25 กุมภาพันธ์ 2551 14:15 น.

คุณนายเหม็นเขียว

สะพั่งสะท้านไมภพ

ในพื้นที่จังหวัดห่างไกลกรุงเทพนิดหน่อย ยังมีดินแดนติดแม่น้ำน้ำกลั่นอัลือลั่น ว่ากันว่าสพานข้ามรถไฟเคยมีรถไฟบรรทุกระเบิดตกไปขวางคลองอยู่ และยังไม่มีผู้ใดที่จะมีปัญญากู้กันได้จนถึงปัจจุบัน แต่ทว่าไอ้คนที่มีปัญญากู้ได้มันก็มีอยู่หรอก แต่มันเบื่อชีวิตวะทำไปก็แค่นั้น ไอ้พวกฉลาดแกมโกงเอาความดีความชอบไปซะหมด
   มีกลุ่มสภาพสตรีกลุ่มหนึ่งบนฝั่งซ้ายได้รวมตัวกันเพื่อเป้าหมายเร้นลับ เมื่อก่อนยังมีแบ่งว่า คบแต่เมียหลวง หรือเมียที่มีเงินเท่านั้น แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่แล้ว เพราะว่ามันไม่สามารถไล่เลียงหรือไม่กล้าไล่ว่า ที่เห็นอยู่เนี่ยเป็นคุณนายตัวจริงหรือตัวปลอมกันแน่ แม้จะจิบจ๋อยนินทาเช้าเย็นแต่ก็ยังไม่รู้ว่าใครเป็นใคร เพราะไม่รู้ว่าเป็นเมียลำดับที่เท่าไหร่กันแน่ในจังหวัด แต่ละจังหวัดยังมีเมียลำดับความเร่งด่น หนึ่งสองสามสี่ 
    ในบ้านคุณนายโต้โผใหญ่ วันนี้คุณนายก็เฝ้าแต่รอคอยน้องๆเมียรุ่นน้องขาประจำมาแวะเยี่ยมเยียน คุณนายเฝ้ามองตัวเองในกระจก มองดูผมที่เชิดขึ้นเป็นทรง ทรงเมียหลวง เชอะ ยังไงไอ้ผัวเจ้ากรมมันคงควงคนอื่นออกงานไม่ได้หรอก เพราะมันยังต้องการตำแหน่งที่สูงส่ง อำนาจที่สูงส่ง นั่นหมายถึง เงินทองของฟรีจะไหลมาเทมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา แม้แต่ความบริสุทธิ์ของสาวหน้าตาแชล่มใหม่ๆ แม้นมต้มจะคล้อยหย่อนยานมากไปหน่อยแต่ไม่เป็นไร ไปเสริมตัดต่อเติมให้เด้งจากดำเป็นชมพูระเรื่อยังไงก็ได้ แล้วเธอก็เอามือดันทรงอันอร้าอร่ามภายนอกตรวจดูชุดที่อยู่บ้านหรูเริดดีแล้วก็นวยนารถออกมารอยังเฉลียงบ้าน
   วันนี้คุณน้องเมียรุ่นน้องมากันเยอะเลย คุณนายก็สั่งไอ้เณรหน้าตาหล่อร่างกายแข็งแรงกำยำล่ำบึกออกมาเสริฟน้ำเสริฟท่า เสริฟขนม ของว่างซึ่งแน่นอนไม่ใช่ของที่ต้องซื้อเองแต่ก็เป็นคุณนายน้องที่มาแล้วมีของติดไม้ติดมือมา สาวๆและแก่ๆต่างก็น้ำลายสอต่างก็เข้าประจำที่แล้วก็เริ่มต้นเม้าส์กระจายในหัวข้อเรื่องปรับย้ายใครดี
   คนนี้ดีกว่า มันเป็นรองอยู่ มันเที่ยวไปด่าน้องๆผู้หญิงที่โรงพยาบาลสาดเสียเทเสีย มันไม่สนใจว่าไอ้คนที่ด่าจะเป็นเมียรุ่นพี่ หรือเมียน้อยรุ่นพี่ หรือใครมันด่าเละลย เอ้าแล้วใครรู้จักพื้นเพของคนนี้ไหมคะ
   คุณนายหัวโจกผมฟูดัดจริตเสียงซะให้หมั่นไส้เล่น
   ว่าแล้วก็มีคุณนายเมียน้อยที่เป็นสมาชิกใหม่ยกมือขึ้นขอพูด ทุกคนมองดูคุณนายเมียน้อยระดับผู้อำนวยการ ทุกคนรู้วีรกรรมดีว่า อีคนนี้มันโดนนายพลกับผู้อำนวยการ ผู้การแย่งจีบกัน ทุกคนก็คิดลงไปลึกว่ามันมีอะไรดีถึงขนาดนี้ ต่างก็เก็บความสงสัยไว้ก่อน
   นี่เลยคะ รองคนนี้แหละคะ  หนูจะไปเรียนก็มาแกล้งหนู ต้องให้หนูทำงานให้เสร็จก่อนถึงจะไปได้ หนูบอกท่านผู้การไปแล้วคะ ท่านว่าจะย้ายแม่งไปในเร็ววันนี้
   เมียน้อยของผุ้บัญชาการกองพล บอกว่า เอ ฉันก็เห็นเขาทักทายดี พูดจาดีนี่คะ
   เท่านั้นพวกเมียๆในโรงพยาบาลต่างก็ใส่กันเละว่ามันด่าอย่างโน้นอย่างนี้
   สักพัก มีคุณนายอีกคนเพิ่งมา พอได้ยินเท่านั้น กระโจนใส่เลย ไอ้หมอนี่แหละคะที่มันด่าชั้น ชั้นไปจอดรถขวางท้ายรถมันในบ้านของมัน มันออกไม่ได้ พอมันเจอฉันมันจึงด่าชั้นและแสดงทีท่าไม่พอใจ  ฉันบอกผัวฉันแล้วกำลังจะย้ายมันให้ไปอยู่ในขุมนรกชั้นที่สิบแปด
   แล้วก็มาเปลี่ยนเรื่องคุยวิธีการจัดการกับผัวกะล่อนที่ชอบอ้างภารกิจของหน่วย อ้างสถาบัน อ้างต่างๆนา เพื่อออกไปนอกบ้านกับไอ้คนขับรถประจำตัวตัวดี ซึ่งในที่ประชุมจะต้องลงขันซื้อตัวพลขับรถให้มาเป็นฝ่ายคุณนายให้ได้ นึกถึงผัวๆแล้วแต่ละคนมันไม่ได้มีสำนึกจริงๆกันเลย ต่อหน้าคนอื่นดูดี แต่ลับหลังละก็สยอง ถ้าไม่ได้เป็นเมียมันละก็ และถ้าไม่มีรถป้ายแดงหรือแหวนเพชรพลอยที่ส่องประกายสาดแสงสีให้บาดตาได้ละก็ และถ้ามีเศรษฐีให้เลือกละก็ กูเปิดแนบไปแล้ว
   ถึงตอนใกล้จบ ก็มีการแอบคุยกันเรื่องการใช้ทหารประจำตัวผิดประเภท และก็คุยกันถึงตอนเด็ดๆและว่ากันว่าในยามกลางวันจะเอามาแลกเปลี่ยนการใช้งานกันบ้าง
 
   อยากไปแรดนอกบ้านดีนัก กูล่อในบ้านซะเลย
   มีบางคนให้สมญาว่า สมาคมแม่บ้านสมองหมู หมูแต่มันก็ไม่เป็นไรหรอกว้ะ
   แม่บ้านต่างคนต่างหัวเราะเคี๊ยกๆๆๆๆ
   จบประชุม				
25 กุมภาพันธ์ 2551 11:22 น.

ที่นี่........ทางคนเดิน

สะพั่งสะท้านไมภพ

ไอ้บ้า
   เสียงคนในเครื่องแบบคนหนึ่งยศบนบ่ามีเยอะแสดงว่าเป็นทหารชั้นสูงตะโกนด่าออกมา
    มึงจดชื่อกูไป มึงดังแน่ 
    เสียงออกมาในทำนองข่มขู่
    ผมบอกลูกน้องเอ้าจดชื่อไว้ มันใส่แหวนเกินหนึ่งวง

   บรรดาเหล่าทหารสารวัตรวิ่งหนีกันอลหม่านเมื่อนายทหารแห่งหน่วยจเรได้เข้ามาตรวจหน่วย ผู้อำนวยการกองคนหนึ่งยืนขึ้นและเอามือทั้งสองจับที่หัวเข็มขัดที่แกสวมอยู่ แล้วมองมาที่ผม
   นี่ไงหัวเข็มขัดผิดระเบียบจดไป
   
   อีกคนที่กรมใหญ่ เมื่อผมเข้าไปรายงานตัวกับผู้อำนวยการกองที่เป็นคนคุมเรื่องวินัย ปรากฏว่าตัวแกเองแต่งกายผิดระเบียบ แต่แกก็ตะแบงว่า ของแกไปเรื่อย ผมเห็นแล้วจึงไม่ตรวจแต่กลับมาทำหนังสือรายงานหน่วยว่าให้หน่วยกวดขันเนื่องจากมีกำลังพลชั้นผู้ใหญ่ยังแต่งกายผิดอยู่ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องตรวจผู้น้อย

   อีกคนใส่รองเท้าและถุงเท้าผิดระเบียบ จดชื่อแกไป แกก็โกรธ
   
   ต่อมาก็เลยตรวจระดับเจ้ากรมกับผู้อำนวยการกองแทน ไม่ตรวจแล้วพวกเด็กๆเพราะพวกเด็กๆจะแต่งกายได้ถูกต้องตามระเบียบมากกว่า

   ไปตรวจนายทหารหญิง บางท่านแค้นมากเปิดสะดือให้ดู ให้เห็นหัวเข็มขัดที่ผิดระเบียบบ้างถูกบ้าง

   ผมนั่งเครียดกับตนเอง ไอ้ครั้นจะไม่ตรวจมันก็ไม่มีวินัย ละทิ้งหน้าที่ตนเอง ไอ้ครั้นตรวจไปก็โดนคนก่นด่าทั้งต่อหน้าและลับหลัง แต่ทว่าผลจากตรวจทำให้ผมประเมินได้ว่ามีคนที่แต่งกายถูกระเบียบถึงร้อยละ 95 แต่พวกที่ผิดระเบียบมีเพียง ร้อยละ 5 เท่านั้น

   วันหนึ่ง ผบ ให้ตรวจวินัยกานสวมหมวกเข้าออก ปรากฏว่าเจอ ทส ผบเองไม่สวมหมวก ผมเลยเข้าไปตะเบ๊ะบอกแกว่า ท่านครับ นายของท่านให้ผมมากวดขันวินัย การใส่หมวกออกนอกชายคา ถ้าท่านซึ่งเป็นคนใกล้ชิด ผบ ไม่ทำแล้ว ผมก็ไมสามารถตรวจได้ครับ ท่านก็บอกว่า เออดีมาก ว่าแล้วท่านก็แอบเดินลัดเลาะชายคาด้านหลังไป
   เจ้าหน้าที่สารวัตรทหารที่อยู่ในเหตุการณ์เข้ามาหา และแสดงความชื่นชมกับผมว่า เชื่อแล้วครับว่า ผมของจริง
   พวกเขาหารู้ไม่หรอกว่า การที่ทำแบบนี้ผมก็ทราบ เครียด แต่ผมได้ตัดใจแล้วว่าในอนาคตนี้คงจะไม่เจริญแน่เพราะได้สร้างศัตรูไว้เยอะมาก และได้ทำใจไว้แล้ว
   แต่เมื่อเจอตัวนายหัวหน้ากรมจเรที่ทำตัวเอาแต่ใจคนอื่น ทำงานสร้างสมบุญคุณให้แก่ตนเองในการที่ลูกน้องมาแล้วตนเองไม่เอาเรื่อง ผมถึงกับขนหัวลุก และอนาถกับการกระทำที่ผ่านมาของผม
   นอกจากดาบหน้าจะต้องระวังแล้ว ยังต้องระวังดาบข้างหลังอีกด้วยพร้อมๆกัน
   ปัจจุบัน คนที่กล่าวมาข้างต้นได้เป็นใหญ่กันหมดแล้ว  บางคนก็ยังคุมแค้นอยู่
   ผมยักไหล่
   สมควรจะโดนแล้ว
   ปิดทองหลังองค์พระ ถุย ปิดจนตายละไม่ว่า
   แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงเชื่อมั่นในความดีอยู่ ว่าทำดีแล้วต้องได้ดี
   โปรดติดตามต่อไป
แต่ก็หวังว่าคงไม่ตายไปก่อนนะจ๊ะ				
16 กุมภาพันธ์ 2551 09:23 น.

ท้าสู้....4

สะพั่งสะท้านไมภพ

ผีเสื้อแต่งแต้มอยู่ในฤดูใบไม้ผลิอันสดใสตลอดกาล มันสวยสดงดงาม มันอิสระ เสรี มันโบยบินตามอำเภอใจชีวิตของผีเสื้อแม้กระชั้นสั้น แต่เปี่ยมไปด้วยสีสันอันเพริศแพร้าวปรุงแต่งต่ำใต้ให้หอมจรุง

   บางครั้งการมีชีวิตของคนผู้หนึ่งง  หาใช่เพราะเพื่อเสพย์สุข หากแต่เพื่อกล้ำกลืนความปวดร้าว เนื่องเพราะการมีชีวิตอยู่ก็เป็นหน้าที่ประการหนึ่ง เป็นหน้าที่ซึ่งไม่ว่าผู้ใดก็ไม่มีปัญญาปฏิเสธได้
   ไม่ว่าเรื่องราวใดล้วนสะสางได้ง่ายที่ลำบากยากเย็นคือการรอคอย
(ดวงตาผีเสื้อกระบี่ โกวเล้ง น.นพรัตน์แปล)
   จูง่วนเหลง ส่งขุนนางมาชวนไปกอบกู้ประเทศจากน้ำมือของพวกหงวน ง่อซุนก็กำลังนั่งเหม่อมองท้องฟ้าทำการงานบ้านหากับข้าวกินด้วยการไปตกปลายังแม่น้ำ ปลูกข้าวดำนากินเอง จูงควายไปมา ชีวิตหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน  บางเวลาก็อดคิดไม่ได้ว่า มันเจ็บปวดแค่ไหนกับการที่มีฝีมือทั้งบุ๋นและบู๊แต่ต้องมากระทำตนเป็นแบบนี้ นึกขึ้นมาทีไรแล้วเจ็บปวด แต่ทว่าพอนึกถึงคำสอนของหลวงจีนธรรมหุนได้ก็กลับมีจิตใจที่สงบเงียบตามปกติ และก็มีรอยยิ้มออกมาได้บ่อยๆ
   ในจิตใจที่พยาบาทอาฆาตมาดร้ายย่อมไม่มีความสุข  หากละความอาฆาตพยาบาทได้บ้างแล้วก็จะทำให้ชีวิตดีขั้น เขากลับบ้านและแจ้งให้ภรรยาเหมยฟ้าทราบว่า บัดนี้ จูง่วนเหลง หรือ จูหยวนจางได้มาชวนเขาไปกู้ชาติ 
   เขาว่ากันว่าจูง่วนเหลงรักทหารมาก
   แล้วพี่แน่ใจแล้วหรือคะ
   อันนี้พี่ได้ข่าวมาจากทหารในกองทัพของจูง่วนเหลงเอง
   แล้วพี่คิดว่าจะไปเมื่อไหร่ละคะ
   พี่คิดแล้วก็ยังห่วงน้องอยู่ว่าจะอยู่อย่างไร เพราะการไปนี้ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นหรือตาย และโอกาสที่จะพลาดพลั้งบาดเจ็บพิการหรือตายก็มีมาก เลยต้องถามน้องก่อนว่าจะมีความคิดเห็นอย่างไร
   น้องเชื่อว่าด้วยความสามารถของทางบู้บุ๋นของพี่คงจะไม่มีพลาดพลั้งไปหรอกคะ
   น้องเชื่อมั่นพี่ขนาดนี้เลยหรือ
   คะน้องเชื่อคะ
   ง่อซุนยิ้มไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจดีกันแน่ที่จะตัดสินใจไป 
   ง่อซุนคิดถึงประโยคหนึ่งได้ว่า
   สร้างรากฐานไม่ง่ายดาย เฝ้ารักษายิ่งยากเย็น ไม่ว่าผู้ใดคิดบรรลุถึงประการนี้ต้องจ่ายค่าตอบแทนอันควร
   ภรรยา กับ สตรี ผิดแผกแตกต่าง ภรรยาไม่เพียงเป็นสตรีทางหนึ่งทั้งยังเป็นสหายและคู่หูที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขขณะเปล่าเปลี่ยวล้มป่วยท้อแท้ชราภาพสามารถพึ่งพิงกันและกัน ปลอบโยนซึ่งกันและกัน
   (พญามังกรเจ็ดดาว โกวเล้ว น.นพรัตน์)
   มันยากมากที่จะตัดสินใจไป ฤาจะเอาความสุขที่เห็นๆไปแลกกับความสุขที่ไม่แน่นอน หรือจะได้ลองวิชาตามใจตัวเสี่ยวดวงเอาถ้าสำเร็จก็จะมากมีเงินทองมีอำนาจมีข้าทาสบริวารและน้องหญิงก็จะได้เป็นฮูหยินสูงศักดิ์
   เบื้องหลังของฮูหยินสูงศักดิ์ในราชวงศ์หงวนมันช่างสุดเลวได้อย่างไม่มีที่ติ มันเพียงต้องการของกำนันในยามที่บ้านใหญ่โตของมันมีงานมงคลต่างๆ มันต้องการให้บรรดาฮูหยินของผู้น้อยไปพูดจาประจ๋อประแจ๋คอยเอาใจ ข้าราชการคนไหนแอบเอาของไปให้มันทำให้มันพอใจ มันก็ย่อมส่งเสริมผัวรักให้ส่งเสริมให้ก้าวหน้าในตำแหน่ง ส่วนไอ้พวกไม่มีสังคมมันก็จะหาเรื่องยุยงให้ผัวซึ่งมียศสูงส่งย้ายหรือปลดออกไปไม่ให้กีดขวางทางได้ นอกจากนี้แล้วพวกมันยังชอบแสดงออกทางคำพูดที่เหยียดยามดูหมิ่นผู้น้อยต่างๆนาๆ แสดงออกถึงมาดลีลาผู้ดีชั้นสูง กรีดกรายเฉิดฉายในวงการงานการกุศลอย่างออกหน้าออกตา รีดนาทาเร้นครอบครัวชั้นผู้นอน้อยเพื่อนำเงินไปถวายเจ้านายได้หน้าได้เป็นฮูหยินแต่ลูกน้องต้องเจ็บปวดกับการไม่มีจะกิน 
   ง่อซุนเอยง่อซุน ไอ้จูง่วนเหลงเองมันก็แสวงหาลาภยศเหมือนกัน ไม่แปลกหรอกที่จะกระทำเพื่อให้ได้ความสงบสุข แต่ทว่าไอ้ความจริงของโลกมาตั้งแต่ราชวงศ์จิว จนมาถึงหงวนนี้มีบ้างไหมที่มันจะคงที่
   ภาษิตจีนบทหนึ่งกล่าวถึงปรัชญาข้าราชการไว้ว่า มนุษย์เป็นผู้อุตสาหะพยายามทำไป แต่จะไปได้เพียงใดนั้นพระเจ้าเป็นผู้กำหนด
   หรือภาษิตฮวนทางใต้กล่าวว่า ตะเข้แรงหาง ขุนนางแรงหัว ผัวแรงเมีย เหี้ยแรงไข่
   ง่อซุนตกลงใจแล้ว.....
   จบ แปลว่า ไม่มีต่อ				
16 กุมภาพันธ์ 2551 08:34 น.

ท้าสู้....3

สะพั่งสะท้านไมภพ

ณ เก๋งจีน ริมน้ำซูโจว
   ง่อซุน กับ เหมยฟ้า นั่งอิงกันดื่มสุราอุ่น แสงจากดวงจันทร์หลายเสี้ยวบนน้ำ ไม่ใช่นับไม่ไหว แต่ในบรรยากาศนี้ไม่มีเวลาที่จะนับ ดวงตาดำขลับของเธอยิ่งกว่านิลกลมเพชร คือทั้งดำทั้งแวววาวยิ่งกว่าแสงเพชร บนแก้มชมพูของเธอคล้ายผลท้อที่เปล่งประกายในท่ามกลางแสงดาวที่สะท้อน ในท่ามกลางลมหนาวเดือนยี่ ไออุ่นจากแพรไหมของเธอที่เรียบลื่นละมุนหอมกรุ่นชื่นใจไม่รู้ว่าจากกลิ่นใดจากกายหนือจากไหมอบเกสร
   กลิ่นสุราเลิศรสยามนี้ฟุ้งหอมกระทบพยาธิในลำไส้  เธอรินสุราจอกแล้วจอกเล่าแม้จะเมามายในรักอยู่ก่อนแล้วเติมเหล้าเข้าไปก็ยิ่งเมามายรักมากขึ้น
   เขานึกถึงกลอนของโจโฉได้สองบทจึงเอื้อนเอ่ยให้สุดที่รักฟัง ความว่า
   นี่คือเหล้ามาเรามารำร้อง
ชีวิตของคนเรานั้นมันสั้น
เหมือนกับหยาดน้ำค้างรุ่งรางนั้น
วันดีดีแต่ละวันก็ล่วงไป
   แม้เราจะร่าเริงบันเทิงสุข
แต่ความทุกข์ก็ยากจักลืมได้
อะไรเล่าจะให้เราลืมเสียไซร้
เหล้ายังไงเล่าเหล้าเหล้าเท่านั้น
   อีกบทกลอนหนึ่งของโอมาคัยยัม
   วันวานเตรียมเพื่อบ้าน ในวันนี้นา
พรุ่งนี้อาจหรรษ์   อาจให้
ดื่มเถิดสุดเราฝัน   เราจาก  ไหนแฮ
ดื่มเถิดไปไหนไซร้   สุดรู้  ตนไฉน
   อีกบทกลอนของลิงลิงแปลแล้ว
   ธุระของโลกนี้ก็เท่ากับต้นกกในแม่น้ำกกนั่นแหละ
   บทกลอนของหลีโป
   บันเทิงชีวิตดรุณวัยในหอทอง
วังดวงมาลย์ฉลุล่องล้ำอร่าม
สำอางเอี่ยมฟูไหมสายรัดทาม
สอดสีงามชมพูเรื่อเสื้อเพริดพราย
   นวยนาดชมโฉมชื่นระรื่นจิต
แล้วมาชิดราชยานอันเฉิดฉาย
เสียงเพลงฟ้อนมิช้าจะราคลาย
สุขละลายเหมือนละออกหมอกล่องฟ้า
(จาก คิดคิดขอเขียน กาญจนาคพันธ์)
  เมือ่ถึงตอนนี้เหมยฟ้าได้เอามือมายุดมือของง่อซุนไว้แล้วทั้งสองมองหน้ากันด้วยความรักที่สุด หัวใจของทั้งคู่บานยิ่ง เบิกบานยิ่งกว่าดอกบัวทุกดอกในบึง เบิกบานยิ่งกว่าพ่อค้าที่ขายของหมด เบิกบานยิ่งกว่าได้รับโชคลาภใดๆ ง่อซุน หยุดยกจอกสุราแล้ว มันวางจอกลงและใช้มืออีกข้างนั้นโอบกอดเหมยฟ้าเข้ามา มันอยากจะทำให้ร่างกายของเหมยฟ้าจมแทรกร่างกายมันเข้าไป 
   วันเวลาผ่านไปไวยิ่งแสงทองเริ่มฉายส่องผ่านเจดีย์หลายชั้นสะท้อนผิวน้ำ วันใหม่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น และเป็นเวลาที่ทั้งสองคนกำลังเดินจูงมือกันกลับบ้าน
   พี่ไปส่งที่บ้านนะเหมยฟ้า
   คะพี่
   หญิงสาวเดินเกาะกุมมือชายหนุ่มไปตามทาง 
   ในระหว่างทางนั้นเองเขาก็คิดได้ว่า
การมีชีวิตอยู่เป็นเรื่องสำคัญที่สุด คนชาญฉลาดที่สุดค่อนข้างกลัวตาย ทั้งนี้เพราะคนชาญฉลาดรู้จักมีชีวิตอย่างเสพสุขมากกว่า คนที่เน้นการเสพสุข จะบังเกิดความละโมบ มีจุดมุ่งหมาย
   ในตอนนี้เขาไม่สนใดใดอีกแล้ว
(ดาบเสียดฟ้า อุยสุยอัน น.นพรัตน์ แปลได้ยอดเยี่ยมยิ่ง)
มีต่อ				
14 กุมภาพันธ์ 2551 09:21 น.

ท้าสู้....สอง

สะพั่งสะท้านไมภพ

ขณะนั้น คนที่มีฝีมือพากันกำเริบซ่องสุมพรรคพวกเข้าตีบ้านเมือง ผู้รักษาเมืองได้บอกข้อราชการเข้าไปถึงขุนนางผู้ใหญ่ๆ ก็ไปเฝ้าพระเจ้าง่วนซุ่นเต้ ว่ามีหลายตำบลที่เกิดโจรร้ายขึ้น แต่มีอยู่สี่พวกที่เข้มแข็งจะต้องทำการปราบก่อนโดยเร็ว พระเจ้าง่วนซุ่นเต้จึงให้จัดกองทัพไปปราบ
   เช้าวันรุ่งขึ้น มีคำสั่งให้ชายหนุ่มชื่อ ง่อซุน เข้าร่วมกับกองทัพปราบโจรมี จอมพลถัวทัว เป็นแม่ทัพ ก่อนออกศึกแม่ทัพถัวทัวก็ได้ไล่เลียงความรู้ของนายกองใหม่ พอถึงคราวง่อซุนแห่งบ้านใบไม้เขียว มันก็ได้ท่องวิธีการจัดขบวนศึกออกมาความว่า
   การที่จะสู้รบกับข้าศึกนั้น ต้องดูให้รู้กำลังข้าศึกและแผนที่ภูมิประเทศให้ชัดเจนแน่ใจเสียก่อน จึงจะคิดการตลอดไปได้ แต่การเบื้องต้นนั้นจะต้องจัดแจงให้เรียบร้อยคือ ฝึกหัดทแกล้วทหารให้ชำนายในเพลงอาวุธคล่องแคล่วรู้จักทีหนีทีไล่ อาวุธที่ให้ทหารใช้จะต้องมีความเชื่อถือได้ หากเป็นเกาฑัณฑ์ก็ต้องยิ่งได้แม่นยำ  ดาบเล่าก็ต้องแข็งแรงทนทานคม ก็จะทำให้ทหารอุ่นใจได้ประการหนึ่ง
   อีกเรื่องหนึ่ง จะใช้นายทัพนายกองคนใดก็ต้องประมาณภารกิจให้เหมาะสมกับปัญญาของมันด้วย ไม่ใช่แต่สักแต่ว่าใช้ ก็จะทำให้ป่วยการหรือเสียทีมากเกินไป ไม่พอดี
   คนที่จะออกรบนำหน้าอย่าเอาไอ้พวกดีแต่พูดท่าทางกล้าหาญหรือพวกนักโทษ จะทำให้ทหารตื่นตกใจเรรวนได้ ไม่พอที่จะเสียท่าก็เสียท่าไป
  และข้อสุดท้าย ใครทำดีก็ต้องได้ดี ไปรบชนะกลับมาก็แต่งตั้งให้เป็นขุนพล ไปรบแพ้กลับมาก็ลดหยด หากทำให้ต้องชิบหายเกินไปโดยความประมาทแล้วก็ต้องปลดออกแล้วลงโทษ หากไปรบกลับมาแล้วไม่เคยจะชนะก็อย่าได้เอาใช้หรือเอามาแต่งตั้งให้เป็นเสนาบดีใหญ่ โดยเฉพาะทหารที่เก่งรบแต่ปากหรือเก่งด้านเอาอกเอาใจไอ้พวกนี้มันพวกกังฉินขืนเอาไปใช้หรือแต่งตั้งมันให้เป็นใหญ่ จะทำให้กองทัพพังก่อน เมื่อไม่มีอำนาจที่เป็นหลักประกันแก่ประเทศได้แล้ว ประเทศก็จะถูกย่ำยีจากประเทศข้างเคียง
   แม่ทัพถัวทัวได้ยินก็ยิ้มสั่งให้ไปเป็นผู้ช่วยนายกองปีกขวาในการรบครั้งนี้
   กองทัพของหงวนได้ทำการเขาตีนายโจรเมากุยที่เมืองเม่งจิว แตก เล่าฮอกทองหนี ได้เมืองเปียนเหลียง ไปตีเมืองซือจิวต่อ ฆ่าจือเมาลี้ตาย
   ฝ่ายซันตุนเสนาบดีอีกคนในเมืองหลวงของราชวงศ์หงวน ได้ข่าวว่าถัวทัวรบชนะก็คิดอิจฉา จึงแกล้งทูลใส่ความว่าถัวทัวคิดกบฏ ไปรบโจรแล้วไม่ยอมรายงาน พระเจ้าง่วนซุ่นเต้เชื่อจึงสั่งปลด
   เมื่อถัวทัวโดนปลดกลางอากาศ ด้วยความจงรักภักดี จึงไม่ได้นำกำลังเข้าไปเมืองหลวงเพื่อทำการปฏิวัติ แต่ก็มอบตำแหน่งให้แม่ทัพคนใหม่ แล้วตนเองก็ลาออกไปใช้ชีวิตหากินไปวันๆ
   ต่อมาเมื่อโจรได้ข่าวก็เกิดกำเริบขึ้น ทัพเมืองหลวงก็พ่ายลงทุกวัน ฝ่ายง่อซุนผู้ช่วยนายกองปีกขวาก็พลอยโดนปลดเนื่องจากว่าไม่ได้รับความไว้วางใจเพราะมีเชื้อสายชาวฮั่น
   จากตำแหน่งสูงส่งกลายเป็นพลิกผันในเวลาแค่พลิกฝ่ามือ ง่อซุน น้ำตาซึมก็เก็บข้าวของจากมากลับสู่บ้านใบไม้เขียว ชาวบ้านต่างก็สงสัยและถามว่าทำไมไม่ไปทำงาน ง่อซุนได้แต่เก็บอารมณ์แค้นคุกรุ่นไว้ในอกตน  ครั้นจะไม่ยอมแพ้หานายใหม่ไปอยู่ด้วย ต่างก็เอาตัวรอดกันทั้งนั้น ดีแต่ประจบสอพลอเจ้าไปวันๆ แต่งตั้งพรรคพวกคนใกล้ชิดข้าหลวงเดิมเอาไว้ใช้ให้คุมตำแหน่งสำคัญ ส่วนไอ้พวกอื่นไม่ว่าจะเก่งหรือไม่ก็เอาไปแขวนให้มันว่างงานเล่น 
   นี้นี่เองเรียกว่า มีปัญญาแต่เอาตัวไม่รอด ในเมื่อแผ่นดินหงวนนี้ไม่ต้องการไอ้พวกที่ทำงานตั้งใจแล้ว ชอบแต่พวกที่เข้าหาเจ้านายแล้วได้ดีแล้ว เราก็ไม่จำเป็นต้องบากหน้าไปพึ่งพวกมันอีก ไอ้พวกที่เอาแต่อ้างความจงรักภักดีแต่การกระทำของมันมีแต่ชั่วช้าตกต่ำ ดังนั้น ง่อซุน จึงต้องค้นหาตัวตนของตนเองให้พบ และในระหว่างนี้ก็แสวงหาข่าวสารเจ้านายที่น่าจะไปทำราชการด้วย แต่เหนือสิ่งอื่นใดต้องเป็นงานที่ทำให้ประชาชนมีกิน มีความสุข มีความปลอดภัย
   ผ่านมาแล้วปีกว่า จากตอนโดนปลดจากตำแหน่ง ง่อซุนก็ยังไม่มีความคืบหน้าใด เหล่าโจรก็ฮึกเหิมขึ้นถึงขั้นฆ่าข้าหลวงในเมืองทางใต้ตายรายวัน ทัพเมืองหลวงก็ไม่สามารถจะทำอย่างไรได้
   ง่อซุนถอนใจแล้วเอื้อนเอ่ยออกมาว่า
   ไม่เป็นห่วงว่าไร้ผู้คน
   หากเป็นห่วงว่าไม่รู้จักคน
   ไม่เป็นห่วงว่าไม่รู้จักคน
   หากเป็นห่วงรู้จักคนแต่ไม่ใช้สอย
แม้ขุนเขายังเขียวจีรัง สายัณห์เองก็แดงหลายครา ดังนั้นชีวิตของชายหนุ่มไม่แน่นักว่าจักจบลง 
   กลับบ้านดีกว่า ว่าแล้วง่อซุนก็กลับไปหาเหมยฟ้า ตั้งหน้าตั้งตาแต่งกลอนเขียนบทกวีขาย ศึกษาพระธรรม ไปนั่งกรรมฐานกับหลวงจีนธรรมหุน วัดเล่งยี่
   ในห้วงหนึ่งของความฝันในยามนี้ เขาได้คิดถึงขึ้นมาถึงบทกวีในสมัยจิ๋นที่กล่าวว่า
   ความร้ายกาจของหญิงสาวสะคราญโฉม
พวกนางรู้จักเกาะกุมจิตใจบุรุษ
แสร้งเป็นน่าสมเพชเวทนา
ต้องการความปกป้องคุ้มครอง
ทั้งไม่หวงแหนร่างกาย
ออดอ้อนด้วยคำหวาน
สุดท้ายต้องตกหลุมพรางของมัน
(จาก เจาะเวลาหาจิ๋นซี)
   หกรุ่งเรือง สามเสื่อมโทรมเป็นฉะนี้เอง
  มีต่อ				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสะพั่งสะท้านไมภพ
Lovings  สะพั่งสะท้านไมภพ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสะพั่งสะท้านไมภพ
Lovings  สะพั่งสะท้านไมภพ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสะพั่งสะท้านไมภพ
Lovings  สะพั่งสะท้านไมภพ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงสะพั่งสะท้านไมภพ