ขอแสดงความยินดี..แด่เชษฐภัทร กับ "สงครามศักดิ์สิทธิ์"

อัลมิตรา

บอกไม่ถูกเหมือนกันว่า ทำไมต้องเขียนถึงผู้ชายคนนี้
ผู้ชายที่อ้อนเราเหลือเกิน คำก็พี่อิม สองคำก็พี่อิม ถ้าอยู่ใกล้ ๆ คงเรียกทั้งวัน
อย่าคิดว่า เขาพิศวาสอะไรนักหนานะ 
คงเป็นเพราะเขาคงมองว่าเราเป็นพี่สาวกระมัง ไอ้เรารึ ก็ไม่เคยมีน้องเสียด้วย				
เจอเขาครั้งแรกพร้อม ๆ กับที่เจอปีกฟ้า ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ณ ตึกเวิร์ดเทรด
เขายังเป็นนักศึกษาอยู่ น่าจะอยู่ปีหนึ่ง อักษรศาสตร์จุฬา
สำเนียงพูดลิ้นรัวเร็วจนเรานึกขำในใจ เพราะเราฟังไม่ค่อยจะทัน
หลังจากนั้น ก็เจอเขาบ้าง แต่ก็ไม่บ่อยนัก 
และถ้าเขาไม่ติดขัดอะไร ทุกนัดที่ชวนเขาทานข้าว เขาจะไม่ปฏิเสธ				
อืม !! จริงสินะ คำว่า ทุกนัดที่ชวนเขาทานข้าว เขาไม่ปฏิเสธ
แต่เรากลับปฏิเสธเขาไปมากกว่าสามหนแล้วที่เขาชวน
ครั้งแรก คงเป็นการรับรางวัลอะไรสักอย่างของเขา
ครั้งที่สอง ก็งานรับปริญญาที่ม.จุฬา
ครั้งที่สาม ก็เมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง งานเปิดตัวหนังสือเล่มที่สองของเขา
  "สงครามศักดิ์สิทธิ์"				
เอ !! เราเป็นพี่สาวที่ไม่เอาไหนที่สุดในโลกแน่ ๆ 
เราไม่ค่อยมีเวลาให้กับเขา แม้แต่ในช่วงเวลาพิเศษ
แต่เขาก็พบเราได้บ่อย ๆ บนโลกไซเบอร์กแห่งนี้ 
ซึ่งเมื่อใดก็ตามที่เขาอยากจะติดต่อกับเรา เขาทำได้
เนื่องจากเราใช้เวลาในแต่ละวันอยู่ในแวดวงของใยแก้ว				
นี่เรายังไม่ได้เกริ่นอะไรเกี่ยวกับหนังสือเล่มที่สองของเขาเลย 
เพราะยังไม่ได้อ่าน .. นี่ก็หวังว่า จะมีพัสดุจากอุบลส่งมาถึงบ้านนะเนี่ย
แต่เล่มที่หนึ่งของเขา หมอนรองรางรถไฟฟ้า เราได้อ่านไปแล้ว เขาให้มา
และเราก็เคยเอามาตั้งกระทู้กลอนเล่นเกมแจกรางวัล
คนที่ได้รับรางวัลคงได้เปิดอ่านผลงานของเขา 
และคนที่สนใจติดตาม ก็คงจะมีหนังสือของเขาไว้ครอบครองแล้วเช่นกัน				
สำหรับก้าวถัดมานี้ เราหวังว่าจะไม่ใช่ก้าวสุดท้ายของเขา
ในสายตาของเรา เรายังอยากเห็นเขาก้าวต่อ ๆ ไปเรื่อย ๆ				
ลองอ่านนี่ก็แล้วกัน สำนวนคุ้นมั๊ย คนนี้เขียนถึงเชษฐภัทรและผลงานของเขา				
บทตามสงครามศักดิ์สิทธิ์
โดย เพิ่มบุญ เปลี่ยนภู่

 ถ้าถามว่า อะไรทำให้เด็กหนุ่มที่หัดเขียนกลอนใหม่ๆ คนหนึ่งใช้เวลาไม่ถึงครึ่งปีเปลี่ยนจากคนที่เขียนกลอนไม่ได้ความเอาเลย  มาเป็นเจ้าของ 2 ผลงานที่กวาดรางวัลชนะเลิศจากการประกวดของคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ และและของวรรณศิลป์ จุฬาฯ ที่จัดซ้อนกันในวาระวันไหว้ครู 2546 ได้ ?

บางคนอาจตอบว่าเพราะพรสวรรค์   ที่โหดร้ายหน่อยก็บอกว่ามันฟลุค  

 สำหรับคำตอบอันหลัง  น่าจะถูกหักล้างไปแล้วด้วยการที่เด็กหนุ่มคนเดียวกันนี้นำผลงาน บนหมอนรองรางรถไฟฟ้า เข้าป้ายในรายการ Young Thai Artist Award 2547 ได้สำเร็จ  แถมยังตามติดด้วย สงครามศักดิ์สิทธิ์ เล่มนี้ในปีถัดมา

 แต่ผมยืนยันว่า เชษฐภัทร  วิสัยจร  ไม่มีพรสวรรค์   และการเรียนอักษรศาสตร์ก็ไม่ใช่คำตอบด้วย

 จะมีเด็กวัยรุ่นสักกี่คนที่เอาจริงเอาจังกับการเขียนร้อยกรองในยุคบริโภคอาหารจานด่วน  โดยไม่สะทกสะท้านกับเสียงเย้ยหยันจากเพื่อนร่วมวัย  กี่คนที่สามารถอดทนการเคี่ยวกรำของครูใจร้ายที่ดูเหมือนว่าแม้จะเขียนอย่างไรก็ตำหนิได้โดยไม่เคยมีคำชม  กำลังใจเท่าที่เคยมีให้คือการบอกว่าพอทนหรือไม่ต้องแก้ไขแล้วเท่านั้น  กี่คนที่ไม่เคยเถียงหรือพยายามอธิบายความคิดของตัวเองแต่จะรีบค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อคิดทบทวนใหม่ในเรื่องที่โดนครูแย้งว่าผิด  

 เชษฐภัทร เป็นคนหนึ่งที่ทำเช่นนั้น  เขาคือเหล็กที่ยอมถูกตีเป็นดาบ  ไม่ใช่ดินน้ำมันที่รอให้ปั้นอย่างทนุถนอม

 หลายปีที่ผ่านมาเขาแค่เรียนการเขียนร้อยกรองในระดับอนุบาล  เรียนกับครูที่มีปัญญาสอนแค่ชั้นอนุบาล  และเขาก็ยอมรับอย่างหน้าชื่นตาบานว่าเขายังทำได้แค่เลียนครู  โดยสัญญาว่าสักวันหนึ่งเขาจะมีสำนวนคมๆ ในแบบฉบับของตัวเองบ้าง

 อย่างไรก็ตาม  นาทีนี้ผมเองต้องยอมรับว่าเขาเติบโตเกินไปที่จะเรียนชั้นอนุบาลแล้ว

เขากำลังเริ่มก้าวแรกๆ ของเขาทั้งในโรงเรียนชีวิตและโรงเรียนนักเขียนด้วยความเอาจริงเอาจัง  อดทน และเปิดใจกว้างสำหรับการเรียนรู้  

ซึ่งผมทำนายไว้ตรงนี้เลยว่า  เชษฐภัทร  วิสัยจร  ไปได้อีกไกล				

คำที่เน้นสีเข้ม ๆ ไว้น่ะ มันโดน ยังไงชอบกลแฮะ ฮา .. 
เรื่องเถียงนี่ ..สงสัยว่าจะหมายถึงเราเป็นอันดับหนึ่ง ..
อ๊ะ อ๊ะ รึว่าเราสำคัญตนผิด 				
และ ลองอ่านคำนิยมจากกวีศรีรัตนโกสินทร์คนนี้สิ				
อัญมณีแห่งกาลเวลา
โดย เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

มีคำเก่ากล่าวว่า กาพย์กลอนและหมากรุกนั้นเป็นเครื่องเล่นของโบราณบัณฑิต

ด้วยเป็นสิ่งลับสมองและเป็นเครื่องเล่นทางความคิดที่วิเศษนัก

อ่าน สงครามศักดิ์สิทธิ์ ของ เชษฐภัทร วิสัยจร แล้ว ก็รู้เลยว่าผู้แต่งมีความสุขกับการแต่งกาพย์กลอนอย่างยิ่ง

ความสุขของคนแต่งกาพย์กลอนนั้น เริ่มจากความรักในการอ่าน รักในจังหวะจะโคนของภาษา ลีลา ท่วงทำนองของเสียงอักษร และความลึกล้ำแห่งความหมาย ดังเรียกว่า โวหารกวี

เมื่อรักอ่านแล้วจึงรักเขียน ถามว่าจะเริ่มเขียนอะไรและอย่างไร ตอบว่า ก็เริ่มเขียนสิ่งที่ตนรักอ่านและ อยากอ่าน นั่นเอง เป็นเบื้องต้น เมื่อเติบใหญ่ไฟแรงก็จะเขียนถึงสิ่งที่ตน อยากเขียน ต่อไป 

ตรงนี้เป็นเคล็ดสำคัญ

อยากอ่านสิ่งที่เราเขียน หรืออยากเขียนสิ่งที่เราอ่าน

เรื่องการแต่งกาพย์กลอนนี้เป็นงานศิลปะอย่างหนึ่ง ดังเรียกว่า วรรณศิลป์งานศิลปะทั้งปวงเป็นสื่อของอารมณ์ความรู้สึกที่ไปพ้นจากภาษา ชาติ และกาลเวลา ด้วยความรู้สึกเป็นสัญลักษณ์ของความมีชีวิตนี่เอง งานศิลปะทั้งปวงจึงมีคุณค่าอยู่ในตัวตรงที่เป็นสิ่งบันทึกอารมณ์ความรู้สึกของมนุษยชาติเอาไว้ เฉกเช่นเดียวกับธรรมชาติที่ฝากร่องรอยไว้กับกาลเวลา

ควรยินดีที่ เชษฐภัทร วิสัยจร ได้สร้างสรรค์งานแห่งความรัก สงครามศักดิ์สิทธิ์ เล่มนี้ขึ้นมาแม้จะมีข้ออ่อนด้อยอยู่บ้างด้านรูปแบบและชั้นเชิงแห่งวรรณศิลป์แต่นั่นก็มิอาจบดบัง อารมณ์กวี ที่ผู้แต่งมี ใจรัก อยู่เปี่ยมล้น

อารมณ์กวีนี่แหละจะเป็นดั่งอัญมณีเม็ดน้อย ที่ประดับไว้กับวงแหวนของกาลเวลา				
ถึงขนาดนี้แล้ว ..
เราคงไม่มีคำอื่น ๆ เขียนบรรยายสรรพคุณอะไรได้อีก
ไม่ว่าจะเป็นนักกลอนดีเด่น หรือ กวีศิลปินแห่งชาติที่เขียนถึงนายเจ
ก็ล้วนแต่บ่งบอกถึงความสามารถทางด้านภาษาทั้งนั้น

เราแค่นกกีวี่ตัวน้อย ก็มีแต่ความยินดีและดีใจไปด้วย

เออ !! จริงสิ วันก่อนลืมบอกไปว่า.. สุดยอดแล้วไอ้น้องชาย

เขียนได้แค่นี้อ่ะ .. โธ่ !! บอกแล้ว เราไม่มียี่ห้อ ... ฮา				
comments powered by Disqus
  • ตราชู

    18 สิงหาคม 2549 14:37 น. - comment id 91873

    จากเพื่อนคนหนึ่งถึงเพื่อนร่วมเรือน
    		คุณเชษฐภัทรครับ ผมเป็นอีกคนหนึ่งที่ติดตามผลงานคุณด้วยความชื่นชมยิ่ง ในชั้นเชิงร้อยกรองอันเปี่ยมด้วยเนื้อหาของคุณ ข้อสำคัญ คุณได้ทำหน้าที่ของหนุ่มสาว อันเป็นพลังคนรุ่นใหม่ของแผ่นดินแล้ว ด้วยการแสดงความรู้ศึกต่อสภาพสังคมในหลายแง่ หลายมุม หลายบทในบ้านกลอนไทยแห่งนี้ ผมอ่านด้วยจิตนิยมชมชื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ร้อยกรองซึ่งสะท้อนหัวใจของชาวอีสาน ด้วยสำเนียงพื้นถิ่น (เช่นบท กะต้าหมากยาย ฯลฯ) อ่านแล้วได้บรรยากาศดีนัก แหละนี่คือ สายธารวัฒนธรรมชนบทที่สืบทอดอย่างไม่ขาดสาย จากเด็กหนุ่มผู้รู้คุณค่า ถึงแม้ว่าผมยังไม่มีโอกาสอ่านหนังสือรวมกวีนิพนธ์ของคุณทั้งสองเล่ม ทว่า พลังวรรณศิลป์ของคุณที่ประดับแต่งแต้ม ณ เรือนไทยหลังนี้ ทำให้ผมมั่นใจว่า คุณคือเพชรเม็ดงามแห่งบรรณพิภพ และคุณ คือครูของผมอีกท่านหนึ่งครับ ขอแสดงความนับถือจากใจจริงครับ
  • แมงกุ๊ดจี่

    18 สิงหาคม 2549 15:39 น. - comment id 92221

    ยินดีด้วยค่ะ  36.gif
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    18 สิงหาคม 2549 16:48 น. - comment id 92222

    ชื่นชมมากครับ
  • MomMamSan

    18 สิงหาคม 2549 18:04 น. - comment id 92224

    ยังสัมผัสกับผลงานของคุณเชษฐภัทร ได้ไม่มากเท่าไรง่ะงับ แต่ก้อยินดีที่ประสบความสำเร็จในแนวทางที่ตัวเค้าได้ค้นพบและมีความสุขกับแนวทางนั้นงับ 11.gif36.gif11.gif
  • เรนเอง..

    18 สิงหาคม 2549 21:06 น. - comment id 92225

    เรนขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ..36.gif..
    
          ...
      เรนยังคงจดจำ..สิ่งดีๆที่ได้รับจากพี่เจ..ได้ดี..
    ไม่เคยลืม..
       ขอบคุณมากมาย..
     ..
    36.gif..
  • กุ้งหนามแดง

    18 สิงหาคม 2549 10:36 น. - comment id 92235

    ยินดีด้วยจ๊ะ
  • Completely

    18 สิงหาคม 2549 11:48 น. - comment id 92239

    อ่านแล้วก็ขนลุก...
    
    ดีใจด้วยค่ะ
  • แทนคุณแทนไท

    18 สิงหาคม 2549 13:12 น. - comment id 92244

    น่ายินดีนัก
    
    และคงไม่ลืมที่แสวงหามาไว้สักเล่ม หวังจะเสพอารมณ์นั้นของกวีบ้าง...29.gif
  • ไรไก่

    18 สิงหาคม 2549 13:14 น. - comment id 92245

    ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ
    36.gif
  • แดดเช้า

    17 สิงหาคม 2549 23:50 น. - comment id 92246

    มายินดีกับ สุดยอดน้องชาย คนนี้ด้วยอีกคน
    
    เด็กหนุ่มผู้มีนิสัยเจียมเนื้อเจียมตัว อ่อนน้อมถ่อมตน และสุภาพอ่อนโยนคนหนึ่งที่มักจะเอ่ยคำทักทายแดดเช้าเสมอๆ ด้วยการสอบถามคำแปลของคำศัพท์บางคำ หรือ ค้นคว้าคำราชาศัพท์บางคำ หรือบางทีก็มาถามความหมายของคำบางคำ เหมือนๆ เขาให้เกียรติพี่รุ่งของเขาว่า เป็นเหมือนพจนานุกรมออนไลน์ที่เขาสงสัยอะไร ก็ขอคำแนะนำและขอคำตอบได้เสมอ
    
    เด็กหนุ่มที่มีหัวใจการใฝ่การเรียนรู้คนนี้ อ่อนโยนยิ่งนักจนแดดเช้าอดที่จะเอ็นดูไม่ได้ 
    
    วันหนึ่ง ... เขามาถามแดดเช้าว่า
    \"พี่รุ่งครับ ... คำว่า วรรณศิลป์ คืออะไรครับ\"
    แดดเช้าก็อธิบายตามประสาของแดดเช้า ตามความเข้าใจ ซึ่งไม่รับประกันว่า จะถูกต้องสักเท่าไหร่นัก
    
    \"วรรณศิลป์ ก็คือ ศิลปะในวรรณกรรม ละมั้ง เหมือนๆ กับศิลปะแขนงอื่นๆ ก็ต้องมีองค์ประกอบของศิลปะนั้นๆ วรรณศิลป์ก็ต้องมีชั้นเชิง มีโวหาร มีความเปรียบ ที่ไม่ต้องพูดตรงๆ ทื่อๆ น่ะ ... พี่เข้าใจอย่างนี้นะ\"
    
    \"คือ อาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ เขาวิจารณ์งานของผมว่า ยังอ่อนเรื่องวรรณศิลป์นะครับ\"
    
    แล้วเขาก็คัดลอกคำวิจารณ์หนังสือที่อาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ วิจารณ์เขามาให้แดดเช้าอ่าน
    
    
    นี่คือ ... ความประทับใจของแดดเช้าที่มีต่อเด็กหนุ่มคนที่เรียนรู้และพัฒนางานตัวเองอย่างไม่มีวันสิ้นสุด เมื่อได้รับคำวิจารณ์จากใครก็ตาม ก็มีการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม โดยมิได้หาเหตุผลมาปกป้องการสร้างสรรค์งานของตัวเองเลยแม้แต่นิด
    
    นอกจากนั้น ...
    เขาก็ยังเปิดประเด็นคุยเรื่องนักวิจารณ์ที่วิจารณ์หนังสือของเขาทุกเล่มกับแดดเช้าบ่อยๆ และโชคดีที่นักวิจารณ์ท่านนั้นเคยเป็นอาจารย์สอนวรรณวิจักษณ์สมัยเรียนปริญญาตรี คือ อาจารย์ธเนศ เวศร์ธาดา จึงทำให้เราสามารถพูดคุยกันได้มากขึ้น และช่วยให้แดดเช้าเรียนรู้ว่า นักวิจารณ์ที่ดีนั้น ช่วยสร้างนักเขียน มิใช่ ฆ่านักเขียน
    
    งานเขียนของเชษฐภัทร วิสัยจร เติบโตขึ้นเรื่อยมา  ด้วยความที่เขาไม่เคยหยุดที่จะเรียนรู้ แม้กับแดดเช้าเอง ก็ไม่ใช่ว่า จะเป็นคนมีความรู้หรือสันทัดอะไรมากมายนัก เขายังให้เกียรติที่จะเปิดประเด็นสนทนาแลกเปลี่ยนกับแดดเช้า และช่วยให้แดดเช้าได้เติบโตขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยก็ได้พัฒนาสมองและรู้จักการศึกษาค้นคว้า
    
    ในความเป็นจริงแล้ว ... นักเขียนระดับ เชษฐภัทร วิสัยจร  ไม่น่าจะมาสนใจอะไรกับแดดเช้า คนเขียนหนังสือระดับล่างๆ ยังไม่ได้ไปไกลถึงระดับของเขาเลย งานของแดดเช้ายังต้องพัฒนาอีกไกลเมื่อเทียบกับระดับ เชษฐภัทร วิสัยจร
    
    แต่เขาก็ไม่เคยดูหมิ่นหรือทอดทิ้งแดดเช้า ... นี่คือ เด็กหนุ่มที่มีหัวใจดีงามและใฝ่เรียนรู้ พัฒนา สร้างสรรค์ 
    
    แน่นอนว่า ... งานของเชษฐภัทร ย่อมเติบโตตามหัวใจที่เขาเป็น หัวใจที่ไร้การเย่อหยิ่งลำพอง หัวใจที่พร้อมจะเติบโตไปข้างหน้า พร้อมเปิดรับสิ่งต่างๆ เพื่อสร้างสรรค์โลกวรรณกรรมของเขาเองสืบต่อไป
    
    
    และบุคลิกลักษณะของคนย่อมสื่อโลกภายในออกมาในทุกตัวอักษรที่จะถ่ายทอด เขาจะเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณที่ดี ที่จะหลอมให้ทุกคนที่ได้รับอิทธิพลจากงานเขียนของเขา พัฒนาตัวเอง และ เติบโตได้ด้วยความอ่อนโยน ใฝ่การพัฒนา การเรียนรู้ โดยปราศจากความลำพอง
    
    
    แดดเช้าชื่นชมงานทุกชิ้นของเขา และยิ่งรู้จักตัวตนของเขา ยิ่งชื่นชมเขามากยิ่งขึ้นไปอีก
    
    
    นักเขียนคนใดที่รู้สึกว่า ตัวเองยังไม่ถึงที่สุด ยังไม่เก่งที่สุด ยังไม่ตัวใหญ่ที่สุด นักเขียนคนนั้นย่อมมีการเติบโต และมีพลังสร้างสรรค์ มากกว่า ผู้ที่ลำพองตนว่า ถึงที่สุดแล้ว เก่งสุดแล้ว เขาก็จะหยุดอยู่ที่ความเก่งที่เขาลำพอง โดยไม่อาจเดินไปข้างหน้าได้ 
    
    
    เชษฐภัทร วิสัยจร ... ขอให้เขาเป็นผู้ไม่หยุดยั้งที่จะก้าวเดินต่อไป พี่จะเอาใจช่วย \"สุดยอดน้องชาย\" คนนี้ของพี่แล้วกันนะจ๊ะ : )
    
    
    
    
    11.gif36.gif
  • เพียงพลิ้ว

    18 สิงหาคม 2549 08:36 น. - comment id 92247

    ยินดีด้วยนะคะ
    
    36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif
  • ผีเสื้อปีกบางฯ

    18 สิงหาคม 2549 06:26 น. - comment id 92250

    41.gif41.gif41.gif41.gif41.gif
    
    ยินดีด้วยนะคะพี่เจ
    พี่เจเป็นสุดยอดของความพยายามจริงๆ
    พรสวรรค์ + พรแสวง  =  ผลงานพี่เจ 
    
    46.gif
  • แดนไกล ไลบีเรีย (น้องกูซ่า)

    19 สิงหาคม 2549 22:38 น. - comment id 92261

    สวัสดีครับ พี่เจ.....
    
    ขอแสดงความยินดีกับพี่เจด้วยนะครับ
    พี่มาไกลตามที่พี่หวังไว้แล้ว
    ทำต่อไปให้ดีที่สุดนะครับ อย่าเพิ่งท้อนะครับ
    
    ยินดีจากใจจริงคับ
  • แก้วประเสริฐ

    20 สิงหาคม 2549 11:24 น. - comment id 92264

    36.gif16.gif36.gif
    
            ยินดีและดีใจด้วยที่คนในบ้านไทยกลอนนี้
    ได้รับรางวัล   แต่ที่ซึ้งไปกว่านั้นอีกก็คือได้รับการ
    วิพากษ์วิจารณ์จากกวีศิลป์ที่ได้รับการยกย่องสูงสุด
    ในขณะนี้  น้อยคนนักที่จะได้รับเช่นคุณ เชษฐภัทร
      วิสัยจร ได้รับอยู่ในขณะนี้ ผมเป็นส่วนหนึ่งของ
    บ้านไทยกลอนขอยกย่องด้วยหัวใจครับ
    
                   16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • ละอองน้ำ

    28 สิงหาคม 2549 16:54 น. - comment id 92368

    ทึ่งจริง ๆ ที่น้องมุ่งมั่นจนประสบความสำเร็จ ยินดีด้วยนะ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน