** ฟ้าเพียงดิน (บทที่ ๓) **

แก้วประเสริฐ


                                                      บทที่  ๓
     เมื่อเรื่องของลูกชายคุณ พิริยะวดีผ่านเข้ามาบรรดาคุณหญิงคุณนายก็เริ่มวิพากษ์วิจารณ์กันขึ้นทันที ว่าคงจะไป
ติดสาวๆกระมัง ป่านนี้แล้วยังไม่เห็นมาคงแน่ๆทีเดียว   เพราะปกติแล้วหากไม่มีเรื่องเล่นไพ่   เรื่องอวดแหวนเพชร
ก็มักจะชอบเอาเรื่องโน้นบ้างนี่บ้างมาคุยกัน   บ้านโน้นเป็นอย่างนี้บ้านนี้เป็นอย่างโน้นเสมอๆ  และมักจะเป็นในวงไพ่
หากไม่มีเรื่องนี้แล้วก็จะเป็นเรื่องผิดปกติไปทันที  ดังนั้นเมื่อข่าวนี้เริ่มวิพากษ์วิจารณ์ คนที่นำลูกสาวมาก็จะรีบไป
รายงานข่าวให้กับบรรดาสาวๆรู้ ข่าวจึงได้แพร่สะพัดไปในกลุ่มผู้ที่มาในงานทันที
       เวลาผ่านไปสักครู่หนึ่ง ยามหน้าประตูบ้านก็วิ่งเหยาะๆเข้ามาหาคุณหญิงพิริยะวดีพร้อมทั้งยกมือวันทยหัตถ์แล้วรายงานว่า
   “ประทานโทษครับคุณหญิง  มีชายหนุ่มคนหนึ่งแต่งตัวไม่ค่อยสุภาพนั่งรถแท็กซี่จะเข้ามาในบ้าน  กระผมไม่ยอมให้เข้ามา
เขาบอกว่าจะมาหาคุณหญิงกับคุณอัศวโรจน์ มีเรื่องสำคัญจะขอพบครับกระพ้ม” แล้วยกมือที่วันทยหัตถ์ลงข้างตัว
    “หรือจ๊ะ ไม่เป็นไรหรอกปล่อยให้เขาเข้ามาได้จ๊ะ ขอบใจมากนะ”  คุณหญิงกล่าวกับหัวหน้ายาม เพราะรู้แล้วว่าเป็นใคร
   “ครับพ้ม”  หัวหน้ายามยกมือวันทยหัตถ์อีกครั้งแล้วหันหลังกลับวิ่งเหยาะๆ จากไปพร้อมยกมือถือแจ้งไปยังยามที่ประตู
หน้าบ้านสั่งงานทันที   
         ต่อมาสักครู่มีรถแท็กซี่สีเขียวเหลืองวิ่งเข้ามาช้าๆมาจอดยังบริเวณหน้าบ้าน  ร่างชายหนุ่มก้าวลงมาจากรถแท็กซี่ผมเผ้า
กระเซิงใส่เสื้อแขนยาวสีเทาปล่อยชายไว้นอกกางเกงยีน ใส่รองเท้าแตะยาง  หันมามองกลุ่มที่มาในงานเล็กน้อยแล้วหันหน้า
กลับหมายเดินเลี่ยงไปข้างบ้านหลังใหญ่  
    ทันใดนั้นผู้ที่มาในงานทุกๆคนต่างมองดูเป็นจุดเดียว  ที่อยู่ๆมีรถแท็กซี่วิ่งเข้ามาในงานผ่านเข้าสู่หน้าบ้านใหญ่ ซ้ำผู้ที่ก้าวลง
มาก็แต่งกายรุ่มร่ามมิได้สนใจใยดีกับงานนี้ผ่ากลางงานเข้ามา   
     ร่างพลันหยุดชะงักทันทีเมื่อเสียงเรียกชื่อเขา
    “นี่ๆพ่อกานต์!!!   จะรีบไปไหนมาหาแม่ก่อนซี??” 
เสียงเรียกลูกชายของคุณหญิงพิริยะวดีดังขึ้น 
ร่างนั้นยืนสักครู่ก็ก้าวเดินมาหาคุณหญิงอย่างช้าๆ พลางส่ายหน้าไปทางซ้ายทีขวาที  จนร่างคุณหญิงก้าวมาถึงตัวเขา
    “งานอะไรหรือครับคุณแม่?”  ชายหนุ่มหันมาทางคุณหญิงแล้วดึงร่างคุณหญิงไปสวมกอดจูบที่แก้มทันที
    “ก็งานเลี้ยงการกลับมาของลูกนะซิ  คุณพ่อเขาจัดขึ้นไม่มีใครหรอกนอกจากคนสนิทๆเท่านั้นเอง”  คุณหญิงยิ้มตอบ
    “โน่นๆ!!! คุณพ่อเขาเดินมาแล้วล่ะ”
             ชายหนุ่มหันไปมองพร้อมผละจากการสวมกอดคุณหญิง  วิ่งเข้าไปยกมือไหว้ พร้อมสวมกอดคุณอัศวโรจน์ทันที
พร้อมก้มศีรษะหอมแก้มซ้ายขวา  เล่นเอาคุณอัศวโรจน์เผยอยิ้มไม่ยอมหุบทีเดียว  คุณอัศวโรจน์ดึงร่างลูกชายให้ถอยห่างไป
พร้อมมองตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า พลางหัวเราะลั่น
    “ เออๆๆๆให้ได้มันอย่างนี้ซิว๊ะ ไอ้ลูกรัก  ดีดี...ไปไป..ไปหาเพื่อนๆพ่อหน่อย ไปอย่างนี้แหละ”  
 คุณอัศวโรจน์กล่าวอย่างชอบใจ   เมื่อแลเห็นการกระทำของลูกชาย ดึงร่างลูกชายแล้วหันไปทางคุณหญิงหัวร่อลั่น
     “ไปอย่างนี้หรือคุณ”  คุณหญิงหันไปกล่าวกับสามี
     “ก็ไปอย่างนี้แหละ เก๋ไก๋ดี ฮ่าๆๆๆ”  คุณอัศวโรจน์หัวร่ออย่างถูกอกถูกใจ
    “โถเอ๊ย...ช่างเหมือนกันเลยนะพ่อลูกคู่นี้” คุณหญิงหัวร่อ แต่ก็มิได้ว่าอะไรอีก พลางหันไปทางลูกชาย
     “ถ้าอย่างนั้น ไปทั้งหมดกันนี่แหละ”  คุณหญิงกล่าวพลางดึงร่างพ่อกับลูกเพื่อจะเดินไปในงาน  
     “จะดีหรือครับคุณพ่อคุณแม่”  ชายหนุ่มหัวร่อ ที่เห็นบิดามารดาชอบใจในการกระทำของเขา 
             คราวนี้เขารู้สึกเขินขึ้นเหมือนกัน  ผิดความคาดหมายไปอย่างสิ้นเชิง  เขารีบมองตัวเองทันที 
 เอาล่ะเป็นไงเป็นกัน เขาคิด
งานครั้งนี้เขารู้แล้วว่าจะมีการจัดงานต้อนรับเขา   คุณพ่อกับคุณแม่ก็มิได้แจ้งให้เขารู้แต่ประการใดจึงเกิดความคิดสนุกๆขึ้นเมื่อ
เขาโทรศัพท์ไปที่บริษัทฯ  เลขาส่วนตัวคุณพ่อแจ้งว่ากลับไปบ้านแล้วไปงานเลี้ยงต้อนรับลูกชายที่กลับมาจากต่างประเทศ
เขาจึงจัดเปลี่ยนซื้อผ้าใหม่หลังจากกลับจากบ้านแม่นม ทำเผ้าผมกระเซิงไม่ได้หวีให้เรียบร้อย
 เพราะต้องการจะดูอากัปกิริยาของผู้ที่มาในงาน และคุณพ่อคุณแม่ด้วย หวังให้เกิดเซอร์ไพร์สขึ้น   
              โดยแวะไปที่บ้านเพื่อนที่ชื่อกนก แจ้งความประสงค์กับแม่บ้าน    ซึ่งก็ได้รับการช่วยเหลือเป็นอย่างดี
 แม่บ้านแจ้งว่าคุณหนกเดินทางมาในงานเรียบร้อยแล้ว
    “ครับ โอ้ เวอรี่กู๊ดส์ๆๆๆจริง  ฮ่าๆๆๆๆ”  เขาหัวร่อเสียงดังๆโดยแกล้งดัดเสียงกระดี๊กระด้าสำเนียงฝรั่งขึ้นทันที 
 เล่นเอาคุณอัศวโรจน์กับคุณหญิงต่างมองหน้ากันและกันแล้วก็พากันหัวร่อร่วนเปลี่ยนอากัปกิริยาความชราหายไปทันที
ต่างเข้าประกบลูกชายไว้กลางและพากันเต้นรำแบบฝรั่งเข้าไปสู่งาน ท่ามกลางงุนงงแก่ผู้มาร่วมงาน
ที่เห็นอากัปกิริยาของเจ้าของบ้านกระทำเช่นนี้   ส่วนดีเจที่จัดเพลงก็รีบเปลี่ยนเพลงประสานรับจัดเพลงแนวลาตินอเมริกัน
บรรเลงเพลงการเต้นรำแบบโบราณที่พวกฝรั่งมังค่าทั้งหลายเวลามีงานปาร์ตี้มักจะเต้นรำเสมอๆๆ
             ยิ่งทำให้สามพ่อแม่ลูกยิ่งสนุกสนานกันกระหย่องกระแหย่งเต้นไปสู่งาน  เมื่อบรรดาผู้มาร่วมในงาน
ครั้นเห็นเจ้าของบ้านกระทำเช่นนี้    ก็เกิดอาการร่วมสนุกต่างชูแก้วและเต้นวนไปรอบๆโต๊ะที่ตั้งไว้
 ทำให้เกิดบรรยากาศครึกครื้นรื่นเริง 
     บรรดาคุณหญิงคุณนายที่ถือตัวต่างอ้าปากตาค้างไปตามๆกัน  ฝ่ายกลุ่มผู้ชายเมื่อเห็นดังนี้ก็เข้าไปโค้งฝ่ายหญิงสาว
ที่จับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ มีบ้างก็เข้าร่วมเต้น ส่วนผู้ที่ไม่ยอมก็ถูกกลุ่มที่เต้นวนไปรอบๆจนอดรนทนมิได้ก็ร่วมด้วย
เนื่องจากถูกเพื่อนต่างคะยั้นคะยอทำให้เกิดความเป็นกันเอง งานนี้เลยเป็นงานปาร์ตี้ที่สนุกสนานไปโดยปริยาย
       หลังจากที่คุณอัศวโรจน์นำลูกชายไปแนะนำให้เพื่อนๆรู้จักเพื่อการทำงานต่อไปในอนาคตซึ่งเขาจะมอบทุกสิ่งทุกอย่าง
ให้ลูกชายดำเนินกิจการแทน และขอให้เพื่อนๆช่วยสนับสนุนด้วย  ซึ่งก็ได้รับปากกันเกือบๆทุกๆคน  
 ตอนแรกบรรดาเพื่อนๆบางคนที่ยังถือตัวเพียงแต่แค่รับไหว้เฉยๆใช้สายตาเมียงมองแต่ตอนหลัง
เมื่อทราบว่าเขาเรียนจบด้านบริหารธุรกิจถึงขั้นกิตติมศักดิ์สูงสุดของสถาบันที่มีชื่อเสียงในต่างประเทศเป็นที่ยอมรับ
ของคนทั่วโลก ก็เกิดความสนเท่ห์จึงให้ความสนใจขึ้น
        หลังจากนั้น  เขาก็ถูกคุณหญิงนำไปให้เพื่อนๆได้รู้จัก ชายหนุ่มแสร้งทำเป็นคนเชยๆ หลุกหลิกๆไปหา
 แต่ทุกๆคนก็หาได้สนใจไม่เพราะทราบเป็นอย่างดีว่าถึงจะทำตัวอย่างไรแต่งกายอย่างไรแต่เงินที่รองรับเขา
เป็นเกราะกำบังได้เป็นอย่างดีต่างก็ให้ความสนิทสนมถึงขั้นเรียกกันว่าลูกๆทุกๆคน บ้างก็นำลูกสาวมาให้รู้จัก
 เขาแกล้งทำตัวเหมือนฝรั่งเข้าไปจับมือแล้วยกขึ้นจูบหลังมือตามธรรมเนียมฝรั่งทุกประการ
 ยิ่งสร้างความกระดี๊กระด๊าแก่สาวๆ บ้างแสร้งทำสะเทิ้นอาย บ้างก็ถึงกับจูงมือแล้วโอ้อวดแก่เพื่อนๆกันทำตัวสนิทสนม
ยังกับจะเป็นเจ้าของ  ผ่านไปสักพักชายหนุ่มก็ขอตัวเดินไปหาเพื่อนสนิทที่ยืนจับกลุ่มแต่มองมา
ทางเขามิคลาดสายตาพากันส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงการกระทำของเขา 
  ชายหนุ่มที่ชื่อกนกและสยามต่างก็เดินเข้ามาหาพลางยื่นแก้วเหล้าส่งให้เขา  พร้อมเอ่ยปากทัก
   “ ร้ายจริงๆนะโว้ยไอ้ห่ากานต์  มึงนี่ร้ายจริงๆแต๊ะอั๊งสาวๆไปทั่ว โอ้ยกูชักอิจฉาเสียแล้วซี” หนุ่มที่ชื่อสยามเอ่ยปาก
    “กูแกล้งไปยังงั้นๆเองแหละว๊ะ มึงดูหน้าซิว่าพอกแป้งยังกับพวกงิ้วแถวเยาวราชแน๊ะ”  กล่าวจบชายหนุ่มก็หัวร่อลั่น
     “เออมึงทำตัวแบบฝรั่ง คนมีเงินอย่างมึงใครจะไปรังเกียจล่ะ จริงไหมว๊ะไอ๊หยาม” ชายที่ชื่อกนกหันไปทางเพื่อน
     “ช่างกูเฮอะ ตอนนี้น้ำขึ้นโว้ยไม่รีบตักไปตักที่หลังกูก็เป็นข่าวใหญ่โตซิว๊ะ จริงไหมว๊ะไอ้โรจน์” 
เขาหันไปหาเพื่อนอีกคนหนึ่งที่ยืนยิ้มอยู่ เขาชื่อวิโรจน์เป็นเพื่อนร่วมมหา’ลัยด้วยกัน
แต่ไม่ค่อยสนิทสนมเท่ากับกนกและสยาม แต่มาร่วมด้วยอีกคน
      “อืมมๆ!!!ก็ว่างั้นแหละกานต์ เราเห็นแต่แรกแล้วที่แกยังไม่มา  แต่ก็สวยๆดีนี่”  ชายหนุ่มชื่อวิโรจน์ยิ้มตอบ
      “จริงหรือเปล่าว่า ไอ้รุจน์”  เขาหันไปถามเพื่อนอีกคนหนึ่งซึ่งมัวแต่ดื่มแต่เหล้ากำลังหยิบของขบเคี้ยวเข้าปากตุ๋ยๆ”
      “ ก็ว่างั้นแหละว๊ะ กูไม่สนหรอก กูสนแต่เหล้าอย่างเดียวไม่มีปัญหาว๊ะ      อีกอย่างอ้ายห่าเมียกูดุฉิบหายเลย
         ขนาดเพื่อนพาสาวมาหาที่บ้านกูเพียงให้ความสนใจหน่อยเดียว  พอมันกลับไปบ้าน โอ้ยไอ้กานต์มึงเชื่อไหมว๊ะ
         บ้านกูเกือบไม่เป็นบ้านเชียวล่ะ  แม่งมันส์!!!ฝากรอยจารึกบนหัวแก่กูจนถึงทุกวันนี้แหละ”
  มันว่าพลางก้มหัวให้เขาดู  ซึ่งหัวมันผมน้อยออกจะล้าน ยังมีรอยแผลเป็นให้เห็นอยู่
      “นั่นซิไอ้รุจน์กูถึงไม่ยอมข้องเกี่ยวกับหญิงมากนักโว้ย  มึงดูไอ้หนกกับไอ้หยามซิ อีกหน่อยมันจะรู้สึกว่านรกมีจริงฮ่าๆๆๆ”
ชายหนุ่มหัวร่อลั่น 
       “เฮ้ยพวกมึงดูขนาดกูพูดไม่ขาดคำ  มึงดูอ้ายหยามซิมันไปโน่นแล้วล่ะ”
      ทุกๆคนมองตามชายหนุ่มชี้นิ้ว  เห็นร่างเพื่อนที่ชื่อสยามเดินไปอยู่ในกลุ่มสาวๆต่างส่งเสียงหัวเราะกันเจี้ยวจ๊าวดังลั่น
        “ไอ้หนกอีกคน  มึงเชื่อไหมว๊ะแอร์โฮสเตสเอาใจมันยังกะอะไรดี  คิดว่ามันคงฟันมาแล้วมากกว่าว๊ะ” 
 ชายหนุ่มหันไปบอกกับเพื่อนที่ชื่อวิโรจน์
       “ ไม่รู้ซิ กูเองก็แทบจะเอาตัวไม่รอดเหมือนกัน เมื่ออาทิตย์ที่แล้วแม่งมันส์ตื้อกูจนต้องหนีไปต่างจังหวัดตั้งเป็นเดือน”
หนุ่มที่ชื่อวิโรจน์เอ่ยปากบอกเพื่อน
         “มึงก็อีกคนเหมือนกัน ไอ้ห่าเจ้าชู้ดีนัก ได้ข่าวแม่มึงจะจัดการหมั้นลูกสาวแม่กิมย้งให้มิใช่หรือ” ชายหนุ่มถาม
         “นั่นซิไอ้กานต์กูกลุ้มใจทุกวันนี้แหละ  กูไม่ได้รักนางหม๋วยมันหรอกว๊ะ   ก็ไอ้รุจน์เองแหละมันว่ากูไม่แน่จริง
แดกเหล้าเข้าไปพนันกับกูว๊ะ  หากกูฟันอีนางวิจิตราได้เมื่อไหร่มันจะกราบตีนกู คนหยั่งกูไม่มีปัญญา  ไอ้ห่าพอกูฟันมันไป
ครั้งเดียวไหง๋ดันท้องเสียได้ แม่มันไปฟ้องแม่กูถึงต้องระเห็จไปต่างจังหวัดว๊ะ”  ไอ้โรจน์ทำหน้าเศร้าๆ
       “แล้วมึงจะทำยังไงว๊ะไอ้โรจน์”  
       “มึงก็รู้ว่ากูรักแม่กูขนาดไหน กูก็ต้องตามใจแม่กูซิ เสียดายความโสดว๊ะ   พูดแล้วเศร้าว๊ะ มึงอย่าพูดเรื่องนี้เลยว๊ะ
เดี๋ยวงานไม่สนุกโว้ย”  ชายหนุ่มพูดตัดบท
       “ก็ดีแล้วนี่หว่า ได้เป็นเจ้าของร้านทองแถวเยาวราช เป็นเฒ่าแก่ไม่ดีหรือว๊ะ จริงไหมไอ้รุจน์”
  เขาหันไปทางหนุ่มชื่อรุจน์   ที่กำลังยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม
      “อืมมๆๆๆกูก็ว่ายังงั้นแหละ เวรใครเวรมันโว้ย”
  ชายหนุ่มตอบพร้อมที่แก้มทั้งสองมันยังมีของเต็มทั้งสองข้าง
      “ งั้นกูขอตัวไปเข้าบ้านก่อนนะโว้ยรำคาญรองเท้าแตะยางเสียจริงๆว๊ะ เดี๋ยวกูออกมา” 
 ชายหนุ่มหัวร่อแล้วรีบเดินจากไปทันที
           บริเวณงานเต็มไปด้วยความครึกครื้นสนุกๆสนานนับแต่ลูกชายเจ้าของบ้านกลับมา ซึ่งทุกๆคนคิดว่าเขาคงจะวางตัวเหมือน
กับนักเรียนนอกทั่วๆไป  แต่เมื่อทั้งเจ้าของบ้านและลูกชายทำตัวเป็นกันเองไม่มีการถือตัวเหย่อหยิ่ง
 งานนี้จึงมีบรรยากาศที่เสมือนงานปาร์ตี้ที่สนุกๆ   บ้างก็ออกไปเต้นรำกัน ที่ไม่มีคู่ก็กับได้คู่สนทนากัน
บรรดาคุณหญิงคุณนายทั้งหลายต่างก็ไม่ทำตัวเสมือนดังหงส์ ต่างพากันหัวร่อสนทนากัน 
จนงานผ่านไปเกือบเที่ยงคืน งานจึงได้ค่อยๆยุติลง  เมื่อต่างคนต่างลาเจ้าของบ้านกลับ
          คงเหลือแต่กลุ่มชายหนุ่ม เพียง 5 คนที่ยังนั่งจับกลุ่มดื่มสุราสนทนาเรื่องสัมพะเรเหระส่วนใหญ่มักจะเป็นเรื่อง
เกี่ยวผู้หญิงเป็นส่วนมาก ต่างกระเซ้าเหย้าแหย่กันจนถึงเวลาเกือบตีสามจึงได้จากไป
          ภายในบริเวณบ้านจึงกลับคืนสู่ปกติอีกครั้งหนึ่ง   มีเพียงบรรดาผู้รับใช้ต่างช่วยกันเก็บสิ่งของที่วางเกลื่อนกราด
นำไปเก็บและจัดการทำความสะอาดบริเวณบ้านให้ดูเรียบร้อย
      ชายหนุ่มเดินตุปัดตุเป๋อ้อมบ้านหลังใหญ่เดินไปยังบ้านเล็กระหว่างทาง    เขาได้คายสิ่งที่กินเข้าไปยามหัวค่ำเสียเกือบหมด 
ทำให้รู้สึกสิ่งที่ทำให้อึดอัดแน่นไปทั่วค่อยๆคลายลง  ร่างกายรู้สึกสดชื่น  กระปรี่กระเป่าขึ้น 
 เมื่อไปถึงที่พักแล้วก็รีบไปชำระล้างร่างกายเพื่อผ่อนคลายนึกถึงเหตุการณ์ต่างๆ สิ่งหนึ่งผุดขึ้นมาทำให้เขา
รู้สึกชักสงสัยตัวเองขึ้นมา   คือภาพของหญิงสาวคนหนึ่งที่แต่งกายเรียบๆไม่หวือหวานุ่งผ้าถุงธรรมดาแต่ไม่ธรรมดา
ในลักษณะของการวางตัวคำพูดที่ดูออกจะฉาดฉานระหว่างการสนทนากับแม่แย้มของเขา  ที่เขาหรี่ตาแอบมองดู
     เขารีบสะบัดศีรษะเบาๆให้ความคิดได้หลุดพ้นออกไป  แต่ก็ยังวนเวียนอยู่ตลอดเวลา  จึงรีบลุกขึ้นหยิบยาแก้ปวดศีรษะมาทาน
และเข้าไปนอนพักผ่อนจนกระทั่งผล๊อยหลับไป
 จนถึงเช้าวันรุ่งขึ้นต่อมาหลังจากอาบน้ำชำระล้างร่างกายเรียบร้อยแล้ว  เขาก็ก้าวออกไปสู่บ้านใหญ่เพื่อเข้าร่วมรับทานอาหาร
ร่วมกับคุณพ่อคุณแม่  ซึ่งนั่งคอยเขาอยู่จึงได้รีบกล่าวขอโทษทันที
       “คอยผมนานไหมครับ ขอโทษนะครับ”   ชายหนุ่มกล่าว
       “ไม่นานนักหรอกลูก  พึ่งมานั่งได้สักครู่เท่านั้นเองแหละ”  คุณอัศวโรจน์เอ่ยปากบอกลูกชาย
       “เมื่อคืนนี้ผมหนักไปหน่อยครับ กว่าจะหลับได้ก็เกือบสว่าง”  ชายหนุ่มบอกแก่บิดา
        “ช่างเถอะ!!!  วันนี้จะไปไหนหรือเปล่าล่ะลูก!!???”  บิดาถามขึ้น
         “คงจะไม่ครับ ผมว่าจะพักผ่อนก่อนสักสองสามวัน เมื่อคืนนี้ไอ้โรจน์มันก็ชวนไปเที่ยวเหมือนกัน”  ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น
				
comments powered by Disqus
  • เพียงพลิ้ว

    30 ธันวาคม 2549 11:26 น. - comment id 94532

    19-20061229140309.jpg36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif1.gif
  • แก้วประเสริฐ

    30 ธันวาคม 2549 21:24 น. - comment id 94534

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ เพียงพลิ้ว
    
            ขอบคุณมากจ้าเจ้าหญิง  สุขสันต์วันปีใหม่นะครับ
    ขอพรที่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจงมีแด่เจ้าหญิง
    คิดอะไรนึกสิ่งใดปรารถนาอะไรขอให้
    สำเร็จสมความมุ่งมาดปรารถนาทุกประการจ๊ะ
    
                      16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • ดอกข้าว

    31 ธันวาคม 2549 14:10 น. - comment id 94536

    6.gif
    
    สวัสดีปีใหม่ลุงแก้วนะครับ  ให้ลุงแก้วมีสุขภาพที่แข็งแรง และมีความสุขนะครับ 36.gif
  • แก้วประเสริฐ

    1 มกราคม 2550 10:59 น. - comment id 94541

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ ดอกข้าว
    
          สวัสดีปีใหม่จ้าคุณวิจิตรจงมีแต่ความสุขสดชื่น
    ในปีใหม่นะครับ ขอบคุณครับ
                       
                        16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน