Home บ้านรักในรอยแค้น ตอนที่ 2

สมภพ แจ่มจันทร์

ตอนที่ 2

อีกไม่ถึงสิบนาทีก็จะถึงบ้านแล้ว ประวิทย์ไม่ลืมที่จะแวะซื้อไวน์ติดมือกลับบ้าน เพราะอาหารเย็นวันนี้จะต้องเป็นดินเนอร์ที่สุดแสนโรแมนติกสำหรับเขาและภรรยาสุดที่รักในบ้านหลังใหม่ ความรู้สึกที่มีต่อมนทิราในวันแรกที่เขาได้พบเจอกับวันนี้มันไม่ได้แตกต่างกันเลย เขารักเธอและเธอก็รักเขา นั่นคือชีวิตคู่และครอบครัวที่มีความสุขของชายหนุ่ม

“เมียเธอกำลังคบชู้ เขากำลังจะมีคนอื่น ระวังไว้”

เสียงใคร?

ประวิทย์สะดุ้งเล็กน้อยกับเสียงประหลาดนั้น เขาชะลอรถ แล้วหันไปมองด้านหลัง ก็พบแต่กับความว่างเปล่า ก็ในรถมีเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น แล้วเสียงที่เขาได้ยิน เสียงผู้หญิง ประวิทย์สะบัดศีรษะไปมาเพื่อไล่ความเหนื่อยล้า

“สงสัยจะหูฝาด หรือคงเป็นเพลงจากวิทยุ” เขาบอกตัวเอง

“ความรักมันไม่มีในโลก”

หญิงสาวใบหน้าซีดเซียวเนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือดสแยะยิ้มอยู่เบาะด้านหน้าคู่กับคนขับ หากประวิทย์มองเห็นเธอ เขาคงจะสติแตกจนไม่สามารถขับรถต่อไปได้อีกแน่นอน

ประวิทย์กดแตรรถอยู่สามครั้ง แต่ก็ไร้วี่แววของมนทิราที่จะมาเปิดประตู เขาจึงลงมาเปิดประตูเสียเอง แต่ทันทีที่เขาเปิดประตูบ้านภาพที่เห็นคือ มนทิราภรรยาของเขา กำลังยืนกอดอยู่กับผู้ชาย

ใครกัน...?

หรือเสียงที่บอกนั้นจะเป็นจริง

เขาหยุดมองอยู่ชั่วอึดใจ ทั้งคู่ดูเหมือนจะมองไม่เห็นเขาเสียด้วยซ้ำ เพราะทั้งคู่ยังกอดกันอยู่และไม่มีทีท่าว่าจะผละออกจากกัน

“เมื่อไหร่คุณจะเลิกกับสามีหน้าโง่คุณเสียที ผมรอไม่ไหวแล้วนะมน” คำถามจากชายที่กำลังกอดภรรยาของเขาอยู่

“รอหน่อยเถอะที่รัก ให้มนหลอกเอาบ้านหลังนี้จากมันให้ได้ก่อน มนไปจากมันแน่ เบื่อมันเต็มที” ว่าแล้วภรรยาสุดที่รักของเขาก็แนบศีรษะกับอกแผงใหญ่ของชายชู้ผู้นั้น

บัดนี้ประวิทย์เหมือนถูกทับด้วยหินหนักสักหนึ่งตัน มนทิราภรรยาสุดที่รักของเขา กำลังคบชู้ หมดกำลังที่จะอดทนดูคนทั้งคู่ออดอ้อนกันต่อไปได้

“คุณๆ ช่วยเลื่อนรถหน่อยครับ”

เสียงใครคนหนึ่งดังมาจากหน้าบ้าน ประวิทย์หันไปมองตามต้นเสียง รถของเขานั่นเองที่จอดขวางถนนไว้ ทำให้รถคันอื่นไม่สามารถสัญจรไปมาได้ แต่เมื่อหันกลับมาดูบริเวณที่ภรรยาและชายชู้พลอดรักกัน ทั้งคู่กลับหายไปเสียแล้ว

เขาเร่งรีบเลื่อนรถเข้ามาจอดในบ้าน แล้วสาวเท้าต่อเข้าไปในบ้าน สายตามองหาคนทั้งคู่มิลดละ แต่ภายในบ้านกลับมีเพียงมนทิราคนเดียวเท่านั้นที่กำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่

“มนคุณอยู่กับใคร” ชายหนุ่มตะโกนถามด้วยน้ำขุ่นเคือง

ฝ่ายภรรยาหันมามองด้วยความตกใจ เพราะตั้งแต่คบและแต่งงานกันมา ประวิทย์ไม่เคยใช้น้ำเสียงเช่นนี้กับเธอเลยแม้แต่ครั้งเดียว

เธอใช้มือหนึ่งปิดลำโพงโทรศัพท์ไว้ และกล่าวบอกสามีว่ากำลังคุยอยู่กับพี่สาว

ประวิทย์กวาดตามองไปรอบๆ บ้าน เขาเดินไปดูที่ห้องครัว ห้องน้ำ และเลยไปถึงหลังบ้าน

ความว่างเปล่า...มีเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น

หลังจากวางโทรศัพท์จากพี่สาว มนทิราเดินมาหาสามีพร้อมกับสายตาที่เป็นคำถามนัยๆ

“วิทย์ค่ะ คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”

ไม่มีคำตอบใดๆ จากสามี มีเพียงสายตาเช่นกัน ที่ส่งคำถามกลับคืน

“คุณคุยกับใคร ผมขอดูโทรศัพท์ได้ไหม”

มนทิรายื่นโทรศัพท์ให้ด้วยความงุนงง

ประวิทย์กดดูเบอร์โทรศัพท์

“มันไม่ใช่เบอร์พี่สาวคุณนี่ แล้วเป็นเบอร์ใคร คุณกำลังปิดบังอะไรผมอยู่”

“พี่สาวมนเพิ่งเปลี่ยนเบอร์ใหม่ นี่เค้าก็เพิ่งโทรมาบอกค่ะ”

“ผมไม่เชื่อ”

“งั้นคุณก็ลองโทรไปอีกครั้งสิ”

“หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้...”  เสียงจากปลายสาย มันยิ่งทำให้เขาปักใจเชื่อว่าเบอร์โทรศัพท์นี้ ต้องเป็นเบอร์ชายชู้อย่างแน่นอน

“มน...ทิ...รา... คุณปิดบังอะไรผม ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร” ประวิทย์เอ่ยชื่อภรรยาอย่างยากเย็น เขาคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่ามนทิราจะกล้าทำเรื่องเลวร้ายถึงเพียงนี้ได้

“ใครคะ ผู้ชายที่ไหน” หญิงสาวตอบไปด้วยความงุนงง

“ก็ที่ยืนกอดกันกลมอยู่หน้าบ้านไง”

“ผมมันน่าเบื่อมากใช่ไหม คุณถึงต้องไปมีคนอื่น บอกผมมาสิมน คุณสวมเขาให้ผมตั้งแต่เมื่อไหร่คุณกล้ามากนะที่พาชายชู้เข้ามาพลอดรักกันถึงในบ้านของเรา” มนทิราทวีสับสนในคำพูดของสามี เพราะวันนี้เธออยู่บ้านคนเดียวทั้งวัน และเธอเองไม่มีวันรักใครได้อีกแล้วนอกจากประวิทย์

“มนไม่มีใครทั้งนั้น คุณเอาอะไรมาพูด คุณก็รู้ว่ามนรักคุณคนเดียว”

“ผมเห็นตำตา คุณพามันเข้ามาในบ้านเรา มันซ่อนอยู่ที่ไหน”

ประวิทย์เพิ่มขีดความดังของเสียงขึ้นมาจนมนทิราเริ่มไม่พอใจทั้งคำพูด และการกระทำ ที่ขณะนี้ประวิทย์กำลังเขย่าแขนทั้งสองของเธอและเพิ่มน้ำหนักแรงบีบของมือให้แรงขึ้นๆ

“ปล่อยมนนะ มนเจ็บ คุณมาถึงก็ว่ามนฉอดๆ ทั้งๆ ที่มนไม่ได้ทำอะไรอย่างที่คุณว่าเลย คุณหาเรื่องมน เพราะคุณก็มีผู้หญิงอีกคนใช่ไหม”มนทิราระเบิดเสียงใส่บ้าง

“ผมไม่เคยมีใครทั้งนั้น ไม่เหมือนคุณที่พาชายชู้เข้าบ้าน”

“งั้นคุณก็ลองหาดูสิ” มนทิราพูดเชิงท้าทาย

ประวิทย์กึ่งลากกึ่งดึงภรรยาขึ้นไปชั้นบน เพราะเขาแน่ใจว่าชายคนนั้นต้องหลบอยู่ชั้นบนแน่นอน

...ความว่างเปล่า...

มีเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น ไม่มีใครอยู่ชั้นบนมีเพียงเขาและเธอเท่านั้น แล้วชายชู้ไปไหน

“ทีนี้คุณจะว่าอะไรมนอีก คุณกุเรื่องนี้ขึ้นมา เพื่อจะหาเรื่องมน แล้วไปหาผู้หญิงคนใหม่ใช่ไหม”

“ผมไม่มีใคร มน... ผมขอโทษ ผมคงเครียดกับงานมากเกินไป แต่ผมเห็น......” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง แล้วหยุดคำพูดเพียงเท่านี้ ว่าแล้วชายหนุ่มก็โอบกอดภรรยาไว้แนบแน่น

แต่ทว่าบัดนี้ในใจของคนทั้งคู่ต่างมีแต่ความหวาดระแวงปะปนอยู่ในคำพูดที่บอกว่ารักและขอโทษ

“บ้านหลังนี้ไม่มีความรักหลงเหลืออยู่อีกแล้ว ความรักของพวกแกต้องแตกสลาย” ใครบางคนพึมพำอยู่มุมหนึ่งของห้องนอน แล้วค่อยๆ เลือนหายไป

หลังจากเหตุการณ์เมื่อวาน ประวิทย์อยากจะสลัดความคิดและภาพเหล่านั้นออกไปให้หมด แต่ดูเหมือนยิ่งขว้างทิ้งมันยิ่งกลับสะท้อนกลับมาที่เดิม ความคิดวกไปวนมาไม่รู้จักจบสิ้น วันนี้มนทิราไปทำงานเป็นวันแรกหลังจากลางานมาสามวันเพื่อจัดแจงบ้านให้เรียบร้อย หากภรรยาสุดที่รักเจอใครคนใหม่ระหว่างการทำงาน เขาจะทำอย่างไร เขาจะล่วงรู้ได้อย่างไร เท่านั้นเขาก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกดหามนทิราในทันที

สี่ ห้า หก สาย เธอทำอะไรอยู่ ทำไมไม่รับสาย ความคิดยิ่งเตลิดไปไกล

ครั้งที่เจ็ด มีคนรับสาย หากแต่เป็นเสียงผู้ชาย

“ขอโทษนะครับ พี่มนออกไปข้างนอกแล้วลืมโทรศัพท์ไว้ที่โต๊ะทำงาน ผมเห็นคุณโทรมาหลายสายเกรงว่าจะมีเรื่องเร่งด่วน เลยถือวิสาสะรับโทรศัพท์ครับ”

ปลายสายเป็นเสียงผู้ชาย หรือว่าจะเป็นชายชู้จริงๆ แล้วตอนนี้มนทิรากับชายชู้อยู่ที่ไหน คิดเพียงเท่านั้น มันก็เจ็บปวดรวดร้าวหัวใจจนย่อยยับ

“พวกคุณอยู่ที่ไหนกัน” ชายหนุ่มถามไปเสียงแข็ง

“อยู่ที่ทำงานครับ พี่มนออกไปไหนก็ไม่ทราบ”

ประวิทย์วางสายทันที

“เชื่อฉันหรือยังล่ะ เมียเธอกำลังมีคนอื่น เขากำลังหลอกเธอ”

เสียงนั้นกังวานก้องอยู่ในโสตประสาท เขาเองไม่รู้ว่าเสียงนั้นเป็นเสียงใคร และมาจากไหน แต่ก็นึกขอบคุณเสียงลึกลับนั้นที่มาเตือนเขาตั้งแต่เมื่อวาน แล้วนี่เขาจะทำเช่นไร

.......................................................................................................................

ทันทีที่มนทิรากลับมาถึงบริษัท เธอถลาไปที่โต๊ะทำงานและมองหาโทรศัพท์มือถือ เพราะเมื่อเธอรู้ว่าตนเองลืมโทรศัพท์เธอจึงโทรเข้าบริษัท เด็กฝึกงานเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง ยิ่งทำให้เธอร้อนใจ เกรงว่าประวิทย์จะเข้าใจผิด ซึ่งมันก็เป็นอย่างที่เธอคิด เพราะหลังจากที่เธอโทรศัพท์กลับไปหาสามี น้ำเสียงของเขาขุ่นมัวและแข็งกระด้าง บ่งบอกถึงอารมณ์ได้อย่างชัดเจนว่าโกรธเคืองเพียงใด

“เธอไม่ได้ทำอะไรผิด เขาต่างหากที่หาเรื่อง เพราะเขาอยากจะไปจากเธอ เขามีผู้หญิงคนอื่น” เสียงลึกลับนั้น กลับมาอีกครา มนทิราใช้มือทั้งสองข้างปิดหู พร้อมกับส่ายหัวไปมา

“ฉันไม่อยากฟัง ฉันไม่อยากฟัง” ความคิดที่กำลังต่อต้าน

“เธอต้องเชื่อฉัน เขามีคนอื่น เขาไม่ได้รักเธอแค่คนเดียว” เสียงนั้นย้ำบอกด้วยพลังอันหนักแน่น

“มนๆ เธอเป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่า” เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งเอ่ยถาม

“ฉันปวดหัว สงสัยจะเพลียแดด เดี๋ยวกินยาสักสองเม็ดก็คงหาย”

มนทิราทานยาไปสองเม็ด เธอเลือกที่จะนั่งหลบมุมในห้องประชุม เพื่อสักสายตาสักครู่ แต่แล้วภาพที่เธอไม่อยากพบก็มาปรากฏอีกครั้งหนึ่ง

“ผมกำลังหาเรื่องเลิกกับเขาอยู่ รอผมนะคนดี”

ประวิทย์กำลังนั่งกุมมือหญิงสาวคนนั้นไว้ พร้อมกับเอ่ยประโยคที่บาดใจมนทิราเหลือเกิน

“แล้วคุณจะทนอยู่กับเขาทำไม ในเมื่อคุณไม่รักเขา” ฝ่ายหญิงเอ่ยถาม

“ผมต้องการสินสมรส ผมอยู่กับผู้หญิงคนนี้ก็เพราะเงินเท่านั้น คุณเชื่อผมนะครับ ผมเบื่อเขามาก ผมต้องใช้ความอดทนขนาดไหนเวลาอยู่กับเขา คนที่ผมรักอยู่ตรงหน้าผมนี่แล้ว มนทิราก็แค่ผู้หญิงโง่ๆ ที่ผมขยะแขยงที่สุด”

นี่หรือคือความรู้สึกที่สามีที่เธอซื่อสัตย์กับเขามาตลอด มันช่างโหดร้ายเสียจริงๆ เหตุใดเขาถึงเหยียบย่ำความรักของเธอได้เพียงนี้ น้ำตาเริ่มเอ่อล้นสองตาของหญิงสาวก่อนที่จะปล่อยโฮออกมาสุดเสียง

“มนๆ ตื่นๆ เธอร้องไห้ทำไม ไหวหรือเปล่า ไม่ไหวก็กลับไปพักก่อน” เพื่อนร่วมงานคนเดิมเดินเข้ามาดู หลังจากที่ได้ยินเสียงมนทิราร้องไห้อยู่ในห้องประชุม

หญิงสาวฝืนบอกไปว่าไม่เป็นอะไร ทั้งๆ ที่ในใจตอนนี้ระส่ำระส่าย แม้จะรู้ดีว่าคือความฝัน แต่...เธอก็ยังให้คำตอบตนเองไม่ได้ ว่าเหตุใดจึงหวั่นไหวราวกับว่าเหตุการณ์นั้นได้เกิดขึ้นจริง และเมื่อบวกกับเรื่องราวที่เพิ่งผ่านไปเมื่อวานที่ประวิทย์จงใจหาเรื่องเธอก่อน ทั้งๆ ที่เธอไม่ได้ทำอะไรผิดเลย

“หรือจะเป็นจริงอย่างที่เสียงลึกลับนั้นบอก” คราวนี้มนทิราเริ่มไม่แน่ใจว่าเธอควรจะเชื่อเสียงนั้นดีหรือไม่

“แกต้องเชื่อฉัน ทำตามที่ฉันบอก ความรักต้องแตกสลาย ฮ่าๆๆๆๆ” หญิงใบหน้าซีดเซียวนั้นแผดเสียงหัวเราะกังวานก้อง

 

comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน