คนจนเล่นหุ้น!!!

พีรเดช นวลสาย

ดวงอาทิตย์สายแยงแสงครึ่งอุ่นครึ่งร้อนมาโดนหัว คือเวลาที่ลุงเฉาต้องออกจากบ้าน
	เช้ามืดนั้นแกต้องหุงหาข้าวปลาเตรียมไว้ให้หลานชายวัยซนทั้งสองกินกันก่อนส่งขึ้นรถสองแถวไปโรงเรียน โรงเรียนอยู่ไม่ไกลนัก หลานทั้งคู่ก็
โตพอดูแลตัวเองได้บ้างแล้วแกเลยไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่ หรืออาจเป็นไปได้ว่าแกมีอย่างอื่นให้น่าห่วงมากกว่ารออยู่
	ลุงเฉาจัดแจงปิดล็อคประตูบ้าน ดูว่าแน่นหนาดีแล้ว แกถึงหันไปคว้าจักรยานเก่าแก่คู่ใจปั่นตุปั๊ดตุเป๋ลัดเลาะออกมาทางตรอกแคบๆ หลังบ้าน
แกมองดูต้นกล้วยที่เรียงรายสองข้างทางอย่างไม่ใคร่ใส่ใจ ก็ไม่เห็นจำเป็นจะต้องใส่ใจในเมื่อเมื่อคืนแกได้ทีเด็ดมาแล้ว แถมยังได้มาโดยที่ไม่ต้องง้อ
สิ่งศักดิ์สิทธิ์หน้าไหนเสียด้วย อนุโลมให้ก็ได้ฐานที่ว่าสิ่งนี้เคยเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาก่อน แต่นั่นก็หมายถึงตอนที่ยังมีลมหายใจอยู่โน่นนะ ส่วนตอนนี้น่ะหรือ
เป็นแค่อากาศธาตุเท่านั้นแหละ แหะๆ
	ย้อนถึงต้นกล้วยเสียหน่อย คิดแล้วก็เจ็บใจ แกรึเสียแรงไปขอมาจากหมู่บ้านนอกเมืองโน่น คนรู้จักแนะนำให้ไป บอกด้วยว่าเป็นกล้วยตานีแท้ๆ 
เลี้ยงดีๆ มีคุณแน่นอน ไม่มีเหตุผลที่จะต้องไม่เชื่อนี่ แกคิดแค่ว่าลองปลูกเอาไว้ก็ไม่เสียหลาย ดูแลให้ปุ๋ยให้น้ำอย่างดี ชวนคุยก็ทำกลัวต้นกล้วยจะเหงา
เฉาตายไปเสียก่อน จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีวี่แววว่าสิ่งที่แกคาดหวังจะมาปรากฏตัวให้เห็น เห็นแต่ต้นกล้วยนั่นล่ะที่โตเอาๆ แถมยังแตกหน่อต่อแหนง
ลุกลามจนเต็มสวน เอาน่ะ! อย่างน้อยเจ้าลิงซนสองตัวของแกนั่นก็มีกล้วยสุกไว้กิน มีสวนกล้วยไว้วิ่งเล่นซ่อนแอบในวันที่เบื่อนั่งแช่ก้นในร้านเกมกด
	หลุดจากตรอกมาที่ถนนใหญ่ แกเลี้ยวซ้ายก่อนตัดข้ามไปยังอีกฟากถนน ไม่ลืมตะโกนทักบักแหลมร้านปะยางรถยนต์คนคุ้นเคยกัน แต่ก็ยังทำ
ด้วยความระมัดระวัง เพราะไม่อยากให้ทีเด็ดหลุดออกจากปากก่อนไปถึงจุดหมายปลายทาง
	อึดใจถัดมาจักรยานเก่าแก่คู่ใจก็พาลุงเฉามาจอดหน้าตึกแถวเก่าๆ ริมถนนสายเดียวกันนั้น ตรงที่แกจอดเป็นห้องแถวสองห้องเปิดโล่งถึงกัน
บานประตูไม้ถูกพับเก็บไว้มุมซ้ายขวา เปิดเผยให้เห็นสินค้าในร้านที่วางอวดสายตาผู้คนไว้อย่างจงใจ ไม่นับรวมหยากไย่ห้อยระโยงระยางที่เกิดจาก
การสั่งสมมานานหลายปี
	"ชาญ! ชาญ!" ลุงเฉาตะโกนเข้าไปในร้าน น้ำเสียงเจือตื่นเต้น
	เงียบ! ไม่มีเสียงตอบรับจากเจ้าของชื่อที่ถูกเรียก
	"ชาญ! ชาญโว้ย!" แกรีบย้ำอีก
	"เออๆ ได้ยินตั้งนานแล้ว จะตะโกนทำ -่า อะไรวะ"  คนที่ชื่อชาญเดินเกาหัวแกรกๆ มาจากหลังร้าน  "ไหน มีอะไร?  อย่าบอกนะว่ามายืน
แหกปากเล่น"
	"ล่งเล่นอะไรเล่า เรื่องสำคัญเชียวล่ะ" ลุงเฉาเดินเข้าไปจับแขนเขาเขย่า "ทีเด็ด! ทีเด็ด!"
	"อีกละ เมื่อวานก็พูดหยั่งเงี้ยะ แล้วเป็นไงโดนแ-กเรียบ" ลุงชาญซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันทำเสียงหยัน พลางควานหยิบบุหรี่บนโต๊ะมา
จุดสูบ
	"เฮ่ย! ไม่เหมือนกัน อันนั้นมันของปลอม คราวเนี้ยทีเด็ดของจริง" ลุงเฉารีบโบกมือปฏิเสธ ก่อนจะดึงบุหรี่จากเพื่อนมายัดใส่ปากตัวเอง "นังปี
มันมาบอกกะข้าด้วยตัวเองเลยแหละ"  หมายถึงป้าจำปีเมียแกที่ตายไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว
	"พูดเป็นเล่น! นังจำปีน่ะนะมาบอกเอ็ง ขนาดตอนมีชีวิตอยู่ข้ายังไม่เห็นมันเคยซื้อหวยซักกะตัวเลย" ลุงชาญเบ้ปาก กระดิกนิ้วขอบุหรี่คืน
	"จริ๊ง! นังปีเมียข้าแน่นอน ข้าเห็นหน้ามันเต็มสองตา ...หมายถึงเห็นในฝันนะ มันยืนจังก้าชี้หน้าข้าหยั่งงี้เลย" ลุงเฉาทำท่าทางประกอบ "มันบอก
เทวดาท่านให้มันมา ท่านสงสารข้ากะหลานเห็นลำบากกันเลยอยากให้โชคลาภบ้าง ..สามตัวเป้งๆ เลยนะเอ็งเอ๊ย! "
	ลุงชาญเดินเลี่ยงไปหลังโต๊ะเหมือนคร้านจะต่อปากต่อคำ ดึงเก๊เปิดออกแล้วหยิบสมุดโน๊ตเล่มเล็กๆ กับปากกาขึ้นมาถือในมือ "เอ้า! จะเอาก็รีบ
ว่ามาเลยไอ้ทีดกทีเด็ดเอ็งน่ะ ข้าจะรีบไปส่ง เดี๋ยวร้านมันจะปิดซะก่อน"
	"เอาสิ เอาสิ!" ลุงเฉาขยับเข้าไปใกล้ๆ แล้วบอกทีเด็ดของแกให้เพื่อนซี้จดยุกยิกลงสมุด
	ประมาณห้านาทีหลังจากหายไปตรงหัวมุมถนน ลุงชาญก็ขับรถมอเตอร์ไซด์เก่าๆ สีแดงซีดของแกกลับมาจอดแหง่กไว้หน้าร้านเหมือนเดิม ยัง
ไม่ทันจะชักขาพ้นเบาะรถ ลุงเฉาก็วิ่งแน่บมาประชิด
	"เฮ้ย! ว่าไง? แทงทันรึเปล่า?" น้ำเสียงตื่นเต้นฟังได้ชัด
	"เออ! เกือบไปเหมือนกัน มันบอกถ้าเป็นคนอื่นไม่รับหรอกจะรีบปิดรีบส่ง นี่เห็นว่าเป็นลูกค้าประจำก็เลยหยวนๆ ให้" ลุงชาญบอกขณะกำลัง
ใช้เท้าเกี่ยวขาตั้งรถลงแตะกับพื้นฟุตบาท
	ลุงเฉาดีดนิ้วเปาะอย่างโล่งอก  แกเดินรี่ไปยังร้านกาแฟโบราณที่อยู่ติดกัน
	"อาม่า เหมือนเดิม!"
	"ล่ายๆ" หญิงแก่ร่างผอมบางผมขาวโพลนเต็มหัวยิ้มให้อย่างรู้ทัน ก่อนจะกึ่งเดินกึ่งก้มเข้าไปในร้าน ครู่เดียวแกก็ออกมาพร้อมขวดสีชาเข้มในมือ
	"ไล่เลี่ยว" อาม่ายื่นขวดให้ลุงเฉา "..ว่าแต่ ทีเหล็กลื้อคราวนี้มังจะแม่งจิงรึป่าววา อาเฉา?" แกขมวดคิ้วสีขาวเข้าหากัน
	"แม่นไม่แม่นอีกเดี๋ยวก็รู้" ลุงชาญตะโกนสอดมาจากหน้าร้านตัวเอง
	ลุงเฉายิ้มกว้างให้อาม่า รับเอาขวดเหล้ามาโดยไม่ได้พูดอะไร	
	ทีวีสีสิบสี่นิ้วเก่าแก่ถูกกดสวิทซ์เปิด มันส่งเสียงครางซ่าๆ อยู่นานกว่าจะค่อยๆ ปรากฏภาพขึ้นมาได้ ลุงเฉาร้อนใจทำท่าจะเดินไปเคาะแต่ถูก
เพื่อนปรามเอาไว้ เหล้าขาวเพียวๆ ถูกรินใส่แก้ว ลุงชาญยกขึ้นเทรวดเดียวลงลำคอ ก่อนจะรินพอๆ กันนั้นส่งให้เพื่อน ภาพในจอทีวีเป็นรายการ
วิเคราะห์หุ้นโดยนักการตลาดหน้าเก่าที่ลุงเฉากับลุงชาญคุ้นหน้าคุ้นตากันดี เขาพูดจาฉะฉานชัดเจน บุคลิกก็น่าเชื่อถือ เรียกว่าชวนคล้อยตามเลยก็ได้
แต่สองลุงไม่ได้สนใจในสิ่งที่เขากำลังพูดนั่นหรอก รู้สึกมันจะเป็นเรื่องไกลตัวเกินไปด้วยซ้ำ แถมศัพท์แสงที่ใช้ก็ล้วนเป็นคำที่ไม่รู้ความหมายทังนั้น
ดัชนงดัชนีอะไรก็ไม่รู้ แค่ฟังก็ปวดกบาลแล้ว ไอ้ที่ลุงเฉากับลุงชาญแกสนใจคือตัวเลขที่วิ่งอยู่ด้านล่างของจอภาพนั่นต่างหาก มันขยับทีก็ฮือฮากันที
ต้องคอยเปิดใบโพยตัวเองดูว่ามีตัวเลขไหนไกล้เคียงกับบนจอหรือเปล่า
	"ว่าไง ไกล้ปิดรึยัง" อาม่าพาหลังเกือบค่อมของแกมายืนลุ้นหน้าจอทีวีด้วยอีกแรง
	"จวนแล้ว" ลุงชาญหันไปบอก "แต่ไม่เห็นทีเด็ดของไอ้เฉามันจะไกล้เคียงซักกะตัวเลย" ท้ายเสียงเหน็บเพื่อนซี้ชัดเจน
	"อย่าด่วนตัดสินสิ อีกหลายนาทีกว่าจะปิด มันยังขยับได้อีกเยอะ" ลุงเฉารีบออกตัว สายตาจ้องเขม็งที่ตัวเลขในจอทีวี
	"หวังว่ามังจะเป็งอย่างนั๊งนะ เพาะวังนี้อั๊วทุ่มไปตั้งยี่สิบบากแน่ะ"
	"แน่สิ!"
	
	เหล้าขาวครึ่งขวดหมดไปสักพักหนึ่งแล้ว ลุงเฉากับลุงชาญนั่งพ่นควันบุหรี่โขมงอยู่หน้าร้านรอลูกค้ารายแรกของวัน ถ้าเป็นหน้าหนาวทั้งสองคน
จะวุ่นกว่านี้ เพราะลูกค้าจะเข้าร้านค่อนข้างชุก มันเป็นเรื่องปกติที่หน้าหนาวคนขับรถยนต์จะต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่บ่อยกว่าหน้าร้อน บางคนก็แค่แวะ
มาเติมน้ำกลั่น แต่ไม่ว่าจะทำอะไรลุงชาญก็จะกุลีกุจอให้บริการด้วยความเต็มใจยิ่งในฐานะเจ้าของร้านแบตเตอรี่เก่าแก่เป็นที่รู้จักมักคุ้นของคนแถบนี้
โดยมีลุงเฉาเพื่อนซี้คอยเป็นลูกมืออยู่ไม่ห่าง ลูกค้าที่มาก็ล้วนคนคุ้นเคยกันทั้งนั้น ส่วนใหญ่เป็นลูกค้ามาตั้งแต่สมัยพ่อของลุงชาญยังมีชีวิตอยู่ จนเดี๋ยวนี้
แกเสียไปหลายปี ลูกค้าเก่าแก่ก็ยังคงติดใจมาใช้บริการอยู่ไม่ขาด ถึงจะมีร้านใหม่ๆ ใหญ่ๆ มาเปิดแข่งก็ไม่มีผลกระทบอะไรมากนัก
	รถยนต์กลางเก่ากลางใหม่คันหนึ่งชลอความเร็วเข้าจอดเทียบข้างฟุตบาตหน้าร้าน ลุงชาญจำรูปพรรณได้แม่นยำ แกรีบดีดก้นบุหรี่ทิ้งลุกขึ้นวิ่ง
เหยาะๆ ไปยืนหน้ารถ
	"หวัดดีครับ ให้ช่วยอะไรดีครับวันนี้" ลุงชาญยิ้มกว้างให้คนที่กำลังก้าวลงจากรถ
	"เปลี่ยนแบตเตอรี่หน่อยน่ะ" เจ้าของรถหันมายิ้มให้ เขาสวมชุดลำลองสบายๆ แต่ดูออกไม่ยากว่าเป็นคนมีอันจะกิน
	ลุงชาญเปิดฝากระโปรงหน้ารถ ก้มดูแบตเตอรี่ครู่หนึ่ง แล้วหันไปพยักหน้ากับลุงเฉาที่ยืนพร้อมรออยู่แล้ว แบตเตอรี่ก้อนใหม่ถูกหิ้วออกจาก
ชั้นวางในร้าน  มันแทบจะเป็นก้อนแรกในรอบหลายวัน
	"ไง! ลูกค้าเยอะรึเปล่า?"
	"เรื่อยๆ ครับ  หน้าร้อนหยั่งงี้ก็ขายได้น้อยหน่อย" ลุงชาญตอบเนือยๆ ตาจับอยู่กับสายระโยงระยางเบื้องหน้า
	"หยุดงานเหรอครับวันนี้" ลุงเฉาแทรกขึ้นบ้าง
	ยังไม่ทันจะตอบคำถาม โทรศัพท์มือถือข้างเอวอวบอ้วนของชายคนนั้นก็ดังขึ้น เขารีบดึงเครื่องออกจากซองยกขึ้นแนบข้างหู
	"ว่าไง?...อะไรนะ หุ้นราคาตก?" เขาพยักหน้าให้ลุงเฉา ก่อนจะเดินเลี่ยงไปคุยต่อด้านหลังรถ  "ราคาตกได้ไง? อย่างนี้ผมเสียหายหลายตังค์นะ..."
น้ำเสียงหงุดหงิดของเขายังแว่วมาให้ได้ยิน
	ลุงเฉาเลิกสนใจ แกเองก็หงุดหงิดไม่น้อยเหมือนกัน มีอย่างที่ไหนร้อยวันพันปีไม่เคยฝันถึงเมียรัก เมื่อคืนดันฝันถึง แถมฝันว่ามาให้โชคให้ลาภ 
แกเลยทุ่มไปตั้งห้าสิบบาท หวยหุ้นเจ้ากรรมดันไปออกคนละตัวไม่ใกล้เคียงเลยสักนิด นั่นยังไม่เท่าไหร่หรอกที่น่าเจ็บใจกว่านั้น คือเลขที่แกซื้อรอบ
ปิดตลาดเช้ามันดันมาออกเอาอีตอนเปิดตลาดรอบบ่ายเสียนี่ ออกมาทั้งสามตัวเต็มๆ เลย  หน็อย! อีนังเมียรักมันอุตส่าห์มาให้หวยทั้งที ดันไม่ยอม
บอกชัดๆ ว่าจะออกรอบไหน แกเลยพลอยโดนอาม่ากับลุงชาญเฉ่งจนหูแทบฉีก สองคนนั่นหวังน้อยอยู่เมื่อไหร่กับเรื่องหวย
	เปลี่ยนแบตเตอรี่เรียบร้อย จ่ายเงินกันเสร็จสรรพ ชายคนนั้นตะบึงรถออกไปอย่างอารมณ์เสีย สองลุงหันมองหน้ากัน ไม่มีใครพูดอะไร ต่างคน
ต่างเดินกลับไปนั่งเก้าอี้อย่างเก่า แล้วจุดบุหรี่สูบ
	"นังพร หายหัวไปตั้งแต่เช้าเลยนะ" ลุงเฉาพูดขึ้นลอยๆ เหมือนไม่อยากพูดถึงนัก
	"ไม่อยู่วงไพ่ก็อยู่ร้านเสริมสวยนั่นแหละ มันจะไปไหนได้" ลุงชาญทำเสียงหน่าย เพราะนังพรที่กำลังพูดถึงกันอยู่นี่ คือเมียแกเอง "ไม่รู้มันจะ
อยากสวยอะไรนักหนา"
	"มันกลัวเอ็งเบื่อล่ะม้าง!" ลุงเฉาหัวเราะชอบใจที่ได้โอกาสอำเพื่อน
	"เลิกพูดเรื่องไร้สาระซะทีเถอะ!" ลุงชาญไม่เห็นสนุกด้วย "อีกครึ่งชั่วโมงจะปิดตลาดแล้ว เอ็งมีตัวไหนในใจรึยัง?"
	"มีสิ! ถามได้ คราวเนี้ยข้ามั่นใจอยู่สองตัวเลยเชียว" ลุงเฉาจริงจังขึ้นมาทันที
	"เอามาจากไหนอีกล่ะ?" อีกฝ่ายไม่ค่อยอยากจะเชื่อ
	"เอ็งนี่! ก็ตอนเปิดตลาดรอบบ่ายน่ะซี มันออกเลขคู่ใช่มะ คราวเนี้ยตอนปิดรอบเย็นมันต้องออกเลขคี่แหงๆ ข้าสังเกตมันมาสองสามวันแล้ว"
ลุงเฉาทำท่าเหมือนอีตอนอมทีเด็ดมาเมื่อเช้า "เขาเรียกสูตรลับตาเฉาโว้ย ฮ่าๆๆ.."
	"หวังว่าไอ้สูตรลับ สูตรแล๊บอะไรของเอ็งเนี่ย มันจะไม่ดูดตังค์ข้าจนเกลี้ยงกระเป๋าซะก่อนนะ" ลุงชาญประชดประชัน แต่ไม่วายหยิบสมุดเล่มเล็ก
ขึ้นมาจดตัวเลขตามสูตรลับของลุงเฉาเอาไว้
	"อาม่า! ไม่แก้มือหน่อยเรอะ?" ลุงเฉาหันไปชวนอาม่า ซึ่งกำลังง่วนเก็บแก้วโอเลี้ยงที่โต๊ะหน้าร้าน
	"ไม่เอาล่ะ เลกลื๊อทำอั๊วเจ๊งสองรอบเลี่ยววังนี้" แกพูดทั้งหันหลัง ก่อนเดินหายเข้าร้านไปอย่างไม่ใส่ใจ
	ลุงเฉากับลุงชาญหันมาหัวเราะชอบใจ
	ตลาดหุ้นปิดไปแล้ว นั่นหมายความว่าหวยหุ้นรอบสุดท้ายของวันออกผลไปแล้วด้วยเหมือนกัน เหล้าขาวขวดที่สองของวันถูกรินลงแก้ว ลุงเฉา
กระดกรวดลงลำคอ ก่อนพ่นลมผ่านรสขมปร่าร้อนวูบวาบของมันออกมา ไม่ลืมรินส่งให้เพื่อนซี้ซึ่งนั่งยิ้มหน้าแป้นอยู่ข้างกัน เสียงเพลงลูกทุ่งจากวิทยุ
ทรานซิสเตอร์ดังลั่นไปทั่วร้าน บางจังหวะลุงเฉาลุกขึ้นมาโยกตัวเต้นตามอย่างอารมณ์ดี อาม่ายืนหน้ามุ่ยเกาะประตูไม้อยู่หน้าร้าน
	"อาเฉานา มีเลกเหล็กก็ไม่ยอมบอกกังมั่งเลย" แกตัดพ้อ
	"ฉันก็ถามแล้วไง อาม่าทำไม่สนใจเอง ไอ้เรารึตั้งใจจะแบ่งโชคให้แท้ๆ" ลุงเฉาลิ้นคับปาก
	"จะไปรู้ล่ายไงวะ ก็ตองเช้าทีเหล็กลื๊อ ทำอั๊วเสียไปตั้งหลายบาก"
	"ไว้พรุ่งนี้ค่อยแก้ตัวใหม่น่าอาม่า มีให้ซื้อทั้งวันแหละ ใครจะรู้ดวงอาม่าอาจจะขึ้นก็ได้พรุ่งนี้น่ะ" ลุงชาญปลอบใจ พลางเคาะโต๊ะตามจังหวะเพลง
	"เอาเหล้าซักแก้วไหมล่ะ เผื่อจะหายเซ็ง" ลุงเฉาแกล้งแหย่ ยื่นแก้วเหล้าให้
	"ไม่เอาล่ะ" แกส่ายหัว เดินบ่นงึมงำในลำคอกลับร้านไป
	"บอกแล้วไง สูตรเด็ดของเฉาเชื่อถือได้พันเปอร์เซ็น" ลุงเฉาได้ทีคุยโว "ทีนี้แหละ เราจะรวยรายวันกันเลยไอ้ชาญเอ๊ย!"
	เสียงหัวเราะของคนทั้งคู่ดังลั่นออกมาถึงนอกร้าน ยิ่งพอป้าพรเมียลุงชาญกลับมาสมทบอีกคนเสียงก็ยิ่งดังเข้าไปอีก แต่การฉลองในค่ำนี้ก็ไม่ได้
เลยเถิดเกินพอดี เพราะเงินที่ได้มานั้นไม่ใช่จำนวนมากมายอะไรเลย จะกินกันก็ต้องไม่ลืมแบ่งไว้ต่อยอดพรุ่งนี้ด้วย ไม่งั้นจะไม่มีอะไรให้ลุ้นกันอีก
และเวลาของลุงเฉานั้นก็มีจำกัด แกยังมีหลานชายสองคนที่ต้องรับผิดชอบ ต้องกลับไปหุงหาข้าวปลาให้มันกิน ไปบังคับให้มันทำการบ้าน ไม่งั้นพ่อแม่
มันที่ส่งเงินค่าใช้จ่ายรายเดือนมาให้จะพากันตำหนิแกเอาได้
	แสงแดดเย็นโรยแรง คือเวลาที่ลุงเฉาต้องกลับบ้าน แกคว้าเอาจักรยานคู่ใจมาขึ้นนั่งคร่อม แล้วออกแรงปั่นตุปั๊ดตุเป๋ออกจากร้านแบตเตอรี่มา
แกยิ้มแป้นจนเห็นฟันซี่โตๆ สีเหลืองอ๋อยมาตลอดทาง ดวงตาแกก็ยิ้มถ้าใครจะสังเกตสักหน่อย แน่ล่ะ! วันนี้แกมีทุนนอนนิ่งในกระเป๋ากางเกงแล้ว
	ทุนสำหรับต่อยอดในวันพรุ่งนี้!				
comments powered by Disqus
  • พุด

    20 ตุลาคม 2549 23:48 น. - comment id 93082

    1.gif16.gif36.gif
    
    จะอ่านสักสองเที่ยวค่ะ
    แล้วกลับมาใหม่1.gif
  • boytilldie

    21 ตุลาคม 2549 12:17 น. - comment id 93089

    ขอบคุณคับ
  • โคลอน

    21 พฤศจิกายน 2549 16:55 น. - comment id 93816

    ไม่ว่าจะ หวย หรือ หุ้น ก็ทำให้ชีวิตขาดทุนได้พอกัน...แถมบางคน ติดลบเพราะสิ่งเหล่านี้ยังไปเที่ยวโทษโชคชะตาอีกแน่ะ...61.gif...เมื่อไหร่สังคมจะไม่ถูกมอมเมาง่ายๆแบบนี้น๊อ...73.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน