึ่งวันที่ได้พักผ่อนแบบสบายใจที่สุดก็มีเพียงเวลาที่ได้เอนกายพักผ่อนหลับนอนยามค่ำคืนเท่านั้นกระมัง  ที่บรรเทาความเหนื่อย  ความปวด  เมื่อยล้า  จากการที่ต้องตรากตรำทำงานทั้งวันในวิถีแห่งชาวนาไร่  วิถีท้องทุ่ง  วิถีไร่นา  อยู่กับป่าเขาลำเนาไพร  และผืนแผ่นดินทองอันอุดมสมบูรณ์ที่บรรพบุรุษได้พลีเลือดเนื้อชีวิตและวิญญาณปกปักรักษามาจนถึงลูกหลานเหลนโหลนนับร้อยๆปีผ่านมา
      แต่เราอนุชนคนรุ่นหลังหาได้รู้คุณบุญแผ่นดินไม่  จ้องจะทำลายทำร้ายผืนแผ่นดินถิ่นกำเนิดที่ให้ชีวิต  ให้เลือดเนื้อ  ให้วิญญาณ  ให้อาหาร  ให้ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างแก่มวลมนุษย์อย่างเท่าเทียมทัน  โดยที่ไม่เคยเรียกร้องสิ่งตอบแทนจากเราทั้งหลายเลยแม้แต่น้อยนิด  หากแต่เราต่างหากที่คอยจ้องทำลายสิ่งที่ให้ชีวิตและหล่อเลี้ยงเรามาจนปีกกล้าท้าตาวัน  ได้อย่างสง่าผ่าเผย  ไยเลยเราท่านทั้งหลายไยไม่ตระหนักกันบ้าง   ในบุญคุณแผ่นดินที่เราได้เหยียบยืนอย่างองอาจ
        เมื่อพ่อข้าลุกไปได้สักพัก   ข้าก็ได้ยินเสียงแม่ร้องเรียก    ไอ้น้อง !สงกรานต์เอ้ย  น้ำข้าวได้แล้วเน้อ.....เท่านั้นข้าก็หูผึ่งรีบลุกออกมาจากที่นอนทันที  โดยที่แม่ไม่ต้องเรียกซ้ำบอ่ยๆ  เพื่อรีบมากินอาหารเช้าที่โปรดปรานยิ่งนัก  มันช่างแสนอร่อย  เลิศรส เสียยิ่งกว่าเครื่องดื่มอะไรต่อมิอะไรในสมัยนี้เสียอีกกระมัง
       ใช่แล้ว   มันคือ  น้ำข้าว   น้ำที่ได้จากการหุงข้าวเตาฟืนหรือเตาถ่านเมื่อก่อนนี้  ที่เดี๋ยวนี้แทบไม่มีแล้วเพราะต่างเครื่องใช้ไฟฟ้ามาช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันไปเสียสิ้น   ทำให้ลืมกลิ่นน้ำข้าวที่แสนจะหอมหวลอวลอบตลบคลุ้งยามก้มหน้าลงไปสูดกลิ่น  
     ข้าเองนั่งอยู่ตรงหน้าชามน้ำข้าว  ซึ่งเป็นชามโห้งสังกะสีสีขาวและช้อนสังกะสีสีเขียวอีกคันนึง   แม่เอาเกลือเม็ดใส่ในชามน้ำข้าว 2-3 เม็ดเพื่อให้มีรสเค็มนิดๆ  แล้วข้าก็นั่งกวนจนเกลือละลายจนหมด  จึงทำให้รสชาติของน้ำข้าวเค็มๆมันๆและหอมหวลยิ่งนัก  ยามตักน้ำข้าวใส่ปากกลิ่นลอยมาปะทะจมูกต้องนั่งนิ่งสูดเอากลิ่นเข้าไปพร้อมกับซดน้ำข้าวเสียงดัง  โพรดดดดดดดดด
     ไม่มีอะไรอร่อยกว่านี้อีกแล้วกระมัง   น่าเสียดายยิ่งนักที่ปัจจุบันนี้แทบไม่มีแล้วการหุงข้าวเตาฟืนเตาถ่านที่ต้องรินน้ำ  อย่าว่าแต่มีน้ำข้าวให้กินเลย  ข้าวสวยที่ได้ยังหอมกว่าหุงหม้อไฟฟ้าเสียอีกกระมัง   คนปัจจุบันนี้ไม่ได้กินแล้วหล่ะ    ข้าเองอาจจะเป็นรุ่นสุดท้ายก็ได้มั้งที่ยังทันได้กินน้ำข้าวที่เลอรส
                                     
                                            เศษทาน				
comments powered by Disqus
  • เพรง.พเยีย

    15 มกราคม 2549 16:08 น. - comment id 89032

    เคยได้ทานตอนไปต่างจังหวัดเหมือนกันค่ะ
    เจ้าของบ้านทำให้ทาน  นานมาแล้ว...
  • พุด

    15 มกราคม 2549 16:23 น. - comment id 89033

    16.gif
    คุณทานคะ
    อ่านงานคุณทานแล้ว
    พุดน้ำตาเอ่อซึมทุกทีไป
    งานที่แสนงามจิตนักค่ะ
    จากใจคนรจนาที่แสนใสซื่อค่ะ
    ที่พุดสัมผัสได้..ด้วยจิตดวงนี้
    ที่อาจจะมีเงางามในอดีตคล้ายคลึงค่ะ
    ที่ยังฝากตึงตราจำ
    ไว้ในใจพุดมิมีวันลืมค่ะ10.gif16.gif
    
    สมัยวัยเยาว์
    คุณตาพุดมี่ที่ดินทั้งเทือกเขาไพรค่ะ
    นับหลายสิบไร่ดั่งอาณาจักรสวรรค์
    และ
    พุดยังจดจำความงดงาม
    ในยามนั้นได้
    และ
    พุดได้นำมารจนาฝากไว้ค่ะ36.gif10.gif16.gif
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem37255.html
    
    ชื่อคิดถึงบ้าน คิดถึงแม่
    ลองอ่านดูนะคะ
    
    ด้วยศรัทธารักชื่นชม
    และขอเป็นกำลังใจค่ะ36.gif16.gif
  • พุด

    15 มกราคม 2549 17:06 น. - comment id 89035

    16.gif10.gifhttp://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem40390.html
    ................
    ..................
    ...........................
    
    คุณตาพุดพัดชา เป็นเจ้าของเทือกเขาทั้งลูกเลยค่ะ 
    ครอบคลุมทั้งแนวเนินไศล ที่พุดพัดชาแอบเรียกชื่อ..
    ให้ว่า..เทือกเขาไพรพะงัน..
    
    มีหินงามระเกะระกะก่ายกอดกัน 
    ก้อนใหญ่ยักษ์เท่าตึกสองชั้นก็มี 
    
    ทางขึ้นไปนั้นจะเป็นทางสายงามสายเล็กๆ
    ทอดคดเคี้ยวเลี้ยวลัดเข้าไปในซอกหินงาม
    ที่พุดพัดชาเคยรจนาบางฉากฝากเอาไว้ในเรื่องกระท่อมใบไม้ไงคะ
    
    และที่พุดพัดชา ซาบซึ้งใจมากคือ
    คุณตามีกระท่อมไม่ไผ่ขัดแตะ
    ปลูกตรงที่เนินสล้างสวยสุด 
    
    มองไกลไปจะเห็นฝั่งทะเลล่างละลิบ
    ผ่านดงไม้ดงมะพร้าวหลายพันไร่ มากมาย 
    บางเวลาเราจะมองเห็นเรือลำน้อย
    ฝ่าคลื่นฝองฝอยขาวนวลฝ่าทะเลเงินระยิบระยับ
    
    
    และ..
    ยามตะวันรุ่ง..ตะวันรอน..
    คุณตาจะหุงข้าวไร่สีแดงๆหอมๆด้วยหม้อดิน 
    ด้วยเตาไฟที่ใช้หินสามก้อนวางไว้
    เรียกก้อนเส้า..
    และจะใช้กระบอกไม้ไผ่เป่าโหมกระพือไฟ
    ยามต้องการให้ไฟลุกแรง
    
    พุดพัดชาชอบรอ..ขอน้ำข้าวแดงจากข้าวไร่หอมๆ
    ที่ชาวนาที่เกาะมีพันธุ์พิเศษเพาะปลูกไว้กินเองอุดมวิตามิน.
    
    คุณตาจะมีชามอ่างใส่ไว้หลังจากรินออกมา 
    โดยใช้ไม้ไผ่แข็งแรงเหลาละเมียดไว้ขัดหม้อ  มิให้เลื่อนหลุด
    และต้องหันหม้อไปหันหม้อมา
    เรียกว่าการดงข้าว  ดงไฟมินานนาที 
    มิให้ข้าวไหม้ เพียงให้ข้าวในหม้อระอุ
    อิ่มนวลหอมงามพอดี..พอดี.
    
    36.gif10.gif
  • พุด

    15 มกราคม 2549 17:08 น. - comment id 89036

    16.gif36.gif
    พุดใส่เรื่องผิดค่ะ
    ข้างบนนะคะ
    ที่เกี่ยวกับ*น้ำข้าว*ค่ะ
    ต้องเรื่องนี้ค่ะ
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem40548.html
    
    ด้วยรักค่ะ36.gif16.gif
  • หนอนน้อย

    17 มกราคม 2549 18:18 น. - comment id 89074

    34.gifอ่านแล้วคิดถึงบ้านจังเลย

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน