รักไม่มีวันตาย

Viola

หมู่บ้านแห่งหนึ่งใจกลางเมืองกรุงเทพฯ คราคร่ำไปด้วยบ้านเรือนที่ตั้งอยู่เกือบจะติดกัน ละแวกนี้มีคนอยู่มากมายแต่ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่ได้สนใจกัน ไม่มีใครพูดคุยกับใคร ต่างคนต่างทำงานและเมื่อกลับบ้านก็ไม่มีการเอ่ยทักทายเพื่อนบ้านเพราะทุกคนเหนื่อยจากการทำงานกันหมด 
ภายในหมู่บ้านมีบ้านที่มีหลังคาสีแดงเลือดหมูตั้งเด่นอยู่หนึ่งหลัง รอบบ้านหลังนี้มีต้นไม้และดอกไม้ที่มีสีสันปลูกไว้ แต่ดอกไม้บางส่วนเริ่มเหี่ยวเฉาและใบไม้เริ่มแห้งกรอบ มีหญ้าขึ้นยาวสูง บ่งบอกถึงการที่เจ้าของไม่ได้ใส่ใจดูแลต้นไม้เหล่านั้นมาสักระยะเวลาหนึ่งแล้ว  
	ที่รักคะ ลุกขึ้นมาทานยาก่อนนะคะ เดี๋ยวค่อยนอนพักต่อ ต้นอ้อ นางพยาบาลสาวสวยที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้น เดินถือถ้วยยาพร้อมน้ำประมาณค่อนแก้วมาทางสามีที่นอนอยู่บนเตียงนอน 
	เธอมองดูมานพสามีเธอด้วยสายตาห่วงใยและท้อแท้ใจกับโรคที่น่าเกลียดน่ากลัวเสียเหลือเกิน ความจริงเธอควรพาเขาไปรักษาที่โรงพยาบาล เพราะที่นั่นเธอรู้จักกับหมอฝีมือดีหลายคน เธอเชื่อแน่ว่าถ้าพามานพไปรักษา มานพอาจหายจากโรคนี้
	ต้นอ้อไม่แน่ใจว่าโรคที่สามีของเธอเป็นนั้น ใช่โรคผิวหนังหรือเปล่า แต่เธอคาดการณ์เอาว่าคงเป็นโรคผิวหนังเพราะแผลที่เธอเห็นนั้นลุกลามอยู่บนผิวหนังของสามีเธอ เธอมองดูภาพสามีที่นอนป่วยอยู่บนเตียงนอน นิ้วมือของเขามองดูคล้ายไม่ใช่นิ้วเพราะมีหนังเปิดออกมาเห็นเนื้อใน บางนิ้วมีน้ำเหลืองไหลออกมาหยดอยู่ข้างๆเตียงนอน เนื้อตัวของเขาตะปุ่มตะป่ำ เต็มไปด้วยแผลพุพองทั่วร่างกาย เธอแทบจะไม่อยากมองหน้าของเขาเพราะมีแต่แผลที่เปิดออกมาให้เห็นเนื้อที่เป็นสีชมพูปนแดง และบางแผลก็ลึกเข้าไปจนเห็นกระดูกขาวเล็กๆข้างใน เวลาที่น้ำเหลืองจากแผลของเขาไหลออกมาจากใบหน้า เบ้าตา และรูจมูก เธอก็ต้องฝืนใจคอยเช็ดให้เขาทุกครั้ง 
	 ต้นอ้อยกหัวสามีของเธอขึ้น ป้อนยาและน้ำให้กับเขา หลังจากนั้นเธอก็วางแก้วน้ำที่มานพดื่มเกือบหมดไว้บนโต๊ะที่หัวเตียงก่อนพูดว่า 
	"นพ เป็นยังไงบ้างคะ รู้สึกดีขึ้นบ้างไหม"
	"ยังเลย นพรู้สึกแสบไปทั้งตัวเลยอ้อ คันทั่วตัวไปหมด นพจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว"
	"ทนหน่อยนะคะ เห็นไหม อ้อบอกให้ไปหาหมอก็ไม่ยอมไป"
	"นพไม่ไป นพอายคน นพกลัวหมอด้วย เขาอาจจะผ่าตัดนพทุกส่วนเลยก็ได้"
	"นพก็ชอบคิดไปเอง ลองไปให้เขาตรวจดูหน่อยจะเป็นอะไร เขาอาจจะมียามาให้ทาก็ได้"
	"ก็นพไม่อยากไปนี่นา อ้อก็เป็นพยาบาล อ้อดูแลนพ นพอาจหายก็ได้ นพไม่กล้าสู้หน้าใครทั้งนั้นแหละ นพกลัวไปหมด อ้อเข้าใจนพนะ"
	"ค่ะๆ ไม่ไปก็ไม่ไป ถ้างั้นตอนนี้นพนอนพักก่อนดีกว่านะ" 
	"ครับ"
	ต้นอ้อหยิบผ้าห่มสีน้ำเงินที่วางอยู่ปลายเตียงมาคลุมให้มานพ และนั่งนิ่งมองมานพหลับไป ต้นอ้อคิดถึงเรื่องราวที่ตนทะเลาะกับมานพเมื่อ 2 วันก่อนอย่างเศร้าใจ เรื่องทั้งหมดเกิดจากการที่เธอเครียดกับงานมากเกินไป มานพพยายามเอาใจเธอด้วยการชวนไปกินข้าวเย็นข้างนอก  แต่ต้นอ้อกลับตวาดใส่และด่าว่าเขาต่างๆนานา ทั้งที่เขาไม่ได้ผิดอะไร มานพเสียใจมากขับรถออกจากบ้านไป และไม่ยอมกลับบ้านทั้งคืน เมื่อเขากลับมาก็เริ่มมีอาการแปลกๆและอาการของเขาก็หนักขึ้นเรื่อยๆ  ต้นอ้อคิดได้มาถึงช่วงนี้น้ำตาของเธอก็ไหลลงมาอาบแก้ม เธอมองหน้าสามีของเธอ และมองดูแผลทั่วร่างกายของเขา
	ต้นอ้ออยากโทรไปปรึกษากับหมอที่โรงพยาบาลแต่เพราะมานพขอร้องเอาไว้ว่าอย่าพาเขาไปรักษา เธอจึงเลือกวิธีลางานไปสักระยะหนึ่งและใช้อาชีพพยาบาลที่เธอเป็นอยู่ ดูแลสามีเธออย่างดีที่สุด เธอไม่ได้รู้สึกรังเกียจสามีของเธอ แม้บางครั้งอาจจะมีความรู้สึกนั้นแทรกเข้ามาบ้าง แต่เมื่อนึกถึงความดีของเขาตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันมาเธอก็ลืมความรู้สึกนั้นไปเสียสนิท เธอรู้ตัวว่าเธอนั้นไม่ค่อยมีเวลาให้สามีของเธอนักเพราะที่ผ่านมาเธอต้องอยู่เวรที่โรงพยาบาลเกือบทุกวันและปล่อยให้สามีของเธอนอนอยู่บ้านคนเดียว บางวันที่เขาเหงาก็จะโทรหาเธอ แต่สิ่งที่ได้รับก็คือการตวาดเสียงใส่ หรือบางวันที่เขาไปรับเธอทานข้าวกลางวัน ต้นอ้อก็จะพร่ำบ่นเกี่ยวกับเรื่องงาน จนละเลยความรู้สึกเขา ต้นอ้อรู้ดีว่าเธอไม่ใช่ภรรยาที่ดีนัก และไม่รู้ว่ารักมานพมากขนาดไหน จนกระทั่งวันที่เขาเป็นโรค เธอจึงรู้ตัวว่า งานไม่ใช่สิ่งสำคัญอีกต่อไป คนที่เธอรักสำคัญมากที่สุด เธอคิดไปว่าหากมานพไม่หายเธอจะยอมลาออกจากงานเพื่อมาดูแลเขา อาจเปิดร้านขายข้าวแกงหน้าซอยเพื่อเอาเงินมาจุนเจือครอบครัว ให้พอมีเงินใช้ ไม่ขาดแคลนก็พอแล้ว 
	ต้นอ้อลุกขึ้นจากเตียงเดินเข้าห้องครัว จัดแจงหุงข้าว และทำข้าวต้มกุ้งให้สามีของเธอ เธอทำอาหารอย่างสบายใจและสุขใจ เพราะรู้แล้วว่าความสุขของเธอนั้นคือการได้อยู่ข้างๆสามี ได้ปรนนิบัติเขา  ได้ทำเพื่อเขาและดูแลเขา เมื่ออาหารเสร็จเรียบร้อยเธอก็ยกเข้าไปในห้อง นั่งทานข้าวกับมานพ
	ช่วงบ่ายน้องสาวของมานพได้มาหาเธอที่บ้าน เธอชื่อสายฝน  สายฝนนั้นเป็นหญิงสาวตัวเล็กๆ ใบหน้าจิ้มลิ้ม ขนตางอน มีนิสัยเรียบร้อยและเป็นคนเงียบๆ กำลังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยชื่อดัง ชั้นปีที่ 3  สนิทกับต้นอ้อมาหลายปีแล้ว ด้วยความที่เธอเป็นคนมีน้ำใจจึงมักซื้อนู่นซื้อนี่มาฝากต้นอ้อเป็นประจำหากเธอผ่านมาแถวนี้  
	 พี่อ้อเป็นยังไงบ้างคะ
	พี่สบายดีจ้ะ วันนี้ผ่านมาแถวนี้เหรอ
	 ใช่ค่ะ พอดีฝนนัดเพื่อนไว้ว่าจะไปซื้อของกัน บ้านเขาอยู่ห่างจากพี่อ้อไปแค่ 2-3 หลังเองค่ะ
	  เหรอจ๊ะ แล้วฝนซื้ออะไรมาตั้งเยอะตั้งแยะเนี่ย ต้นอ้อบอกพร้อมกับมองของที่สายฝนซื้อมาฝากบนโต๊ะ
	 ก็เห็นพี่อ้ออยู่บ้านคนเดียว กลัวไม่ได้ออกไปไหนน่ะค่ะเลยซื้อของมาฝาก เผื่อเอาไว้กินเวลาหิว พี่อ้อขาดเหลืออะไรอีกก็บอกฝนได้นะคะ เดี๋ยวฝนซื้อมาฝากอีกก็ได้
	 แหม ช่างมีน้ำใจจริงๆเลยนะจ๊ะ ขอบคุณมากเลย พี่ก็ไม่ได้อยู่คนเดียวซักหน่อย นพเขาก็อยู่ด้วย แต่ก็ดีเหมือนกัน พี่ไม่อยากออกไปไหนน่ะ
	สายฝนแสดงสีหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย แต่ก็รีบกลบเกลื่อนด้วยการขอตัวกลับ 
	เมื่อสายฝนกลับไปแล้ว ต้นอ้อก็เอาของฝากที่ได้มาไปใส่ในตู้เย็น ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนจากสามีของเธอดังอยู่ในห้องนอน ต้นอ้อรีบวิ่งขึ้นไปอย่างไม่คิดชีวิต เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบสามีของเธอนอนดิ้นพล่านอยู่บนเตียงและร้องคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด
	"ไม่ไหวแล้ว ไม่ไหวแล้ว"
	"นพ นพเป็นอะไรคะ" ต้นอ้อนั่งลงข้างๆเตียงและจับแขนมานพไว้ให้หยุดดิ้น
	"นพแสบ แสบไปทั้งตัวเลยอ้อ ปวดด้วย ปวดถึงกระดูกเลย " 
	"ทนหน่อยนะนพ"
	"นพทนไม่ไหวแล้ว"
	"นพรอเดี๋ยวนะ เดี๋ยวอ้อวิ่งไปเอายาแก้ปวดให้นะ"
	ต้นอ้อรีบวิ่งไปข้างล่างและกุลีกุจอหายากับน้ำแล้ววิ่งขึ้นไปหามานพที่ห้อง สักพักมานพก็เงียบลงและหลับไปอีกครั้ง ต้นอ้อนั่งอยู่ข้างๆและเริ่มรู้สึกถึงกลิ่นเหม็นตลบอบอวลในห้อง แผลที่เน่าเฟะของมานพเริ่มใหญ่ขึ้นและส่งกลิ่นเหม็น ตอนนี้ทั่วร่างกายของมานพแทบจะไม่เห็นเนื้อแล้ว เห็นเพียงแต่แผลที่เหวอะหวะ เปิดออก และน้ำเหลืองน้ำหนองไหลเต็มไปหมด ต้นอ้อฝืนใจทนกลิ่นเหม็นฟุ้งทั่วห้องนั้น เธอหยิบกระดาษทิชชู่ที่หัวเตียงมาเช็ดน้ำเหลืองที่ไหลทั่วร่างกายเขา โดยเฉพาะใบหน้า แผลของเขาลุกลามมาจนถึงตาทำให้ตาของมานพหรี่ลงอย่างเห็นได้ชัด แผลตรงกระพุ้งแก้มของมานพเปิดใหญ่ขึ้นและเริ่มมีหนอนชอนไชอยู่ในแผลนั้น ต้นอ้อพยายามหยิบหนอนที่อยู่ตรงร่องของกระพุ้งแก้มสามีเธอ แต่หนอนมีหลายตัวมาก จนเธอหยิบไม่ไหว เธอมองไปที่ปากของเขาก็เห็นหนอนที่กำลังเลื้อยเข้าไปในปาก ต้นอ้อทนกับแผลที่เริ่มเน่ามากขึ้นของสามีเธอไม่ไหวแล้ว เธอจึงตัดสินใจโทรหาหมอที่โรงพยาบาลให้มาดูอาการสามีของเธอ 
	เมื่อหมอมาถึง ต้นอ้อพูดกับหมอก่อนที่จะพาขึ้นไปดูสามีเธอบนห้องว่า
	พี่หมออย่าบอกใครนะคะ ว่าสามีของอ้อมีแผลที่น่าเกลียดได้มากขนาดนี้ อ้อไม่อยากให้ใครรู้ อ้ออายเขา และอ้อก็ไม่อยากให้นพเขารู้สึกแย่ด้วย พี่หมอต้องสัญญาก่อนนะคะว่าจะไม่แสดงอาการรังเกียจเขา เพราะหากพี่ทำแบบนั้น นพเขาอาจคิดมากก็ได้
	แล้วทำไมอ้อ ไม่บอกพี่ตั้งแต่แรก ทำไมปล่อยให้รุนแรงมากแล้วค่อยโทรมาล่ะ
	ก็นพเขาขอไว้ แล้วอ้อก็ไม่อยากให้เขารู้สึกไม่สบายใจ
	เอาล่ะๆ พาพี่ขึ้นไปหาสามีอ้อดีกว่า
	ค่ะ
	ต้นอ้อพาหมอซีซึ่งเป็นหมอคนสนิทที่สุดของโรงพยาบาลขึ้นไปดูอาการสามีเธอ เมื่อเปิดประตูเข้าไปกลิ่นเหม็นเน่าฟุ้งทั่วห้องไปหมด
	พี่หมอ ช่วยเช็คหน่อยนะคะ อ้อไม่รู้ว่านพเป็นอะไร ต้นอ้อบอกหมอซีและมองไปที่มานพ 
	หมอซีรีบเดินออกจากห้อง ต้นอ้อวิ่งตามมาด้วยสีหน้าโมโห
	 ทำไมพี่หมอทำแบบนี้ล่ะคะ นพเขาจะคิดยังไง อยู่ๆออกมาแบบนี้ อ้อขอร้องแล้วใช่ไหมว่าอย่าแสดงทีท่าว่ารังเกียจเขา เพราะอ้อกลัวเขาคิดมาก แต่พี่หมอก็ทำ เพราะอะไรคะ ต้นอ้อพูดเสียงดัง
	อ้อ หมอซีหันมามองหน้าต้นอ้อด้วยสีหน้าจริงจังและหยุดไปพักใหญ่ก่อนก้มหน้าลงและบอกว่า อ้อ ทำใจดีๆไว้นะ ตั้งสติให้มากๆ แล้วฟังพี่ 
	มีอะไรเหรอคะ ทำไมพี่หมอต้องทำหน้าจริงจังขนาดนั้นด้วย ต้นอ้อเริ่มเสียงอ่อนลงพร้อมทำหน้าสงสัยในความผิดปกติที่เกิดขึ้น
	คนที่อยู่ในห้อง...เขาไม่ใช่สามีของอ้ออีกแล้วล่ะ ไม่ใช่แล้ว
	ต้นอ้อเริ่มหน้าแดงด้วยความโกรธ พี่หมอพูดอะไร นี่รังเกียจเขามากเลยใช่ไหมคะ ถึงบอกว่าเขาไม่ใช่สามีของอ้อ อ้อคิดผิดจริงๆที่ให้พี่หมอมาช่วยดูอาการ ขอบคุณที่มานะคะ แต่หมดเวลาแล้ว เชิญกลับค่ะ ต้นอ้อชี้มือไปทางประตูออก  
	พี่คงยังกลับตอนนี้ไม่ได้แล้วล่ะ อ้อต้องไปโรงพยาบาลกับพี่
	ไปทำไมคะ ไปป่าวประกาศให้คนอื่นรู้ใช่ไหม ว่าอ้อมีแฟนที่เป็นโรคน่าเกลียดน่ากลัว ไปให้คนเขาสมเพชมากขึ้น ใช่ไหมคะ อ้อไม่ไป
	 พี่ไม่ได้ไปป่าวประกาศอะไรทั้งนั้น  อ้อ ฟังพี่นะ คนที่อยู่ในห้องเขาไม่ใช่คนอีกแล้ว เขาเป็นศพ  อ้ออยู่กับศพมาตลอด อ้อรู้ตัวหรือเปล่า
	ศพ ศพอะไร ไม่จริง ศพได้ยังไง นั่นสามีของอ้อนะ เขาไม่ใช่ศพเขายังอยู่ ยังอยู่กับอ้อ ไม่ใช่ๆๆ พี่หมอโกหก ไม่จริง อ้อไม่เชื่อ ต้นอ้อโวยวายมากขึ้น
	อ้อ ไปโรงพยาบาลกับพี่นะ
	ไม่ไป อ้อไม่ไป อ้อจะอยู่กับนพ อ้อจะอยู่กับเขา ไม่ไปไหนทั้งนั้น ต้นอ้อร้องไห้ ยกมือกุมหัวและทรุดลงกับพื้น 
	"อ้อ อ้อต้องยอมรับความจริงนะ"
	"ไม่จริงๆ เดี๋ยวอ้อพาพี่หมอไปคุยกับเขาก็ได้ ก่อนหน้าที่เขาจะนอนหลับเขายังคุยกับอ้ออยู่เลย" ต้นอ้อลุกขึ้นและดึงมือหมอซีเข้าไปในห้องนอนที่มีศพของมานพนอนอยู่บนเตียง
	"นพ นพตื่นสิคะ คุยกับพี่หมอหน่อย " ต้นอ้อเขย่าตัวของมานพ "ใช่ค่ะ นี่พี่หมอเอง อ้อตามให้เขามาดูอาการนพ อ้อขอโทษที่ผิดสัญญา แต่อ้อทนไม่ไหวอีกแล้ว อ้อรักนพมากนะคะถึงได้ตัดสินใจทำแบบนี้   .... อะไรนะคะ เขาไม่ดุหรอกค่ะ ไม่เชื่อนพคุยกับพี่หมอสิ"
	"อ้อ อ้อพูดกับใครน่ะ" หมอซีทำหน้าสงสัยและมองไปยังศพของมานพที่ไม่มีอาการเคลื่อนไหวใดๆทั้งสิ้น
	"อ้อก็พูดกับสามีของอ้อน่ะสิคะ เอ๊ะ! พี่หมอนี่ยังไงนะ คราวนี้จะเชื่ออ้อได้หรือยังว่านพเขาไม่ใช่ศพ ... นพคะ เดี๋ยวนพก็หายนะ"
	หมอซีขอตัวออกไปข้างนอกสักครู่และปล่อยให้ต้นอ้อพร่ำเพ้อพูดกับศพต่อไป เขาตัดสินใจโทรไปที่โรงพยาบาลและเรียกรถพยาบาลมารับต้นอ้อไปพบจิตแพทย์ เมื่อรถพยาบาลมาถึง เจ้าหน้าที่ 2 คนก็จับต้นอ้อไปขึ้นรถ ต้นอ้อโวยวายลั่นบ้านและคลุ้มคลั่งขึ้นเรื่อยๆ 
	"ไม่ไป อย่ามาจับนะ ช่วยด้วยๆๆ นพ เขาจะแยกเราจากกัน ปล่อยๆๆๆ ไม่ไป" ต้นอ้อคร่ำครวญในขณะที่ถูกเจ้าหน้าที่ดึงตัวไปพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมา และหันไปทางหมอซีที่เดินตามมาข้างหลัง "พี่หมอใจร้าย พี่หมอทำลายความรักระหว่างอ้อกับนพ อ้อเกลียดพี่หมอ พี่หมอไม่เคยรู้จักรักแท้หรอก อ้ออยากจะอยู่กับนพชั่วชีวิต อ้อรักนพ... นพช่วยอ้อด้วย เขาจะแยกเราจากกัน ช่วยอ้อด้วย" ต้นอ้อร้องไห้และถูกลากไปยังรถพยาบาลที่จอดรออยู่ด้านนอก และรถพยาบาลก็แล่นออกไป....				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน