ตุ๊กตาเต้นรำ

ใบคา

แสงจากไฟนีออนส่องทาง ของกรุงเทพฯ ย่านเตาปูน ทำให้มองเห็นบ้านสองชั้นสีขาวรายล้อมด้วยรั้วไม้สีน้ำตาลประดับด้วยไม้เถาดูสวยงามและเข้ากันได้ดี อย่างถนัดตา ในซอยที่มีบ้านเดี่ยวรั้วกั้นเป็นหลังๆ ย่อมทำให้บรรยากาศเงียบขรึมไร้เสียงเร่งเครื่องของแก็งค์มอเตอร์ไซค์ที่คอยก่อกวนระบบโสตประสาทยามค่ำคืน แต่จะมีเสียงกรีดร้องของจั๊กจั่นแว่วมาบ้างเป็นระยะๆ ยิ่งช่วงปลายฤดูหนาวอย่างนี้ มีให้ฟังได้ทุกมุมแม้จะเป็นในเมืองก็ตาม
	ดูแลบ้านดีๆ ล่ะอย่าเหลวไหลวันนี้แม่กับพ่อกลับดึกหน่อยนะ เสียงแม่กระชับสั่งเพื่อความมั่นใจว่าลูกทั้งสองจะทำตามที่ปรารถนา
	ได้รับคำตอบเป็นการพยักหน้าและเสียงอือ ในลำคอ ของลูกๆ หน้าจอทีวี แม่ก็ถือว่านั่นคือคำสัญญาของลูกทั้งสอง และคงกลับมาในสภาพบ้านที่เหมือนเดิม เพราะหลังจากเมื่อครั้งก่อนแม่กลับมาพบว่าบ้านไม่มีคนอยู่ แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับของมีค่าบางชิ้นที่มันน่าจะอยู่ที่เดิมก็ไม่อยู่ด้วยเช่นกัน ซึ่งน่าแปลกที่ของราคาแพงกว่านั้นไม่หายไปด้วย หรือเป็นเพราะว่านักย่องเบามักน้อย ถึงแม้จะปล่อยเลยตามเลยเพราะไม่มีความคืบหน้าใดๆ จากมือกฎหมายแม่ก็ไม่อาจลดโทษให้กับลูกได้ แต่คราวนี้แม่ยังเชื่อใจลูกเหมือนเดิมเพราะครั้งนั้นคงเป็นบทเรียนที่ดี
	อาณาเขตรั้วไม้สีน้ำตาลของบ้านหลังนี้ล้อมรอบบ้านถึงสองหลังด้วยกัน หลังเล็กเป็นบ้านของน้าซึ่งอยู่ถัดไปเพียงวาเศษๆ บ้านหลังใหญ่คือบ้านของแม่ ที่พวกเขาต้องดูแลไม่ทิ้งหน้าที่หนีไปเที่ยวเหมือนคราวก่อน จนทำให้เป็นเรื่องใหญ่โต ผมตัดใจไม่ชวนน้องชายออกไปเที่ยวนอกบ้านแต่ด้วยความเป็นวัยรุ่น การอยู่บ้านกับการจมอยู่หน้าจอทีวี เป็นอะไรที่น่าเบื่อสำหรับเขามากๆ
	ตุ๊กตาสาวญี่ปุ่นในชุดกิมีโนสีแดงยืนทำท่ากรีดกรายพัดอย่างสวยงามในตู้กระจกใส ดวงตามีแววของความสนุก ผสมกับริมฝีปากสีแดงดูเหมือนว่ามันกำลังยิ้มกับท่วงท่าที่ทำอยู่ ผมละสายตาจากทีวีจ้องมองตุ๊กตาตัวนั้นด้วยความรู้สึกที่แปลกๆ ตั้งแต่ที่มันเดินทางจากร้านขายของเก่าในญี่ปุ่นเมื่อหลายปีก่อนด้วยความอนุเคราะห์ค่าเครื่องบินจากยาย ตุ๊กตาตัวนี้ก็มาเป็นสมาชิกบ้านในฐานะเครื่องประดับอย่างหนึ่ง  ตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้มันไม่เคยดูสดใสและสวยงามเท่านี้มาก่อนเลย หรือเป็นเพราะผมไม่ค่อยได้สนใจมัน
	พี่ ผมเล่นเกมส์นะ ไม่มีอะไรน่าดูเลย นั่นหมายถึงการจบการรับภาพจากจอทีวีของผม
	ไม่รอคำตอบแต่อย่างใดน้องชายก็ขนเครื่องเล่นเกมเสียบเข้ากับทีวีและใส่แผ่นเล่นทันที
	คืนวันศุกร์ทำให้ไม่อยากรีบเข้านอน เพราะตอนนี้นาฬิกาบอกว่ายังแค่ 3 ทุ่มเท่านั้นเอง ผมเดินตรงไปที่ตู้กระจกใสซึ่งเก็บตุ๊กตาตัวนั้น เปิดผ้าคลุมเปียโนข้างๆ ออกสะบัด ฝุ่นเริ่มจับนิดหน่อย เศษฝุ่นลอยปลิวอย่างเห็นได้ชัด ผมยืนนิ่งมองดูฝุ่นนั้น ในใจคิดว่านานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้บรรเลงเพลงเพราะๆ จากเปียโน 
	เกือบเดือนแล้วสิเน๊าะ ปมบ่นเบาๆ 
	นานมากแล้วที่ไม่ได้เล่นมัน ทั้งๆ ที่คืนนี้ก็ไม่อยากเล่นซักเท่าไหร่ รู้สึกเหมือนต้องการจะลุกไปร่วมเล่นเกมส์กับน้อง แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดจึงทำให้มายืนอยู่ตรงนี้ได้ คงเป็นเพราะสีสันที่ดูสดใสขึ้นของตุ๊กตาตัวนั้น และท่าทางของมันที่ดูแปลกตาไป จนทำให้อยากเล่นดนตรีโดยไม่รู้ตัว
	เสียงนิ้วสัมผัสคีย์แรกของเปียโน ดนตรีเริ่มบรรเลงเป็นจังหวะช้าๆ น้องชายหันมามองหลังผมเพราะเปียโนกับจอทีวีอยู่ตรงข้ามกัน แต่ก็ไม่ห่างกัน น้องชายหรี่เสียงเกมส์ลงเพราะเวลานี้ไม่มีเสียงไหนที่จะเพราะเท่าเสียงดนตรีจากปลายนิ้วพี่ชายได้อีกแล้ว น้องชายยังชอบนอนฟังผมเล่นอยู่เป็นประจำ หากครั้งนี้ไม่ติดกับว่าเกมส์กำลังมันส์คงได้เห็นภาพน้องชายนอนคว่ำอ่านหนังสือบนโซฟานุ่มๆ อย่างเป็นแน่
	ดนตรีบรรเลงเพลงช้าๆ ได้ซักพักก็เปลี่ยนท่วงทำนองเป็นเร็วบ้าง
 
	แป็กๆๆ! น้องชายหันหลังขวับตามเสียงที่ได้ยิน ในขณะที่ ผมเองหันขวามา สิ่งที่เราเห็นคือบานของตู้กระจกสั่นอย่างแรง เกิดการกระแทกกันระหว่างตัวล็อกและบานกระจกเสียงดังกลบเสียงดนตรี 
	ขนหัวทั้งสองลุกซู่ ในขณะที่สีหน้าเริ่มซีดลงหันมองหน้ากันตาไม่กระพริบ เสียงนั้นยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่ง โพล่ง! บานกระจกเปิดออกมาอย่างจังเหมือนมีใครผลักออกมาจากข้างใน เราทำอะไรไม่ถูกได้แต่นั่งมองน่ากัน ผมเริ่มยิ้มให้น้องชาย แต่รอยยิ้มนั้นกลับกลายเป็นเสียงร้องอย่างตกใจ เมื่อตุ๊กตาในชุดประจำชาติสีแดงสดแสยะยิ้มออกมาด้วยท่าทางดีใจ หัวโยกไปมาซ้ายขวา บานประตูเริ่มกระทบเปิดปิดอีกครั้งเสียงดังเป็นจังหวะเข้าทำนองกับการส่ายพัดของสาวน้อยตัวนั้นอย่างสอดคล้อง ตุ๊กตายังคงร่ายรำอย่างสนุกสนาน แต่เรานิ่งเงียบ ลำคอแห้งผาด ริมฝีปากสั่นไล่ลงมาจนถึงขา 
	ปึ๊บ! เสียงบานกระจกกระทบปิดอย่างแรงเสียงดังลั่นบ้านปลุกให้ผมและน้องตื่นจากอาการตกตะลึง สืบเท้าตัวเองวิ่งแจ้นออกมายืนจับมือกันสั่นอยู่หน้าบ้านท่ามกลางเสียงระงมของจักจั่น และเสียงหมาหอนอย่างโหยหวน 
เสียงดนตรี แป็กๆ ในบ้านยังคงดำเนินต่อ พร้อมนางรำที่ร่ายรำอย่างสุขใจ  
เรายืนฟังครู่ใหญ่ เสียงหายไป ผมตัดสินใจชวนน้องเดินกลับเข้าไปพร้อมกัน ผมกึ่งลากกึ่งผลักน้องชายให้เข้าไป
ตุ๊กตาหยุดแล้ว มีหยดน้ำใสๆ หยดจากแก้มเปื้อนความสุขของมัน
ผมหลับตาเอื้อมมือไปปิดบานกระจกที่ยังคงอ้านั้นให้เข้าที่เดิม พร้อมล็อกมันให้เหมือนอย่างที่เคยเป็น ตามด้วยวันทาสวยๆ หนึ่งที
หลังจากนั้นงานเฝ้าบ้านเราไม่รับอีกเลย
........................				
comments powered by Disqus
  • mona

    11 พฤษภาคม 2550 13:27 น. - comment id 94567

    11%
  • เพียงพลิ้ว

    10 พฤษภาคม 2550 16:56 น. - comment id 96114

    เตาปูน..นานแล้วไม่ได้ไปแถวนั้นเลย
    ถ้าไปจะผ่านช่วยเฝ้าบ้านค่ะ อิอิ
    
    36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif1.gif
  • เอเลียน

    12 พฤษภาคม 2550 09:37 น. - comment id 96139

    3.gif4.gif7.gif5.gif เราก็ไม่ได้ไปนานแล้วเหเหมือนกัน19.gif20.gif8.gif36.gif7.gif6.gif5.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน