** ฟ้าเพียงดิน (บทที่ ๒) **

แก้วประเสริฐ


                                                 บทที่  ๒
“ใช่จ๊ะแม่ “
    “อ้าวแล้วอีกคนล่ะหายไปไหนหรือลูก”  หญิงชราถามถึงอีกคน
     “อ้อไอ้หยามหรือแม่ ”
     “นั่นแหละ ใช่แล้ว  เด็กตัวผอมๆเกร็งนั่นแหละ”
     “ตอนนี้มันกลับมาเปิดบริษัทใหม่จ๊ะ เห็นว่าเป็นบริษัทเกี่ยวกับการส่งของเข้าออกในประเทศจ๊ะ”  เสียงชายหนุ่มแผ่วเบา
หญิงชราเสยผมเบาๆบนศีรษะชายหนุ่มก้มหน้ามองใบหน้ายาวเล็กน้อยผมหยิกหยักศกน้อยๆด้วยความรักใคร่เอ็นดู
ใบหน้านี้เมื่อก่อนเป็นเด็กเล็กที่แกเลี้ยงดูมากับมือเป็นใบหน้ากลมๆขี้อ้อนงอแง บัดนี้กลับเป็นหนุ่มใบหน้าคมสันรูปงาม
หาเล่นละครจัดได้ว่าเป็นพระเอกรูปงามได้คนหนึ่งเชียว  แกรำพึงในใจหรือบางทีจะสู้วงหน้าที่นอนหนุนตักแกไม่ได้
เพราะแกเองเป็นคนที่ชอบดูละครมากคนหนึ่ง เนื่องจากมีเวลาว่างมากนั่นเอง อยู่กับคนสองสามคนที่มาช่วยดูแลสวน
เท่านั้น ส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ทำอะไรนอกจากไปสั่ง ให้ลุงแช่มกับยายเป้าสองสามีภรรยาทำโน่นทำนี่เท่านั้น ส่วนใหญ่
แล้วมักจะขลุกกับการดูแลต้นไม้ดอก  บ้านหลังนี่จึงอยู่เพียงคนเดียว ส่วนสามีภรรยาก็อยู่เรือนถัดไปใกล้จึงมีเวลาว่างมาก
       หญิงชรามองดูใบหน้าที่กำลังหลับตาพริ้มแล้วส่งเสียกรนเบาๆ ป้าแย้มรู้สึกเมื่อยเหมือนเหน็บชาจะกินขาแก จึงเบี่ยงตัว
เอี้ยวหยิบหมอนพิงมาค่อยๆวางหนุนศีรษะชายหนุ่มแล้วชักขาแกออก ลุกขึ้นสะบัดแข้งขา เดินไปหยิบผ้าห่มผืนบางๆในตู้
นำมาห่มร่างแล้วหันหลังเข้าครัวเตรียมจัดหาอาหารไว้คอยต้อนรับ เมื่อลูกชายที่แกเลี้ยงมาตื่นขึ้น  ขณะที่มัวขลุกอยู่ในเรื่อง
ทำอาหาร เสียงร้องเรียกดังขึ้นที่ประตูหน้าบ้าน จึงรีบหันตัวออกมาดู
     “ป้าแย้มค่ะ  ป้าแย้ม  อยู่หรือเปล่าค่ะ  เอ๊ะ????”  เสียงร้องเรียกขาดหายไป
     “ป้าอยู่นี่จ๊ะ หนู พิมพ์หรือ”  เสียงหญิงชราขานตอบ พร้อมเดินไปหา
     “ใครหรือจ๊ะป้า ที่นอนอยู่นั่น”   เสียงหญิงสาวไต่ถาม
      “อ้อลูกชายป้าเองแหละจ๊ะ
      “อ้าวไหงเขาว่าป้าตัวคนเดียวนี่นา ไหนมีลูกล่ะจ๊ะ?”  หญิงสาวถามด้วยความสงสัย
     “อ้อ ลูกกานต์หรือ ป้าถือว่าเป็นลูกเพราะเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กๆจ๊ะ  เขาพึ่งกลับมาจากเมืองนอกแน๊ะ”  หญิงชราอธิบายให้ฟัง
       “งั้นหรือจ๊ะป้า  นี่ขนมหนูซื้อเอามาฝากเห็นป้าชอบจ๊ะ”  หล่อนกล่าวแล้วเดินไปหาพร้อมส่งถุงใส่ขนมให้
  แต่อดมิวายเหลือบสายตามองดูร่างที่นอนอยู่อย่างสนเท่ห์ใจ  นี่หรือนักเรียนนอกไหงแต่งตัวธรรมด๊า ธรรมดาจริงน๊ะ
หล่อนรำพึงในใจ  ไม่เห็นมีเค้าวี่แววเสียเลย ด้วยหล่อนพบมามักจะเหย่อหยิ่งและแต่งตัวภูมิฐานยิ่งนัก
       “ขอบใจจ๊ะ แล้วหนูพิมพ์อยู่เป็นเพื่อนป้าก่อนซิจ๊ะ อย่าพึ่งไปไหนนะ  ว่างมิใช่หรือเย็นนี้ทานข้าวด้วยกันนะ” หญิงชรากล่าว
       “ป้ามีแขกแล้วนี่จ๊ะ เห็นจะไม่หรอกป้า ไว้วันหลังก็ได้นะ เพราะต้องรีบไปจัดเอกสารจะเข้าประชุมพรุ่งนี้ด้วยล่ะ
เห็นท่านประธานเรียกประชุมใหญ่จ๊ะ”  หล่อนกล่าว แล้วหันมายิ้ม พลางถอยหลังอดที่จะเพ่งใบหน้าชายหนุ่มเสียไม่ได้
      “ฮึๆๆ หล่อจัง”  หล่อนรำพึงในใจ แล้วหันหลังเดินจากไป
      “พรุ่งนี้แวะมาใหม่นะจ๊ะ  ขอบใจมากจ้าสำหรับขนมนะ”  หญิงชรากล่าว แล้วหันหลังเดินกลับไปยังครัวทันที
ชายหนุ่มลืมตาขึ้นทันทีเมื่อร่างของแม่แย้มเดินเข้าไปในครัว   ทุกๆคำพูดเขาได้ยินชัดเจนเพียงแต่แกล้งทำเป็นนอนหลับ
เพราะไม่อยากทำให้การสนทนาขาดชะงักไป หันไปมองร่างของหญิงสาวที่กำลังเดินผ่านออกไปจากรั้วบ้าน 
    “อืมม!!!”  เราก็มาหลายๆครั้งแล้วแค่จากไปไม่กี่ปีนี่นา หล่อนเป็นใครหรือรู้สึกสนิทสนมกับแม่แย้มจริงๆ  เขารำพึง 
รีบกระวีกระวาดลุกขึ้นเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา เสร็จแล้วเดินเข้าครัวเห็นแม่แย้มกำลังวุ่นอยู่กับการทำอาหาร
ตอนแรกคิดจะลากลับเพราะนี่ก็มานานแล้ว เดี๋ยวคุณแม่คุณพ่อซึ่งคอยที่บ้านจะเป็นห่วงเห็นหายไป  แต่ก็ต้องเกรงใจหญิงชรา
ที่อุตส่าห์ทำอาหารไว้คอย   จึงเดินไปแล้วส่งเสียงกระแอมเบาๆ
     “ทำอะไรอยู่ครับแม่”  ชายหนุ่มเสไสแสร้งถาม
หญิงชราสะดุ้งหันมาพลางร้องถาม
      “อ้าวตื่นแล้วหรือลูกกานต์ แม่กำลังทำอาหารให้ทานนี่ก็เสร็จแล้วเหลือนิดหน่อยเท่านั้นเอง”
      “โถๆๆแม่ไม่ต้องทำก็ได้ผมจะรีบกลับนี่ก็มานานแล้วเดี๋ยวคุณแม่คุณพ่อเป็นห่วง เมื่อลงเครื่องก็รีบมาหาแม่แย้ม
ก่อนใครเลยล่ะคิดถึงแม่จริงๆจ๊ะ”  ชายหนุ่มตอบพลางอมยิ้ม
        “นั่นซิน่ารักจริงลูกแม่  ไม่ได้น๊ะต้องทานข้าวก่อนนิดๆหน่อยๆก็ยังดี” หญิงชราหันมายิ้มหน้าบาน
        “จ๊ะๆๆดีเหมือนกันไม่ได้ทานอาหารแม่มานานหลายปีแล้วล่ะ”  พลางเข้าไปสวมกอดหญิงชรา  พร้อมหยิบอาหาร
ในจานที่จัดเรียงไว้ยกขึ้นใส่ปากทันที
        “นี่แน๊ะ”  ว่าพลางหญิงชราก็ตีมือแปะ
       “เดี๋ยวก็ได้ทานแล้ว  เสร็จพอดี”
       “ผีมือแม่ไม่ตกเลยนะ อร่อยเหมือนเดิม” ว่าแล้วเอื้อมมือจะไปคว้าหยิบอีก  แต่หญิงชราปัดมือเสียก่อน
       “ทำตัวเป็นเด็กเล็กๆไปได้ นี่โตแล้วนา”  หญิงชราหัวร่อ
        “กี่ปีโตอย่างไรผมก็เป็นเด็กเล็กๆแม่เสมอล่ะ”  ว่าแล้วเขาหัวร่อรีบถอยหลังทันเมื่อแม่แย้มยกฝ่ามือทำท่าจะตีเอา
ทั้งสองต่างกระเซ้าเย้าแหย่ส่งเสียงหัวร่อ  บรรยากาศสุขสดชื่นมืนต่างคนต่างป้อนอาหารให้แก่กันเล่าถึงสิ่งต่างๆแต่ละคน
ให้ฟังกันในระหว่างทานอาหารบนโต๊ะอาหาร จนได้เวลาชายหนุ่มก็รีบขอตัวกลับก่อน  บอกว่าจะรีบกลับมาอีกครั้ง
ก่อนจะจากไปเขาหันมาถามแม่แย้มว่า
         “แม่ครับ แล้วคนที่มาหาแม่นั้นเป็นใครหรือครับ?” ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย 
        “อ้อๆ...หนูพิมพ์เป็นลูกสาวคนเดียวของคุณแม้น เจ้าของสวนทุเรียนเกือบทั้งหมดในสวนเมืองนนท์นี่แหละจ๊ะ
รู้สึกว่าจะมีฐานะมั่งคั่งกว่าใครๆทุกๆคนในแถบนี่แหละ  ถามทำไมหรือจ๊ะ?”  หญิงชราชักสงสัย
         “ไม่มีอะไรหรอกแม่  ถามดูไปอย่างงั้นๆอย่างงั้นเองแหละ เห็นสนิทสนมกับแม่มาก”  ชายหนุ่มหันมายิ้มพลางลุกขึ้น
เดินออกไป
         “ไปล่ะนะแม่  หากว่างพรุ่งนี้จะมาใหม่ครับ  สงสัยจะโดนคุณพ่อคุณแม่บ่นแน่เลยล่ะ”   ชายหนุ่มโบกมือแล้วรีบ
เดินออกไป
         “อ้าวเดินไปหรือ เดี๋ยวให้ลุงแช่มขี่มอเตอร์ไซค์ไปส่งไม่ดีกว่าหรือลูก”  หญิงชราเป็นห่วง
          “ไม่ต้องหรอกแม่เดินเดี๋ยวเดียวก็ถึงถนน แล้วนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปหารถแท็กซี่จ๊ะ บายๆไปล่ะแม่”  ว่าแล้ว
ชายหนุ่มรีบสาวเท้าเดินจากไปอย่างรีบเร่ง
            หญิงชรายืนมองดูลูกชายที่แกเลี้ยงมาเดินหายไปตามทางถนนบนทางเดินตามร่องสวนจนร่างนั้นลับสายตาไป 
จึงได้หันกลับไปเก็บจานบนโต๊ะเพื่อนำไปล้างในครัว พลางรำพึงในใจว่าชายหนุ่มช่างสูงใหญ่มากจริงหลังจากกลับ
จากต่างประเทศมาผิดกับพ่อแม่ราวฟ้ากับดินเชียว  อืมมๆๆเด็กสมัยนี้ช่างโตเร็วจังเลยด้วยท่าทีกิริยาอิ่มอกอิ่มใจยิ้มน้อย
ยิ้มใหญ่ที่สำคัญเด็กคนนี้ก่อนไปและหลังกลับก็ไม่เปลี่ยนแปลงนิสัยใจคอเอาเสียเลยทำให้แกภาคภูมิใจยิ่งนัก............
             ณ  บ้านอัศวราชิน ที่ปลูกภายในเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่กว่าเห็นจะได้ รูปทรงบ้านผสมผสานสมัยเก่าสมัยใหม่
อารยะธรรมตะวันตกตะวันออกกลมกลืนกัน เป็นบ้าน 3 ชั้นด้านล่างออกในลักษณะทรงจีนสมัยเก่าใหม่ ชั้นสองเป็น
แบบทางตะวันตกและชั้นบนสุดเป็นลักษณะบ้านทรงไทยแต่ทั้งสามแบบนี้ผสมผสานในลักษณะกลมกลืนกันยิ่งนัก
หน้าบ้านมีบริเวณเป็นครึ่งวงกลมรอบๆทำเป็นซุ้มปลูกกุหลาบหนูต่างสีสันต์ออกดอกบานสะพรั่งทอดยาวออกสู่
ประตูหน้าบ้านซึ่งติดถนนสัญจรไปมาตรงครึ่งวงกลมมีทางให้รถยนต์ออกได้สองทางทั้งซ้ายและขวาเป็นครึ่งวงกลม
เช่นเดียวกันตัดกันคล้ายๆกลับวงกลมสามวงซ้อนกันแต่เป็นเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น  รอบข้างหน้าบ้านเป็นลานที่ปลูก
ด้วยหญ้าที่ถูกตัดไว้เตียนทั้งสองข้างตรงกลางเป็นบ่อน้ำพุมีรูปนางฟ้าแบบฝรั่งทั้งชายหญิงรินเทน้ำใส่ยังน้ำพุที่พุ่งขึ้นสูง
ประมาณสองสามเมตรเห็นจะได้รอบๆบ่อน้ำพุเลี้ยงปลาหลากหลายตัวโตหลากสีว่ายไปมา  ส่วนทางด้านขวาก็เช่นเดียว
กันเป็นรูปนางฟ้าไทยและจีนในลักษณะเดียวกัน  ด้านกำแพงบ้านมีซุ้มนั่งเล่นผสมผสานอารยะธรรมทั้งสามแบบเหนือ
ซุ้มปลูกต้นการเวกที่ออกดอกผสมกับดอกกุหลาบที่บานสะพรั่ง  ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างผสมผสานอารยะธรรมตะวันออกและตก
ทั้งสิ้น ส่วนด้านหลังบ้านนั้นเป็นสวนดอกไม้นานาพันธุ์ หลังสวนดอกบ้านมีบ้านหลังเล็กๆแบบเรียบง่ายในลักษณะเดียวกัน
จัดลักษณะคล้ายคลึงบ้านใหญ่ทุกประการ กลับเป็นที่พักประจำของคุณพีระกานต์ซึ่งไม่ยอมไปพักที่บ้านหลังใหญ่  ใช้เป็น
ที่พักอาศัยส่วนตัวแยกจากบ้านใหญ่ต่างหาก บ้านใหญ่จึงมีเพียงคุณอัศวโรจน์และคุณหญิงพิริยะวดีกับคนใช้ส่วนตัวเท่านั้น
เขามักจะอ้างกับคุณพ่อคุณแม่ว่า อยากอยู่อย่างสงบเสรีอิสระส่วนตัวไม่อยากวุ่นวายนัก เพราะบ้านหลังใหญ่มักจะมีเพื่อนของ
คุณพ่อคุณแม่มาเยี่ยมเยียนเสมอๆ ซึ่งคุณอัศวโรจน์และคุณหญิงฯตามใจเขามานานแล้วจึงอนุญาตเพียงแต่ว่าเวลาทานข้าวขอให้
มาทานอาหารร่วมกันเท่านั้น  ดังนั้นจะพบกันก็ต่อเมื่อเวลาอาหารเช้าและค่ำเท่านั้นที่จะมานั่งสนทนาปราศรัยซึ่งกันและกัน
ส่วนใหญ่ชายหนุ่มมักจะขลุกอยู่แต่ภายในบ้านหลังเล็ก ซึ่งมีตาแจ้งกับยายผันสองสามีเท่านั้นที่คอยดูแลทำความสะอาด
บางครั้งตลอดจนอาหารพิเศษคอยรับใช้ปรนนิบัติเสมอ  เหตุดังนี้บ้านเล็กหลังนี้จึงได้ถูกตัดขาดจากบ้านใหญ่มิกล้ามีผู้ใดเข้า
มาย่างกรายจนถือได้ว่าเป็นเขตหวงห้ามไปโดยปริยายเป็นที่รู้กันในหมู่ผู้รับใช้ทั้งหลาย ยกเว้นสองสามีภรรยาที่สามารถเข้าออก
บ้านนี้ได้
               วันนี้เป็นวันในกรณีพิเศษ   บริเวณหน้าบ้านหลังใหญ่จึงเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย  ด้านซ้ายมือของน้ำพุจัดวางไว้ด้วย
ซุ้มอาหารประมาณ ห้าหกซุ้ม  มีทั้งเครื่องดื่มนานาชนิดที่ผู้รับใช้  ใช้สำหรับเสริฟอาหาร ส่วนด้านขวามีโต๊ะเก้าอี้จัดวางไว้รอบๆ
ซุ้มดอกไม้นานาพันธุ์ เพื่อต้อนรับบรรดาแขกสนิทมิตรสหายต่างๆ หน้าบ้านจึงเต็มไปด้วยรถยนต์นานาชนิดจอดเรียงราย
เป็นระเบียบเรียบร้อย  หน้าประตูบ้านซึ่งทำไว้ใหญ่โตผสมผสานกันไว้มียามรักษาการณ์ตรวจเข้มตลอดเวลา ปกติแล้วจะมี
ยามรักษาการณ์ทั้งกลางวันและกลางคืน แต่วันนี้จึงมียามมากกว่าปกติคอยให้บริการเกี่ยวกับรถยนต์ไว้ด้วยและความปลอดภัย
เพื่อใช้เลี้ยงต้อนรับการกลับมาของลูกชายคนเดียวเจ้าของบ้าน  นับแต่บัดนี้ยังไม่ปรากฏร่างของลูกชายเจ้าของบ้านขึ้นมาแต่
ประการใด อากาศก็มืดสลัวๆ หน้าบ้านจึงเปิดไฟส่องสว่างจ้า  แขกพากันนั่งบ้างยืนบ้างรับประทานอาหารกัน เป็นกลุ่มๆบ้าง
ต่างสนทนากันอย่างครื้นเครง  ส่วนคุณหญิงก็อยู่ในกลุ่มแม่บ้านกัน คุณอัศวโรจน์ก็อยู่ในกลุ่มของพวกนักธุรกิจการค้ากัน
พวกหนุ่มๆสาวๆต่างก็แต่งตัวประชันโฉมอย่างกับมีงานประกวดนางสาวไทยก็มิปาน  บรรดาลูกสาวลูกคุณหญิงคุณนาย
ทั้งหลายต่างก็มาเพื่อหวังใกล้ชิดคุณพีระกานต์  ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนเดียวเจ้าของบ้านดั่งรจนาเลือกคู่ ด้วยต่างรู้
ดีว่าหากได้เป็นศรีสะใภ้บ้านนี้แล้วเปรียบเสมือนได้เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้และเข้ามานั่งอยู่บนกองเงินกองทองซึ่งเป็นจำนวน
เงินนับหมื่นๆล้านเชียว  บรรยากาศภายในบ้านจึงครึกครื้นรื่นเริงเสียงจ๊อกแจะจอแจดังเซ็งแซ่ไปทั่ว คลอด้วยเสียงเพลงทาง
เครื่องเสียงขนาดใหญ่บรรเลงเพลงของสุนทราภรตลอดงาน 
       “เฮ้ยไอ้หนก!!!  ไอ้กานต์มันหายหัวไปไหนว่ะ กูยังไม่เห็นหน้ามันเลยว๊ะ????..”  เสียงเพื่อนยืนจิบค้อกเทลถาม
       “นั่นซิไอ้หยาม   มึงก็อยู่กับกูนี่แหละยังไม่เห็นมันเหมือนกัน”  คนที่ชื่อกนกเอ่ยขึ้นเช่นกัน
        “กูว่ามึงไปสอบถามคุณแม่ไม่ดีกว่าหรือว๊ะ ไอ้ห่าป่านนี้มุดหัวไปไหนหว่า??”  คนทีชื่อสยามเอ่ยบอก
        “เออดีเหมือนกันว่ะ งั้นมึงกับกูไปถามพร้อมๆกันดีกว่านะ” เพื่อนที่ชื่อสนับสนุนทันที
        “เฮ้ยๆๆๆมึงดูพวกสาวๆพวกนี้ซิว่าหน้าหลอกแหล๋กๆ ยังกับอีวอกไม่ผิดเชียว”  คนที่ชื่อสยามชี้มือให้เพื่อนดู เมื่อเห็น
บรรดาสาวๆทั้งหลายปากสนทนากันแต่สายตาคล้ายมองหาคนบางคนกันเดี๋ยวไปทางซ้ายทีขวาทีวุ่นไปหมด
         “เออๆๆๆ....จริงของมึง ไอ้ห่านี้ตาสับปะรดเชียวนะมึง”  พูดลางหัวร่อพลางพร้อมจูงมือเดินจากกลุ่มเพื่อนๆเข้าไป
หาคุณหญิงพิริยะวดีทันที   ซึ่งคุณหญิงกำลังยืนสนทนากับเพื่อนๆอยู่ เมื่อไปถึงชายหนุ่มทั้งสองยกมือไหว้พร้อมสอบถาม
         “ขอโทษครับ  คุณแม่ ทำไมผมไม่เห็นหน้าเจ้ากานต์เลยครับนี่ก็เกือบจะทุ่มแล้วครับ”  ชายหนุ่มชื่อกนกเอ่ยปากขึ้น
  ทุกๆคนในกลุ่มชะงักทันที คุณหญิงหันมามองพร้อมยกมือไหว้รับตอบ
        “นั่นซิพ่อกนก เห็นเขาบอกว่าไปประเดี๋ยวเดียว ชั้นหรือก็ลืมสอบถามไปเสียด้วยซิว่าไปธุระอะไร” คุณหญิงเอ่ยตอบ
        “ครับคุณแม่..ผมก็เห็นนี่นานแล้วยังไม่พบเลย  คุณแม่มีเบอร์โทรศัพท์มือถือไหมครับเดี๋ยวผมจัดการเอง” 
 หนุ่มชื่อกนกถาม
       “เออๆๆจริงซินะคุณหญิง  ตั้งแต่มานี่ยังไม่เห็นพ่อกานต์เลยนี่นา” บรรดาคุณหญิงคุณนายหันมาถามเหมือนจะนึกได้
เพราะมัวแต่คุยกันเพลินไป
      “อ้าว  แล้วนี่คงเป็นเพื่อนคุณกานต์ทั้งสองคนใช่ไหมจ๊ะ หน้าตาดีนี่ทั้งสองคน”  คุณนายที่รวมอยู่ด้วยหันมาสอบถาม
      “ใช่แล้วแม่พัช...ทั้งสองคนนี้เป็นเพื่อนลูกกานต์มานานแล้วล่ะตั้งแต่สมัยยังเรียนมหา’ลัยมาที่นี่บ่อยๆจ้า”
 คุณหญิงพิริยะวดีหันมาตอบ  ชายหนุ่มทั้งสองเลยต้องหันมายกมือไหว้คุณหญิงคุณนายทั้งหมด
      “ มีจ๊ะแต่เขาไม่ได้เอาเครื่องไป ทิ้งไว้ในเป๋าเดินทางนี่แหละ มีคนโทรมาหาเหมือนกัน บอกว่าไม่อยู่” คุณหญิงตอบ
      “ขอบคุณครับเห็นจะต้องรอๆกันต่อไปนะครับ ”  ชายหนุ่มกล่าวจบก็ขอตัวเดินจากไป
     “นั่นซิแล้วงานนี้มิเป็นหมันไปหรือ คุณหญิง” กลุ่มเพื่อนคุณหญิงสอบถาม
     “แล้วพ่อโรจน์รู้หรือยังล่ะจ๊ะ”  เพื่อนอีกคนหนึ่งถาม
     “คงจะรู้แล้วล่ะจ๊ะ  เห็นพ่อเขายังเฉยๆนี่นา”  คุณหญิงพิริยะวดีตอบ  เพราะรู้นิสัยใจคอพ่อลูกคู่นี้ดี
				
comments powered by Disqus
  • เฌอมาลย์

    25 ธันวาคม 2549 13:08 น. - comment id 94448

    11.gif
    
    เมอร์รี่คริสต์มาสค่ะ36.gif
  • กระต่ายใต้เงาจันทร์

    25 ธันวาคม 2549 16:15 น. - comment id 94452

    ผ่านกี่ปีแม่ก็ยังเหมือนเดิมค่ะ
    ไม่เคยหมดห่วงและยังเด็กที่แม่ต้องปกป้องเสมอค่ะ...ความสุขหาได้ง่ายๆๆจากคนใกล้ตัวค่ะ..คุณลุง...36.gif36.gif36.gif
  • เพียงพลิ้ว

    26 ธันวาคม 2549 08:35 น. - comment id 94462

    สำหรับแม่แล้ว ลูกทุกคนเป็นเด็กเสมอค่ะคุณลุง
    
    แม่กานต์บอกว่าคนอื่นว่าลูกเป็นหมา แม่ว่าลูกเป็นทองเสมอค่ะ
    
    36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif1.gif
  • เบรฟฮาร์ท

    26 ธันวาคม 2549 11:04 น. - comment id 94474

    วันนี้ผมเข้ามาติดตามตอนที่สองครับ เนื้อเรื่องชวนติดตามดีนะครับพี่แก้วประเสริฐ
    
         36.gif36.gif36.gif16.gif36.gif36.gif
  • แก้วประเสริฐ

    27 ธันวาคม 2549 09:43 น. - comment id 94485

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ เฌอมาลย์
      
                เมอร์รี่คริสต์มาสครับเจ้าหญิงคนสวย
    
                           16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • แก้วประเสริฐ

    27 ธันวาคม 2549 09:46 น. - comment id 94487

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ กระต่ายน้อย
    
             ความรักเกิดจากคู่ครองยังมีวันสิ้นสุดได้
    แต่ความรักพ่อแม่นั้นหาสิ้นไปไม่ครับ
    
                     16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • แก้วประเสริฐ

    27 ธันวาคม 2549 09:48 น. - comment id 94488

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ  เพียงพลิ้ว
    
               ความรักมักเกิดจากความเห็นแก่ตัวเสมอ
    แต่ความรักของแม่นั้นไม่เคยเห็นแก่ตัวเองเลย
    
                          16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • แก้วประเสริฐ

    27 ธันวาคม 2549 09:50 น. - comment id 94489

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ  เบรฟฮาร์ท
    
             ผมเองยังด้อยประสบการณ์ในเรื่องนี้อยู่มาก
    ที่เขียนไปก็เพราะความสนุกสนานและก็เป็นการ
    ฝึกปรือในด้านนี้ครับ ขอบคุณที่ติดตามและให้ข้อ
    คิดเห็นครับ
    
                      16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน