** ทัศยุราชันย์ (วังวน) **

แก้วประเสริฐ


                                                                  บทที่ ๓
                                                                   วังวน
       ชราชราทำท่าจะลุกขึ้นต้อนรับแล้วก็กลับนั่งลงอีก เพียงแต่น้อมตัวลงทำท่าเสมือนจะเชื้อเชิญเพียงแค่ส่งยิ้มแต่ประกายตากับเพ่ง
มองเสมือนตรวจสอบอะไรบางอย่าง  สักครู่จึงเอ่ยปากชวน
    “ ขอเชิญประทับก่อนมหาราชันย์”   พร้อมผายมือไปทางอาสนะที่วางบนตั่งแก้วรูปลายแกะสลักขวามือ
         เขารู้สึกแปลกใจต่อคำพูดและสิ่งที่เกิดขึ้นกะทันหัน  เมื่อก่อนเข้ามาก็มองไม่เห็นตั่งดังกล่าวเพียงแต่ชายชรา
กล่าวจบเท่านั้นก็บังเกิดสิ่งนี้เกิดขึ้นอย่างช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก จนตัวเองต้องลังเลใจไม่กล้าปฏิบัติตามคำกล่าวเชิญ
แต่สิ่งพิเศษเหล่านี้เขาได้ผ่านพบมาบ้างแล้วตั้งแต่เริ่มรู้สึกตัว
จึงไม่ค่อยจะแปลกใจมากเท่าใดนัก เพียงแต่มืนงง
ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ พลางหันมามองชายชราอีกครั้งด้วยความสงสัย
       “ อ้อๆ...ลืมไปเพราะท่านจากมานานแสนนาน นานมากแล้วคงจะลืมอดีตไปเสียหมดสิ้นนะ” ชายชรา
กล่าวลอยๆขึ้นมา  พร้อมทั้งหันมาทางหญิงสาวดาริกา
        “ท่านหญิงดาริกา...เชิญนำท่านทัศยุประทับยังราชอาสน์เถอะ”
        “เจ้าค่ะท่านปู่ราชครู” หญิงสาวน้อมรับคำ
     กระตุกชายเสื้อดึงแขนชายหนุ่มให้เดินตาม  แต่เขากับดึงดันยื้อยุดกับหญิงสาวจนสะบัดหลุดจากมือหญิงสาว
พร้อมก้มตัวลงเดินก้าวล้ำหน้าตรงไปยังชายชราที่หล่อนเรียกว่าปู่ราชครู ทรุดกายลงก้มกราบชายชราอย่างนอบ
น้อมแล้วกล่าวขึ้นว่า
         “อดีตกับปัจจุบันแตกต่างกันเสียแล้วพ่อปู่ราชครูขอรับ  แม้กาลเวลานั้นๆอาจจะใช่แต่ก็ล่วงเลยมานานแสน
นาน  นานเสียจนข้าพเจ้าไม่เข้าใจสาเหตุอันใดเกิดขึ้น จะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่ปัจจุบันนี้ข้าพเจ้ายังไม่เข้าใจเลยถึง
สถานะที่เข้ามายังสถานที่นี้ด้วยได้อย่างไรขอรับ” ชายหนุ่มกล่าว
    ชายชราอึ้งต่อคำพูดของชายหนุ่ม  ซึ่งเป็นความจริงร่างของทัศยุจอมราชันย์ในอดีตต่างกับปัจจุบัน  ถึงแม้ว่า
รูปลักษณ์จะมีส่วนคล้ายคลึงกันก็ตาม แต่สัญญาได้ถูกเปลี่ยนแปลงไปทำให้ลืมอดีตไปเสียหมดสิ้น  เราจะทำ
อย่างไรดีหนอ ถึงจะทำให้ทัศยุราชันย์ระลึกถึงอดีตได้ มีทางเดียวคือต้องอาศัยธาตุศักดิ์สิทธิ์และน้ำอมฤตอุทก
ผสมผสานกับฌานแห่งการระลึกชาตินั่นแหละถึงจะสมฤทธิ์ผล หากใช้สิ่งทั้งสองอย่างบวกกับฌานซึ่งอดีต
ท่านทัศยุก็เคยเข้าถึงจนเกือบหลุดพ้นโลกียฌานบารมีเก่าในอดีต
เข้าฝึกปรือใหม่คงสำเร็จเป็นแน่  ชายชรารำพึง
แล้วหันมากล่าวสำเนียงอ่อนโยนแต่แฝงไปด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นสะท้านก้องไปทั่ว
        “จริงซินะกาลเก่าทำให้เรานึกถึงอดีตยังคิดว่าปัจจุบัน แต่อย่างไรมหาราชก็ยังคงเป็นมหาราชเช่นเดิมแม้กาล
นั้นจะผันเปลี่ยนมาหลายศตวรรษแล้วก็ตาม   เราจึงรอคอยเวลากลับมาของท่านอยู่เสมอเพราะดาวบนฟ้าลิขิต
เส้นทางของท่านไว้แล้วมิมีกาลแปรเปลี่ยนไปได้   จึงได้จัดคนสับเปลี่ยนรออยู่ปากทางเข้าเสมอมา ถึงแม้ว่าท่าน
จะกลับมาเพียงชั่วคราวหรือไม่ก็ตาม   ตามแต่ฟ้าจะลิขิตในภายหลังเราก็ยังเชื่อ เชื่อในบุญบารมีที่ท่านเคยมี
ย่อมจะแผ่ไพศาลครอบคลุมสิ่งเลวร้ายได้   หากไม่มีท่านซิ “นาครินทนาคร”จะเป็นฉันท์ใดยากหยั่งทราบได้”
       ชายหนุ่มอ้าปาค้าง งุนงง ต่อคำพูดของชายชราซึ่งมีศักดิ์ถึงท่านราชครูแห่งนาครินทนาคร และดูแลปกครอง
นครจนถึงปัจจุบันนี้ ได้กล่าวอ้างอิงถึงลิขิตของดวงดาวบนฟ้า  นัยคำพูดนี้คงหมายถึงเขาแล้วเขาล่ะซึ่งช่วยอะไร
ได้ในเมื่อเป็นเพียงแค่มนุษย์เดินดินธรรมดาเท่านั้น  เราเพียงแค่ชาวบ้านธรรมดาอาชีพหาของป่าเลี้ยงชีพไป
วันๆหนึ่ง    อีกทั้งการศึกษาก็สำเร็จไม่สูงนักด้วยเหตุจำเป็นจึงต้องละทิ้งมาดูแลพ่อแม่   ชายหนุ่มรำพึงคิด
       ชายชราเหมือนจะหยั่งรู้ความคิดอ่านภายในใจของเขาจึงได้กล่าวขึ้นอีกว่า
       “ขอเพียงท่านทัศยุรับปากเราว่าจะอยู่ช่วยเหลือนาครินทนาครให้พ้นจากภัยพิบัต
ิที่กำลังล่วงก้าวเข้าสู่มานั้น
เพียงเท่านี้ และได้เข้าไปสู่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของมหานครแห่งนี้โดยถือศีลพรตที่กำหนดไว้ราตรีกาลชำระร่างกาย
ด้วยธาตุบริสุทธิ์ก็สามารถเปล่งอิทธิฤทธิ์บารมีเก่าเข้าเสริมปัจจุบันของท่านแปรเปลี่ยนสภาพกลาย
เป็นทัศยุจอมราชันย์ดั่งเดิมได้ไม่ผิดเพี้ยนแต่ประการใดหรอก”   ชายชราราชครูกล่าว
     “และจะขอบอกกับท่านอีกสักอย่างคือว่า  “นาครินทนาคร”นี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ในการเก็บรักษา
น้ำอมฤตธาตุของจอมเทพเทวาทั้งหลายมอบให้ทัศยุราชันย์และเราตลอดจนถึง
ชาวนครนี้เป็นผู้ดูแลรักษาไว้
ซึ่งน้ำอมฤตอันศักดิ์สิทธิ์นี้หากผู้ใดได้อาบดื่มกินดวงวิญญาณจะเป็นอมตะ ถึงแม้จะดับด้วยของวิเศษใดๆก็ตาม
วิญญาณก็จะกลับไปสู่ธาตุแล้วฟื้นคืนกลับได้อีกนอกเสียจากตั้งสัตยาบันอธิษฐานไว้เท่านั้น เป็นสิ่งหมายปอง
ของเทพยดา ยักษ์ อสูรและมวลส่ำสัตว์ทั้งหลาย จึงได้คัดเลือกผู้ที่จะเข้ามาปกครองนครแห่งนี้อย่างระมัดระวัง
ท่านและเราตลอดจนผู้อยู่ทั้งปวงเป็นพิเศษได้ถูกคัดเลือกมา   โดยได้รับพระบัญชาจากจอมเทพแห่งสรวงสวรรค์
ปีหนึ่งๆจะมีผู้มาคอยตรวจสอบและรายงานแด่จอมเทพถึงความเป็นไปของธาตุอย่างสม่ำเสมอ  สถานะของ
ชนชาวนครนี้จึงพิเศษแปลกแตกต่างไปว่าวิญญาณทั้งหลาย  สถานที่นี้จึงมีความเป็นอยู่กึ่งเทพแลมนุษย์จุดอยู่
ระหว่างกลางรอยต่อของภพแบ่งแยกจากสวรรค์และมนุษย์ เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะเกี่ยวกับธาตุอมฤตศักดิ์สิทธิ์
ต้องอาศัยแรงดึงดูดพละกำลังของทั้งสามภพเข้ามารวมประสานกันเป็นจุดเดียว อันหมายถึงนรกภูมิอีกด้วย
 การที่ท่านได้วนเวียนและต้องอยู่ในกฎเกณฑ์ของสวรรค์ดังกล่าว มิอาจสามารถหลบเลี่ยงต่อคำบัญชานี้ได้จึง
ต้องย้อนกลับมาอีกเพราะก่อนที่ท่านจะสละสังขารทิพย์นั่นได้อธิษฐาน
ลงไว้ในธาตุถึงการกลับมาอีกครั้งของท่าน
การจากไปของท่าน  จอมเทพพระองค์ทรงทราบได้มีบัญชาลิขิตดวงดาวให้สร้างมุมกลับแก่ดวงวิญญาณท่านไว้
 ท่านจึงไม่อาจจะหลีกเลี่ยงชาตาชีวิตท่านได้”   ชายชรากล่าวแจ้งปัญหาสวรรค์แก่ชายหนุ่มให้ทราบ
       “แล้วคนอื่นๆทำไมท่านพ่อปู่ราชครูไม่จัดทำแทนข้าพเจ้าเพื่อปกป้องมหานครนี้ล่ะท่าน”  ชายหนุ่มต่อลอง
       “หากมีคนที่สามารถทดแทนท่านได้ดวงดาวคงไม่ลิขิตกำหนดไว้เช่นนี้หรอกท่าน”
       “อีกประการหนึ่งหากมีคนสามารถถือศีลอาบน้ำธาตุศักดิ์สิทธิ์ได้ก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถจะบังคับใช้
มหาศาสตราอาวุธฤทธิ์เดชอันเกรียงไกร  ๕ ประการได้ ก็เป็นแค่เพียงคงทนต่อศาสตราอาวุธต่างๆ  เหาะเหิรเดินดำดินท่องไปในธาตุต่างๆได้เท่านั้น เพราะศาสตราอาวุธนี้เป็นกำเนิดคู่กับธาตุที่สะสมบารมีเฉพาะท่านไว้
เพราะได้รับการประทานจากจอมเทพทั้งหลายไว้ปกป้องนครคู่กับท่านโดยเฉพาะแม้แต่เราก็ไม่กล้าบังอาจ”
        “อ้อๆเกือบลืมบอกหากผู้ใดมิมีวาสนาบารมีพอเข้าอาบน้ำธาตุศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าวแล้วก็จะต้องตกตายไปแม้แต่
วิญญาณธาตุก็พลอยต้องถูกกักขังชั่วนาตาปีจนกว่าจะพบกับพุทธทันดรจึงจะหลุดพ้นอำนาจนี้ได้ เราจึงมิอาจเสาะ
ค้นหาผู้หนึ่งผู้ใดได้นอกจากคอยท่านตามฟ้าลิขิตกำหนดเท่านั้น”  ชายชราสาธยายสิ่งต่างๆให้ฟัง
        “แล้วท่านแน่ใจหรือว่า ข้าพเจ้าเป็นบุคคลที่ท่านเสาะหา” ชายหนุ่มท้วงติง
        “ฮ่าๆๆๆมีใครในภพนี้หรือที่จะทราบชะตาที่ดินฟ้ากำหนดได้เที่ยงแท้แม่นยำกว่าเรา”  ชายชราหัวร่อร่วน
   ชายหนุ่มหันหน้าไปมองหญิงสาวที่นั่งลงข้างๆเขาที่คอยฟังการสนทนาอยู่ เห็นหล่อนยิ้มๆและพยักหน้าให้รับ
เหมือนจะขอร้องเขาให้ทำตามชายชราพ่อปู่ราชครูกล่าวไว้
     ชายหนุ่มอึ้งต่อลักษณะท่าทางของหญิงสาว   หากเขาทำตามคำขอร้องและไม่เป็นผู้มีบารมีดังที่กล่าวไว้ล่ะ
เพียงแค่คำพูดของชายชราก็ทำให้เขาเสียววูบเข้าไปยังหัวใจแล้วหากประสบจริงจะเป็นอย่างไรหนอ ชายหนุ่มคิด
แต่สิ่งต่างๆตั้งแต่เข้ามามันเสมือนเป็นอิทธิฤทธิ์ทั้งนั้น แม้ภายในกายเขาตั้งแต่ทานผลไม้ประหลาดนั้นถึงตอนนี้
รู้สึกว่าจะเร่งเร้าภายในเขาเสียจริงๆ และก็เป็นสิ่งที่น่าทดลองจริงๆเพราะตอนนี้เขาไม่เหลืออะไรอีกแล้วและไม่
รู้ว่าจะได้กลับออกไปพบโลกที่เคยอาศัยอยู่ได้หรือเปล่า จึงได้กล่าวต่อรองกับชายชราว่า
        “หากมาดแม้นว่าข้าพเจ้าทำตามท่านพ่อครูแล้ว    หากยังจะคิดจะกลับไปสู่โลกปัจจุบันของข้าพเจ้าคงจะ
ไม่เป็นปัญหานะท่านพ่อปู่ขอรับ”
      “ เราให้สัญญาท่านทัศยุ  หลังจากท่านช่วยเหลือนาครินทนาครนี้พ้นภัยและยังคิดจะกลับที่เดิมเราจะจัดการ
ให้ท่านกลับโดยไม่มีข้อแม้แต่ประการใด  แต่ๆต้องได้รับบัญชาจากจอมเทพด้วย”   ชายชราให้สัญญา
       “อ้อๆ..ขอถามท่านอีกอย่าง  ทำไมพวกท่านตลอดจนท่านเองทำไมมีอายุเป็นกัลป์กาลไม่มีวันศูนย์ดับดังพวก
ข้าพเจ้าล่ะพ่อท่านราชครู”  ชายหนุ่มถามสิ่งสงสัย
       “เป็นเพราะธาตุบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ประการหนึ่ง   เพราะอิทธิฤทธิ์ของศาสตราอาวุธ ๕ประการประการหนึ่ง
พรจากจอมเทพทั้งหลายประการหนึ่งความมีสัจจะยึดมั่นในคุณธรรมพร้อมที่ยอมพลีเพื่อปกป้องธาตุประการหนึ่ง
อีกในวันธรรมสวนะเราทั้งหมดตั้งมั่นในศีลประการหนึ่ง  และผลไม้ที่บรรจุธาตุอมตะอีกประการหนึ่ง
ตลอดจนได้ชำระร่างกายจากธาตุอมฤตประการหนึ่ง  รวมเจ็ดประการตามกำลังวันของดวงดาวที่คอยหมุนเวียนไว้
จึงทำให้ร่างกายนี้เป็นอมตะไปแต่ไม่ทุกๆคนหรอกนะท่าน    จะมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ส่วนประชาชาวนครต้อง
อาศัยบุญบารมีสะสมก่อนที่จะเข้ามากำเนิดในภพภูมินี้อีกด้วยนะท่าน”ชายชราตอบ
       “แล้วเหตุใดเมื่อครั้งที่ข้าพเจ้าเป็นทัศยุจอมราชันย์นั้นทำไมต้องดับสังขารลงล่ะท่านราชครู” ชายหนุ่มย้อน
       “อ้อ...เพราะท่านไม่หลุดพ้นวังวนของกามารมณ์ที่ผูกพันจากเจ้าหญิงต่างๆที่พารุมเข้ามาและไม่สามารถ
แก้ไขปัญหาเรื่องนี้ได้ จนทำให้ท่านเกิดความเบื่อหน่ายแล้วตั้งจิตอธิษฐานต่อธาตุศักดิ์สิทธิ์ในระหว่างกำลังชำระ
ร่างกายของทุกเพ็ญ ๑๕ ค่ำทำต่อหน้าศาสตราอาวุธทั้งหลาย  โดยมอบหมายภารกิจทั้งปวงแก่ข้าพเจ้าซึ่งเป็นทั้ง
พระสหายร่วมอาจารย์ท่านตลอดฝากศาสตราอาวุธให้ช่วยปกป้องคุ้มครองนาครินทนาครทั้งผู้คนทั้งมวลที่มีความ
จงรักภักดีอยู่เสมอมา จะมีบ้างที่ดับไปตามวาระกรรมก็มี สิ้นไปด้วยอำนาจฤทธิ์ของศาสตราก็มี  ดับไปเพราะ
ผิดศีลธรรมก็มี ส่วนพวกที่ดับไปตามวาระนั้นเนื่องเหตุขาดความเชื่อมั่นต่ออำนาจสิ่งศักดิสิทธิ์ของธาตุจนกระทั่ง
ศาสตราอาวุธของท่านไม่สามารถคุ้มครองได้จึงต้องสิ้นสลายไปตามกฎแห่งกรรมนั้นๆหรอกท่าน”
       ชายชราเล่าถึงความเป็นอมตะของผู้ที่อยู่ในช่วงปัจจุบันของชาวประชานาครินทนาคร
       “ตอนนี้อีกประการหนึ่ง มหาศาสตราอาวุธคงคิดถึงจ้าวนายทำให้แสงที่เคยเจิดจ้ากลับจางลงทุกๆขณะลง
คงเหลือเพียงแค่พอทำให้รู้ว่ายังคงมีแสงอยู่เท่านั้น  หากกาลต่อไปข้างหน้าถ้าปราศจากท่านเข้าไปปลุกมหาศาสตรา
คงจะหวนกลับไปสู่ท่านจอมเทพทั้งหลายด้วยเหตุดังนี้มหาศาสตราอาวุธจึงทอแสงอ่อนลง  
อาจจะถึงกาลสิ้นอำนาจฤทธิ์ไม่อาจคุ้มครองนครนี้  อีกประการหนึ่ง เหล่าภพนาครต่างๆเคยยกทัพมาเพื่อ
จะแย่งชิงน้ำอมฤตธาตุอุทกนั้นก็จะยกรี้พลมารุกรานเรา  ฝ่ายคิดรุกรานแย่งชิงหากทราบข่าวถึงมหาศาสตราอาวุธ
นี้เพียงเลาๆจึงได้ตระเตรียมขุมกำลังไว้เพื่อคอยโอกาสเข้ารุกรานนาครินทนาครนี้ซึ่งจำเป็นที่เราต้องพยายาม
หาทางให้ท่านกลับคืนมา จึงต้องคอยตรวจดูฟ้าแทบจะมิได้หลับนอนเลย  ยิ่งกังวลมากขึ้น เพราะมีผู้แจ้งแก่เราว่า 
มีผู้ที่คอยสอดส่องสอดแนมในแสงที่ปกคลุมมหานครนี้อยู่อย่างสม่ำเสมอๆ” ชายชราเล่า
      “หากมาดแม้นข้าพเจ้ายินยอมรับขอตกลงท่าน ในเมื่อข้าพเจ้ามิใช่ราชันย์ทัศยุคนเดิม เพียงแค่อายุอานาม
แล้วท่านก็มีมากกว่าข้าพเจ้ามากมายนัก ครั้นท่านจักบอกข้าพเจ้าว่าเป็นพระสหายในอดีตแต่ปัจจุบันนี้หาใช่ไม่
จึงขอเรียกท่านตามหญิงดาริกาดีกว่า  เรียกท่านว่าพ่อปู่ราชครูก็แสนจะไพเราะถูกใจข้าพเจ้าเสียนักหนา หวังว่า
ท่านคงจะไม่ขัดข้องนะขอรับ  อีกอย่างหนึ่งคำราชาศัพท์ทั้งหลายข้าพเจ้าเป็นชาวบ้านป่าธรรมดาย่อมจะไม่รู้ซึ้ง
เท่าที่ควรจึงอยากจะให้ใช้คำเรียบง่ายธรรมดาเพื่อข้าพเจ้าจะได้เข้าใจรู้ตามหวังว่าท่านจะตกลงและกำชับบริวาร
ของท่านด้วยก็จะเป็นการดียิ่งนะท่านพ่อปู่ราชครู ส่วนเรื่องทำตามข้อตกลงนั้นรู้สึกเห็นใจในการรอคอยของท่าน
และชาวนาครินทนาครยิ่งนัก ข้าพเจ้าเป็นคนอ่อนแออ่อนไหวง่ายบางครั้งอาจจะทำการมิสมควรอยู่แต่ก็มีความ
รู้สึกเห็นอกเห็นใจตามที่ท่านเล่ามานี้ เหตุดังนี้จึงมิเป็นการขัดข้องแต่ประการใด
				
				
comments powered by Disqus
  • ยายแม่มด

    29 ตุลาคม 2549 20:34 น. - comment id 93235

    เจ้าชาย...ขอตื่นเต้นอีกนิดนะคะ16.gif
    
    
    จะเข้ามาก่อกวนอีก36.gif
  • แก้วประเสริฐ

    29 ตุลาคม 2549 20:45 น. - comment id 93236

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ ยายแม่มด
    
             รสชาติกำลังจะเริ่มเข้าหาความตื่นเต้นแล้ว
    หากลัดขั้นตอนไปก็จะเสียอรรถรสหมดซิจ๊ะเจ้าหญิง
    
                       16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • rain..

    29 ตุลาคม 2549 21:01 น. - comment id 93237

    ..อ่านเพลินจริงๆด้วยดิคะ.. คุณลุงแก้วเก่งจัง ..  เป็นจินตนาการที่มหัศจรรย์จริงๆนะคะ..36.gif
  • แก้วประเสริฐ

    29 ตุลาคม 2549 21:10 น. - comment id 93238

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ rain
    
          ตอนนี้ตัวลครเพิ่งจะโหมโรงแต่งยากต้องใช้
    สมาธิมากจริงๆแต่เรื่องนี้ต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป
    หากรวบรัดขั้นตอนจะขาดรสชาดไม่สนุกและยัง
    งุนงงอีกด้วย เรื่องเก่งนี้ลุงไม่ขอรับนะหนู เพียงแต่
    เพิ่งเริ่มต้นเขียนจะให้เป็นนิยายเรื่องสั้นตามแต่
    ใจและอารมณ์พาไป  บทหนึ่งใช้กระดาษA4ถึงสาม
    แผ่นบางครั้งเกินไปบ้างพยายามจะให้พอดี แล้วจะ
    พยายามเขียนให้ดีเท่านั้น แล้วติดตามต่อไปนะ
    ตอนนี้แต่งได้ถึงบทที่ 6 แล้วบางครั้งลืมทาน
    ข้าวเลยทีเดียวเพราะกลัวจะทำให้ไม่สมดุลย์กัน
    ต่อไปก็ท่องนครเป็นตอนต่อไปจ้า รักคิดถึงเสมอ
    
                  16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • ราชิกา

    30 ตุลาคม 2549 01:14 น. - comment id 93241

    ...เป็นเรื่องที่น่าติดตามมาก...ชอบค่ะ..อ่านแล้วจินตนาการตามไปด้วย...เจ้าหญิงดาริกา...นึกว่าจะเป็นเจ้าหญิงราชิกา..(แซวค่ะ )..จะรอติดตามตอนต่อไปนะคะ...36.gif36.gif36.gif
    
    ..พักผ่อนด้วยนะ...ดูแลสุขภาพนะคะ...36.gif57.gif36.gif
  • แก้วประเสริฐ

    30 ตุลาคม 2549 12:58 น. - comment id 93243

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ ราชิกา
    
            เรื่องนี้เกิดขึ้นยามค่ำคืนหนึ่งที่อากาศร้อน
    ผมออกไปนอกบ้านรับลมเย็นๆท้องฟ้ามืดสนิทแม้
    จะมีเมฆลอยบ้างแต่ก็ยังพอมองเห็นดางดาวกระพริบ
    พร่างพราวเต็มไปทั่ว เลยเกิดมโนภาพขึ้นนึกอยาก
    จะเขียนนิยายสั้นๆไว้บ้าง ครั้นจะหาชื่อเรื่องก็ไม่รู้
    ว่าจะใช้ชื่ออะไรดี อิอิ จริงๆนะแว็ปหนึ่งคิดถึงคุณได้
    เพราะผมเคยตั้งชื่อคุณว่า ราชินีแห่งดวงดาว
    คิดถึงว่าตอนนี้อยู่ทำอะไรหนอ
    จึงได้เกิดผัสสะ
    ขึ้นในมโน จึงใช้ชื่อว่า" เธออยู่ไหน" และนำ
    มาเขียนเรื่องนี้ในวันรุ่งขึ้นปล่อยให้ใจเป็นผู้
    พล็อตเรื่องเองวาดมโนขึ้นสร้างสถานะการณ์เอง
    ปกติการเขียนเรื่องสั้นหรือนิยายเขามักจะพล็อต
    เรื่องไว้คราวๆก่อน  แต่เรื่องนี้ผมเขียนไปเกิด
    อารมณ์สนุกสนาน เลยเขียนไปเรื่อยๆจ๊ะโดย
    ไม่มีการพล็อตเรื่องไว้แต่อย่างใด  บางครั้งต้อง
    มีการผิดพลาด ผมเพียงแค่ทบทวนเที่ยวเดียว
    แล้วก็ปล่อยออกมาสู่ไทยกลอนเลย  นึกว่าเรา
    เป็นแค่การเขียนสมัครเล่นไม่จำเป็นต้องระมัด
    ระวังมากนักมิฉะนั้นอารมณ์ก็จะขาดตอนจ๊ะ
        นี่บอกให้แฝดเพื่อนที่รักทราบ จนบางครั้งต้อง
    เปิดของเก่าดูชื่อตัวลครกลัวว่าจะผิดพลาดก็เท่านี้
    เองแหละ  และได้อาศัย
    ดวงดาวนี้มาเป็นกฏเกณฑ์ในการเขียน
      ขอบใจเพื่อนรักมากที่จะช่วยติดตามหากมีสิ่ง
    ที่คิดว่าจะช่วยในการนี้โปรดบอกผมด้วยนะครับ
    ขอบคุณ
    
                  16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • เพียงพลิ้ว

    30 ตุลาคม 2549 13:29 น. - comment id 93245

    ภาพน้ำตก เหมือนภาพในฉากในนิยายเลยนะคะ
    
    36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif1.gif
  • เพียงพลิ้ว

    30 ตุลาคม 2549 13:31 น. - comment id 93246

    ภาพน้ำตกเหมือนฉากในนวนิยายเลยนะคะ
    
    36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif1.gif
  • แก้วประเสริฐ

    30 ตุลาคม 2549 13:35 น. - comment id 93247

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ เพียงพลิ้ว
    
             หลานกานต์จินตนาการย่อมวกวนปนเป
    สร้างสรรค์สิ่งต่างๆตามประสบการณ์ที่เคยพบเคย
    เห็นแล้วนำมาสร้าง ฉะนั้นสิ่งเหล่านี้จึงเกิดได้ตาม
    แต่อารมณ์ใจจะพาไปจ๊ะ ลุงเองเขียนนิยายสั้น
    เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่รู้สึกจะยาวๆหน่อยตามแต่
    อารมณ์นึกจะพาไปนะจ๊ะ  เพื่อก่อเกิดอารมณ์เร้า
    แก่ผู้อ่าน  หวังว่าคงจะติดตามตอนต่อไปนะจ๊ะ
    อ้อ เห็นว่า 3 หน้ากระดาษA4คงจะไม่พออ่าน
    ลุงคิดว่าจะเพิ่มเป็น 4 หน้ากระดาษหลานรัก
    เห็นดีด้วยไหมจ๊ะตอบด้วย ขอบใจมากจ๊ะ
    
                  16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • แก้วประเสริฐ

    30 ตุลาคม 2549 13:40 น. - comment id 93248

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ เพียงพลิ้ว
    
            จ้าก็เป็นส่วนหนึ่งของในนิยายเรื่องนี้นะ
    ก่อนก่อกำเนิดอุทกภัยพาพระเอกไปหานางเอกจ๊ะ
    
                     16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน