เรื่องเล่าจากทะเล (เรื่องที่คุณต้องอ่าน)

กีตาร์สายหนึ่ง

 
ท่ามกลางสายแดดที่ร้อนระอุ ชายหนุ่มสองคนนั่งซึมเศร้า หมดเรียวแรงอยู่ไต้ต้นหูกวางใญ่ริมถนน ทั้งสองคนเป็นชาวต่างจังหวัดที่เหมือนกับอีกหลาย ๆ คน ที่ต้องยอมเดินทางออกจากบ้านเกิดเมืองนอน เพื่อหางานทำในช่วงแห้งแล้งที่ไม่สามารถทำไร่นาได้ ทั้งสองออกจากบ้านมามุ่งสู่เมืองหลวง สถานที่ที่ใคร ๆ ก็ต้องการจะมา
 ......เกือบหนึ่งอาทิตย์ผ่านมาแล้ว ทั้งสองยังหสงานทำไม่ได้ อาศัยนอนตามศาลารถเมล์บ้าง วัดบ้าง อาศัยข้าวที่วัดพอประทังชีวิต เงินที่เหลือติดตัวก็เลือน้อยเหลือเกิน  พอดีไปพบกับชายคนหนึ่งที่มานั่งรอรถ อยู่ที่ศาลา ที่ทั้งสองได้อาศัยนอน ได้แนะนำให้ทั้งสองลองไปหางานแถวสมุทรสงครามดู ที่นั้นมีท่าเรือใหญ่อาจจะพอมีงานทำบ้างก็ได้ ทั้งสองจึงคิดครั้งสุดท้ายว่า"เอาวะ เหลือเงินค่ารถอยู่ลองดูกันสักตั้ง" ว่าแล้วทั้งสองก็เดินทางไปสู่ จ.สมุทรปราการ และไปยังแถว ๆ ท่าเรือ ที่แถวนั้นมีโรงงานน้ำแข็งอยู่เยอะ ทั้งสองจึง ตระเวนไปตามร้านขายส่งน้ำแข็งเพื่อหางานทำ เดินเข้าร้านโน้นออกร้านนี้ จนกระทั่งเย็น ทั้งสองยังไม่ได้งานทำเลย
 ทั้งหิวข้าว ทั้งอ่นเพลียเมื่อยล้าจากการเดินทั้งวัน จึงได้นั่งปรึกษากันที่ริมหาดว่าจะทำอย่างไรดี เงินก็หมดกับค่ารถ ข้าวก็ยังไม่ได้กิน ทั้งสองมองหน้ากันแล้วต้างก็ไม่พูดอะไรต่อ มันเหมือนคนหมดแล้วซึ่งความหวังได ๆ ทั้งสิ้น 
 ก่อนจากบ้านมา พ่อ แม่ พี่ น้อง ต่างก็ตั้วความหวังว่ามาทำงานแล้วจะพอมีเงืนส่งกลับบ้านให้พอได้กินได้ใช้บ้าง
 
 ....... ชัย .. เป็นชื่อของชายหนุ่มคนแรกซึ่งมีรูปร่างสูง โปร่ง ผิวสีแทนเพราะจากการทำไร่นา อายุ 28 ปี สุขภาพทางร่างการไม่ค่อยแข็งแรงนัก และมีโรคประจำตัวคือ " โรคลมชัก " ซึ่ง ...นนท์.. เพื่อนอีกคนหนึ่งรู้ดี ทางนนท์นั้น เป็นคนที่มีรูปร่างท้วม สันทัด แข็งแรง อาจเป็นเพราะนนท์มีอาชีพรับจ้างทำงานทั่วไป ซึ่งนนท์สามารถทำงานหนัก ได้เกือบทุกชนิด ซึ่งฐานะทางบ้านนนท์นั้น จะด้อยกว่าชัยบ้าง แต่ก็ไม่มากนัก นนท์อายุเท่ากับชัยคือ 28 ปี หรือว่าชัยเกิดอาการลมชักนนท์จะเป็นคนคอยช่วยเหลือตลอด ทำให้พ่อ แม่ ทั้งสอง ต่างฝากฝังกันและกันคอยช่วยดูแล
 .......ทุ่มเศษ ๆ ทั้งสองยังนั่งอยู่ริมหาดแล้วนนท์เหลือก็เรือลำใหญ่แล่นมาอย่างช้า ๆ  และจอดเทียบท่า มองเห็นผู้คนเยอะแยะ  และดูสับสนวุ่นวายไปหมด เสียงดังจากเครื่องเรือ แลเสียงจากผู้คนมากหน้าต่างเยื้อแย่งกันพูดจนแทบฟังไม่ทันมาใครพูดอะไร พลัน นนท์ก็นึกขึ้นมาได้ว่า ทำไม่ไม่ลองไปถามงานบนเรือดูบ้างใหน ๆ ก็ไม่มีงานทำแล้วนี่ ว่าแล้วจึงชวนชัย ส่วนชัยกลับพูดว่า
 " เฮ้ย จะไหวเหรอ เห็นเขาบอกว่า งานเรือ น่ะ หนักนะ แล้วก็ต้องออกเรือไปเป็นเดือน ๆ ถึงจะได้กลับเข้าฝั่ง" นนท์จึงพูดว่า " งานหนักข้าไม่กลัวหรอก ว่าแต่เอ๋งจะไหวมั้ยล่ะ" ชัยนั่งคิดอยู่สักพัก จึงตอบว่า"เอาวะ หาข้าวกินก่อนแล้วกัน ยังงัยบนเรือเขา ก็มีข้าวเลี้ยงไม่ใช้เหรอ"
......ว่าแล้วทั้งสองก็เดินไปยังสะพานปลาซึ่งอยูไม่ไกลนัก ไปถึงก็ยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่ ยังไม่ไกล้าเอ่ยปากอะไร มองดูเด็กเรือและบรรดาพ่อค้าแม่ค้าที่มาแย่งกันซื้อปลาไปขายอยู่พักหนึ่ง จนขึ้นปลาหมดเรือ ผู้คนก็เริ่มทยอยกลับ...แล้วก็มีเสียงทัก ดังขึ้น เขาถามว่ามาหาใคร...นนท์ตอบว่า มางานงานทำ ชายผู้นั้นซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นหัวหน้าคนงานบนเรือถามว่า"จะทำได้เหรอ งานหนักนะ" นนท์ตอบว่า"ไม่เป็นไรครับ ที่บ้านนอกผมก็ทำงานหนักเหมือนกัน"แล้วหัวหน้าก็ถามชัยบ้าง ชัยตอบว่า ทำไหวครับ" หัวหน้าจึงเรียกทั้งสองลงไปในเรือและพาไปพบกับไต้ก๋ง ไต้ก๋งเรือดูแล้วเหมือนคนเชื้อสายจีน รูปร่างใหญ่อ้วนท้วน สมบูรณ์ ใส่แว่น ผิวออกขาวนิด ๆและได้พูดคุยกับทั้วสองอยู่นาน จึงได้รับเข้าทำงานและให้คนงานอีกคนพาไปที่ห้องนอนและหาข้าวปลากิน
 ....แล้วทั้งสองก็ได้ทำงาน ทั้งสองดีใจมาก ต่างคนต่างเขียนจดหมายถึงบ้านแต่ไม่ได้บอกว่าทำงานอะไร เพราะกลัวทางบ้านเป็นห่วง  ขออณุญาติหัวหน้า ไปส่งจดหมายและกลับมาเริ่มทำงานโดยช่วยคนงานอื่น ๆ ต่างช่วยกันจัดเตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จะใช้ในการหาปลา  จับปลากับคนงานอื่น ๆ จนกระทั่งดึก งานเสร็จแล้ว ก็ต่างอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า บางคนขึ้นฝั่งไปเที่ยวดื่มเหล้า นั่งร้องเพลงคาราโอเกะ ที่ร้าน ไกล ๆ ท่าเรือ นนท์ได้ยินเสียงรถวิ่งเข้ามาจอดไกล ๆ กับเรือและเห็นคนงาน 3-4 คน ช่วยกันยกข้าวของ อาหาร ทั้งสดและแห้ง
 คงเตรียมเพื่อใช้กินตอนออกหาปลาซึ่งมันมีจำนววนเยอะมาก คิดว่า ครั้งนี้คงออกเรือ นาน เป็นเดือนแน่ ๆ เลย
 .....ตี 4 ของวันใหม่ เรือเริ่มออกจากท่ามุ่งสู่ท้องทะเลที่กว้างใหญ่ ออกทะเลครั้งแรกนนท์รู้สึกเวียนหัวบ้างเล็กน้อยซึ่งผิดกับชัยที่ตั้งแต่ออกเรือมา อวกตลอดอีกทั้งร่างกายก็ไม่ค่อยแข็งแรงด้วย วันนั้นชัยจึงต้องนอนซมอยู่กับที่นอนที่ชั้นสองของเรือ โดยที่ไม่สามารถช่วยเพื่อนคนอื่นทำงาน ได้เลย เรือล่องไปไกลเท่าไดไม่รู้แต่ผ่านไปหลายวันหลายคืน เรือล่อง ไป ล่องไป เมื่อมองดูท้องทะเลแล้วทำให้รู้สึกอ้างว้าง ปล่าวเปลี่ยว ...วันแรกของนั้นการจับปลาเป็นไปอย่างเหงาหงอย เพราะว่า ได้ปลาไม่มากนัก  วันที่สองชัยเริ่มดีขึ้นและสามารถช่วยเพื่อนได้บ้าง
 และวันนี้สามารถจับปลาได้เยอะแต่ชัยก็เกิดเป็นโรคลมชักขึ้นมาจนทุกคนตื่นตระหนกกันหมด นนท์ช่วยพยุงตัวและทำการช่วยเหลือเหมือนทุกครั้งที่เข่าเคยทำและพอชัยไปนอนพักผ่อน ชัยเป็นอย่างนี้เรื่อย ๆ จนทุกคนเริ่มชินแล้ว เพราะว่าไม่ได้มีอะไรรุนแรงมากนัก เพียงให้พักผ่อนสักพักก็หาย
 ............ผ่านไปเรื่อย ๆจวบจนเกือบเดือนได้ปลาเกือบเต็มไต้ท้องเรือซึ่งถูกอัดด้วยน้ำแข็ง และไต้ก๋งเรือได้แจ้งกับคนงานว่า คืนนี้จะเป็นคืนสุดท้าย
 ที่จะหาปลาเพราะว่าได้ปลาเกือบเต็มแล้ว คืนนี้คงได้เต็มลำ.....แล้วก็ผ่านคืนสุดท้ายไปอย่างสมดังหวังของทุกคน หลังจากอาบน้ำแล้วทุกคนต่างแยกย้ายไปคนละมุม ชัยนั่งนึกถึงครอบครัวทางบ้าน เพราะว่าขึ้นฝั่งครั้งนี้คงได้เงินเยอะ จะส่งเงินไปให้ทางบ้านใช้ และเป็นเงินครั้งแรกด้วยแล้วนั่งคุยกับนนท์เรื่องเงินที่ได้จากการหาปลาครั้งนี้นนท์บอกว่า จะแบ่งเงินเก็บเอาไว้ให้ได้เยอะ ๆ เพือไปขอแต่งกับแก้ว แฟนสาวบ้านเดียวกันที่ก็รอการไปสู่ขอของนนท์อยู่ แต่ก็ติดที่นนท์ยังไม่มีเงินไปสู่ขอ ได้งานทำครั้งนี้คงมีเงินพอที่จะได้จัดงานสักที ส่วนชัยก็นึกไปต่าง ๆ นา ๆ ว่าจะส่งเงินกลับบ้าให้น้องได้ไปโรงเรียน มีเงินซื้อข้าวสารมาเก็บไว้กิน พอเป็นค่ายา ค่ารักษาพยาบาลของพ่อ ซึ่งนอนป่วยอยู่ แล้วก็ชวนร้องเพลงแข่งกับเสียง เครื่องเรือที่ดังระงมอยู่ท้ายเรือ........ นั่งอยู่สักพักนนท์รู้สึกปวดฉี่จึงบอกชัย ชัยจึงบอกว่า เออข้าก็ปวดเหมือนกัน แล้วทั้งสองก็ไปยืนอยู่ท้ายเรือและต่างก็แข่งกันพุ่ง ว่าใครจะไกลกว่ากันต่างสนุกสนานกับการเล่นเหมือนย้อนกลับไปเป็นเหมือนวัยเด็กอีกครั้ง
.... แล้วจู่ ๆ ชัยก็มีอาการลมชักกระทันหันล้มไปข้างหน้าตกลงไปในทะเล นนท์เห็นแต่ว่าคว้าตัวเพื่อนไว้ไม่ทันจึงกระโดลงไปเพื่อช่วย เพื่อน....ท่ามกลางความมืดมิอและเสียงที่ดังจากเครื่องยนต์จึงไม่มีใครสังเกตุเห็นและเพราะความเมื่อยล้าจากการทำงาน ทำให้ทุกคนต่างหลับนอนหมด..............เรือแล่นไปเรื่อย ๆ ไกลสุดไกลเท่าไดยังพอใครคิดเอะใจบ้างใหมว่ามีคนสองคนได้หายไปจากเรือ.........เรือยังคงแล่นไป แล่นไป.....ทิ้งไว้แต่เพียงความหวัง ความฝัน ของชายหนุ่มสองคนซึ่งผ่านพ้นผจญกับชีวิตซึ่งสั้นนักไว้เบื้องหลังในทะเลที่กว้างไกล.........และการอคอยของคนที่อยู่ข้าง หลัง...				
comments powered by Disqus
  • กีตาร์สายหนึ่ง

    21 พฤษภาคม 2546 15:04 น. - comment id 68788

    ผมพยายามสื่ออกมาจากความรู้สึกจริง ๆ ของเรื่องนี้...ลองอ่านกันหน่อยนะครับ
  • ข้าวปล้อง

    22 พฤษภาคม 2546 10:18 น. - comment id 68792

    ไม่ทราบว่าแต่งเองรึเปล่าค่ะ ถ้าแต่งเองก็คงต้องชมว่าเขียนได้ดีเลยเชียวล่ะ ดำเนินเรื่องได้กระชับไม่สับสน แต่ตอนจบรู้สึกว่ามันยังเศร้าไม่พอ น่าจะบรรยายให้มากกว่านี้นะค่ะ แต่รวม ๆ แล้วก็ดีอ่ะค่ะ 
    
    (เราก็เป็นแค่คนอ่านที่ดี แต่จะเป็นนักวิจารณ์ที่ดีรึเปล่าก็ไม่รู้ )
    
    พยายามเข้านะค่ะ
    
  • ออดี้

    22 พฤษภาคม 2546 17:05 น. - comment id 68794

    ตอนท้ายเรื่องทำร้ายจิตใจมากเลย..แต่เก่งมาก
  • ออดี้

    22 พฤษภาคม 2546 17:05 น. - comment id 68795

    ตอนท้ายเรื่องทำร้ายจิตใจมากเลย..แต่เก่งมาก
  • น้อยแหน่

    22 พฤษภาคม 2546 17:07 น. - comment id 68796

    เนื้อเรื่อง โอเคค่ะ..ตอนท้ายเศร้าน้อยไปหน่อย..แต่หักมุมได้ดี
  • น้อยแหน่

    22 พฤษภาคม 2546 17:07 น. - comment id 68797

    เนื้อเรื่อง โอเคค่ะ..ตอนท้ายเศร้าน้อยไปหน่อย..แต่หักมุมได้ดี
  • กีตาร์สายหนึ่ง

    22 พฤษภาคม 2546 17:15 น. - comment id 68798

    ขอคุณมากครับ สำหรับคำติชม จะพยายามเพิ่มเนื้อหาให้ดีที่สุด
  • แฟนคนใหม่

    23 พฤษภาคม 2546 15:43 น. - comment id 68808

    แต่งเองหรือปล่าวค่ะ ดีมากเลยเศร้าดี เขียนเรื่องอื่นบ้างนะคะจะเป็นกำลังใจ
  • ม้าดีด

    24 พฤษภาคม 2546 08:15 น. - comment id 68823

    เก่งนี่...พยายามเข้านะครับ
  • man_100 %

    24 พฤษภาคม 2546 10:14 น. - comment id 68824

    good for story
  • พัดผ่าน

    24 พฤษภาคม 2546 11:53 น. - comment id 68825

    สายลมโบก ผ่านไป ให้รับรู้
    ว่าเพื่อนอยู่ ที่ใด ในแผ่นดิน
    ไต้ผืนฟ้า ไต้ผืนน้ำ ไต้แผ่นดิน
    ได้ยิน ได้ยิน ไหมเพื่อนเอย
  • stronger

    25 พฤษภาคม 2546 15:24 น. - comment id 68833

    good
  • ต้า

    4 มิถุนายน 2546 03:09 น. - comment id 68891

    เรื่องของคุณน่าสนใจมากครับ อ่านแล้วทำให้ได้จินตนาการตามไปด้วยนะครับ สองคนนั้นเสียชีวิตไปทิ้งให้คนข้างหลังเฝ้าแต่รอคอย แต่งได้เยี่ยมมากๆครับ ชมจากใจจริงๆเลยนะครับ ขอให้นำเสนอเรื่องใหม่ๆอีกนะครับ จะติดตามผลงานตลอดไปนะครับ
  • กีร์ต้าสายหนึ่ง

    4 มิถุนายน 2546 23:01 น. - comment id 68900

    ขอบคุณมากจริง ๆ ครับ สำหรับทุกท่าน...ผมจะพยายามเขียนใหม่ครับ...ฮือๆๆๆๆ ซึ้ง ได้ขึ้นหัว
    
  • มาต้า

    4 มิถุนายน 2546 23:06 น. - comment id 68901

    มาต้า มาตา..เยี่ยมจิง
  • นายขนม

    4 มิถุนายน 2546 23:21 น. - comment id 68902

    ขอชมเชยครับ แต่งได้เยี่ยมจริง ๆ
  • รอยร้าวอันอบอุ่น

    7 มิถุนายน 2546 17:00 น. - comment id 68922

    ชอบมากเลยค่ะ
    ^_________^
  • :P

    9 มิถุนายน 2546 14:48 น. - comment id 68939

    :)
  • คนดี ๆ

    10 มิถุนายน 2546 22:29 น. - comment id 68953

    ดี แค่นี้ก็พอ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน