ท้าสู้....3

สะพั่งสะท้านไมภพ

ณ เก๋งจีน ริมน้ำซูโจว
   ง่อซุน กับ เหมยฟ้า นั่งอิงกันดื่มสุราอุ่น แสงจากดวงจันทร์หลายเสี้ยวบนน้ำ ไม่ใช่นับไม่ไหว แต่ในบรรยากาศนี้ไม่มีเวลาที่จะนับ ดวงตาดำขลับของเธอยิ่งกว่านิลกลมเพชร คือทั้งดำทั้งแวววาวยิ่งกว่าแสงเพชร บนแก้มชมพูของเธอคล้ายผลท้อที่เปล่งประกายในท่ามกลางแสงดาวที่สะท้อน ในท่ามกลางลมหนาวเดือนยี่ ไออุ่นจากแพรไหมของเธอที่เรียบลื่นละมุนหอมกรุ่นชื่นใจไม่รู้ว่าจากกลิ่นใดจากกายหนือจากไหมอบเกสร
   กลิ่นสุราเลิศรสยามนี้ฟุ้งหอมกระทบพยาธิในลำไส้  เธอรินสุราจอกแล้วจอกเล่าแม้จะเมามายในรักอยู่ก่อนแล้วเติมเหล้าเข้าไปก็ยิ่งเมามายรักมากขึ้น
   เขานึกถึงกลอนของโจโฉได้สองบทจึงเอื้อนเอ่ยให้สุดที่รักฟัง ความว่า
   นี่คือเหล้ามาเรามารำร้อง
ชีวิตของคนเรานั้นมันสั้น
เหมือนกับหยาดน้ำค้างรุ่งรางนั้น
วันดีดีแต่ละวันก็ล่วงไป
   แม้เราจะร่าเริงบันเทิงสุข
แต่ความทุกข์ก็ยากจักลืมได้
อะไรเล่าจะให้เราลืมเสียไซร้
เหล้ายังไงเล่าเหล้าเหล้าเท่านั้น
   อีกบทกลอนหนึ่งของโอมาคัยยัม
   วันวานเตรียมเพื่อบ้าน ในวันนี้นา
พรุ่งนี้อาจหรรษ์   อาจให้
ดื่มเถิดสุดเราฝัน   เราจาก  ไหนแฮ
ดื่มเถิดไปไหนไซร้   สุดรู้  ตนไฉน
   อีกบทกลอนของลิงลิงแปลแล้ว
   ธุระของโลกนี้ก็เท่ากับต้นกกในแม่น้ำกกนั่นแหละ
   บทกลอนของหลีโป
   บันเทิงชีวิตดรุณวัยในหอทอง
วังดวงมาลย์ฉลุล่องล้ำอร่าม
สำอางเอี่ยมฟูไหมสายรัดทาม
สอดสีงามชมพูเรื่อเสื้อเพริดพราย
   นวยนาดชมโฉมชื่นระรื่นจิต
แล้วมาชิดราชยานอันเฉิดฉาย
เสียงเพลงฟ้อนมิช้าจะราคลาย
สุขละลายเหมือนละออกหมอกล่องฟ้า
(จาก คิดคิดขอเขียน กาญจนาคพันธ์)
  เมือ่ถึงตอนนี้เหมยฟ้าได้เอามือมายุดมือของง่อซุนไว้แล้วทั้งสองมองหน้ากันด้วยความรักที่สุด หัวใจของทั้งคู่บานยิ่ง เบิกบานยิ่งกว่าดอกบัวทุกดอกในบึง เบิกบานยิ่งกว่าพ่อค้าที่ขายของหมด เบิกบานยิ่งกว่าได้รับโชคลาภใดๆ ง่อซุน หยุดยกจอกสุราแล้ว มันวางจอกลงและใช้มืออีกข้างนั้นโอบกอดเหมยฟ้าเข้ามา มันอยากจะทำให้ร่างกายของเหมยฟ้าจมแทรกร่างกายมันเข้าไป 
   วันเวลาผ่านไปไวยิ่งแสงทองเริ่มฉายส่องผ่านเจดีย์หลายชั้นสะท้อนผิวน้ำ วันใหม่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น และเป็นเวลาที่ทั้งสองคนกำลังเดินจูงมือกันกลับบ้าน
   พี่ไปส่งที่บ้านนะเหมยฟ้า
   คะพี่
   หญิงสาวเดินเกาะกุมมือชายหนุ่มไปตามทาง 
   ในระหว่างทางนั้นเองเขาก็คิดได้ว่า
การมีชีวิตอยู่เป็นเรื่องสำคัญที่สุด คนชาญฉลาดที่สุดค่อนข้างกลัวตาย ทั้งนี้เพราะคนชาญฉลาดรู้จักมีชีวิตอย่างเสพสุขมากกว่า คนที่เน้นการเสพสุข จะบังเกิดความละโมบ มีจุดมุ่งหมาย
   ในตอนนี้เขาไม่สนใดใดอีกแล้ว
(ดาบเสียดฟ้า อุยสุยอัน น.นพรัตน์ แปลได้ยอดเยี่ยมยิ่ง)
มีต่อ				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน