17 พฤศจิกายน 2552 21:20 น.

สาวฉันทนา

เสียงหัวเราะ

ฉันทนาว่าอย่างไรใครรู้บ้าง
จะกล่าวอ้างเอ่ยใจให้ใคร่ถาม
ด้วยหยาดเหงื่อแรงกายอาบแก้มงาม
สวยอร่ามตามติดพินิจกัน


ฉันทนาคนขยันหมั่นเรียนรู้
พร้อมจะสู้เพื่อชัยที่หมายมั่น
พ่อก็เชียร์แม่ก็ลุ้นทุกคืนวัน
ถึงวันจันทร์"เข้ากะพนักงาน"

ฉันทนาเฮฮาไม่เงียบเหงา
ตกวันเสาร์วันอาทิตย์ต้องมีถอน
จะอย่างไรก็งามล้ำทุกขั้นตอน
โอ้งามงอนเพื่อนมากจึงอยากชม

ฉันทนาพาทีมีความสุข
เหมือนไร้ทุกข์ในใจให้สุขสม
ไม่มีใครมองผ่านความทุกข์ตรม
ว่าขื่นขมลำบากกันเพียงไร

ฉันทนาตื่นเช้าเข้านอนดึก
พึงระลึกความสำคัญที่มอบให้
หากไม่มีฉันทนาน่าเห็นใจ
อุตสาหกรรมของไทยไม่เจริญ

แด่..สาวๆฉันทนาทุกคน				
9 มิถุนายน 2552 19:57 น.

ช้ำรัก..สะบัด..สะบิ้ง..

เสียงหัวเราะ


ถึง.....คนที่ไม่รู้จัก.....กระจัดกระจาย 

                     ยินเสียงในวัยฝัน.....ละล่ำละลัก

                แจ้งประจักษ์หวนถึง.....กระหวนกระหาย

                     รำพึงรักผ่อนตาม.....กระวนกระวาย

                 อยากจะหมายครองเธอ.....ทะเยอทะยาน

                                     
                      ยามเคยหวงห่วงใย.....ละมุนละม่อม

                 ยามเคยกล่อมนิทรา.....ประสาประสาน

                       เมื่อจากไปใจนี้.....ตะลีตะลาน

                 ให้ร้าวรานปานจะขาด.....ระหวาดระแวง


                         คิดถึงครั้งชอกช้ำ.....สะอึกสะอื้น

                   ค่ำดึกดื่นเศร้าหมอง.....ระหองระแหง

                         ปลอบประโลมป้องปัด.....ทะมัดทะแมง

                   ใยจึงแกล้งให้รัก.....สะบักสะบอม

                             
                         เคยพูดพร่ำร่ำหา.....กระยิ้มกระย่อง

                   สุขใจปองเคียงหมอน.....ตะลอนตะล่อม

                         นั่งพูดจาพาที.....ประนีประนอม

                   มาบัดนี้ขอจำยอม.....อะลุ่มอะลวย


                        แม้นความรักแอบอุ่น.....ละมุนละไม

                   ยินเสียงใจแผ่วนุ่ม.....กระชุ่มกระชวย

                          จากเพื่อเจอพบพักตร์.....ระเริงระรวย

                   ไม่ฉาบฉวยรักสะบัด.....ประหัตประหาร<

                         แด่...คนช้ำรัก ....สะบัก สะบอม
                         จาก...คนเคยช้ำ...ระส่ำ ระส่าย				
8 มิถุนายน 2552 21:21 น.

เคียงคู่ชีวีนิจนิรันดร์

เสียงหัวเราะ


แด่..หมู่ชน  ผู้มีความรัก       

แว่ว...เสียงสายลมพัดเอื่อยมาแต่ไกล.....
หัวใจของฉันเริ่มอ่อนไหวลงชั่วขณะ
กลัวว่าชีวิตข้างหน้าจะไม่เหลือแม้แต่คนที่รักอีก

ดาวเอ๋ย....อยากหยุดวันเวลาพร้อมรอยยิ้มอันนุ่มนวลของเธอ...
เอาไว้   ไว้....เคียงข้างฉันอย่างนี้ตลอดไป

เพียงแค่สัมผัสมืออันเบานุ่มของเธอ  มันยังแผ่ซ่าน...
ช่วยประโลมหัวใจของฉัน   เมื่อยามที่ฉันเหนื่อยล้ากายและใจ....

ฝนเอ๋ย...ช่วยหลั่งรินความสุข    ลงสู่ผืนแผ่นดินอันกว้างใหญ่   
 อันเป็นที่รักของฉันและ  เจ้าของผู้ทุกข์ยากเหล่านั้นด้วยเถิด

ฉันคิด...คิดตลอดเวลา  ภาพแห่งความทรงจำ
รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ    อยากให้อยู่อย่างยั่งยืน
ให้อยู่ทุกซอกซอนในหัวใจของเธอและฉัน....

ที่รักเอ๋ย....ต้นไม้ ต้นนั้น  เราปลูกลงผืนแผ่นดิน 
 อันอุดมไปด้วย  ความพูนสุขของสรรพสิ่ง
บัดนี้....มันเจริญเติบโต   ดั่งความรักและความห่วงใย
ที่มีต่อเธอ   เพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ
แม้กาลเวลาจะผันเปลี่ยนไป  แม้นาน แสนนานสักแค่ไหน

ดอกหญ้าเอ๋ย...ช่างโอนเอนตามกระแสแห่งความแข็งกระด้างนั้น
เหมือนดั่งเธอหรือเปล่า...ที่ต้องมาทนลำบากตรากตรำ
เพื่อหวังความสุขในวันข้างหน้า

ฉันไม่เคยลืม...น้ำเสียงอันหนักแน่น
ที่ทำให้ฉันยังเชื่อมั่น  ก่อนหันหลังกลับ...
รับหน้าที่ที่ฉันต้องปฏิบัติ  เพราะตอนนี้...
ป่า   ดิน  และน้ำ  กำลังรอฉันอยู่
รอฉันเพื่อการเปลี่ยนแปลงสิ่งใหม่ๆ
เพื่อประโยชน์สุขของใครหลายๆคน.....

เธออันเป็นที่รักของฉัน....
เธอเคยพูดให้ฉันฟังว่า  ไม่ว่าอะไรจะเปลี่ยนแปลง
คนรอบข้างจะโหดร้ายสักแค่ไหน  สังคมจะอ่อนแอถดถอยไป
แต่กำลังใจของเธอยังเต็มเปี่ยมล้น
และช่วยให้ฉันกล้าที่จะสู้....

ฉันแอบนึก...เธอเป็นนางฟ้าจำแลงมาหรือไร  
นางฟ้า...ที่ไม่เคยเดินขึ้นสู่สรวงสวรรค์
เพราะฉันรู้ว่าเธอไม่เคยทอดทิ้งฉัน
ไม่เคยเลยที่จะปล่อยให้ฉันอ้างว้าง...เพียงลำพัง

สุดที่รักของฉัน....กาลเวลาอาจจะพลัดพรากเราสองคนไป
เธอจงจำเอาไว้ว่า  หัวใจของฉันจะเป็นของเธอตลอดไป
และหัวใจของเธอ...ก็จะเป็นของฉันตลอดไปเช่นกัน
แม้ว่าความตาย..จะย่างเข้ามาอีกในไม่นาน

ฝากฟ้า....ช่วยเตือนให้เราจะไม่ลืมคิดถึงกัน 
 ในยามวันเวลาที่เหงา
ทะเลและขุนเขาเอ๋ย....ช่วยบันทึกเรื่องราวของเราเพียงสอง
ให้โลกได้รับรู้   ให้คู่ชีวิตที่มีจิตปรารถนาความสุขได้พึงปฏิบัติ
อันมีคำว่ารักแท้   โอบอุ้มอยู่ทุกเสี้ยวของชีวิต
แล้วเราจะอยู่เคียงคู่กันตราบนิจนิรันดร์

				
8 มิถุนายน 2552 15:10 น.

พ่อข้า...แม่ข้า...คือข้าแผ่นดิน

เสียงหัวเราะ

 
น้อมมอบแด่...พ่อข้า แม่ข้า และชาวนาผู้ทุกข์ยาก
                  
     บทชีวิตชาวนาข้าแผ่นดิน
อยู่ใต้เบื้องธานินรัตนสยาม
ข้าปลูกข้าวปลูกจิตอันงดงาม
พ่อแม่ข้าลือนามว่าชาวนา

     ถึงผันเปลี่ยนศักราชนิราชสมัย
คงเป็นไทเทิดทูนไปทั่วหล้า
ผู้ส่งข้าวเลี้ยงมนุษย์ทั่วพสุธา
กลับต้องมาเป็นข้าทาสแห่งแดนชน

     เสียงเล่าขานนักปราชญ์บนท้องทุ่ง
กลิ่นไอดินเกลียวฟุ้งแทนเม็ดฝน
แม่โพสพร่ำไห้ใครได้ยล
ตกเป็นเบี้ยทรชนบนทางกรรม

     คนตราหน้าพ่อแม่ข้าคือยาจก
ไร้บุคคลยอยกให้ถลำ
เหตุไฉนชาวนาข้าที่น่าจำ
จึงต้องกรรมมนต์ชีวิตให้ติดตรา

     แผ่นดินพ่อแผ่นดินแม่ที่แลสุข
ใยบุกรุกเย้ยอาญานิวาสข้า
เจ้านายทุนไร้ธรรมใจชั่วช้า
ไม่เห็นแก่ชาวนาข้าผู้ตาดำ

     ปลดเปลื้องแค้นเหยียบย่ำช้ำชีวิต
ฟ้าลิขิตแผ่นดินไหม้ให้ตกต่ำ
สวรรค์แกล้งชาวนาบ้าระกำ
สาปน้ำคำจำเลยหนี้ชีวาลัย

     พ่อแม่ข้ายึดมั่นคำทรงตรัส
องค์ในหลวงดำรัสทางสดใส
กับวิถีเพียงพอก่อเกิดไกล
น้อมนำใจชาวนาข้าแผ่นดิน
 
     				
7 มิถุนายน 2552 20:06 น.

เป็นมนุษย์

เสียงหัวเราะ

เป็นมนุษย์สุดแสนประเสร็ฐศรี
ยามมั่งมีอวดอ่งทะนงหมาย
เมื่อทุกข์ยากตรากตรำลำบากกาย
สู้ขวนขวายด้วยพลังแรงศรัทธา

เป็นมนุษย์เกิดแต่กรรมทำดีชั่ว
จิตหมองมัวพัวพันเสน่หา
ไร้ธรรมะยึดใจให้ตรึงตรา
อันควรค่าความเป็นคนบนโลกไกล

มนุษย์เอ๋ยเชยชมคมชีวิต
ประจักษ์ติดหักลวงทวงสงสัย
บ้างตกยากเพราะผลกรรมนำทางใจ
บ้างร่ำรวยมีกินใช้ในบางคน

เป็นมนุษย์ปุถุชนคนแก่เกิด
ปัญญาเลิศเทิดชีวาคราสับสน
ก่อกรรมดีชีวิตนี้มิอับจน
รู้วิชานำพาตนพ้นเวรกรรม
				
Lovers  0 คน เลิฟเสียงหัวเราะ
Lovings  เสียงหัวเราะ เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเสียงหัวเราะ
Lovings  เสียงหัวเราะ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเสียงหัวเราะ
Lovings  เสียงหัวเราะ เลิฟ 1 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงเสียงหัวเราะ