รักสุดฤทธิ์

ชินเดช ญาณรัตน์

ที่ลานจอดรถ  มีรถจอดอยู่ก่อนแล้วไม่ถึงสิบคัน   แต่ไม่มีรถคันคุ้นเคยของเธอ   ภายในภัตตาคารมีกลุ่มฝรั่งนักท่องเที่ยวอยู่เพียงโต๊ะสองโต๊ะเท่านั้น  เขาเดินทอดน่องผ่านด้านในของภัตตาคารเลยไปยังบริเวณที่เหมือนจงใจทำให้เป็นพิเศษโดยการต่อยื่นออกไปในทะเล  คล้ายระเบียง  ซึ่งสามารถบรรจุโต๊ะในบริเวณเดียวกันได้ถึงห้าหกชุด   ความพิเศษคงอยู่ตรงที่สามารถมองไกลออกไปในทะเลได้ปลอดโปร่งตานัก
                        เขาสั่งเบียร์จากบริกรแล้วยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู   อีกครึ่งชั่วโมงจึงจะถึงเวลานัดหมาย  แต่รู้ว่าเธอไม่มีวันผิดนัดแม้สักผีกนาที  ไม่ว่ากับเขาหรือลูกค้า  เพราะถ้าเวลามันชั่งตวงเป็นเงินเป็นทองได้จริงอย่างที่ว่า  ดูเหมือนตัวเขาเองเป็นคนฟุ่มเฟือยกับมันมากในงานแต่ละชิ้นแต่ละอย่าง  ผิดลิบลับกันกับเธอ  เพราะเธอใช้มันอย่างคุ้มค่าทุกๆวินาที
                        ชายหนุ่มระบายลมหายใจยาว   ทอดสายตาไปยังท้องทะเล  ที่ยามนี้มันราบเรียบราวกับแผ่นกระจก  มีเพียงคลื่นลูกเล็กๆที่เชยผ่านชายหาดเบาๆ  เรือหาปลาอยู่ไกลออกไปมองเห็นเป็นกลุ่มๆคล้ายจุดดำเล็กๆราวกับการแต่งแต้มภาพวิวของจิตรกรตรงริมขอบฟ้า          ฝูงนกนางนวลบินฉวัดเฉวียนไปมา    ส่งเสียงร้องสะท้านก้องไปในแผ่นฟ้า     และท้องทะเลกว้างราวกับจะบอกถึงอิสระเสรีอันไร้ ขอบเขต
                        บริกรนำเบียร์มาเสริร์ฟ
                        เขาเพ่งมองน้ำสีทองที่มีฟองฟู    ในแก้วทรงสูงตรงหน้า   ดูบอบบางแต่ร้ายกาจนักหากเผลอล่วงล้ำรสชาติเข้าเท่านั้น  เปรียบกับเธอได้ไหมนะ    ที่เหมือนทั้งฝาดและขม    แต่ก็ทำให้ไหลหลงเมาความหวานมันอันลึกซึ้ง    ที่แอบซ่อนซุกนั้นเสียนักหนา
                        ซื้อไว้แทบจะทุกเดือน    มีอะไรใหม่ๆออกมาซื้อหมด เก็บไว้  มีเวลาจึงค่อยๆเอามาอ่าน  อ่านไปเรื่อยๆหนังสือเต็มบ้านเต็มช่องไปหมดแล้ว  เก็บไว้อ่านตอนแก่มั้งคะ  เธอหัวเราะพลางยกมือเรียวสวยกลมกลึงได้สัดส่วนระหงนั้นปัดเส้นผมดำขลับที่รุ่ยร่ายลงมาป่านป่ายเสยกลับไปข้างหลัง   ดูเป็นความเคยชินของคนผมยาว   ในความรู้สึกของเขาอดที่จะเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่า  เธอดูน่ารักไปทุกอิริยาบถและพอใจในคำตอบของเธอยิ่งนัก     ทั้งที่มันเป็นคำถามนอกเหนือข้อตกลงอันเป็นขอบเขตของการสัมภาษณ์  ทันทีที่ภารกิจเสร็จสิ้นลง
แต่เธอก็ตอบและยอมที่จะนั่งสนทนากันต่อ      แม้มันออกจะขัดแย้งกับบางคำตอบ   ระหว่างการสัมภาษณ์ที่เพิ่งผ่านไป     ใช่ นี่คือการสัมภาษณ์ระหว่างเธอ  นักธุรกิจสาว ทายาทธุรกิจพันล้านแห่งตระกูลธุรกิจชั้นนำของประเทศ   โดยเขา ผู้สื่อข่าวจากหนังสือพิมพ์เศรษฐกิจรายสัปดาห์ฉบับหนึ่ง
                        ในถ้อยคำสัมภาษณ์ตอนหนึ่งนั้นเธอบอกว่า  เวลา  สำหรับเธอมันมีค่ามาก  เธอหวงแหนมันทุกเสี้ยววินาที  เธอไม่ยอมให้ใครหรือสิ่งใดมาหยิบฉวยมันไปได้ง่ายๆ  แม้มันจะเป็นประโยคเก่าๆ   ที่เขามักจะได้ยินจากปากของนักธุรกิจ นักบริหาร ผู้ประสบความสำเร็จทั้งหลายเกือบจะทุกครั้งของการสัมภาษณ์ก็ว่าได้      ซึ่งมันก็ควรเป็นความจริง  และครั้งนี้เขาก็ได้ยินจากปากของเธอเอง
                        เขาขอตัวกลับในเวลาต่อมา   ซึ่งมันได้เลยเวลาตามกำหนดการไปร่วมชั่วโมง  กาแฟอีกคนละถ้วย  บทสนทนาที่ไม่อยู่กับร่องกับรอย  วนเวียนแต่กับเรื่องศิลปะ  เพลงและหนังสือ  แทนการพูดถึงงาน      โครงการธุรกิจและผลกำไรอันเป็นภารกิจสำคัญของเธอ
                         แต่ดูเธอชอบที่จะสนทนาเรื่องเหล่านี้อย่างจริงๆจังๆ ไม่ใช่เสแสร้งที่จะพูดคุยกับเขาเพียงเพื่อมารยาทอันดีงามเท่านั้น  เขาอดที่จะแปลกใจในตัวเธอไม่ได้  และนั่นเป็นหนแรกที่เขาสนใจในตัวเธอ
เขาจิบเบียร์จนพร่องแก้วแล้วรินที่เหลือเติม   แอลกอฮอล์กำลังเริ่มต้นทำหน้าที่ของมันในเส้นเลือด  ความเฉื่อยเนือยเมื่อครู่ถูกละลายหายไปช้าๆ   ความคึกคักกระปรี้ประเปร่า  กำลังทยอยเข้ามาแทนที่
                        เสียงลมพัดผ่านยอดสนดังหวีดหวิวผสมเสียงซ่าซัดของลอนคลื่น  ฟังแปลกและเพลินเหมือนเสียงดนตรี ช้าๆ นุ่มนวลและนั่นมันเท่ากับไปกัดกร่อนความตั้งใจเดิมให้สั่นคลอน  เขาเริ่มไม่มั่นใจและแน่ใจตัวเอง    นี่มันเป็นความรื่นรมย์ที่เคยเป็นของเขาและเธอนี่ นะ  เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาเมื่อได้พบกัน
                        และครั้งนี้
                        อีกเพียงครู่เดียว  เขาจะได้พบเธอแล้วไม่ใช่หรือ
                       ถนนย่านนั้นพรึ่บสะพรั่งไปด้วยผับ  ถนนราตรีที่มีที่กินเหล้า  มีเพลงให้เลือกฟังทั้งแบบแจ๊สหรือป๊อป  หรือคันทรีเพราะๆ มันเป็นที่รวมของคนหลากอาชีพ  ทั้งคนเหงาและไม่เหงา  นักธุรกิจ  นายธนาคาร นายตำรวจ ทหาร นักเขียนและศิลปินหลายแขนง  พวกเขาอาจจะมาเฆี่ยนตีความเหงา  มาบ่มเพาะพลังสำหรับวันพรุ่งนี้  หรือมาดูชีวิตเพื่อเป็นต้นแบบ   ในนวนิยายของนักเขียนของกวีผู้มุ่งมั่นเสาะแสวงหาแง่มุมชีวิต
เขาแวะมาไม่บ่อยนัก  แต่มาทุกเดือนในวันว่าง  และมีอารมณ์มากพอ
                        เขามาดื่มเบียร์ นั่งเงียบๆในมุมใดมุมหนึ่ง  ทักทายคนที่รู้จักบ้างเท่าที่จะจำกันได้  ปล่อยใจไปกับโลกมายา  บางครั้งดู เศร้า     บางครั้งสนุกสนานไปกับมัน   มีเครื่องดื่มให้เลือกสารพัด เหล้า ไวน์หลากตระกูล  ท้ายที่สุดก็รู้ว่า  ตัวเองชอบและเข้ากับเบียร์เพียงอย่างเดียว  จนคร้านที่จะไปริลองอย่างอื่นอีก
เขาเป็นคนอย่างนี้เอง  สุขพอใจในสิ่งที่มีที่ชอบและทำได้  ไม่เคยคิดฝันไกลไขว่คว้าหาดวงดาว  ใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่มีพิธี รีตองอะไรนัก  จนเกือบจะชุ่ยในสายตาใครบางคน  นอกจากห้องเช่าในอพาร์ทเม้นท์  เสื้อผ้าอีกเพียงไม่กี่ชุด  ดูเหมือนเขาไม่ได้สะสมอื่นใดอีก  แต่หากจะนับว่ามีสมบัติกับเขาบ้างก็คงจะเป็นหนังสือ  เพราะมันคือสมบัติอย่างเดียวที่มันกินเนื้อที่ส่วนใหญ่ของห้องพักไปทั้งหมด  มันเป็นสมบัติเพียงอย่างเดียวที่เขาพอมีอวดใครๆเขาได้บ้าง
                        เคยนึกเสียใจให้กับครอบครัวเหมือนกัน  ที่ต้องมาผิดหวังในตัวเขา ค่าที่ไม่ยอมเจริญรอยตามวิถีทางเก่าๆเพื่อเป็นเจ้าคนนายคนในสาขาอาชีพต้นแบบของตระกูลที่สืบมาหลายชั่วอายุ การผ่าเหล่ามาเป็นคนทำหนังสือ เขียนหนังสือ     หัวหกก้นขวิดไปตามวิชาชีพมันไม่มีหลักประกัน  ไม่มียศฐาบรรดาศักดิ์ให้ใครๆได้ชื่นชมและถ้างานหนังสือพิมพ์มันคือญาติ    มันก็อาจเป็นญาติคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ ในโลกก็ได้
                         ช่างเถอะ  ถึงอย่างไรก็ได้แลกมาจนเกินคุ้มแล้ว  คนเราไม่มีใครได้อะไรทั้งหมด  ได้อย่างก็อาจต้องเสียอย่าง มันเป็นกฏธรรมดาของชีวิต  เขายิ้มให้กับเรื่องราวที่นึกคิดพลางยกเบียร์ขึ้นดื่ม แล้วก็ต้องสะดุ้ง
                         สวัสดีค่า  เงาวูบวาบและเสียงทักทายตรงหน้า ปลุกเขาฟื้นตื่นจากภวังค์
                         อ้าว..คุณ เขาร้องทักอย่างดีใจ
                        แสงไฟสลัวเลือนทำให้ใบหน้ายิ้มละไมตรงหน้าดูนุ่มนวลยิ่งขึ้น  นั่งอยู่มุมโน้น เห็นคุณนานแล้ว  ไม่แน่ใจว่าจะจำได้..
                         คุณจำได้พันเปอร์เซ็นต์เลยเชิญนั่งซิครับ
                        แต่ร่างระหงได้สัดส่วนยังหยัดยืน   คอยหรือนัดใครไว้หรือเปล่าค่ะ  ถ้าไม่  เชิญโต๊ะดิฉันดีกว่า  มุมโน้นเหมาะกว่าเยอะเลยดิฉันมาคนเดียว
                        เขายิ้มพยักหน้า  แล้วเดินตามเธอไป  ความเหงาหงอยเมื่อครู่อันตรธานไปแล้ว
                         ไม่คิดว่าจะได้พบคุณที่นี่  เขาเอ่ยขึ้นเป็นประโยคแรกเมื่อมานั่งด้วยกันเป็นมุมที่วิเศษอย่างที่เธอบอก  เพราะมันสามารถมองภาพชีวิตอิริยาบถผู้คนที่นี่และที่เดินผ่านไปมาบนถนนข้างนอกได้ชัดเจนขณะที่ในใจเป็นอีกคำถามหนึ่ง   ตามความเชื่อในภาพพจน์ของอาชีพที่เธอทำอยู่ คุณไม่น่ามีเวลา
                         ก็มาเท่าที่เวลามันอำนวย อีกอย่างอยากให้โปรแกรมตัวเองมันผิดแผกไปบ้าง..จำเจมากๆเบื่อเหมือนกัน.. 
                          อื้อฮึ คุณยังมีชีวิตนี่ ในใจเขาอดที่จะเหน็บแนมไม่ได้
                         คุณชอบฟังแจ๊สแบบนี้ด้วยหรือครับ 
                        รอยยิ้มที่เขาคิดว่าทั้งน่ารักและเก๋ที่สุดเท่าที่เขาเคยพบเห็น ผุดขึ้นที่ริมฝีปากของเธอ
                         ฟังแล้วเพลินดี ทำให้คิดอะไรๆได้แยะเชียว 
                         ดีจัง..  เขาหัวเราะ   เขาอยากเห็นเธอมุมนี้มากกว่ามาดนักธุรกิจ เพราะดูเธอเป็นสาวน้อยที่มีชีวิตชีวา คุยสนุก ยิ้มง่าย  น่าคบ น่าคุยด้วยและน่ารัก
                        และคืนนั้นกว่าจะแยกจากกัน  ก็เลยเที่ยงคืนไปแล้ว   เสียงหัวเราะใสๆยังดังก้องอยู่ในหู   มันช่างเป็นคืนที่ปลอดโปร่งและเป็นสุขอย่างประหลาดเท่าที่เคยมีมาในชีวิตทีเดียว    แม้ว่าต่อจากนั้น   เขาคงได้แต่เฝ้าคิดถึงแต่ความหมายในประโยคที่เธอบอกว่า  แล้วพบกันอีก..      มันจะเป็นจริงขึ้นมาอีกเมื่อไหร่
                        วันเวลายังคงทำหน้าที่ของมันไปตามวัฏจักร
                        แต่ในโลกธุรกิจ   มันอาจหมุนเร็วกว่า  เพราะสังเวียนการต่อสู้ไม่มีใครได้รับการผ่อนปรน  ใครอ่อนแอหรือช้ากว่า  คือคนแพ้ที่ต้องสังเวยด้วยผลกำไรและพื้นที่ โอกาสธุรกิจให้แก่ผู้ชนะไป  ข่าวคราวและความเคลื่อนไหวของเธอ   เขาได้รับรู้เสมอทั้งโดยหน้าที่คนข่าวและหัวใจที่อยากรับรู้ของมันเอง    และในความรับรู้นั้น       คือความรู้สึกชื่นชมและทึ่งในความสามารถเกินตัวของเธอยิ่งนัก
                        เจ้าสัวใหญ่ ยกโครงการยักษ์พันล้านให้ธิดาสาวบริหาร  นั่นเป็นคำพาดหัวข่าวใหญ่ของหนังสือพิมพ์ธุรกิจ  แทบทุกฉบับ   แม้แต่กับฉบับที่เขาประจำอยู่  เขาหมุนถึงเธอทันที  เมื่อใจมันอดรนทนไม่ไหว
                         อื้อฮึ เขาเลียนคำพูดคุ้นเคยของเธอทันทีที่เธอรับสาย  คุณทำได้ไง.. รู้มั้ย  หนังสือพิมพ์พาดหัวกันทั้งเมืองเลย..
                        เสียงหัวเราะใสๆดังมาก่อน  ไฮ้ ว่าไงนะ  อ้อ หนังสือพิมพ์ของคุณด้วยใช่ม้าอือมม แล้วคุณคิดว่ามันท้าทายดี ไหมเล่า
                        เขานึกถึงท่าทีขี้เล่น  ซุกซนเยี่ยงเด็กสาวทั่วไปในคืนนั้นของเธอ  แต่ยามนี้เมื่อต้องอยู่ในสำนักงานธุรกิจอันโอ่อ่า ท่าที ของเธอมันคงตัดกันกับภาพของคืนนั้นอย่างตรงกันข้ามหรือเปล่านะ
                         แต่ผมเชื่อมือคุณนะ เอ้อ.. เขารู้สึกอึกอักขึ้นมาทันที    เมื่อมาถึงคิวความต้องการของตัวเอง  ความมั่นใจวูบลงเกือบกลายเป็นสูญ แล้วก็ตัดสินใจ  คืนนี้.. คุณว่างมั้ย.. ไปดื่มกันที่เดิม ผมจะรอที่นั่น
                        เสียงเธอเงียบหายไปนิดหนึ่ง  หัวใจเขาเต้นโครมคราม
                         ซอร์รี่ พร้อมกับเสียงหัวเราะใสๆอีกครั้ง  ตอนนี้วุ่นวายมาก  ลูกค้ามาจากไต้หวัน  ฉันต้องเทคแคร์ คราวนี้เขาเป็นฝ่ายนิ่งเงียบไปเอง  ความคึกคักเมื่อครู่ถูกทอนลงไปทันทีทันใด
 ไม่เป็นไรเอ่อ..ผม ลำคอมันตีบตันขึ้นมาเฉยๆ
                         งั้นโอ.เค.  แค่นี้ก่อนนะค่ะแล้วค่อยพบกัน.. เป็นประโยคสุดท้ายก่อนที่เธอจะวางหูอย่างแผ่วเบานุ่มนวล   แต่ในความรู้สึกเขามันเหมือนดังกึกก้อง  ราวกับไม่มีความอาทรเยื่อใยต่อกันเลย   ความน้อยใจจู่โจมเข้ามาจนทำให้นิ่งงันไป
                        หลังจากกาแฟร้อนๆผ่านไปถ้วยหนึ่งแล้วนั่นแหละ    ความรู้สึกอันดิ่งจมจึงถูกกู้กลับคืนมาอีกครั้ง  จริงซินะ  เธอเป็นใครและเขาเป็นใคร  มีสิทธิ์อะไรมากมายที่จะไปรู้สึกเช่นนั้นกับเธอ  การคบหายังไม่บ่งบอกอะไรพิเศษไปกว่าความเป็นเพื่อน  ที่บังเอิญมีรสนิยมบางอย่างต้องกันเท่านั้น  เขาอ่อนไหวและอ่อนแอไปเอง  คิดมากจนไกลไปเอง  แล้วก็ให้รู้สึกอดสูละอายใจเหลือเกิน
                        นักธุรกิจอย่างเธอ  ไม่มีวันอ่อนแอ   เช่นนี้หรอก
                        นับตั้งแต่วันนั้น  เขารู้ว่า   ไม่ควรที่จะให้ตัวเองมีเวลาว่าง    เพราะทันทีที่อยู่คนเดียวความคิดส่วนตัวอดที่จะคนึงถึงเธอไม่ ได้     เขาเริ่มต้นทุ่มเทให้กับงานในหน้าที่อย่างหนัก      กับพฤติกรรมที่แปรเปลี่ยนไป  ตัวเขาเองไม่ได้รู้สึก  หากแต่พอใจที่วันเวลาบางช่วงผ่านไปเสียได้เร็วขึ้น   และยิ่งเมื่อมีคำสั่งจากบรรณาธิการให้ต้องเดินทางไปทำข่าวและสังเกตุการณ์   การประชุมสัญจรของคณะรัฐมนตรี  ซึ่งรัฐบาลจัดให้มีขึ้นในต่างจังหวัดของอาทิตย์ถัดมา       เขารู้สึกตัวเองเหมือนหนูตะกละที่ตกลงไปในฉางข้าวเปลือก ดิ้นรนหาทางออกจนอ่อนล้า   ครั้นพอมีช่องทะลุให้เห็นจึงรีบกระโจนหนีออกไปอย่างปรีดานัก
                        ด้วยหวังว่า  ท้องถิ่นที่แปลกตาและเพื่อนพ้องผู้สื่อข่าวคงช่วยให้เขาลืมเธอได้  แต่ก็เปล่า สิ่งที่คิดที่หวังมันไม่อาจช่วยชุบชูความระโหยแห้งในหัวใจได้เลย   จึงเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจแต่ละวันก็หลบเร้นเพื่อนพ้อง  ไปนั่งดื่มเพียงลำพัง  จนค่อนคืนดื่นดึกจึงเมามายกลับที่พัก  เป็นเช่นนี้แต่คืนแรกที่เดินทางไปถึง
 นี่ฉันถามจริงๆเหอะ.. เธอเป็นอะไรของเธอนะ  ทำยังกะคนอกหักแน่ะ    เพื่อนผู้สื่อข่าวสาวร่วมทีมที่สนิทสนมกันทักถามเอาในวันหนึ่ง   ฉันสังเกตุมาหลายวันแล้ว  ดูเธอใจลอยป้ำๆเป๋อๆ ชอบกล เป็นอะไรไป 
                        แม้เสียงแข็งไม่ ยอมจำนน   แต่ในใจกลับปวกเปียกสิโรราบกับคำคาดเดาของเพื่อนสาวอย่างสิ้นเชิง    จริงซี เขาเป็นอะไรไป  ทำไม     เฝ้าแต่คิดถึงเธอรุนแรงขนาดนี้   มันเป็นปรากฏการณ์ทางอารมณ์ทางความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยในชีวิตหนุ่ม   ความรักหรือ เขาไม่แน่ใจ  ที่แม้จะให้คำตอบกับตัวเอง  มันออกจะขัดเขินเสียด้วยซ้ำ   ความมักคุ้นสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้นใครรู้เข้าอาจจะเย้ยไยไพได้..
                        แล้วมันเป็นอะไรของมันล่ะ เป็นคำถามที่วกวนไปมา  แต่ก็ไม่เคยสรุปได้ลงตัว  นอกจากหัวใจมันอยากจะพบ อยากจะเห็นหน้าเธอเสียเหลือเกิน  แต่นั่นแหละ  พระเจ้ามักจะมีเกมส์ละเล่นของพระองค์สมดุลย์เสมอ
ในคืนสุดท้ายของภารกิจ  หลังจากเสร็จสิ้นการแถลงข่าวของโฆษกรัฐบาลในตอนหัวค่ำ  เขามาซุกตัวเงียบๆ ที่ห้องอาหารนอกชานเมืองเช่นเคย  เพลงโฟล์คเก่าๆเศร้าเย็น แล้วปล่อยให้ใจที่มีแต่ความเงียบเหงาบอกไม่ถูกนั้น   ซึบซับไปกับมันโดยมีเบียร์คอยกำชับ  มันเฆี่ยนตีความรู้สึกตัวเองได้อย่างสะสาใจนัก
                        แต่ไม่นึกว่าจะได้พบเธอที่นั่น
                         โลกกลมจริงๆ  เธอว่า..
                         เพราะคุณหนีไม่พ้น  ไม่คิดว่าจะได้พบผมทีนี่ ใช่ม้า   เพราะฤทธิ์เบียร์และแรงบีบกดภายในมันทำให้เขาสนองตอบไปด้วยอารมณ์ตัวเอง
                        เธอชงักงัน  ไม่เข้าใจท่าทีของเขา  ก่อนเพ่งพิศแล้วหัวเราะเสียงใส  แน่ะ นักหนังสือพิมพ์นักเขียนใหญ่   สงสัยจะเมาเบียร์เสียแล้วละค่า
                        เธอดื่มไวน์  ขณะที่เขาดื่มเบียร์ราวกับดื่มน้ำ  พร้อมๆกับสิ่งที่มันอั้นอัดอยู่ภายในก็ทะลักทะลายออกมาเหมือนเขื่อน เหมือนทำนบที่พังทลายเพราะแรงน้ำมหาศาล       เธอนิ่งฟังปล่อยให้เขาระบายออกมาจนกระทั่งร้านใกล้ปิด  และเขาเมาจนเต็มที่ เกือบจะเที่ยงคืน  เธอพยายามถามถึงที่พักของเขาแต่ก็ต้องละเหี่ยใจ คำตอบของเขาช่างไม่ตรงกับคำถามเอาเสียเลย
 ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น.. ผมจะอยู่กับคุณ  ผมคิดถึงคุณมากรู้มั้ย  คุณอย่าเพิ่งไปไหนนะ
                        เขาพูดพร่ำแล้วฟุบหลับคาเบาะรถนิ่งเงียบไปเลย    เธอขับรถวนเวียนไปมาความตั้งใจแรกจะนำเขาไปส่งยังโรงแรมที่พัก  เธอเองก็รู้ข่าวคราวเกี่ยวกับการประชุมสัญจรของคณะรัฐมนตรีครั้งนี้  ไม่ยากหากจะสอบถามถึงที่พักของเขา   แต่ก็ให้รู้สึกตะขิดตะขวงใจบางอย่างกับอีกบางสิ่งที่ได้ยินจากปากของเขาขณะที่เมามาย
                        ต้องยอมรับกับตัวเองว่า   ยามที่ได้พบและพูดคุยกับเขาแต่ละครั้ง   ความรู้สึกมันบอกว่า  เธออยากมีช่วงของเวลาที่ยืดยาวออกไป  มันมีความสุขอย่างอธิบายไม่ได้
                        แปลกมาก เป็นความรู้สึกที่แปลกมาก
                        ดูเหมือนมันจะแตกต่างจากเพื่อนชายในแวดวงเดียวกันที่ข้องแวะเกี่ยวพันกันมา  เขามีบางอย่างในตัวที่แปลกและแตกต่างออกไป   ไม่ใช่ทรัพย์สินเงินทองหรือธุรกิจหรือหน้าที่การงาน  มันไม่ใช่แต่อธิบายไม่ถูก
                        เธอขับรถวนเวียนอยู่ในเขตตัวเมืองบนถนนอันว่างโล่งเพราะเป็นเวลาดึกมากแล้ว  ค่ำคืนของจังหวัดเล็กๆ ราตรีและทิวามี เวลาที่เป็นตัวของตัวเองเสมอ  เขายังหลับนิ่งเงียบ  ในที่สุดเธอจึงตัดสินใจ
เกือบรุ่งอรุณ
                        เพราะแรงกระหายน้ำที่บีบเค้นเนื้อเยื่อลำคอจนแทบเป็นผุยผงนั่นเองที่ปลุกเขาให้ฟื้นตื่นขึ้นมาจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ในเบียร์ ที่คร่อมประสาทจนต้องหลับเป็นตาย   ก็พบว่า  เขาไม่ได้นอนสลบไสลอยู่ในห้องพักของตัวเอง  เขาพยายามลำดับเหตุการณ์  จำได้ลางเลือนว่า เขาเมามาก  นั่งรถของเธอออกมาจากผับด้วยกัน   แต่จากนั้น
                        แล้วให้แปลกใจ  ตรงที่นอนบนฟูกเคียงคู่โดยมีหมอนข้างใบใหญ่กั้นกลางไว้รอยยับย่นอันปรากฏนั้น  บอกว่าเจ้าของร่องรอยเพิ่งจะลุกละทิ้งมันไปไม่นานนัก    และมันยังบอกอีกว่า  ช่วงที่เขานอนสลบไสลด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์นั้น  เธอเอนร่างอยู่ข้างๆเขานี่เอง
                        เธออยู่ไหน?
                        วูบนั้น  ความโกรธ  ความน้อยใจ(ที่ตัวเองยากที่จะบอกถึงที่มาประดามี ที่สั่งสมมาเป็นแรมเดือนก็แห้งเหือดไปในทันที ทันใด   เมื่อออกมานอกระเบียงก็รู้ว่า  มันเป็นบังกาโลปลูกอยู่ในสวนลำไยร่มรื่นนอกชานเมือง  ที่เขาเคยขับรถผ่านไปมาหลายครั้ง  หลายครามาแล้วนั่นเอง   เงาตะคุ่มอ้อนแอ้นของเธอยืนอยู่ที่นั่นเงียบงันสงบเหมือนรูปปั้น  มีเพียงแพรเพราะชุดนอนเท่านั้นที่ไหวน้อยๆไปตามแรงลม  เธอมองไกลออกไปบนฟ้าอันดารดาษด้วยดวงดาวยามใกล้รุ่ง   ผมยาวสลวยดำขลับสยายเต็มแผ่นหลัง  เธอเคลื่อนไหวแต่เพียงเล็กน้อยเมื่อสัมผัสกับเสียงเคลื่อนไหวของเขา
                         ฉันนอนไม่หลับเลยลุกออกมาดูดาว..  นานแล้วที่ไม่ได้เห็นภาพอย่างนี้  สวยจริงๆ เสียงนั้นเครือเหมือนคนละเมอไม่น่าเชื่อว่าจะมาจากปากถ้อยคำของนักธุรกิจสาวที่มีลมหายใจเข้าออกแทบจะหมดไปกับภารกิจการแสวงหากำไรให้กับกิจการ   เขาคิดว่าความรู้สึกอันละเอียดอ่อนควรจะถูกดองจนเค็มแข็ง   ในความงุนงงนั้นมันได้แฝงความปิติแทรกซ่านขึ้นมาด้วยพร้อมๆกัน
                        อาจจะเป็นสิ่งนี้ก็ได้  ที่ทำให้เขาและเธอสนิมทสนมกันนับตั้งแต่หนแรกที่เจอ    และแม้มันจะถูกบดบังแฝงเร้นไว้ด้วยบทบาท  และวิถีชีวิตที่แตกต่างกัน   แต่ทว่าอานุภาพการับรู้ซึ่งกันและกันมันมีอำนาจกล้าแข็งกว่ามากนัก
                        เวลาผ่านไปเป็นครู่   เขาปล่อยให้เธอดื่มด่ำกับภาพประทับใจจนเต็มอิ่ม  โดยเพียงแต่ยืนดูเงียบๆเคียงคู่  จนเมื่อเธอผินหน้ามา
                         ผมขอโทษ  ที่ทำให้คุณต้องลำบาก ผมยาวรุ่ยร่ายป่านป่ายด้วยลมระเรี่ยเคลียผิวแก้วระเรื่อด้วยเลือดฝาดวัยสาวอันสมบูรณ์  จนเขาอดใจไว้ไม่อยู่ เธอไม่ได้ขัดขืนหรือปัดป้อง  แม้เมื่อร่างอ้อนแอ้นอยู่ในวงแขนของเขา
                          มันเหมือนความฝันอันงดงาม  ที่เขาฝันหามาตลอดเวลา   แม้ว่านับจากวันนั้นเขาก็ต้องจมอยู่กับการรอคอย เพื่อพบกันโอกาสอันแสนสั้นนั้นครั้งแล้งครั้งเล่า
                           มันเป็นงาน คุณเข้าใจมั้ย  งานที่ฉันต้องรับผิดชอบ นั่นเป็นคำตอบที่รวบรัดและชัดแจ้งตามภาษาธุรกิจของเธอ  เมื่อเขาอดรนทนไม่ได้  ในเมื่อหัวใจมันอัดแน่นด้วยความถวิลหา
                        เป็นเช่นนี้   นับเดือน  นับปี  ภารกิจของเธอและเขาที่เดินไปด้วยกัน  หากแต่มันเป็นเหมือนเส้นขนานที่เรียงเคียงกันไปโดยไม่มีวันมาบรรจบพบกันเลย     จนมันทำให้เขาเลือกหนทางที่จะตัดสินใจอย่างแน่วแน่
                         รถสปอร์ตยุโรปคันงามราคาแพงลิบลิ่วของเธอโลดแล่นมาโน่นแล้ว  ความปิติพุ่งพล่านในหัวใจทั้งที่พยายามอย่างยิ่งที่จะระงับมันไว้เต็มที่  ไม่  เขาจะไม่หลงไหล  เขาจะไม่รักเธออีกต่อไป  ควรจะจบกันเสียทีเพราะมันเหมือนเส้นขนาน เหมือนฟ้ากับดิน น้ำกับน้ำมัน  ไม่มีวันที่จะเข้าหรือไปกันได้
                        เขาเป็นเพียงดิน  ดินที่ไม่ควรอาจเอื้อมขึ้นเคียงดอกฟ้าเช่นเธอ
                         สวัสดีค่า นักเขียนนักกวีของฉัน.. เธอทักทายเดินอ้อมโต๊ะมาหอมแก้วถมึงทึงของเขาฟอดใหญ่  เอ๊ะ กวีใหญ่เมาเบียร์เสียแล้วหรือค่ะนี่...  เธอเดินกลับไปยังมุมตรงข้าม  ร้องสั่งเครื่องดื่มกับบริกร
                         ทะเลสวยจริง  เธอปล่อยสายตามองไกลออกไปในท้องทะเลอันสดใส  กิริยาท่าทีคงเช่นทุกครั้งที่ได้ใกล้ชิดกัน
                         ผมมีเรื่องจะพูดกับคุณ  เขาตัดสินใจเริ่มต้น  หลังจากปล่อยให้เธอจิบไวน์จนพร่องแก้ว
                        รอยยิ้มผุดขึ้นที่ริมฝีปากงาม  แววขี้เล่นซุกซนกลับมาเป็นของเธออีกครั้งในดวงตากลมโตสวยคู่นั้น
                         คุณอย่ามาเลียนท่าทางนักธุรกิจความรู้สึกแข็งกระโด๊ะอย่างฉันเลย ไม่ดี ไม่สวย เป็นกวี เป็นนักเขียนอย่างที่เป็นเถอะ น่ารักดี  
                        อารมณ์ของเขาเหมือนน้ำมันเบนซินที่ถูกประกายไฟแลบเข้าใส่
                         หยุดเสียทีต้อม   เขาทุบโต๊ะเสียงดังจนคนอื่นหันมามอง   หยุดการแสดงละครเวทีบรอดเวย์อันสูงส่งของคุณเสียทีผมเบื่อ  พอกันที  ถึงอย่างไรผมก็ไม่มีค่าเท่ากับเงินสักบาทที่คุณคร่ำเคร่งเร่งรีบหามันหรอก.. 
เขาหายใจครืดคราด  ขณะที่เธอยกมือทาบอกงงงวยตกใจ
                         ผมมันโง่เซ่อซ่าไม่เจียมกะลาหัวตัวเองที่ไปหลงรักลูกสาวเศรษฐีร้อยล้านพันล้านอย่างคุณ  ทั้งที่รู้ว่า  ชาตินี้ผมคงไม่มี วันได้สมหวังหรอก นอกจาก..  เขาฮึดฮัดฟืดฟาดจนเธอตกใจ ..ผมเซ็งมาพอแล้ว..พอกันที  ต่อไปนี้  เราไม่ต้องพบไม่ต้องมุ่งหวังกันต่อไป  คุณไปตามทางของคุณ  ส่วนผมก็ไปตามทางของผม  คุณไปหาคนบ้าเงินเจนเนอเรชั่นเดียวกันดีกว่า คงไปกันได้ดีกว่าผม..
                        เธอค่อยๆลำดับอารมณ์แล้วจึงยิ้มให้เขา
                         ฉันขอโทษ เธอเอื้อมมือมากุมมือเขา  คุณก็รู้นี่ว่า   งานฉันยุ่งจริงๆอีกอย่างเราก็ยังไม่ได้แต่งงานกัน จะทำตามอย่างใจนึกได้อย่างไร.. 
                         เอ้างั้น.. เรามาแต่งงานกันเสียทีพรุ่งนี้เลย.. เขาโกรธจนน่าแดงก่ำ  เธอเริ่มนึกสนุก
                         คุณมีค่าสินสอดไปขอฉันกับคุณพ่อแล้วหรือค่ะ
                         เท่าไหร่?   เขากรอกเบียร์เข้าปากรวดเดียวหมดแก้ว
                         ที่ผ่านมาไม่คิด เธอต่อกรต่อ  ทั้งเงินสดทั้งสิ่งของ   ท่านคงไม่คิดไม่มาก  คงไม่เกินห้าร้อยล้านบาทไทย.. กล่าวพลางซ่อนยิ้มไว้ในหน้า
                         บ้า  เขาลุกขึ้นยืนแล้วก้าวเดินฉับๆไปจากที่นั่น
                         ชี๊ดคุณจะไปไหน?   เธอตะโกนไล่หลัง   โต๊ะอื่นๆมองอย่างงงๆ เขาหันหลังกลับยกมือขึ้นชี้มาที่เธอ
                        ไปให้พ้นคุณไง คุณกับผมชีวิตมันเหมือนเส้นขนาน   คงไม่มีทางที่จะมาบรรจบพบกันหรอก    กล่าวจบก็ก้าวตรงไปยังรถคู่ชีพ   ขับออกไปจากที่นั่นทันที  ด้วยความเร็วที่เกือบจะเกินกำลังรถเก่าอย่างนั้น
                        หญิงสาวจ่ายเงิน  เดินออกมาที่รถสปอร์ตคันงาม   รู้อยู่ว่า  อารมณ์เขาเป็นอย่างนี้  เป็นผีบ้าผีบอ  อย่างที่คนทำงานศิลป์ขลุกอยู่แต่กับความละเอียดอ่อนทางอารมณ์มักจะประสบ  มันเป็นเรื่องแปลกสำหรับแวดวงของเธอ   แต่ก็โกรธที่ทำให้ต้องอับอาย
                         อีตาบ้า  เอาไง เอากันซีวะ  
                        หญิงสาวเร่งเครื่องเร็วจี๋   มองเห็นรถญี่ปุ่นเก่าๆวิ่งอื้ออ้าอยู่ข้างหน้า  ดูเหมือนเขาก็รู้แล้วว่า เธอขับตามมาจึงเร่งเครื่องหนี เต็มกำลัง  เธอไม่ลดละขับไล่ตามไปติดๆ เพียงครู่เดียวก็แซงขึ้นมาประกบ
                         ตามผมมาทำไม ไม่ต้องแล้วพอกันที... เสียงตะโกนของเขาดังโหวกเหวกแข่งกับเสียงรถ
                         ฉันบอกให้หยุด  พูดกันให้รู้เรื่อง.. เธอตะโกนสวนตอบไป เห็นเขาสะบัดหน้า  เปลี่ยนเกียร์แล้วเร่งเครื่องหนี  เป็นจังหวะเดียวกันกับที่รถแล่นสวนตามมาหลายคัน  รถของเขาจึงทิ้งช่วงเธอไปไกลลิบ
                         ไอ้นักเขียนผีบ้า  เธอตะโกนด่าในใจอย่างโกรธจัดเขม็งกับเส้นทางตรงหน้าอย่างเต็มที่  พยายามแซงรถคันที่ขวางอยู่ แล้วพุ่งตามรถเขาไปด้วยความเร็วสูง  เพียงไม่ถึงอึดใจก็ขึ้นไปคู่ขนานกับรถเก่าของเขาอีกครั้ง  เขาเห็นเธอทำปากพะงาบๆชี้ไม้ชี้มือฟังไม่ ได้ศัพท์  ความเร็วของรถและเสียงลมอื้ออึงกลบเสียงไปเสียสิ้น   จึงเฉยไม่รู้ไม่ชี้   พลางนึกแฮะนักธุรกิจนี่มีอารมณ์มีความรู้สึกกับเขาเหมือนกันหรือ  เขาเห็นเธอเร่งเครื่องเลยรถคันของเขาไปข้างหน้า
                          ฉับพลัน   เธอหักพวงมาลัยพุ่งเข้าชนรถเขาเต็มเหนี่ยว   ความเร็วบวกกับความเร็วแรงปะทะบวกแรงเหวี่ยงอันมหาศาล   เป็นผลให้ทั้งรถสปอร์ตยุโรปคันงามและรถญี่ปุ่นบุโรทั่งกลิ้งโค่โร่ตกไปข้างทาง  ซึ่งเป็นทุ่งนาด้วยกันทั้งคู่   ท่ามกลางความตกอกตกใจตกตะลึงของคนในละแวกนั้นและรถร่วมเส้นทางคันอื่นๆบนถนนสายนั้น
                         
                           เขารู้สึกราวกับฟ้าได้ถล่มทลาย  ในสติอันลางเลือน  ยังรู้ตัวว่าเมื่อตัวเองถูกหามไปยังรถพยาบาลของตำรวจทางหลวงที่ เปิดไฟฉุกเฉินแว่บๆรออยู่  พอเปลของเขาถูกวางอึดใจเดียว  เปลของเธอก็ถูกวางลงข้างกัน  เขารวบรวมแรงกายที่เหลือผงกหัวขึ้นมองเธอด้วยความห่วงใยเธอก็ทำอาการอย่างเดียวกัน
                         คุณทำอะไรบ้าๆ  เขายังฝืนทำเสียงดุ เธอถลึงตาใส่  ตวาดอย่างแหบโหยตอบสวนมา
                         คุณนั่นแหละบ้าทำฉันก่อนทำไม..
                        เขาทิ้งศีรษะลงอย่างหมดแรง  นึกขำท่าทีของเธอขึ้นมา  พลางเอื้อมมือไปคว้ามือเรียวงามของเธอมากุมกระชับแนบแน่นขณะที่เสียงแผ่วโหยของเธอดังขึ้น  แต่มันเหมือนลอยมาจากที่ไกลแสนไกล
                         เป็นไง   ฉันทำเส้นหักมุมอย่างนี้ดีไหม อีตาบ้า  ถ้าฉันได้ยินคุณพูดอีกว่า ฉันกับคุณเป็นเส้นขนานกันอีก.. คอยดู   คราวหน้าฉันจะชนให้กระเด็นขาดสองท่อนเลยเอ้า 
                        เขาชักดิ้นชักงอ  เธอยกมือขึ้นทุบเสียงดังพลั่ก ก่อนที่รถพยาบาลคันนั้นจะแล่นนำคนเจ็บทั้งคู่   ออกไปจากที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว  เป็นเส้นตรงแน่วไปจนสุดสายตา				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน