จะขอรักเธอตลอดไป (ตอน 1)

แมวอ้วน

ในเช้าวันสดใส เสียงไก่ร้องดังก้องไปทั่วหมู่บ้านในชนบทเล็กๆแห่งหนึ่ง
เด็กตัวน้อยๆ คนหนึ่งตื่นขึ้นจากค่ำคื่นอันยาวนาน พร้อมบิดขี้เกียจไปมาในตอนเช้า เขาหยิบตะกร้าแล้วเดินออกจากบ้านเหมือนทุกๆวัน ภารกิจประจำวันของเขาในทุกๆเช้าของแต่ละวันก็คือเก็บไข่ไก่แล้วนำไปส่งให้แม่ค้าตามตลาด เพื่อหารายได้แก่ครอบครัว ป้านิด แม่ค้าประจำตลาดคนเก่าคนแก่ ประกอบอาชีพนี้มาหลายสิบปี ตะโกนว่า " อ้าวเจ้าทิวมาแล้วหรอ เร็วๆหน่อยนะวันนี้ วันอาทิตย์ลูกค้าเยอะนะ" เมื่อป้านิดพูดจบ ก็นำไข่ไก่จากตะกร้าของเจ้าทิว จากนั้นจึงยื่นตังค์ 50 บาท แก่เจ้าทิว  แต่ก่อนที่ทิวจะหยิบเงินทอน 10 บาทให้แก่ป้านิด แกก็พูดตัดขึ้นมาก่อน" วันนี้เอ็งมาเรวดี ข้าแถมให้ 10 บาทเป็นรางวัลละกัน " เจ้าทิวเมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงยกมือไหว้ " ขอบคุณครับป้า ถึงป้าจะอายุ 40 ก่าแล้ว แต่ดูดีๆ เหมือน  20  กว่าเลยนะป้า " ป้านิดยิ้มกับคำที่เจ้าทิวพูด " เออๆ เอ็งไม่ต้องมายอเลย " เจ้าทิวจึงเดินกลับบ้านเปี่ยมไปด้วยความดีใจที่เค้าได้เงินมาฟรีๆ ถึง 10 บาท ถึงเงินนี้จะดูมีค่าน้อยนิดก็๋ตาม แต่สำหรับทิวแล้วมันมีค่ามหาศาลทีเดียว
ครอบครัวของทิวเป็นครอบครัวที่ฐานะค่อนข้างยากจน พ่อแม่ของเขาประสบอุบัติเหตุรถคว่ำเสียไปตั้งแต่เขายังเล็ก จึงมียายของเขาเลี้ยงดูแลส่งเขาเรียนจนถึง ป.6 เมื่อทิวเดินถึงบ้านก็อาบน้ำแต่งตัว ไปช่วยยายทำอาหารตามปกติ ยายสอนเขาทุกๆเรื่อง อบรมบ่มนิสัยให้เขาเป็นคนดีตลอดมา รวมทั้งการทำอาหารด้วย ฝีมือการทำอาหารของทิวใช้ได้ทีเดียว เมื่อทิวและยายยกอาหารมาวางบนโต้ะ มองดูแล้วก็มีไม่กี่อย่าง เหมือนๆเดิม มีแต่ข้าว ไข่เจียว แล้วก็แกงจืด อาหารเหล่านี้เขาต้องกินกันทุกวัน เพราะไม่ต้องใช้เงินมาก ไข่ก็เอามาจากไก่ที่บ้านเขาเลี้ยงไว้ พวกผักต่างๆก็เอาจากหลังบ้านที่ปลูกไว้ มีเพียงแค่ข้าวเท่านั้นที่ต้องซื้อโดยเอาเงินจากการขายไข่ไก่มาซื้อ เมื่อคำนวณค่าใช้จ่ายแล้ว แทบจะไม่มีเหลือเลย ระหว่างการกินอาหารยายถามขึ้นมาว่า" ทิวเอ้ยนี่แกก็อยู่ ป.6 แล้วนะ ออกมาช่วยยายทำงานมั้ยละ "  " แต่ ... ผมอยากเรียนต่อน่ะครับ " ทิวพูดขึ้นมาทันที
" ถ้าแกฝักใฝ่จะเรียนแบบนี้ยายจะไปกู้เงินธนาคาร ส่งแกเรียนต่อละกันนะ "
เย็นของวันนั้นทิวออกไปเดินเล่นตามหมู่บ้าน พลันนึกขึ้นมาได้" วันนี้มีงานวัดนี่นา " เขาจึงรีบตรงไปยังวัดประจำหมู่บ้าน เมื่อถึงหน้าวัด รถสีดำ BMW คันหนึ่งขับเข้าไปจอดด้านใน ทิวดูรถคันนั้นเป็นป้ายทะเบียนของ ก.ท.ม. คงจะเป็นพวกเศรษฐีในเมืองมาทำธุรกิจซื้อ - ขายที่ดินแถวชนบทนี้แน่ๆ ทิวไม่ได้สนใจอะไรมากหวังแค่จะสนุกกับงานวัดครั้งนี้ เมื่อเดินไปเรื่อยๆทิวหันมองซ้ายทีขวาที 
จนไม่ได้ดูด้านหน้าของเขาจึงเดินไปชนกับเด็กผู้หญิงสวมแว่นคนหนึ่งเข้าอย่างจัง เธอล้มลงไปบนพื้น ทิวเอื้อมมือไปหยิบแว่นของเธอ และยื่นให้ " เอ่อ ... ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ขอโทษจริงๆคับ " ิทิวกล่าวขอโทษอย่างตกใจ " ทีหน้าทีหลังก็เดินดูตาม้าตาเรื่อมั่งสิ " เด็กสาวกล่าวสวนขึ้นมาอย่างทันควัน แล้วเชิดหน้าเดินหนีไป " ถึงจะปากร้ายไปนิด แต่ก็น่ารักดีนะไม่เคยเห็นมาก่อนเลยแฮะ ตั้งแต่เราอยู่หมู่บ้านนี้มา " เมื่อเขาเดินตามเด็กสาวนั่นไปหวังที่จะไป แต่ก็หาตัวเธอไม่เจอ เขาเดินไปได้ซักพักก็เห็นชายวียกลางคนคนหนึ่ง สวมเสื้อผ้าดูมีระดับ ใส่แหวนเพ็ชร สร้อยคอทองคำ คงเป็นเศรษฐีเจ้าของรถคันนั้นแน่ๆ  ชายคนนั้นยืนคุยอยู่กับเจ้าอาวาสวัด " หลวงพ่อครับ ผมเอาเงินมาบริจาคให้สร้างวัด กับพัฒนาหมู่บ้านนะครับ" ทิวได้ยินฃายคนนั้นพูดขณะเขากำลังสนทนากับหลวงพ่อ " เศรษฐีใจดีก็มีเหมือนกันแฮะ " เขากล่าวขึ้นมาลอยๆ  เมื่อตกค่ำ ทิวจึงรีบวิ่งกลับบ้านเพราะฝนกำลังใกล้จะตก เมื่อเขากลับถึงบ้านก็ต้องตกใจกับภาพที่อยู่ตรงหน้า ยายของเขานอนตัวสั่นอยู่ ทิวลองจับตัวยาย จึงรู้ว่าร้อนมาก เขาตกใจสุดขีด ยายเป็นคนแข็งแรงไม่เคยเป็นไข้มาก่อน ทิวหัวตื้อไปหมดคิดอะไรไม่ออก  ในหมู่บ้านของเขาไม่มีหมอ ถ้ามีคนเจ็บป่วยก็ต้องรอถึงตอนเช้าเพื่อให้ผู้ใหญ่บ้าน พาไปเข้าโรงพยาบาลในเมือง จึงนึกขึ้นมาได้ว่าที่วัด หลวงพ่อท่านก็พอรักษาคนเจ็บป่วยเล็กน้อยได้นี่นา ทิวจึงแบกยายขึ้นบนบ่า แล้ววิ่งฝ่าฝนไปอย่างรีบร้อน ในใจเขาคิดเพียงให้ยายมีชีวิตรอดเท่านั้น เมื่อไปถึงวัดทิวตะโกนเรียกหลวงพ่อให้มาดูอาการยาย แต่สายไปเสียแล้วยายสิ้นใจไปซะเสียก่อน ทิวเสียใจเป็นอย่างมากน้ำตาไหลลงมาไม่ขาด จึงวิ่งไปตรงทุ่งนาหน้าวัด  " สวรรค์ !!! ทำไมถึงกลั่นแกล้งลูกเพียงนี้ พรากพ่อแม่ของผมไปแล้ว ยังพรากยายผมไปอีกเหรอ " ทิวตะโกนลั่นดังสนั่นไปทั่ว ฝนก็ตกหนักฟ้าก็ผ่า ลงมาเปรี้ยงๆ ช่างเป็นคื่นที่โหดร้ายเสียจริงๆ ทิวล้มลงร้องไห้อย่างฟูมฟาย ขอให้ฟ้าผ่าลงมาโดนตัวเขาด้วย จะได้ตามยาย และพ่อแม่เขาไป เพราะเขาไม่เหลืออะไรอีกแล้ว แต่มีชายคนหนึ่งวิ่งเข้ามาที่ตัวเขา และคว้าคอเสื้อเขาไว้ "คิดอะไรโง่ๆ คนตายต่อให้ตายไปแล้วก็ฟื้นขึ้นมาไม่ได้หรอก จะทำร้ายตัวเองไปทำไม สู้อยู่มีชีวิตให้เป็นที่ภาคภูมิใจของครอบครับเจ้าไม่ดีกว่าหรอกเหรอ " ชายคนนั้นตะคอกใส่ทิว แล้วจึงยกตัวเขาไปจะพาไปเข้าในวัด " ไม่ๆ ปล่อยผม ผมอยากตาย " ทิวได้แต่ร้องตะโกน แต่ชายคนนั้นก็เอาตัวเขาเข้าไปในวัด ..... ถึงตอนเช้าของอีกวันทิวตื่นขึ้นมาตอนเช้า เขาลุกและเดินมาเห็นโลงศพของยาย ก่อนจะร้องไห้ทิวกลั้นน้ำตาไว้ " ผมจะมีชีวิตต่อไปอย่างภาคภูมืใจครับยาย " ทิวกล่าวกับร่างไร้วิญญานของยายของเขา เมื่อพูดจบหลวงพ่อเดินมาด้านหลังทิวแล้วกล่าวว่า  " ทำใจเถอะทิวเอ้ย สรรพสิ่งล้วนไม่อนิจจัง เกิด แก่ เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดา ถึงยายเจ้าจะไม่เสียไปในเมื่อคืนนี้ แต่ก็ต้องมีซักวันที่ยายจะจากเจ้าไป " ทิวพนมมือรับคำสั่งสอนของหลวงพ่อไว้ ในขณะนั้นก็มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาทิว เขานึกขึ้นได้ทันที เศรษฐีที่เข้ามาในหมู่บ้านเมื่อวาน และเป็นคนที่ช่วยเขาไว้เมื่อคืนนี้เอง " ชื่อทิวใช่มั้ย เอาหยั่งงี้มั้ย ไหนๆเธอก็ไม่เหลือใครแล้ว ฉันขอรับเธอไปเลี้ยงดูละกัน หลวงพ่อเล่าให้ฟังว่า เธอเป็นคนขยันขันแข็ง ตั้งใจเรียนเป็นอย่างดี ฉันจะส่งเธอเรียนจบปริญญาเลยละกันนะ " ชายคนนั้นพูดแล้วเอามือตบหลังทิวเบาๆ " แต่ มั... มันจะดัเหรอคับ ผมไม่ได้เป็นอะไรกับคุณเลยนะ " ทิวบอกกับชายคนนั้น  ชายคนนั้นตอบกลับมาทันที " ไม่เป็นไรหรอก เผอิญว่าฉันชอบช่วยเหลือคนนะ " " ตกลงครับ ขอบคุณนะครับ คุณ .... " " เรียกฉันว่า ลุงนกละกัน ตามมาเรากำลังจะกลับเข้าเมืองกันพอดีเลย "  ทิวเดินตามชายคนนั้นไปขึ้นรถ
                            ............ จบตอน 1 ............ 
to be continued				
comments powered by Disqus
  • สีน้ำฟ้า

    15 พฤษภาคม 2546 23:59 น. - comment id 68732

    เขียนได้ละเอียดดีจัง.. จะรออ่านตอนต่อไปนะจ้ะ
  • รายทาง

    16 พฤษภาคม 2546 09:48 น. - comment id 68737

    จะคอยติดตามคับผม ชอบแนวนี้อยู่เหมือนกัน :)
    
  • แมวอ้วน

    16 พฤษภาคม 2546 18:35 น. - comment id 68740

    ขอบคุณนะคร้าบสีน้ำฟ้า กะรายทาง พอดีช่วงนี้เปิดเทอมแล้วตอนต่อไปอาจจะช้าหน่อยละกันนะคับ
  • ทิว

    16 พฤษภาคม 2546 21:26 น. - comment id 68746

    ไอ้โดนัสเวง ดันเอาชื่อเล่นเรามาเขียน
    คิดอะไรของแกง่ะ
  • ทิว

    16 พฤษภาคม 2546 21:27 น. - comment id 68747

    ผมชื่อทิวครับเป็นเพื่อนของโดนัส(คนแต่ง)เองแหละครับ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน