...ถนนสายว่างเปล่า...

แจ้นเอง

บนเส้นทางที่แสนจะคดเคี้ยว...หลังจากที่ฉัน  นายช่างและพนักงานขับรถพากันแวะกินข้าวที่  ร้านอาหารแล้ว  ก็มุ่งหน้าไปยังบ้านหมู่  9  เพื่อไปตรวจดูการก่อสร้างประปาภูเขา  ซึ่งผลปรากฎว่างานยังไม่  100 เปอร์เซ็นต์เพราะท่อประปายังไม่มีการขุดฝังท่อ  และคนงานก็กำลังเร่งทำงานกันอยู่  เห็นบอกว่าพรุ่งนี้จะส่งมอบงานกันแล้ว "งานจะเสร็จทันเหรอ นายช่าง"ตัวนายช่างเองเป็นประธานตรวจงานจ้าง"คงทันครับ"
 และโดยไม่มีการขอความคิดเห็น  นายช่างก็พาฉันมาอยู่บนเส้นทางที่แสนจะคดเคี้ยวเส้นนี้แล้ว เมื่อฉันถามคำตอบคือ"ผมขออนุญาตแวะไปดูแนวเขตที่เดินสำรวจกันอาทิตย์ก่อนหน่อยครับ "   "ก็ดีเหมือนกันฉันจะได้ไปหาซื้อของที่แม่สายด้วยทางเส้นนี้ไปแม่สายได้ใช่มั้ย"  "ครับ"
และแม้ว่าฉันจะเคยมาบ้างเป็นบางช่วงเพราะเป็นเขตในความรับผิดชอบแต่การที่เป็นทางคดเคี้ยวและขึ้นลงเนินเขาตลอดเวลา  บางขณะก็เป็นทางโค้งที่มีช่วงสั้นๆ ฉันเองก็เห็นคนขับตั้งสมาธิซึ่งไม่แน่ว่าอันตรายจะเกิดขึ้นเมื่อใด  และบางขณะก็อยู่ในหุบเหว   
หุบเหวน่าแปลก  ตอนนี้ฉันก็เหมือนอยู่ในหุบเหวของใจ และไม่รู้ว่าความรู้สึกทุกข์ร้อน  เหว่ว้านี้มาแต่ไหน  และซ่อนอยู่ในใจตั้งแต่เมื่อใด  และมันรู้สึกตะเกียกตะกายขึ้นไม่ได้เลย  
บนเส้นทางคดเคี้ยวนี้เรายังคงเดินทางต่อไป...ทางข้างหน้าเป็นอย่างไรไม่รู้เพราะยังไม่ถึงจุดหมาย  เพราะฉะนั้นคำว่าหลงทางยังไม่มี  และหุบเหวนี้ก็เป็นทางผ่านซึ่งคงอีกยาวไกล  เพียงแต่ว่าถ้ามันทะลุออกไปได้และถึงยังทางออก  เรา จ ะ เ ดิ น อ อ ก จ า ก หุ บ เ ห ว ข อ ง ใ จ ไ ด้ ห รื อ ไ ม่  ผ่านสุมทุมพุ่มพฤกษ์มามากมาย  อยากเดินเข้าไปในป่าที่มีต้นไม้หนาตา  อยากรู้ว่าแต่ละต้นมันมีชื่อหรือความเป็นมาอย่างไร  ถึงตอนนี้เรานึกถึง เซเซ่ เค้ามีต้นส้มแสนรักและตั้งชื่อให้  แล้วต้นไม้มากมายเราคงไม่มีปัญญาตั้งชื่อให้มัน   
เรานึกถึงอดีต  บ้านหลังแรกพ่อปลูกต้นไม้มากมาย และแม้แต่บ้านหลังนี้เราเองก็มีต้นไม้แสนรักเต็มไปหมด  บางต้นไว้ปีนป่าย  บางต้นไว้กินผล บางต้นไว้ดูและอีกบางต้นเหมือนกันที่มีไว้สำหรับเอนกายพักพิงและถอนหายใจเพื่อระบายความอัดอั้น  บางอย่างเหมือนเป็นภาระ  อย่าบอกเลยว่า" โลกมีไว้เหยียบ  ไม่ได้มีไว้แบก"   เพราะบางอย่างมันต้องแบกและไม่สามารถปลดมันลง  บ า ง ข ณ ะ จึ ง เ ห มื อ น มี แ ต่ ร่ า ง ก า ย ที่ ไ ร้ จิ ต วิ ญ ญ า ณ  เมื่อไหร่หนอชีวิตจะหยุดและสงบลงเสียที 
 การเดินทางของชีวิตยังไม่มีจุดหมายแต่การเดินทางบนถนนที่คดเคี้ยวนี้ก็สิ้นสุดลงที่ "ดอยตุง" บรรยากาศที่ร่มรื่นก็ทำให้อารมณ์เคลิ้บเคลิ้มได้บ้างถึงยังไงการเดินทางของวันนี้ก็ยังไร้ความหมายและถนนเส้นนี้ก็ยังคง ว่ า ง เ ป ล่ า กับความรู้สึกของเราอยู่ดี				
comments powered by Disqus
  • ฉางน้อย

    19 สิงหาคม 2551 23:25 น. - comment id 100965

    1.gif1.gif  แวะทักทายยามดึกๆเจ้าคะ
  • ไหมแก้วสีฟ้าคราม

    20 สิงหาคม 2551 11:14 น. - comment id 100968

    แด่  คุณแจ้นเอง
    
              แม้นเส้นทางคดเคี้ยวเลี้ยวพันโค้ง
              ก็คดโก่งเพียงถนนคนไม่เกี่ยว
              ชมพฤกษ์ไพรในดงดอยไม่ดายเดียว
              ไม่ห่อเหี่ยวได้ไปเที่ยวเกี่ยวก้อยกัน
      
     ค่ะ  แถวเมืองเหนือ   ยิ่งดอยตุง
      ดินแดนสวรรค์จริงๆค่ะ  36.gif59.gif59.gif
  • ครูกระดาษทราย

    20 สิงหาคม 2551 11:34 น. - comment id 100970

    cd0ef1accc.gif
    
    ชอบป่าเขาและเส้นทางแบบนี้จัง
         แฮ่ ๆๆ เขียนเก่งจังเลย  
     เดี๋ยวไปช่วยปลูกต้นไม้ดีกว่า
  • ผู้หญิงช่างฝัน

    20 สิงหาคม 2551 12:33 น. - comment id 100971

    ลองเปลี่ยนเส้นทางบ้างสิ...
    ถนนสายมิตรภาพ..  ยังรอคุณอยู่..  1.gif / 36.gif
    
    ขอบคุณมิตรภาพค่ะ.. 58.gif
  • ก้าวที่...กล้า

    20 สิงหาคม 2551 13:58 น. - comment id 100975

    ปัจจุบันขณะที่อยู่ในมรสุมเราจะหลงอยู่ในถนนสายว่างเปล่า
  • แมวคราว

    20 สิงหาคม 2551 16:40 น. - comment id 100983

    จะเหงาไปใย..
    เอาขนมมาฝากครับคุณแจ้น...
    เพิ่มกำลังใจในการทำงานครับ....36.gif46.gif3a52433753.jpg
    
    ลูกชุบครับ...น่ารักน่ากินจริงๆแฮะ...46.gif
  • แจ้นเอง

    20 สิงหาคม 2551 17:28 น. - comment id 100984

    36.gif
    
    คุณฉางน้อย
    
       นอนดึกจังค่ะ  ขอบคุณที่แวะมานะคะ
      ดูแลสุขภาพด้วยนะ
    
    36.gif
    
    คุณไหมแก้วสีฟ้าคราม
    
      คุณนิจมาเชียงรายกี่เที่ยวแล้วคะ  วันหลังมาบอกนะแวะพักด้วยกัน  ดอยตุง ยังสวยงามอยู่ตลอดเวลา  รอคนมาเยือนค่ะ
    
    
      36.gif
    
    คุณครูกระดาษทราย
    
       ชอบแบบนี้ต้องมาเที่ยวค่ะ  จาวเจียงฮายยินดีต้อนรับค่ะ  วัที่ 22สิงหา นี้ เราจะปลูกป่ากันค่ะ มา ม๊ะ มาปลูกป่ด้วยกัน
    
    36.gif
    
    คุณผู้หญิงช่างฝัน
    
       ถนนสายมิตรภาพฟังดูอบอุ่นจัง  ขอบคุณค่ะ
    
    36.gif
    
    คุณก้าว...ที่กล้า
    
       นั่นซีคะเพราะเจอมรสุมถนนสายนี้จึงว่างเปล่า  เดี๋ยวหมดฤดูมรสุมคงดีขึ้นค่ะ  ขอบคุณที่แวะมาค่ะ
    
    36.gif
    
    คุณแมวคราว
    
       ขอบคุณค่ะ  ลูกชุบอร่อยจริงๆด้วย  ทานแล้วหายเหงาด้วยสิ  อิอิ 
    
       36.gif
  • เอื้องคำ

    20 สิงหาคม 2551 21:23 น. - comment id 100990

    ชีวิตคือการเดินทางครับ บางทีดงดอกไม้อันน่าภิรมย์และหมู่ภมรอาจรอคอยเราอยู่ที่ไหนสักแห่ง คุณแจ้นเองอาจได้พบเจอในสักวัน บนถนนสายว่างเปล่านี้ครับ 6.gif6.gif
  • แจ้นเอง

    21 สิงหาคม 2551 08:09 น. - comment id 101000

    36.gif
    
    คุณเอื้องคำ
    
       เพราะดงดอกไม้กระมังที่ไม่เคยลืมกลิ่นหอมของมันจึงยังคงเดินทางอยู่
       ขอบคุณที่ให้กำลังใจค่ะ
  • นทธี ศศิวิมล

    21 สิงหาคม 2551 17:52 น. - comment id 101021

    อย่าบอกเลยว่า" โลกมีไว้เหยียบ  ไม่ได้มีไว้แบก"เพราะบางอย่างมันต้องแบกและไม่สามารถปลดมันลง
    
    
    29.gif29.gif29.gif
    
    เห็นด้วยอย่างรุนแรงเลยค่ะ บางทีมันก็ไม่ได้อยากจะแบกแต่มันจำเป็นนะคะ
    
    ยังไงเสียธรรมชาติที่งดงาม สามารถรักษาโรคใจได้เสมอค่ะ
    
    ขอบคุณที่เอาเรื่องดีๆมาแบ่งอ่านค่ะ 36.gif36.gif36.gif36.gif
  • แจ้นเอง

    22 สิงหาคม 2551 10:13 น. - comment id 101033

    36.gif
    
    คุณยาแก้ปวด
    
      แค่มีคนมาช่วยปลอบก็หายเลี้ยวค่ะ ขอบคุณที่แวะมาค่ะ
  • ศาสนาธรรมชาติ

    21 สิงหาคม 2551 19:39 น. - comment id 101068

    ศาสนาแต่ละศาสนา ก็เหมือนสถาบันการศึกษาหรือโรงเรียน ของแต่ละพวก แต่ละเผ่าพันธุ์ ที่มีรูปแบบวิธีการสอน หลากหลายแตกต่างกันไป ทุกศาสนาล้วนมุ่งสู่การสอนให้ทุกคนเป็นคนดี อยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข สันติไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน
    โรงเรียนพุทธวิทยา มีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นเจ้าของหลักสูตร เป็นผู้คิดค้น กำหนดเนื้อหา รูปแบบการสอน และเป้าหมายหลักสูตร โรงเรียนอิสลามวิทยา มีท่านนบีมูฮัมมัดเป็นเจ้าของหลักสูตร เป็นผู้คิดค้น กำหนดเนื้อหา รูปแบบวิธีการสอน และเป้าหมายของหลักสูตร โรงเรียนคริสตวิทยา มีท่านเยซูคริสต์ เป็นเจ้าของหลักสูตร เป็นผู้คิดค้น กำหนด เนื้อหา รูปแบบวิธีการสอน และเป้าหมายของหลักสูตร โรงเรียนฮินดูวิทยา มีท่านศังกราจารย์ เป็นเจ้าของหลักสูตร เป็นผู้คิดค้น  กำหนด เนื้อหา รูปแบบวิธีการสอน และเป้าหมายของหลักสูตร
    ทุกโรงเรียนสอนวิชาเดียวกัน  คือวิชา ความจริงของธรรมชาติ  โดย โรงเรียนพุทธวิทยา เรียกชื่อวิชานี้ว่า ธรรมะ โรงเรียนอิสลามวิทยาเรียกชื่อวิชานี้ว่า อัลลอฮ์ โรงเรียน คริสตวิทยา เรียกชื่อวิชานี้ว่า พระผู้เป็นเจ้า โรงเรียนฮินดูวิทยา เรียกชื่อวิชานี้ว่า พระนารายณ์ พระอิศวร พระพรหม   แต่ละโรงเรียน  จะใช้วิธีการสอนตามความถนัดของตัวเอง  อาจใช้แบบจิตนิยม  (ความคิด) และแบบเทวะนิยม (ความศรัทธา) หรือ อาจจะเรียกว่าเน้นหนักที่ปัญญา (ความเข้าใจ) และเน้นหนักที่ศรัทธา (ความเชื่อ)  เจ้าของหลักสูตรแต่ละท่าน จะคิดค้นเทคนิควิธีการเรียน การสอนเป็นของตนเอง
    ในโรงเรียนชาวพุทธจะสอนว่า ธรรมะ คือความจริงของธรรมชาติ คือธรรมชาติ คือ กฎของธรรมชาติ คือหน้าที่ของธรรมชาติ คือผลของธรรมชาติ  ธรรมะ คือหน้าที่ การทำหน้าที่คือการปฏิบัติธรรม ซึ่งหมายรวมถึงทั้งหน้าที่ทางกายภาพ (ปฏิบัติหน้าที่ตามคุณสมบัติ เช่น ตามีหน้าที่ดู หูมีหน้าที่ฟัง) และหน้าที่ทางจินตภาพ (หน้าที่สมมุติทางสังคม  เช่น  หน้าที่ของ  พ่อ,  แม่,  ลูก,  ผู้บังคับบัญชา,  ลูกน้อง,  เจ้านาย)  ในโรงเรียนชาวมุสลิม, ชาวคริสต์, ชาวฮินดู จะสอนว่า อัลลอฮ์, พระผู้เป็นเจ้า (พระยะโฮวา) พระนารายณ์ พระอิศวร พระพรหม เป็น เทวะ ผู้วิเศษ ผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่จะบันดาลสิ่งใดๆ ในโลกก็ได้ ซึ่งจะเป็นไปตามเหตุปัจจัย (เมื่อมีสิ่งนี้ จึงเกิดสิ่งนี้ มันเป็นเช่นนั้นเอง)
    โดยสรุป การสอนวิชา ธรรมะ อัลลอฮ์ พระผู้เป็นเจ้า พระนารายณ์ พระอิศวร พระพรหม ก็คือการสอนวิชา ความจริงของธรรมชาติ นั่นเอง เพียงแต่ผู้นำศาสนาแต่ละท่านจะใช้วิธีการเรียนการสอนแบบไหนที่จะให้เข้าใจธรรมชาติได้ดีที่สุด จะสอนแบบใช้ความศรัทธา (ความเชื่อมั่น) หรือสอนแบบใช้ปัญญา (ความเข้าใจ) และที่สำคัญแต่ละโรงเรียนที่มีอาระยะธรรมแล้ว จะไม่ยกพวกตีกันหรือยกพวกไปเบียดเบียนโรงเรียนอื่นๆ ที่อยู่ร่วมโลกเดียวกัน    
    เมื่อมีสิ่งนี้ (เหตุ) จึงเกิดสิ่งนี้ (ผล) มันเป็นเช่นนั้นเอง (ธรรมชาติ/อัลลอฮ์)
  • ฅนไท

    21 สิงหาคม 2551 19:44 น. - comment id 101092

    ความคิดความเชื่อทางศาสนา    ทุกศาสนา ส่วนใหญ่มักจะสอน ให้ห้ามสงสัยในคำสอน (มีจริงหรือเปล่า?, ใช่หรือไม่?, เชื่อได้หรือเปล่า?, เป็นจริงอย่างที่สอนหรือไม่?, เพราะอะไร?, เป็นจริงอย่างที่ท่านศาสดาสอนไว้หรือเปล่า?)
    	ยกเว้นแต่ พุทธศาสนา สอนให้ต้องสงสัยในคำสอน สอนให้คิด สอนให้ใคร่ ครวญจนเข้าใจชัดเจนก่อนจึงค่อยเชื่อ ตามหลักแห่งความเชื่อใน กาลามสูตร ไม่ให้เชื่องมงายโดยไม่ใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นจริงถึง คุณ โทษ หรือดีไม่ดี ก่อนเชื่อ มี ๑๐ ประการคือ
    ๑.	อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามกันมา (มา อนุสฺสเวน) 
    ๒.	อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการถือสืบๆกันมา (มา ปรมฺปราย)
    ๓.	อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการเล่าลือ (มา อิติกิราย) 
    ๔.	อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำรา หรือคัมภีร์ (มา ปิฏกสมฺปทาเนน) 
    ๕.	อย่าปลงใจเชื่อ เพราะตรรก (มา ตกฺกเหตุ)
    ๖.	อย่าปลงใจเชื่อ เพราะอนุมาน (มา นยเหตุ)
    ๗.	อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล (มา อาการปริวิตกฺเกน)
    ๘.	อย่าปลงใจเชื่อ เพราะเข้าได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว(มา ทิฏฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา)
    ๙.	อย่าปลงใจเชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้ (มา ภพฺพรูปตาย)
    ๑๐.	อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา(มาสมโณ โน ครูติ)
    ต่อเมื่อใด รู้เข้าใจด้วยตนว่า ธรรมเหล่านั้น เป็นอกุศล เป็นกุศล มีโทษ ไม่มีโทษ เป็นต้นแล้ว จึงควรละหรือถือปฏิบัติตามนั้น
    ลักษณะความเป็นไทย  คือรักอิสระ  คนไทยจึงดิ้นรนต่อสู้เพื่อให้รอดพ้นจากการครอบงำของ  พระผู้เป็นเจ้า  ความเชื่อที่ผิด  และเผด็จการ
  • แจ้นเอง

    21 สิงหาคม 2551 19:51 น. - comment id 101109

    36.gif
    
    คุณนทธี  
    
    น้องนัทนะคะ เป็นอย่างน้องนัทว่าแหละค่ะเอาเข้าจริงก็อาศัยธรรมชาติน่ะค่ะช่วยกล่อมเกลา
  • ยาแก้ปวด

    22 สิงหาคม 2551 03:32 น. - comment id 101131

    แนะนำให้เอาแมคโครขุดเลย
    
    ฝังลึกหนานักต้องขูดให้หมด
    
    กับบางคำ..บางความรู้สึก..
    
    แต่...บางที..เครื่องจักรทุกมวลโลก
    ก็ไม่อาจขุดรื้อสิ่งที่ฝังในได้เลย...
    
    (สงสัยเครื่องจักรปลอม..อิ  อิ )
    
    แวะมาแซวจ้า...ล้อเล่งนะ...
    
    46.gif59.gif
  • มูฮัมมัดเมืองไท

    21 สิงหาคม 2551 19:54 น. - comment id 101134

    มูลเหตุแห่งความรุนแรงทางภาคใต้ของไทย  เพราะการมอมเมาชักจูงสาวกของนายมูฮัมมัด  ที่พยามยามยัดเยียดความคิดวิธีแก้ปํญหา  ด้วยความรุนแรงจากการทำสงครามทางศาสนา  โดยใช้อาวุธ  ประกอบกับมีคนในพื้นที่  พยายามบิดเบือนประวัติศาสตร์ให้การต่อสู้เพื่อแบ่งแยกดินแดนเป็นการต่อสู้ทางศาสนา แล้วนายมูฮัมมัดคือใครกันแน่  นายมูฮัมมัดก็เป็นมนุษย์ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง  ที่ใช้ความเป็นหนุ่มรูปงาม อายุน้อย ผูกมัดใจสาวใหญ่สูงอายุผู้มั่งคั่ง  เพื่อการดำรงชีพ   แล้วขอแต่งงานด้วย   เพื่อครอบครองทรัพย์นำไปเป็นประโยชน์แก่ตนเอง หรือจะพูดอีกนัยหนึ่งว่า  เกาะเมียกิน  ก็ได้  จึงกลายมาเป็นลักษณะนิสัยของหนุ่มมุสลิมทั่วไปในปัจจุบัน
    เพราะการที่ท่านศาสดามูฮัมมัดมีเมียแก่ แต่ไม่ค่อยจะมีความสุขในครอบครัว ไม่พอใจในชีวิตการครองคู่แบบผัวเดียวเมียเดียว  จึงกำหนดกฎเกณฑ์ให้ผู้ชายมุสลิมมีเมียได้ ๔ คน
    แต่พอมีเมียคนใหม่เป็นเด็กอายุน้อย ๆ ตั้งแต่คนที่ ๒ ก็เกิดความหวงแหนกลัวเมียเด็กจะไปปันใจให้ชายอื่นที่หนุ่มกว่า จึงบังคับให้เมียเด็กคลุมหน้าคลุมตา ไม่ให้ผู้ชายคนอื่นมองเห็นความงดงามของเมียน้อยตัวเอง และเพื่อมิให้เป็นข้อครหา จึงกำหนดกฎเกณฑ์ให้ผู้หญิงมุสลิมทุกคนต้องคลุมหัวปิดหน้า
    ท่านศาสดาเป็นคนที่มีอีโก้สูง อยากโดดเด่นเหนือคนอื่น  จึงคิดหาวิธีการตั้งตนเป็นใหญ่ด้วยการจัดตั้งลัทธิความเชื่อในพระเจ้าองค์เดียวกัน คือ  อัลเลาะฮ์   และการที่ทุกคนจะติดต่อกับอัลเลาะฮ์ ได้ ก็จะต้องติดต่อผ่านท่านศาสดามูฮัมมัดเท่านั้น  คนอื่น ๆ ไม่เก่ง ไม่บริสุทธิ์ ไม่ดีเลิศเท่าท่านศาสดา  ความคิดนี้ จึงไปขัดแย้งกับสาวกของพระเจ้าองค์อื่น ๆ  ที่พวกเขานับถือกันอยู่  ซึ่งถือเป็นเผด็จการทางความคิดนั่นเอง   จึงเกิดสงครามต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ในการครอบครอง  หินกาบะห์   สถานที่ศักด์สิทธิ์ของพระเจ้าหลายองค์ในขณะนั้น
    การต่อสู้ทางความคิด และสงครามทางอาวุธ ของท่านศาสดามูฮัมมัดในระยะแรก พ่ายแพ้ยับเยิน ต้องหลบหนีหัวซุกหัวซุน ถูกตามล่าจนแทบเอาชีวิตไม่รอด  จึงหาวิธีปลุกระดมมวลชน สาวกกลุ่มใหม่ให้ยอมสละชีวิตร่างกายในการต่อสู้เพื่อความอยู่รอดปลอดภัยของตัวท่านมูฮัมมัดเอง แต่อ้างว่าเป็นโองการจากอัลเลาะห์ ให้การต่อสู้ในครั้งนั้น เป็นการต่อสู้ทางศาสนา โดยกำหนดหลักการที่ว่า การเบียดเบียนทำร้ายผู้อื่น ที่มีความเชื่อแตกต่างไปจากพวกของศาสดามูฮัมมัดไม่ผิด และจะได้บุญ ได้ไปพบกับอัลเลาะฮ์ ที่ได้ชื่อว่าเป็นพระเจ้าผู้วิเศษ ศักดิ์สิทธิ์ให้คุณให้โทษ สร้างและทำลาย  ให้พรและสาปแช่ง  ต่อมวลมนุษย์ สัตว์ สิ่งของ ที่มีในโลก และนอกโลก ( ทุกอย่างเป็นประสงค์ของอัลเลาะฮ์ )
    แท้จริงความหมายของ  อัลเลาะฮ์  ก็คือ   ความเป็นจริงของธรรมชาติ  ( ผลย่อมเกิดแต่เหตุปัจจัยที่เหมาะสม )   แต่ศาสดามูฮัมมัด ได้กำหนดความหมายให้เห็นเป็นรูปธรรมว่า  อัลเลาะฮ์   เป็นองค์เทวะผู้วิเศษที่จะบันดาลอะไรก็ได้ตามคำร้องขอของท่านศาสดามูฮัมมัด ผู้ติดต่อกับอัลเลาะฮ์ได้โดยตรงเพียงคนเดียวเท่านั้น
    เมื่อศาสดามูฮัมมัดชนะสงครามทางความเชื่อ ตั้งตัวเป็นศาสดาของศาสนาอิสลามแล้วจึงกำหนดกฎของอัลเลาะฮ์ขึ้นเป็นหลักความคิดความเชื่อของศาสนาอิสลาม  ซึ่งเป็นเผด็จการทางความคิด คล้ายกับพรรคคอมมิวนิสต์ทั่วโลก  คือ........ 
    มุสลิมต้องเชื่อในพระเจ้าองค์เดียว ( อัลเลาะฮ์ ) โดยผ่านทางศาสดามูฮัมมัดคนเดียว  เช่นเดียวกับสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ต้องเชื่อในอุดมการณ์ของพรรคโดยผ่านคนของพรรคเท่านั้น
    ทั้งมุสลิมและสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ ห้ามสงสัยในคำสอน ห้ามสงสัยในคำสั่งของพรรค ต้องอุทิศร่างกาย และชีวิตแด่ศาสดา หรือพรรค
    กฎของพรรคคอมมิวนิสต์ เปรียบเสมือนเป็นโองการของศาสดา ที่กำหนดเป็นคำภีร์         ( กุรอาน ) ที่ต้องเชื่อและปฏิบัติตามหนทางเดียว
    นบีมูฮัมมัด เป็นเจ้าของกฎเกณฑ์ความคิดความเชื่อ และหลักการทางศาสนา เช่นเดียวกับ มาร์ค  เลนิน เป็นเจ้าของแนวคิดและอุดมการณ์ของพรรคคอมมิวนิสต์เหมือนกัน
    หลักการความเชื่อของพรรคคอมมิวนิสต์  ก็คือหลัก ความคิด ความเชื่อของอิสลาม
  • แจ้นเอง

    21 สิงหาคม 2551 19:55 น. - comment id 101136

    36.gif
    
    คุณคนไท
    
    เดี๋ยวจับมาปรับให้นวดอีกคน อ่านจนเมื่อยนะเนี่ยะ  ดีนะที่ชอบอ่านม่ายงั้น  ดีค่ะขอบคุณ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน