รอบรู้เรื่อง ไข่

กระต่ายใต้เงาจันทร์


อ่านกันแล้ว   คงนึกกันไปหลายอย่าง    ตีความกันไปตามจินตนาการของแต่ละคน
แต่ถ้าในความรู้สึก   ตัวเอง  คงจะนึกถึงไข่   ที่มีหลายขนาด   หลายประเภท
แล้วแต่ประเภท   แล้วแต่ขนาด   และความชอบของแต่ละคน    เป็นต้นว่า  
ไข่ต้ม      ไข่เจียว     ไข่ดาว    เพราะ เป็นอาหารที่ทำเป็นประจำ    ทานง่าย  
ทำคล่อง    ถนัดนัก   ถือว่า  เป็นอาหารยอดฮิต    ที่ถนัดที่สุด    แต่ลองมาสังเกต
กันดูสักหน่อยดีไหม     ว่าชอบทำและรับประทานไข่แบบไหน    จะเป็นคนที่มี
ลักษณะนิสัยอย่างไร   เท่าที่ได้อ่านและศึกษามา   ว่าจะเป็นอย่างไร     ลอง
ติดตามอ่านกันดูค่ะ
ไข่ต้ม     ถ้าชอบ  และทำไข่ต้ม    ทุกครั้ง     ที่เข้าครัว      แสดงว่า     คุณเป็นคน
อดทนมาก      หากทำงานสักชิ้น     จะทำให้สำเร็จไปเลย   ไม่ชอบจับโน่นผสมนี่
และจะหงุดหงิดมาก   ถ้าไม่สำเร็จ   เป็นคน  ที่ใช้เหตุผลในการดำเนินชีวิต
ไข่ตุ๋น   ใครที่ชอบ     ไข่ตุ๋น        แสดงว่า   เป็นคนที่เตรียมพร้อมในทุกเรื่อง  
ชอบท่องเที่ยว  แต่ไม่ชอบความยากลำบากมากนัก    เพราะคุณมักไม่ค่อยมี
ความอดทน    แม้กระทั่งการทำงาน    ถ้า   คุณต้องทุ่มเท   กับมันคุณจะรับกับไม่
ค่อยจะได้
ไข่ลวก    จากชื่อนี้คงบ่งบอก  อยู่แล้วว่า    คุณเป็นคนไม่ค่อยเรื่องมาก   และ
เป็นคนง่ายๆใครอยู่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ     เพราะคุณไม่ค่อยเก็บเรื่องเล็กน้อยมา
คิด  นอกจากนี้คุณยังเป็นคนรักความสะอาด   ความเป็นระเบียบเรียบร้อย   แต่
ค่อนข้างใจร้อน
ไข่เจียว  ถ้าคุณเป็นคุณนายไข่เจียว     ทำเป็นอย่างเดียว   เพราะทำง่ายและทำ
บ่อยแสดงว่า  คุณเป็นคนมีความยุติธรรม   เป็นนักคิด   นักวางแผน   ทำอะไร
เป็นระบบแบบแผนมีความยุติธรรม   เป็นนักคิด    นักวางแผน   ทำอะไรเป็น
ระเบียบและคิดว่าคนอื่นคงคิดเห็นด้วยกันกับคุณทุกเรื่อง
ไข่ดาว   จะเป็นแบบสุกทั้งฟองหรือ  เป็นยางมะตูมก็ตามแสดงว่าคุณเป็นคนชอบ
ความท้าทายและเป็นคนที่มีความพยายามเป็นอย่างยิ่งกระตือรือล้นไขว่คว้า
หาโอกาสโดยไม่รอโชคชะตา
				
comments powered by Disqus
  • ดอกบัว

    14 สิงหาคม 2551 18:54 น. - comment id 100834

    สวัสดีค่ะ พี่กระต่าย
    
    สบายดีป่าวค่ะ บัวยังคิดถึงพี่กระต่ายอยู่นะค่ะ
    
    ถ้าจะว่าด้วยเรื่องสารพัดของการนำไข่ไก่ไข่เป็ดมาทำอาหาร ที่พี่กระต่ายบอกมาบัวก็ทำทุกอย่างนั้นแหล่ะ แล้วทีนี้ บัวจะเป็นแบบไหน
     ดีค่ะเนี๊ย  อิ อิ  บัวคงมีทุกอย่างผสมกันใน
     ในตัวบัวเลยไม่รู้ว่า  เนื้อแท้เป็นแบบไหนน๊า
    
    บัวขอให้พี่กระต่ายมีแต่ความสุขนะค่ะ
    57.gif36.gif46.gif
  • กระต่ายใต้เงาจันทร์

    15 สิงหาคม 2551 13:53 น. - comment id 100837

    สวัสดีค่ะดอกบัว
    
    พี่กระต่ายก็ถนัดแต่อาหารประเภทไข่ค่ะที่ทำเป็น....ค่ะ...74.gif36.gif
  • ลูกหมาตัวสกปรก

    16 สิงหาคม 2551 16:03 น. - comment id 100841

    แล้ว " ไข่คน " ล่ะ ????? จะว่าจั๋งไส 46.gif65.gif
  • หนุ่ม(ไม่-เจ้าชู้)

    17 สิงหาคม 2551 13:31 น. - comment id 100848

    ผมทำไข่เจียวอร่อยมากๆๆๆน่ะบอกให้
    
    กระต่ายสนใจที่จะทานบ้างไหม?   
    
    ผมจะจัดให้
  • ลัทธิก้าวร้าว

    21 สิงหาคม 2551 19:29 น. - comment id 101053

    ตื่นเถิดคนไทย....  ครั้งที่อาณาจักรศรีวิชัยเจริญรุ่งเรืองเมื่อ 1200 ปีก่อน  ศูนย์กลางความเจริญอยู่ที่เกาะสุมาตราประเทศอินโดนีเซีย  สังคมในแถบหมู่เกาะอินโดจีนอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขด้วยเหตุและผล  เชื่อถือความเป็นจริง  ยอมรับในความเป็นธรรมชาติ  ถ้อยทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกัน  จนกระทั่งเมื่อมีลัทธิหมาล่าเนื้อนับถือในพระเจ้าที่พิสูจน์ตัวตนไม่ได้  เผยแพร่เข้ามาในพื้นที่แถบนี้  ผู้คนต่างงมงายศรัทธาในพระเจ้าที่ไม่มีตัวตน  อธิบายเหตุผลไม่ได้  สังคมก็เริ่มเปลี่ยนแปลงแก่งแย่งชิงดี  รบราฆ่าฟันกันเพื่อสังเวยพระเจ้าของตนเอง  โดยอ้างว่าถ้าฆ่าฟันกันเพื่อความเชื่อทางลัทธิจะไม่บาป  เที่ยวเผยแพร่ลัทธิรุกรานเอาเปรียบคนอื่นเขาไปทั่ว  เป็นลัทธิที่โง่และเห็นแก่ตัวจริง ๆ  เจ้าลัทธิจะหลอกอย่างไรก็เชื่อไปหมด  เชื่อแม้กระทั่งให้ทำร้ายตัวเองเพื่อสังเวยพระเจ้าจะได้บุญก็เชื่อ  ปรัชญาหลักของลัทธิคือกดหัวผู้คนไม่ให้ฉลาด  ไม่ให้ใช้ความคิดเป็น  เผยแพร่ความโง่ไปเรื่อย ๆ  ก้าวร้าวฆ่าฟันกันไม่รู้หยุดรู้หย่อน  แม้ไม่มีศัตรูต่างลัทธิจะฆ่าฟัน  ก็ฆ่าฟันกันเองในลัทธิที่ต่างคนสอน  แผ่นดินหาความสงบสุขไม่ได้  สภาพสังคมภายใต้ลัทธิก็เอาเปรียบกดขี่กันเอง  มนุษย์ผู้ชายอ้างว่าเป็นตัวแทนของพระเจ้าไม่ต้องทำมาหากิน  คิดแต่เรื่องรบราฆ่าฟันกันเพื่อสังเวยพระเจ้า  กดขี่สตรีเพศให้ทำงานเลี้ยงสามี  ผู้ชายสามารถหาผู้หญิงมาปรนเปรอทางเพศได้ถึง 4 คน  แต่ผู้หญิงทำไม่ได้  เป็นยุทธศาสตร์ของลัทธิก้าวร้าว  ที่ต้องการรุกรานต่อสังคมชาวโลก  ถ้าเป็นผู้ชายฝ่ายศัตรูฆ่าให้ตาย  แล้วยึดผู้หญิงมาทำเมียเพื่อกลืนลัทธิ   แผ่นดินแถบอินโดจีนที่เคยอยู่กันอย่างสงบสุขด้วยเหตุด้วยผล  ด้วยความจริงของธรรมชาติ  ก็ต้องมาหวาดผวากลัวการก่อการร้ายของลัทธิอุบาทว์ที่กำลังพยายามแบ่งแยกดินแดนทางภาคใต้ของไทย  แล้วทำไมคนไทยไม่ช่วยกันขจัดลัทธิอุบาทว์ชาติชั่วออกไปจากแผ่นดินไทย
  • ศาสนาธรรมชาติ

    21 สิงหาคม 2551 19:30 น. - comment id 101054

    ศาสนาแต่ละศาสนา ก็เหมือนสถาบันการศึกษาหรือโรงเรียน ของแต่ละพวก แต่ละเผ่าพันธุ์ ที่มีรูปแบบวิธีการสอน หลากหลายแตกต่างกันไป ทุกศาสนาล้วนมุ่งสู่การสอนให้ทุกคนเป็นคนดี อยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข สันติไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน
    โรงเรียนพุทธวิทยา มีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นเจ้าของหลักสูตร เป็นผู้คิดค้น กำหนดเนื้อหา รูปแบบการสอน และเป้าหมายหลักสูตร โรงเรียนอิสลามวิทยา มีท่านนบีมูฮัมมัดเป็นเจ้าของหลักสูตร เป็นผู้คิดค้น กำหนดเนื้อหา รูปแบบวิธีการสอน และเป้าหมายของหลักสูตร โรงเรียนคริสตวิทยา มีท่านเยซูคริสต์ เป็นเจ้าของหลักสูตร เป็นผู้คิดค้น กำหนด เนื้อหา รูปแบบวิธีการสอน และเป้าหมายของหลักสูตร โรงเรียนฮินดูวิทยา มีท่านศังกราจารย์ เป็นเจ้าของหลักสูตร เป็นผู้คิดค้น  กำหนด เนื้อหา รูปแบบวิธีการสอน และเป้าหมายของหลักสูตร
    ทุกโรงเรียนสอนวิชาเดียวกัน  คือวิชา ความจริงของธรรมชาติ  โดย โรงเรียนพุทธวิทยา เรียกชื่อวิชานี้ว่า ธรรมะ โรงเรียนอิสลามวิทยาเรียกชื่อวิชานี้ว่า อัลลอฮ์ โรงเรียน คริสตวิทยา เรียกชื่อวิชานี้ว่า พระผู้เป็นเจ้า โรงเรียนฮินดูวิทยา เรียกชื่อวิชานี้ว่า พระนารายณ์ พระอิศวร พระพรหม   แต่ละโรงเรียน  จะใช้วิธีการสอนตามความถนัดของตัวเอง  อาจใช้แบบจิตนิยม  (ความคิด) และแบบเทวะนิยม (ความศรัทธา) หรือ อาจจะเรียกว่าเน้นหนักที่ปัญญา (ความเข้าใจ) และเน้นหนักที่ศรัทธา (ความเชื่อ)  เจ้าของหลักสูตรแต่ละท่าน จะคิดค้นเทคนิควิธีการเรียน การสอนเป็นของตนเอง
    ในโรงเรียนชาวพุทธจะสอนว่า ธรรมะ คือความจริงของธรรมชาติ คือธรรมชาติ คือ กฎของธรรมชาติ คือหน้าที่ของธรรมชาติ คือผลของธรรมชาติ  ธรรมะ คือหน้าที่ การทำหน้าที่คือการปฏิบัติธรรม ซึ่งหมายรวมถึงทั้งหน้าที่ทางกายภาพ (ปฏิบัติหน้าที่ตามคุณสมบัติ เช่น ตามีหน้าที่ดู หูมีหน้าที่ฟัง) และหน้าที่ทางจินตภาพ (หน้าที่สมมุติทางสังคม  เช่น  หน้าที่ของ  พ่อ,  แม่,  ลูก,  ผู้บังคับบัญชา,  ลูกน้อง,  เจ้านาย)  ในโรงเรียนชาวมุสลิม, ชาวคริสต์, ชาวฮินดู จะสอนว่า อัลลอฮ์, พระผู้เป็นเจ้า (พระยะโฮวา) พระนารายณ์ พระอิศวร พระพรหม เป็น เทวะ ผู้วิเศษ ผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่จะบันดาลสิ่งใดๆ ในโลกก็ได้ ซึ่งจะเป็นไปตามเหตุปัจจัย (เมื่อมีสิ่งนี้ จึงเกิดสิ่งนี้ มันเป็นเช่นนั้นเอง)
    โดยสรุป การสอนวิชา ธรรมะ อัลลอฮ์ พระผู้เป็นเจ้า พระนารายณ์ พระอิศวร พระพรหม ก็คือการสอนวิชา ความจริงของธรรมชาติ นั่นเอง เพียงแต่ผู้นำศาสนาแต่ละท่านจะใช้วิธีการเรียนการสอนแบบไหนที่จะให้เข้าใจธรรมชาติได้ดีที่สุด จะสอนแบบใช้ความศรัทธา (ความเชื่อมั่น) หรือสอนแบบใช้ปัญญา (ความเข้าใจ) และที่สำคัญแต่ละโรงเรียนที่มีอาระยะธรรมแล้ว จะไม่ยกพวกตีกันหรือยกพวกไปเบียดเบียนโรงเรียนอื่นๆ ที่อยู่ร่วมโลกเดียวกัน    
    เมื่อมีสิ่งนี้ (เหตุ) จึงเกิดสิ่งนี้ (ผล) มันเป็นเช่นนั้นเอง (ธรรมชาติ/อัลลอฮ์)

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน