26 มิถุนายน 2550 08:18 น.
				
												
				
								เพียงแพรว
		
					
				
เพียงคำหวานสั้นๆก็พลันอิ่ม 
เผลอซ่อนยิ้มกรุ่มกริ่มในทีท่า 
แววความสุขฉายชัดในดวงตา 
ยิ่งอุรา อิ่มเอมเกินบรรยาย 
เพียงวจีที่เธอนั้นเอ่ยเอื้อน 
คำย้ำเตือนว่ารักไม่รู้หาย 
ดังน้ำทิพย์เพียงหยดรินรดกาย 
รอยความสุขมากมายโหมประดัง
 
แค่เศษเสี้ยวความอาทรที่ป้อนให้ 
ดังมาต่อลมหายใจให้มีหวัง 
จากเดียวดายบนโลกเพียงลำพัง 
ไม่เคยฟังคำซึ่งซาบซึ้งใจ 
ถึงวันนี้สิ่งที่เจอเหมือนเป็นฝัน 
ดังสวรรค์เสกสรรสิ่งยิ่งใหญ่ 
ประทานมาเพื่อปลอบประโลมใจ 
ให้อุ่นไอจากไออุ่นที่คุ้นนาน 
ฉันคนนี้คงมีแค่เพียงรัก 
ที่แน่นหนักภักดีเกินไขขาน 
จวบชีวิตสิ้นสุดซึ่งลมปราณ 
นานเท่านานจากนี้มีเพียงเธอ 
				
			 
			
				24 มิถุนายน 2550 12:37 น.
				
												
				
								เพียงแพรว
		
					
				
เธอเฝ้าบ่มอารมณ์ที่ขมขื่น
แม้ยังยืนกลางถนนบนทางฝัน
แต่คำถามมีมากมายเป็นร้อยพัน
กับคำตอบที่ตีบตันกลางดวงใจ
เธอคิดค้นคำคนเขายกยอ
แค่ประจบสอพลอหรือไฉน
คำคนด่าเพราะเกลียดเธอหรืออย่างไร
คลื่นสงสัยแทรกซัดใจจนวกวน
มีแต่เพียงอ้างว้างที่เธอรู้
เท้าก้าวอยู่แต่ไฉนใจสับสน
สิ่งต่างๆรอบกายคล้ายเล่นกล
เธอผจญเพียงลำพังช่างเดียวดาย
ความอ้างว้างคืออะไรในใจนั้น
เป็นคำถามที่ติดพันไม่เคยหาย
กับความเศร้าวันนี้คงคลี่คลาย
แต่ว่างเปล่า เดียวดาย - อยู่นิรันดร์-				
			 
			
				20 มิถุนายน 2550 16:25 น.
				
												
				
								เพียงแพรว
		
					
				
 หากจ้องตาคงเห็นว่ามีบางสิ่ง 
ที่แอบสิงซ่อนอยู่ไม่รู้หาย 
ความรู้สึกลึกซึ้งเกินบรรยาย 
แอบเฉิดฉายบ่งความหมายในแววตา 
เฝ้าสะสมอารมณ์ความรู้สึก 
จากส่วนลึกกลายเป็นรักที่เลอค่า 
ทะนุถนอมเก็บไว้ตลอดมา 
มิเคยเอ่ยเป็นวาจาให้รู้ใจ 
ยังซ่อนเร้นความจริงไม่เปิดเผย 
ทำเฉยๆไร้ทีท่าว่าหวั่นไหว 
แอบสะกดความรู้สึกไว้ในใจ 
ปิดผนึกเก็บไว้ไม่บอกเธอ 
ความเป็นจริงกับสิ่งที่แสดง 
ใช่เสแสร้งแกล้งทำอย่างเพ้อเจ้อ 
เพียงต้องการพิสูจน์หัวใจเธอ 
ว่าไม่ใช่อารมณ์เพ้อชั่วครั้งคราว 
				
			 
			
				18 มิถุนายน 2550 11:43 น.
				
												
				
								เพียงแพรว
		
					
				
ลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างล้าอ่อน
ช่วงความสุขขาดตอนเหลือแต่เศร้า
มีใครอีกเหนื่อยล้าเช่นตัวเรา
เจอเพียงเงาความหลังชั่งปวดใจ
นอนฟังเสียงสายฝนที่หล่นร่วง
ลึกในทรวงเงียบเหงานี่ไฉน
โลกสีเทาอึมครึมไร้แสงไฟ
มองทางใดมืดมัวกลัวเหลือเกิน
จะลุกขึ้นก้าวย่างไปข้างหน้า
อนิจจาสองขายังขัดเขิน
อุปสรรคมากมายต้องเผชิญ
จะก้าวเดินยังไงให้ผ่านมัน
กอดตัวเองลำพังนั่งครุ่นคิด
สงบจิต สงบใจ ที่ไหวหวั่น
บอกตัวเองวันนี้ต้องฝ่าฟัน
ก้าวข้ามคำ คนเย้ยหยันคนนินทา
ขอเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่วันนี้
พอกันทีความอ่อนแอที่ไร้ค่า
จะฝังกลบลบแล้วฉากน้ำตา
ขอหยัดยืนเผชิญหน้าทุกภัยพาล				
			 
			
				13 มิถุนายน 2550 07:55 น.
				
												
				
								เพียงแพรว
		
					
				
เย็นแรงลมพัดโชยมาเบาหวิว 
ยอดไม้ปลิวบิดพลิ้วตามกระแส 
รูปร่างเจ้าหมู่เมฆก็เปลี่ยนแปร 
แลเหลือบแลเจ้าแมงปอก็บินไป 
แดดจัดๆอากาศที่อบอ้าว 
หาเรื่องราวหลบพักผ่อนให้สดใส 
ลืมเรื่องรักเรื่องหนักในหัวใจ 
มารับลมที่พัดไหวให้ผ่อนคลาย 
ร้อน ร้อน ร้อน ฤดูที่พลัดเข้า 
หนาว หนาว หนาว ฤดูนี้ที่เพิ่งหาย 
เย็น เย็น เย็น วันนี้แสนสบาย 
หลบ หลบ หลบ พักผ่อนกายคลายฤดี 
มองเหลียวมองสรรพสิ่งที่นิ่งงัน 
เอนกายพลันจะหลับให้สุขขี 
ลมพัดไหวกับเสียงนกร้องคล้ายดนตรี 
แอบหลบหนีไปท่องโลกแห่งนิทรา