แล้วเราก็เข้าใจกัน(ตอนที่8)

เรียงร้อยเป็นเรื่องราว

ลูกกลม ๆ ที่กลิ้งไปบนสนามหญ้าด้วยแรงส่งของแต่ละฝ่าย พร้อมเสียงของผู้พากษ์ที่สร้างความตื่นเต้นและลุ้นระทึกให้กับเกมส์กีฬาชนิดนี้ให้น่าดูยิ่งขึ้น ได้อยู่ในความสนใจของทัศนัยตลอดเวลาครึ่งแรก ที่ต่างฝ่ายต่างหวุดหวิดเกือบจะยิงเจ้าลูกกลม ๆ เข้าประตูได้ ทำให้ผู้ที่ชื่นชอบกับกีฬาชนิดนี้เป็นพิเศษอย่างเขา ต้องคอยลุ้นอย่างใจหายใจคว่ำ พร้อมแรงเชียร์ให้ทีมโปรดของตนเตะเจ้าลูกกลม ๆ เข้าประตูได้สักลูกสองลูกนำไปก่อนก็ยังดี 
          "จะออกไปไหนหรือหวาน" เขาหันไปถามลูกสาวที่กำลังเดินลงบันไดมา ชุดประโปรงสีฟ้ามีโบว์ผูกติดที่ด้านหลัง พร้อมด้วยรองเท้าส้นสูงแบบเด็ก ๆ ที่สีเข้ากับชุดที่ใส่ จึงทำให้วันนี้หวานดูน่ารักเป็นพิเศษในสายตาของผู้เป็นพ่ออย่างทัศนัย ที่กำลังแอบชื่นชมลูกสาวอยู่ในใจ 
          "ไปงานวันเกิดเพื่อนคะ" 
          "แล้วจะกลับมากินข้าวเย็นกับพ่อไหม" 
          "คิดว่าไม่คะ" 
          "ถ้างั้นก็อย่ากลับดึกนะลูก" 
          . . . 
          "จำเรื่องที่ฉันคุยโทรศัพท์กับนายเรื่องยัยหวานได้ไหม" ภาวิณีเอ่ยถามพนัศออกมา วันนี้เธอนัดเขาออกมาทานมื้อเที่ยงกันที่ร้านอาหารในห้างแห่งหนึ่งใกล้ ๆ บ้าน 
          "จำได้มีอะไร" 
          "ฉันว่าฉันไม่ได้คิดไปเองนะนัศ" 
          "นี่แกกำลังบอกว่า แววตาของยัยหวานที่แกเห็นในวันนั้นน่ะ
            มันเป็นอย่างที่แกเข้าใจจริง ๆ " 
          "ฉันก็พยายามคิดอย่างที่นายเคยบอกว่า ฉันคิดไปเอง 
           แต่ดู ๆ ไปแล้วมันไม่ใช่" 
          "แล้วแกคิดว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้แกถึงคิดเช่นนี้ล่ะ" 
          "การที่ยัยหวานปฏิบัติตัวเองกับทัศแตกต่างจากคนอื่นไง" เมื่อหญิงสาวเห็นว่าเพื่อนเริ่มที่จะสนใจในคำพูดของเธอ ๆ จึงเริ่มเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับตัวหวานที่เธอเฝ้าสังเกตให้ฟังอย่างละเอียด
          .  .  .
          'กริ๊ก' ทัศนัยก้มลงไปเก็บบางสิ่งบางอย่างที่หล่นลงพื้น และมองมันด้วยแววตาที่ไม่ต่างอะไรกับใจที่โหยหาใครคนนี้ที่เป็นคนมอบเจ้าสิ่งนี้ให้เขา
          "ทัศคะหลับตาสิ" ชายหนุ่มหลับตาอย่างว่าง่าย สักพักจึงรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างวางอยู่บนมือ
          "รู้อะไรไหม! ปรางค์ดีใจมากเลยที่ซื้อเจ้าตัวนี้มาได้ หาแทบตายกว่าจะได้มาให้ทัศ" หญิงสาวพูดเมื่อเขาลืมตาขึ้น
          เขามองหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า ผู้หญิงที่เขารู้จักแค่ไม่กี่อาทิตย์ แต่กับมีความตั้งใจซื้อเจ้าตุ๊กตาตัวนี้ที่เขาเคยเปรยว่าอยากได้เมื่อตอนที่เห็นในหนังโฆษณา ซึ่งเขาเองไม่ได้คิดจริงจังกับมันสักเท่าไร แต่เธอกับพยายามหามันมาเพื่อเขา และพอเธอเห็นเขายิ้ม เธอกับยิ้มกว้างกว่าเขาเสียอีก
          .  .  .
          "ทัศคะคุณรู้ไหมว่าทำไมปรางค์ถึงทำทุกอย่างเพื่อคุณ"
          "เพราะคุณต้องการความรักจากผมน่ะสิ" แต่นั่นเป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าพอที่จะพูดออกมาให้เธอได้ยิน
          "ไม่รู้สิ แล้วทำไมล่ะ"
          "ก็เพราะอยากเห็นรอยยิ้มของคุณน่ะสิคะ"
          .  .  .
          "ฉันว่ายัยหวานต้องมีอะไรสักอย่างกับทัศเขาแน่ ๆ และบางที
           การตายของคุณปรางค์อาจเกี่ยวข้องกับทัศก็เป็นได้" ภาวิณีพูดด้วยความที่ค่อนข้างจะมั่นใจอยู่สักหน่อย
          "มันจะเป็นไปได้ยังไง แกจำไม่ได้หรอ..ว่าไอ้ทัศมันเคยทำเลว
           กับคุณปรางค์ไว้อย่างไรบ้าง ทำจนคนที่เคยรักมันสุดหัวใจอย่าง
           คุณปรางค์ ต้องกลายเป็นคนที่เกลียดมันไปเลย"
          "บางทีที่เกลียดอาจเป็นเพราะอารมณ์โกรธในตอนนั้นของคุณปรางค์
            ก็ได้นะ อย่าลืมสิช่วงที่พวกเราขาดการติดต่อจากคุณปรางค์ไป
           เราไม่รู้ความเป็นไปของเธอเลยนะ" บางที่สิ่งที่ภาวิณีกำลังพูดถึงอยู่นี้ มันอาจไม่ได้เป็นแค่เพียงความกังวลของเธอเท่านั้น ในความรู้สึกของพนัศที่กำลังครุ่นคิดอยู่ในขณะนี้
          .   .   .
          "กลับบ้านดึกอย่างนี้พ่อไม่ว่าหรอหวาน" ตุ๊กตาถามอย่างเป็นห่วง ขณะกำลังเดินเล่นอยู่ในห้างกับหวาน หลังที่เสร็จจากงานวันเกิดของไอซ์
          "ไม่ว่า เพราะเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะว่าอะไรหวาน" ถึงหวานจะพูดอะไรที่ทำให้ตุ๊กตาไม่เข้าใจ แต่เด็กหญิงก็ไม่ต้องการถามอะไรให้มากความ
          .   .   .
          บ่อยครั้งแล้ว ที่ทัศนัยคอยมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนฝาพนังตลอดเวลา ผุดลุกผุดนั่งด้วยความรู้สึกร้อนรน และบ่อยครั้งที่คอยชะโงกหน้าออกไปดูว่า เมื่อไรที่ลูกสาวจะกลับมา ท้องฟ้าข้างนอกที่มืดสนิท ไร้ซึ่งแม้ดวงดาราที่พร่างพราย สร้างความเป็นห่วงกังวลให้กับเขา ว่าป่านนี้ทำไมลูกสาวยังไม่กลับ โทรเข้ามือถือก็ไม่ยอมรับ และขณะที่กำลังเป็นห่วงอยู่นั้นเอง บานประตูก็ถูกเปิดออก พร้อมร่างของลูกสาวที่เดินเข้ามา
          "ทำไมถึงกลับมาเอาป่านนี้ รู้ไหมนี่มันกี่ทุ่มกี่ยามเข้าไปแล้ว!" ไม่มีเสียงตอบจากหวาน เหมือนไม่ใส่ใจว่ามีผู้เป็นพ่อยืนอยู่ตรงนี้
          "พ่อถามทำไมไม่ตอบ!" ปากของหวานยังคงปิดสนิท กระตุ้นความโกรธให้กับผู้เป็นพ่อเป็นยิ่งนัก
          "มันเป็นอะไรนักหนาฮะหวาน! รู้ไหม!ว่าพ่อเป็นห่วงขนาดไหน" เสียงเขาขึ้นสูงจนเกือบสุดที่จะทน
          "คุณไม่มีสิทธิ์มาขึ้นเสียงกับหนูนะ!"
          "ทำไมฉันจะไม่มีสิทธิ์ ในเมื่อฉันเป็นพ่อของเธอ!"
          "พ่อหรอ!..คุณกล้าบอกว่าตัวเองเป็นพ่องั้นหรอ
            เป็นพ่อแบบไหนกันที่ไม่รู้ว่าตัวเองมีลูกน่ะ!"
          "แล้วมันเป็นความผิดของฉันหรือไง! ที่แม่เธอไม่เคยบอก
           ฉันเลยว่ามีเธอที่เกิดมาจากฉันน่ะ"
          "ก็เพราะคุณไม่เคยที่จะใส่ใจน่ะสิ คุณไม่เคยหันหลังกลับมา
           มองแม่จ๋าเลยสักนิดว่าเป็นไงบ้าง ทำไมแม่จ๋าต้องตายเพราะคุณ!"
          "เธอก็บอกฉันมาสิหวาน บอกฉันมาว่าทำไม เพราะอะไร!!!" ความโกรธทำให้ทัศนัยเข้าไปเขย่าร่างบาง ๆ ของลูกสาวอย่างลืมตัว
          "ปล่อยหนูนะ หนูเจ็บ!"
          "เจ็บหรอ!แล้วฉันล่ะ..ฉันไม่เจ็บยิ่งกว่าเธองั้นหรอ เจ็บตรงนี้ไง!!" เขาพูดพร้อมกับกำปั้นที่ทุบลงไปบนอกเต็มแรง
          "เจ็บที่ไม่รู้ว่าฉันทำอะไรผิด!!" คราวนี้น้ำเสียงของเขาเริ่มสั่นคลอน ขอบตาเริ่มมีน้ำใส ๆ มาเอ่อ
          "คุณบอกว่าคุณเจ็บ แล้วกับผู้หญิงคนหนึ่ง ที่รอคอยการกลับมา
           ของคุณจนลมหายใจสุดท้ายล่ะ!"
          .   .   .
          "หวาน!เมื่อไรพ่อเขาจะมาหาแม่จ๋าเสียที..แม่จ๋าไม่น่าทำร้าย
           ตัวเองเลย.. แม่จ๋าน้อยใจพ่อจ๋าของหวานจัง..แม่จ๋าง่วงเหลือเกิน!!..
          ถ้าแม่จ๋าลืมตาตื่นขึ้นมา แม่จ๋าจะเจอกับพ่อจ๋าไหมจ๊ะหวาน"
 ผู้เป็นแม่ค่อย ๆ พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ขาดเป็นห้วง ๆ พร้อมกับลมหายใจที่พ่นออกมาอย่างแผ่วเบาเหลือเกิน
          .   .   .
"คุณรู้อะไรไหม!...				
comments powered by Disqus
  • rose

    7 เมษายน 2549 22:58 น. - comment id 90348

    7.gif กว่าจะอ่านจบ ฮ่าๆๆๆ เล่นเอาตาแฉะเลย  (เว่อร์) เม้นยังไงก็ไปอ่านเอาเองแล้วกันนะ ขี้เกียจพิมพ์

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน