ผมโดนผ่า ตอนที่ 2 เพื่อนร่วมซอย

ใบคา

ถึงจะเข้ามาอาศัยเตียงผ้าใบ ปูผ้าขาว ระบุสถานที่อย่างเด่นชัดเพียงแค่คืนสองคืนแต่ก็พอจะจับใจคอนิสัยของ รุ่นพี่(อันที่จริงน่าจะเรียกรุ่นปู่)ที่เข้ามาจับจองพื้นที่อณาบริเวณขอบเตียงกั้นได้พอคร่าวๆเพราะแต่ละท่านนั้น อยู่มาจนรู้จักมักคุ้นกันดี พูดคุยกันเสียงดัง หัวเราะลั่น(อันนี้ขึ้นอยู่ในระดับของอาการบาดแผลว่าหายดีเพียงใด) แม้แต่พยาบาลก็ยังแวะเข้าร่วมวงสนทนาเป็นบางครั้ง จึงไม่แปลกเลยที่ผมจะซึมซับเรื่องราวของแต่ละท่านมาบ้าง อย่างกับผมมาอยู่หลายวันแล้วนั่นเอง 
ผมอาศัยร่วมกับบรรดา  หนุ่มน้อยวัน ' ในล็อกที่สองทางซ้ายมือนับจากประตูเข้าหรือที่เรียกว่าซอยสองซ้าย ซอยนี้นับว่าเป็นซอยที่ครึกครื้นที่สุดในบรรดาแปดซอย เนื่องจากผู้เข้ารักษาอายุอานามมากกว่าผมที่เพิ่งจะ 22 หลายเท่าตัวนั้น ต้องอาศัยการพักฟื้นหลายวันจึงรู้จักกันเป็นอย่างดี ที่สำคัญบางคนโดนหมอห้ามลงจากเตียง 
เมื่อคืนกว่าจะหลับลงได้ก็เล่นเอาตีห้าคราวนี้ร่างกายไม่อยากตื่นคงเป็นเพราะความเพลียทั้งคืนด้วย พยาบาลมาเปิดไฟตอนเช้าหกโมงแล้วผมก็ยังขดตัวคลุมโปงบนเตียงอย่างไม่แยแสสายตาคนรอบข้างว่า ขี้เกียจหรือขี้เซาแม้แต่น้อยยังคงหลับต่อไปเรื่อยๆข้าวเช้ามาส่งจึงเริ่มลุกขึ้นไปชำระร่างกายก่อนที่จะเริ่มนำสารอาหารมาหล่อเลี้ยงร่างกายและหลับไหลต่อไป
 
 ลุงเพิ่ม ' แกผ่าตัดหัวใจพักฟื้นมานานนับเดือนแล้วเวลาจะเดินไปไหนจะเดินตัวค่อมเพราะยืดตัวตรงไม่ไหวเนื่องจากปวดแผล แกมักจะขอยานอนหลับจากพยาบาลกินเสมอๆโดยอ้างว่านอนไม่หลับจากการปวดแผลบ้าง หมอเปิดไฟบ่อยบ้าง แล้วแต่เหตุผลใดจะฟังขึ้น ไม่ว่าจะเหตุผลใดแกก็จะได้รับตามคำขอเสมอ ทำให้แกหลับสบายกว่าใครเพื่อนเพราะมียาเป็นตัวช่วยแม้คนอื่นๆจะได้รับคำแนะนำจากตัวแก แต่ก็ไม่มีใครอยากจะทำตามคำบอกแกเพราะรู้ดีว่าถึงกินเข้าไปเหมือนแกไอ้ยาแก้ปวดเม็ดนั้นก็ไม่อาจทำให้หลับได้ดีอย่างแก 
แกหลงเข้าใจผิดอยู่จนปัจจุบันว่า พาราฯ สีขาวเม็ดนั้นคือยานอนหลับถึงแม้ว่าพยาบาลจะนำยานอนหลับจริงมาให้แกก็จะเรียกถามหา  ยานอนหลับสีขาว ' ของแกเสมอ เห็นเหตุการณ์อย่าง ลุงเพิ่ม แล้วทำให้นึกถึงนิทานจีนเรื่องหนึ่งที่ว่ามีหมอชาวจีนคนหนึ่งไปร่วมดื่มเหล้าที่บ้านเพื่อนซึ่งเวลานั้นเป็นเวลาพลบค่ำ จึงทำการจุดไฟในบ้านบนขื่อนั้นมีเชือกผูกห้อยอยู่ทำให้เงามันตกลงในจอกเหล้าของหมอลักษณะคล้ายงู ในขณะที่ยกกระดกเข้าคอ ก็พลันเหลือบเห็นเข้าจึงตกใจแต่ก็ไม่กล้าโวยวายจึงลากลับนับแต่นั้นเป็นต้นไปหมอคนนั้นก็ป่วยหนักเพราะคิดว่ามีงูอยู่ในตัวเอง รักษาอย่างไรก็ไม่หาย พอเพื่อนคนนั้นรู้สาเหตุเข้าก็นำมาบอกให้หมอแกฟัง แกก็หายภายในไม่กี่วัน 
ชุดของโรงพยาบาลสีขาวที่ปกคลุมร่างกายเปลือยเอาไว้อย่างหลวมๆ ต่อให้ปกติเพียงใดเมื่อได้ลองสวมใส่ดูแล้วราศีคนไข้ก็จับทันที เหมือนกับเครื่องแบบทหารตำรวจลองสวมใส่เข้าไปราศีความเท่ ก็เปร่งรัศมีทันควัน อย่างเช่นผมยังไม่ได้รับการรักษาอันใดเลย ยาสักเม็ดยังไม่ได้ตกลงท้องถึงมองยังไงๆก็ปวดอยู่ดี 
 หนุ่มหายดีแล้วหรือ  ลุงวันชัย เตียงตรงข้ามเอ่ยถามขณะที่ผมกลับจากการชำระร่างกาย 
ผมทำหน้าเอ๋อ ก่อนจะตอบไปว่า  ยังไม่ได้ทำอะไรเลยครับ  
 อ้าว  แกอุทาน 
 เห็นเดินไปไหนมาไหนได้แล้วนึกว่าจะหายแล้วที่แท้ก็ยังไม่ได้ผ่าหรอกหรือ  แกว่า 
 แล้วเป็นอะไรล่ะ  แกถาม 
 ผ่าตัดปอดครับ  ผมพูดให้น่ากลัวก่อน 
แกทำหน้าเฉยพยักหน้ารับเหมือนเป็นเรื่องที่ธรรมดาแล้วก็ถามต่ออีกว่า 
 สูบบุหรี่เหรอ  
 เปล่าครับ  ผมปฎิเสธทันที แล้วชิงตอบอีกทันทีก่อนที่จะโดนเข้าใจว่าไปยุ่งกับพวกควันๆว่า 
 เอ่อ.. คือมีเส้นเลือดงอกที่ปอดน่ะครับ คือแบบว่ามันงอกเพิ่มมาอีกเส้นหนึ่งแล้วก็มัน มันก็ไปเสียบลงปอด แล้วเลือดก็ไหลลงปอดทำให้ปอดเสียจึงต้องผ่าตัดเอาเส้นเลือดที่งอกเพิ่มมมาออก แล้วก็ตัดปอดที่เสียด้วยครับ  ผมตอบตามที่หมอบอกผมมาอีกทีหนึ่งแต่ตอบแบบตะกุกตะกักไปราบเรียบเหมือนตอนที่หมอบอกผม 
 แปลกเนาะเค้ามีแต่เนื้องอกแต่นี่เส้นเลือดงอก เป็นเนื้องอกหรือเปล่า  แกหาว่าผมพูดผิดอีก 
ก็น่าจะหาว่าพูดผิดอยู่หรอกเพราะวันที่ผมรู้ผลว่าเป็นโรคอะไรหลังจากที่อ๊วกออกมาเป็นเลือดหลายครั้ง ยังงงๆอยู่เลย อะไรกันเส้นเลือดงอกหมอพูดผิดหรือเปล่า มาเข้าใจแจ่มแจ้งว่าไม่ผิดก็ตรงที่หมอบอกว่าเป็นโรคที่ไม่ค่อยพบนักปัจจุบันนี้ในประเทศไทยเจอแบบนี้แค่ 16 คนเท่านั้นการผ่าตัดจึงต้องปรึกษากันก่อนว่าจะเอาแบบไหนดี ด้วยสาเหตุนี้หรือเปล่าก็ไม่แน่ชัดที่ทำให้ผมต้องมานอนเฝ้าเตียงถึง สามวันสามคืน 
วันนั้นหมออธิบายว่าธรรมดาคนเราจะมีเส้นเลือดให้ส่งเลือดไปเลี้ยงปอดหนึ่งเส้นโดยจะปักที่อยู่ที่ขั้วปอดแล้วมีเส้นเลือดฝอยเป็นตัวส่งเลือดไปเลี้ยงแทน แต่กรณีผมมันเกินมาเส้นหนึ่งและเส้นนี้มันไม่มีเส้นเลือดฝอยมันจึงไหลโดยตรงเข้าปอดไปเลย เปรียบเสมือนการเปิดก๊อกน้ำแรงๆใส่ฟองน้ำนานๆเข้าฟองน้ำก็จะเสียและเก็บน้ำไม่อยู่จึงทะลักออกมาเป็นเลือดอย่างอาการที่ผมเป็นอยู่นี้ 
 แล้วผ่าวันไหนล่ะ  แกถามอีก 
 พรุ่งนี้ครับ  
 เออ งั้นวันนี้กินให้เยอะๆนะเดี๋ยวคืนนี้ก็อดข้าวแล้ว  แกแนะนำอย่างผู้เชี่ยวชาญ 
 เอ้ากินข้าวได้แล้วหนุ่ม  แกชวนกินข้าวเช้าขณะที่แกเปิดสำหรับมองดูกับ 
ธรรมมดาอาหารของคนป่วยจะเป็นถาดหลุมมาแต่สำหรับของ  ลุงวันชัย ' มาเป็นสำรับตลอดมาทราบทีหลังว่าแกสั่งเป็นอาหารพิเศษและทราบมาอีกว่าแกเคยมานอนพักในซอยสองแล้วครั้งหนึ่งเนื่องจากว่าห้องพิเศษเต็มแกจึงมานอนคอยอยู่ที่นี่ก่อนก็ทราบมาว่านานพอสมควรจนรู้จักสนิทกับเพื่อนๆร่วมซอย แล้วแกก็ไปเมื่อห้องพิเศษว่างลง และกลับมาอีกครั้งเพราะอาการเหงา 
อาหารเช้าไม่ว่าจะพิเศษหรือปกติก็หนีไม่พ้นข้าวต้มจะต่างกันบางวันกุ้ยบางวันก็ทรงเครื่องเท่านั้นแต่อย่างไรก็ตามแต่พิเศษก็ต้องเหนือกว่าคนอื่นวันยังค่ำถึงจะเป็นข้าวต้มก็ต้องมีเครื่องเคียงที่เหนือกว่าอยู่ดีไม่ว่าจะเป็นผลไม้ กับข้าวที่ดีกว่า สำหรับผมแล้วแบบไหนก็ไม่เกี่ยงขอให้หนักท้องเอาไว้ก่อนเป็นพอ 
มื้อเช้าไม่ค่อยมีอะไรพิเศษนักแต่พอเที่ยงกับเย็นการแบ่งปันอาหารก็เริ่มขึ้น  ลุงวันชัย ' แกมีกับข้าวพิเศษ  ลุงเอื้อ ' เตียงเยื้องกับกับผมถัดจาก ลุงวันชัย สองคนแกสนิทกันเพราะอยู่มาไม่ต่ำกว่าสองเดือนแล้วผ่าตัดขาทั้งคู่ แต่ต่างสาเหตุกัน ลุงวันชัยผ่าเพราะโรคเบาหวาน ส่วนลุงเอื้อ เพราะเส้นเลือดตีบตันเนื่องจากนิโคตินไปอุดเส้นเลือด 
 ทีแรกไม่เชื่อนะว่าบุหรี่จะทำให้เส้นเลือดตีบ  แกว่าพลางลูบขาตัวเองตอนก่อนมื้อเที่ยงจะมา แล้วหยุดพูดเพื่อหวังให้คนรอบข้างสนใจและมันก็เป็นผล ต่างคนต่างเพ่งตาไปที่แก 
 แต่พอกลับบ้านไปลองสูบดูมันแปล็บ ! ไปตามเส้นเลือดสุดปลายเท้าเลย ตั้งแต่นั้นผมทิ้งทันที  แกหยุดแป็บก่อนจะเอ่ยว่า  แล้วก็กลับมาที่นี่อีกครั้ง  
 แล้วจะสูบอีกไหมล่ะ  พยาบาลสาวเอ่ยถามขณะที่เดินผ่านมาพอดี 
แกยิ้มสั่นหัว 
ลุงเอื้อ และลุงวันชัย แบ่งปันอาหารกันเสมอ จึงทำให้ทั้งคู่รู้สึกจะเจริญอาหารมากกว่าใครเพื่อน บางครั้งผมก็ได้รับส่วนร่วมเช่นเดียวกันเนื่องด้วยความอาวุโสน้อยสุดในซอย 
ลุงเอื้อกับลุงวันชัยเข้ามาจับจองพื้นที่นานกว่าใครในซอยและอาการเหมือนกันแต่ต่างสาเหตุ ลุงเอื้อสามารถเดินไปไหนมาไหนได้ตามสบาย ส่วนลุงวันชัยถูกกักบริเวณเพียงในขอบเตียงกั้นแคบๆห้ามลงไปไหน โดยมีข้อความสีแดงบนหัวเตียงอ่านได้ใจความว่า  ห้ามงอขาขวาและลงจากเตียง ' ทั้งๆที่ลุงวันชัย แกก็สามารถเดินได้เช่นเดียวกันกับลุงเอื้อแต่ทว่าแกเกิดลื่นล้มตอนลงจากเตียงเข้ครั้งหนึ่งจึงโดนขังเดี่ยวไปในที่สุด 
เมื่อแกไม่สามารถลงจากเตียงได้ธุระทุกอย่างจึงตกลงที่พยาบาลสาวผู้เปี่ยมไปด้วยเมตตาจิต ไม่ว่าจะถ่ายหนักถ่ายเบา ตลอดจนการชำระร่างกายเช็ดเนื้อเช็ดตัวพยาบาลก็รับผิดชอบทั้งสิ้นไม่ต่างอะไรกับเลี้ยงลูกตัวเอง แถมลุงวันชัย ยังเรียกใช้อยู่บ่อยๆ แต่ความรำคาญของพยาบาลก็ไม่เคยเกิดขึ้นเลย หลังจากที่ผมได้รับการผ่าตัดแล้วผมก็ประสบปัญหาเหมือนกับลุงวันชัยคือลงจากเตียงไม่ได้เป็นเวลาถึง 5 วันแต่ผมไม่ได้ถูกห้ามแต่เป็นเพราะว่าสายระโยงรยางยึดเหนี่ยวไว้ เรื่องถ่ายเบาพยาบาลก็รับหน้าที่ไป แต่ถ่ายหนักไม่เคยเกิดกับผมเลยเพราะเพียงแค่คิดว่าจะต้องถ่ายบนเตียงที่มีผู้คนรอบข้างอยู่หลายต่อหลายคน ก็พลันเกิดอาการ  ขี้หดตดหาย ' ทันที 
 หนักกว่าเลี้ยงลูกตัวเองอีกเนาะหมอเนาะ  ลุงวันชัย พูดลอยๆกับพยาบาลขณะมาฉีดยาให้ตอนเย็น 
พยาบาลยิ้มให้ 
 ต้องเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวให้ไม่ใช่ญาติแท้  
 มันเป็นหน้าที่ค่ะ  พยาบาลตอบ 
เหมือนกับอยากคุยต่อเธอไม่ยอมเดินออกไปแต่ยืนถามอาการคนไข้รอบๆไม่เว้นแม้แต่ผม 
 ผ่าวันไหนน่ะเธอ  
 พรุ่งนี้ครับ  ผมตอบ 
 หมอพรุ่งนี้ผมขอลองเดินดูบ้างนะกลัวเดินไม่เป็น ไม่ต้องห่วงผมแข็งแรงดีผมรู้ตัวเอง  ลุงวันชัยอ้อนพยาบาล 
 ยังหรอกต้องให้หมออนุญาตก่อน  เธอตอบ 
 หมอรู้ไหมเดี่ยวนี้คนเรามีสิทธิ์จะตายได้แล้วนะ  ลุงวันชัยว่า แล้วมองหน้าพยาบาลสาวก่อนพูดว่า 
 ผมก็มีสิทธิ์ที่จะเดินแล้วก็ล้ม  ลุงวันชัยอธิบายด้วยน้ำเสียงแบบหยอกๆ 
พยาบาลไม่ตอบอะไรเพราะกำลังเก็บเข็มและกระบอกฉีดยาที่ใช้แล้วลงถุง 
 ให้ผมเดินบ้างเถอะ ผมก็มีสิทธิ์ที่จะตายได้นะ  
 ใช่ตายได้แต่ต้องไม่ใช่ที่นี่  เธอตอบแล้วเดินจากไป				
comments powered by Disqus
  • อัลมิตรา

    2 กุมภาพันธ์ 2550 22:17 น. - comment id 94868

    อืมมม อีกบรรยากาศ
    ได้อ่านแล้วร่วมรู้อารมณ์ไปด้วย
    
    แต่อย่าชวนให้ไปอยู่ซอยเดียวกันนะ
    ไม่เอาหรอก ...
  • เด็กชายนิรนาม

    5 กุมภาพันธ์ 2550 19:40 น. - comment id 94887

    อืมๆๆก็ใช้ได้ผมอยู่ลพบุรีนะชื่อแบงค์ใคร28.gifอยากรู้จักผมก้อช่วยแอดเมลไว้นะ       
      master_bk_123@hotmail.com
    
    เรื่องเล่นๆน่ะ61.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน